Suannon Board

You are not logged in.

#26 2008-05-28 17:47:45

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

มาลงตอนใหม่สักที lol

อาจเว้นระยะไปก็ได้ค่ะหลังจากตอนนี้ เนื่องจากหาข้อมูลละครวิทย์ (ไม่แน่ว่าอาจจะได้หน้าที่กับเค้ามั่ง เรื่องหน้าที่เขียนบทนี่ไม่รู้นะ -*- เพราะไม่ได้ดูละคร เหอๆ) แล้วจากนั้นก็คงจะไม่มีอะไรมากแล้ว เพราะจะเขียนฉากปิดเทอมที่ไม่ต้องหาข้อมูลอีก 55+

ช่วงกีฬาสี + เทศน์มหาชาติก็คงต้องไปหาข้อมูลอีก = = แต่คงไม่ได้เขียนแล้วมั้งช่วงเปิดเทอม 2 เพราะคงต้องตั้งใจอ่านหนังสือ -*- คงต้องหลังสอบ o-net/ a-net เลยมั้ง (ถ้าห้ามใจตัวเองได้ + ไม่เครียดมาก)

ปล.ละครวิทย์ห้อง 5 ทำเรื่องนางทาส 555+


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

- Chapter 6 : At the home -


หลังจากที่เรารอต้นที่ออกมาพร้อมเป้ และล็อกห้องเรียบร้อยก่อนจะนำกุญแจไปคืนห้องปกครองนั้น ก็ได้ทราบว่าผมกับพิ้งค์คงจะได้กลับบ้านด้วยกันเสียแล้ว


"บ้านพิ้งค์อยู่ซอย 11 ค่ะ"


"เฮ้ย!" ผมอุทาน "บ้านพี่ก็เลยซอย 11 ไปนิดเดียวเองนี่ อยู่ซอยข้างกันซะด้วย" เธอปิดปากหัวเราะคิกทันที มีอะไรให้ขำหนอ ผู้หญิงเนี่ย
"แปลกดีนะคะ"


"นั่นสิ" คราวนี้ผมสังเกตพิ้งค์ เธอหันมามองผมอย่างคนรู้จักกันแล้วจนได้ ไม่ได้ทำท่าเมินหันหนีแบบเมื่อเช้า แถมยังยิ้มน้อยๆแบบน่ารักอีกด้วย


ผิดกับนายต้น ที่มองมาทางผมอย่างอิจฉากลายๆ


"ดีจังเลยไอ้บลู บ้านข้ากับน้องควีนนี่คนละทางกันเลย เหอะ" ผมหัวเราะ อย่างน้อยก็ไปทางเดียวกันก็แล้วกัน ก่อนจะแยกกันทางห้าแยกปากเกร็ดน่ะนะ ซึ่งตอนนี้มันไม่น่าใช่ห้าแยกแล้วล่ะ แต่มันชินปากกันมาแบบนี้แล้วไงครับจึงต้องทำใจ


ด้านควีนก็ยิ้มเหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม


หลังจากนั้น เราสองคนก็อยู่บนรถเมล์สาย 33 แล้ว ซึ่งตอนนี้เป็นช่วงเย็น คนจึงแน่นอยู่พอสมควร แต่พิ้งค์ก็ยังมีคนใจดีสละที่นั่งให้ เธอจึงนั่งพร้อมกับอาสาช่วยถือเป้ของผมแทน ซึ่งวางอยู่บนกระเป๋าจาค็อบของเธอนั่นแหละ


"ไม่หนักเหรอ? เห็นม.5 ยังมีหนังสือเยอะอยู่นะ" เธอยิ้มให้ผม "ไม่หรอกค่ะ ถึงหนักยังไงพิ้งค์ก็ชอบใช้อยู่ดี เพราะเป็นรางวัลที่สอบเข้าม.4 ที่สวนนนท์ได้ยังไงล่ะคะ"


ผมพยักหน้า ด้วยที่เพิ่งรู้ว่าเธอเป็นเด็กเข้ามาใหม่อยู่ได้แค่ปีเดียว ขณะที่ผมอยู่มาตั้งห้าปีกว่า และกำลังจะจบมัธยมแล้วด้วย


"มาจากโรงเรียนไหนเหรอ?" ผมถามด้วยความอยากรู้เพิ่มเติม ตอนนี้รถจอดป้ายอยู่ที่โรงเรียนอัมพรไพศาล มีคนลงและขึ้นมาเช่นเคย ทั้งที่ในรถแน่นอยู่อย่างนี้แหละ


"ก็โรงเรียนที่รถจอดป้ายอยู่นี่แหละค่ะ" พิ้งค์หัวเราะ ผมเองก็ไม่น่าไปถามเลยเนอะ ก่อนจะเบนประเด็นไปเรื่องอื่นทันที จนกระทั่งถึงป้ายเมืองทองจึงต้องลงกันทั้งคู่ บ้านของต้นอยู่ในหมู่บ้านสี่ไชยทองสามจึงต้องกลับคนละทางกับผมเหมือนกัน และคนละทางกับน้องควีนที่อยู่แถวแครายด้วย


"ปกติข้ามถนนเองรึเปล่า" ผมถาม วันนี้รถเยอะจึงต้องใช้ความระมัดระวังอยู่พอสมควรในการข้ามถนนเพื่อกลับบ้าน


"หาแนวร่วมตลอดค่ะ ให้พิ้งค์ข้ามเองก็จะได้เป็นคางคกแบนติดถนนสิคะ"


"ดีแล้วล่ะ" ผมยิ้มให้เธอ นึกถึงเวลาที่พิ้งค์ข้ามถนนเองแล้วรู้สึกเป็นห่วงยังไงก็ไม่รู้ ดังนั้นเมื่อฟังคำตอบแบบนี้ก็รู้สึกโล่งขึ้นมาทันที
ช่วงนี้เป็นฤดูฝนจึงมืดช้าลงมาก ตอนเทอมก่อนสิกลับบ้านเย็นแทบไม่ได้เลย แค่หกโมงก็เริ่มมืดแล้ว โดยเฉพาะช่วงทำงานกีฬาสีเมื่อม.5 นี่แหละ พอเป็นกน.ในช่วงเดือนมกราคมก็ดูจะดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็ไม่ทั้งหมดนะเพราะยังไม่หมดช่วงฤดู


แต่ตอนนี้คงไม่มีปัญหาแล้วล่ะ แต่ที่น่าห่วงก็เห็นจะเป็นเมฆฝนที่ดูเริ่มครึ้มๆบ้างแล้ว


"โชคดีจังที่รีบกลับบ้าน ไม่งั้นฝนตกแน่เลย" พิ้งค์หันมาพูดกับผม จึงต้องพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เพราะไม่อย่างนั้นผมก็คงไม่ได้กลับบ้านเหมือนกันแหละ เป้ผมยิ่งห้ามโดนน้ำด้วย เดี๋ยวสมุด หนังสือและชีทงานผมไปหมด ส่วนมากใช้ปากกาสีเขียน แล้วหมึกละลายได้ถ้าโดนน้ำ


หลังจากเดินไปไม่นานก็ถึงซอย 11 ผมตั้งใจว่าจะพาเธอไปส่งถึงหน้าบ้านแต่ก็ต้องถูกปฎิเสธอย่างอ้อมแอ้มจากพิ้งค์


"ไม่เป็นไรค่ะพี่บลู เข้าไปอีกหน่อยเดียวเอง" แต่ดูจากสภาพของเธอแล้ว ผมคิดว่าเข้าไปเป็นเพื่อนด้วยน่าจะดีกว่านี้นะ


"ไม่หรอก เป็นผู้หญิงไม่ควรเข้าซอยบ้านคนเดียว เดี๋ยวพี่เข้าไปด้วยแล้วกัน"


(มีต่อ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#27 2008-05-28 17:51:43

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

"ไม่เป็นไรค่ะ... อุ๊ย!" พิ้งค์อุทานเมื่อเห็นรถยนต์สีขาวคันหนึ่งแล่นเข้ามาในซอย ทำให้พวกเราต้องหลบกัน ก่อนจะตกใจเพราะเจ้าของรถน่ะ... เป็นแม่ของพิ้งค์ คุณน้ามีนานั่นเอง


"อ้าวพิ้งค์ ถึงบ้านพอดีเลยเหรอจ๊ะ อ้าวบลู! มาส่งน้องเหรอลูก?" น้ามีนาถามผม


"ครับ ออกมาพร้อมกันพอดี"


น้ามีนายิ้ม "เดี๋ยวมานั่งพักในบ้านก่อนนะ ขึ้นรถสิจ๊ะ" ผมไม่กล้าปฎิเสธจึงขึ้นรถตามพิ้งค์ไป สีหน้าของเธอตอนนี้ดูราบเรียบพิกล หวังว่าเธอจะไม่เกิดอาการปั้นปึ่งใส่ผมอีกนะ


ไม่นานนักก็ถึงบ้านของพิ้งค์ บ้านเดี่ยวสองชั้นทาสีขาวสะอาด มีต้นชงโคใบสีเขียวสวยปลูกอยู่ใกล้กันกับประตูบ้าน ลำต้นสูงทำให้แลเห็นใบชัดเจน นี่ถ้าเป็นฤดูหนาวคงจะสวยกว่านี้แน่นอน ถ้าดอกผลิออกมาเต็มต้นน่ะนะ


"แหม น้าก็เพิ่งรู้นะว่านภามีบ้านอยู่ซอยข้างกันนี่เอง ไม่ได้อยู่บ้านแถวสาธรแล้วเหรอจ๊ะ?" น้ามีนาถามผมหลังจากที่เข้ามาในบ้าน


"ก็ไปพักตอนช่วงวันหยุดน่ะครับ วันธรรมดาก็มาอยู่แถวนี้" ผมตอบคำถาม บ้านของผมนั้น พ่อเป็นเจ้าของกิจการส่งออก ซึ่งทำให้เรายังมีเงินเก็บมากมายมหาศาล แม่เองก็มีรายได้จากการดูดวงเยอะเหมือนกัน แต่พ่อกลับมองการณ์ไกลให้พวกเรากินอยู่อย่างปกติธรรมดา ดังนั้นผมจึงชินกับการนั่งรถเมล์เป็นประจำอยู่แล้ว แล้วก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องเงินมากนัก ยกเว้นเรื่องรายจ่ายของกรรมการนักเรียนนี่แหละ ที่ตอนนี้ยังคงตัวได้ดีอยู่


"อ๋อจ้ะ... ฝากบอกแม่เธอด้วยนะจ๊ะว่าน้าคิดถึง หวังว่าพิ้งค์คงจะไม่ดื้อมากนะลูก เด็กคนนี้ดื้อเงียบอยู่เหมือนกัน พี่เขาก็ไม่ได้เป็นถึงขนาดนี้ น้องชายเขาก็ด้วย" ประโยคของน้านภาทำให้พิ้งค์เริ่มหน้าแดง อาจเป็นเพราะความอาย "แม่คะ!"


ผมมองพิ้งค์ด้วยสายตาที่ว่าเข้าใจเธอ เพราะบางทีแม่ผมก็ชอบเอาเรื่องของผมไปเล่าให้คนอื่นฟังอยู่เหมือนกัน ต้องเข้าใจนะว่ามันน่าอายเหมือนกันน่ะในบางเรื่อง และก็แปลกใจด้วยที่เราเป็นลูกคนกลางเหมือนกัน เพราะผมมีพี่สาว พี่ชาย และน้องสาวอีกคนหนึ่งน่ะสิ


"เอาน่า พี่ไม่ถือหรอก"


"แต่... มันน่าอายนี่" เธอเถียง แค่เรื่องที่ว่าเป็นเด็กดื้อนี่ทำไมถึงต้องหน้าแดงด้วยนะ


แล้วพิ้งค์ก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องเสียอย่างนั้น เธอขึ้นไปชั้นสอง ท่าทางจะขึ้นห้องไปเสียแล้ว ทำให้ผมมองด้วยความรู้สึกเสียดายอย่างประหลาด... ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเสียดายอะไรเหมือนกัน


หลังจากนั้นก็ถึงเวลากลับบ้านเสียที น้ามีนาจึงให้พิ้งค์มาส่งผมที่หน้าบ้าน


"ขอบคุณนะคะที่มาส่งพิ้งค์" เธอยิ้ม ตอนนี้พิ้งค์เปลี่ยนชุดจากชุดนักเรียนเป็นชุดอยู่บ้านประกอบด้วยเสื้อยืดและกระโปรงยาวลายผ้าต่อลายดอกไม้สีชมพูหวาน มีลูกไม้ติดอยู่ ผมที่ปล่อยสยายเป็นลอนยุ่งๆยิ่งทำให้เธอดูน่ารักขึ้นมาก


"ไม่เป็นไรครับ ผู้หญิงอยู่ตัวคนเดียวไม่ค่อยปลอดภัยหรอก" เธอทำแก้มป่องแบบงอนๆขึ้นมาทันที... อย่าทำสิครับน้อง พี่รู้สึกละลายขึ้นมานิดๆแล้วนะ


"แหม... ผู้ชายใช่ว่าจะปลอดภัยนะคะ เห็นมีข่าวเกย์จับเด็กหนุ่มๆออกอาละวาดใกล้ๆแถวนี้ซะด้วย นอกเหนือจากโจรน่ะค่ะ" ผมหัวเราะ ยังไงผมก็ไม่มีทางเจอหรอกพวกภัยสังคมแบบนี้น่ะ


"ครับๆ เดี๋ยวพี่กลับดีกว่า ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วด้วย หกโมงแล้ว" ผมมองไปยังท้องฟ้า ที่แสงอาทิตย์เริ่มอ่อนลงไปทุกที แต่ก่อนจะจากไปนั้น...


ผมหันมาทางพิ้งค์ ก่อนจะส่งยิ้มแบบเป็นมิตรให้ "ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องพิ้งค์"


"เช่นกันค่ะพี่บลู" พิ้งค์ยิ้มรับก่อนจะไหว้ ตามประเพณีรุ่นน้องเคารพรุ่นพี่ ซึ่งทำเอาผมรับไหว้แทบไม่ทัน (อ.มานพสอนมาดีครับ ฮ่าๆๆ) แล้วผมก็เดินออกไป


ระหว่างที่กำลังเดินกลับบ้าน สายลมเย็นพัดไหวมาปะทะร่าง แต่คงไม่เท่าข้างในใจผมหรอก มันเหมือนกับความรู้สึกหวั่นไหว ระคนกับความดีใจ และความรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับรักเก่าๆที่เคยจบไปเมื่อปีก่อนยังไงยังงั้น โดยเฉพาะรักแรกที่ทำให้ผมทั้งรู้สึกดีสุดๆไปจนถึงโศกสุดๆนั่นแหละ ซึ่งไม่มีอะไรเทียบได้เลย


รักแรกของผมเกิดขึ้นเมื่อม.2 แต่ก็จบไปหลังจากคบกันเพียงปีกว่า แล้วก็อกหักมาสองสามครั้งได้มั้งหลังจากนั้น ซึ่งมันก็ฝังใจจนผมชักไม่อยากมองใครอยู่เหมือนกันแหละ


เขาว่ากันว่ารักแรก... เป็นสิ่งที่ไม่มีวันลืม ผมเองก็เคยเชื่ออย่างนั้นนะ


แต่ไม่รู้สิ ว่าทำไมความหวั่นไหวครั้งนี้ ...ดูจะรุนแรงกว่ารักแรกหลายเท่านัก...


++++++++++++++++++++++++++++++

บลูเริ่มรู้หัวใจตัวเองละ lol (เหมือนจะเร็วไปอยู่เหมือนกัน แต่เห็นกันครั้งแรกก็ปิดเทอมนี่นา + เจอกันบ่อยมากๆ)

หลายข้อมูลยอมรับว่าเขียนในเรื่องของตัวเองเหมือนกัน เพราะเราไม่ได้เรียนม.ต้นที่นี่ -*- เหอๆ ดังนั้นนู๋พิ้งค์จึงต้องมาเป็นรุ่นน้องช้านนน 555+ รุ่นน้องแบบ Complete (ที่สอบเข้าม.4) เลยด้วย

รอตารางสอนก่อน = = เหอๆ แล้วบทหลังๆจะมีรสชาติมากขึ้นเยอะ~


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#28 2008-05-28 19:31:00

My father's name Nongsak
สมาชิก
From: samesky
Registered: 2006-01-04
Posts: 993

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ยังไงก็ขยันอ่านหนังสือเรียนนะครับ

เอาใจช่วยครับ


ไม่ว่าผู้ใดล้วนมีคู่อริ  มิอาจพิชิตไร้ผู้ต่อต้าน !

Offline

#29 2008-05-28 19:51:58

satoru
ผู้ดูแลบอร์ด
From: มศก.66 & ส.ก.น.27
Registered: 2005-03-15
Posts: 7,081

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

เหอๆ สุดยอด =[]=

ป.ล.ละครวิทย์ห้อง4ไม่ขอเปิดเผย

Offline

#30 2008-06-18 16:52:06

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ลงตอนใหม่สักที ^o^"

แต่งไว้เยอะมากกก... ถึงตอนที่แสดงละครวิทย์แล้ว (บทคนละตัวกับของจริงนะ และเปลี่ยนใหม่จากของเดิมด้วย)


+++++++++++++++++++++++++++++++++++


- Chapter 7 : Queen's Love -


ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว นับตั้งแต่วันนั้น...


ฉันกับพี่บลูสนิทขึ้นมามากอยู่เหมือนกัน บ่อยครั้งที่พี่เขาจะช่วยแนะนำเรื่องการเรียนในม.6 และการเรียนที่ดูจะสบายกว่าตอนม.5 เป็นอย่างยิ่ง


"มันก็ไม่สบายมากนะพิ้งค์ เพราะพวกพี่ยังต้องอ่านหนังสืออีก ตาเลยเป็นแพนด้าช่วงช่วงไปแล้ว เหอๆ" พี่บลูเล่าให้ฉันฟังขณะที่นั่งกินข้าวด้วยกันในวันอังคาร ด้วยความที่คาบพักตรงกันนั่นเอง ไม่ได้มีแค่เราสองคนหรอก เพราะเพื่อนๆของฉันก็เข้ามานั่งด้วย แน่นอนว่าควีนกับพี่ต้นก็นั่งกินข้าวพร้อมกับจีบกันอีกต่างหาก


"พี่ต้นขา กินเยอะๆนะคะ โรงเรียนเราจะได้มีคนดูแลที่ร่างกายแข็งแรง ไม่อ่อนแอง่ายๆ" ควีนพูดพร้อมกับตักกับข้าวบางส่วนให้พี่ต้น ซึ่งกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย


"ขอบคุณครับควีน เราก็ตั้งใจเรียนเข้าล่ะ จะได้มาเข้าวิศวะจุฬาเป็นเพื่อนพี่" พี่ต้นตอบแถมส่งสายตาหวานเยิ้มใส่ควีน คนอื่นที่นั่งร่วมโต๊ะอย่างยิ้มแหยๆ อย่ามาดูถูกความสามารถของสองคนนี้เชียว พี่บลูเล่าว่าพี่ต้นเรียนเก่งมาก ถึงขั้นได้ 4.00 ตอนเทอมก่อนนี่เอง ซึ่งคะแนนก็พอๆกับยัยควีนที่เป็นมันสมองของกลุ่มพวกเรานั่นแหละ (แล้วทั้งสองก็ได้เกียรติบัตรไปครอง เย้ๆ)


แม้จะเรียนเก่ง แต่พี่เขาก็ไม่ยอมละทิ้งกิจกรรมแบบเด็กเรียนหลายคนที่ชอบทำแบบนี้ เด็กเข้าใหม่พร้อมฉันหลายคนที่เก่งๆก็ลืมความเป็นสถาบันไปหมดเลย ด้วยความที่ไม่ได้ปลูกฝังประกอบกับเรียนแล้วไม่สนใจในสิ่งใดเลยนั่นแหละ


และก็น่าแปลกที่พี่บลูก็เห็นด้วยกับฉัน "ใช่ ในห้องพี่ก็มีเคสนี้เยอะเหมือนกัน แต่บางคนก็เป็นแบบพิ้งค์แหละ ที่เข้าม.ปลายใหม่เหมือนกันแต่ก็ยังมีใจรักสถาบันอยู่"


แต่ฉันคงหาเด็กม.4 รุ่นใหม่มาเทียบกันไม่ได้ เนื่องจากปีนี้ไม่เปิดสอบเข้าม.ปลายอีกแล้ว ฉันจึงไม่มีรุ่นน้องที่สอบเข้ามาอีก
ตอนนี้ความหมั่นไส้ในตัวพี่บลูไม่มีอีกแล้ว หลังจากเปิดใจก็พบว่าพี่เขาเป็นคนที่น่ารักมากคนหนึ่งเลยทีเดียว แม้จะระเบียบจัดไปหน่อยก็ตาม โดยเฉพาะตอนเช้าที่พี่เขามานั่งกับพวกเรา ก่อนจะหันหน้ามาทางฉัน ยิ้มอย่างมีเลศนัย


"เอาผมขึ้นสิพิ้งค์ น่ารักกว่าเยอะเลย" พี่บลูว่าก่อนจะถือวิสาสะดึงผมหน้าม้าฉันขึ้นพร้อมกับเอากิ๊บเหน็บ เฮ้ย! เขาพกกิ๊บมาด้วยเหรอนั่น


แต่เขาคงเดาใจฉันออก "อันนี้พี่ใช้จัดการกับพิ้งค์เป็นคนแรกครับ กับคนอื่นคงไม่ยอมฟังพี่หรอก แต่กับเรานี่พี่ขอไว้คนนึงนะ"


"ง่ะ... ได้ไงล่ะคะ สิทธิส่วนบุคคลนะคะ" ฉันพยายามเถียง แต่พี่บลูกลับยิ้มอย่างมีชัย


"ก็พี่เป็นกน.ฝ่ายปกครองนี่ มีหน้าที่ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของนักเรียนอยู่แล้ว แต่จะไปบอกชาวบ้านชาวช่องก็ได้โดนยันหน้าด้วยฝ่าเท้าน่ะสิครับ ถึงต้องมาเริ่มที่คนที่ขัดขืนไม่ได้ก่อน" เหตุผลของพี่แก ทำเอาฉันต้องสงบลงทันที รองประธานฝ่ายปกครอง รักษาการณ์อันดับ 1 เมื่อประธานไม่อยู่ อันนี้ฉันจำได้ขึ้นใจเลย เพราะมันหมายถึงเขาจะมีอำนาจพอกับพี่ต้น แต่ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เพราะโรงเรียนเรานักเรียนไม่มีอำนาจสักเท่าไหร่ ซึ่งฉันขอไม่พูดถึงนะ


และพี่สองคนนี้ก็รักกันดีอยู่แล้ว คงไม่มาแย่งอำนาจกันหรอกน่า ยังไงพี่ต้นก็ได้ยัยควีนไปเป็นแฟนแล้วนี่นา เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี่เอง ฉันยังจำได้ดีว่าเธอเข้ามาบอกกับพวกฉันเป็นคนแรก ด้วยอาการดีใจอย่างที่สุด


วันนั้นเป็นวันที่ 16 และยัยควีนก็ออกมาจากห้องชีวะเพื่อมากินข้าวช้ากว่าปกติมากด้วย ซึ่งตอนแรกเราก็กังวลต่างๆนาๆ ว่าเธอเกิดท้องเสียอย่างปัจจุบันทันด่วนหรือเปล่า ยิ่งตอนเช้าเธอเอาดังโงะราดซอสถั่วแดงของฉันไปกินจนหมดด้วยน่ะ ทั้งที่เพิ่งขโมยขนมเบื้องของนายโต้งไปกินอยู่แหมบๆ


"ถ้าท้องเสียจริงๆ หวังว่าควีนมันจะไม่ตกส้วมตายไปด้วยนะ" โต้งยังบ่นอย่างแค้นเคือง ที่ถูกแย่งขนมเบื้องไปครึ่งค่อนจาน แน่นอนว่าโต้งซื้อมา 20 บาท 15 ชิ้น แต่ได้กินจริงๆแค่ไม่กี่ชิ้นเพราะพวกเราแย่งกินนั่นเอง


"คงไม่หรอก เดี๋ยวโรงเรียนก็เสียทรัพยากรเด็กเรียนไปสิ ยิ่งควีนสอบสอวน.ฟิสิกส์ด้วย คงไม่มีใครยอมให้เสียชีวิตเดี๋ยวนั้นหรอก" แอ๋มว่าทั้งที่ยังเคี้ยวลูกชิ้นอยู่ในปาก แต่สิ่งที่ฉันเป็นห่วงเพียงอย่างเดียวเกี่ยวกับควีนคือ... เธอจะหาโต๊ะเจอหรือเปล่าเถอะ คนยิ่งเยอะๆอยู่ และพวกเราก็นั่งอยู่ใจกลางโรงอาหารด้วย หายากสุดๆไปเลย แค่ไปซื้อกับข้าวก็ยังหลงได้นะคิดดู


(มีต่อ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#31 2008-06-18 16:54:00

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงหวานๆดังเข้ามา "นี่พวกเธอ นินทาฉันอยู่ล่ะสิ นายโต้งต้องเป็นหัวโจกด้วยแน่เลยใช่มั้ย?"
โต้งที่เป็นหัวโจก (จริงดังที่ถูกกล่าวหา) ก็เลยสำลักข้าวราดแกงกระหรี่ที่ห่อมาจากบ้านเสียอย่างนั้น "แค่กๆ ยัยนี่มันมีฌานวิเศษแหงเลย ทำไมถึงตอบถูกวะ" ควีนจึงยิ้มอย่างมีชัย


"เหอะ เพราะอะไรน่ะเหรอ ขอตัวไปซื้อกับข้าวก่อนแล้วจะมาบอก" ก่อนจะรีบเดินออกไปอย่างมีความสุข... สุขเกินไปจนพวกเรารู้สึกถึงความผิดปกตินั้นได้เลย


"เฮ้ย... ไอ้ควีนมันเอาหัวกระแทกโถส้วมมาหรือไงวะ ทำไมร่าเริงผิดปกติเนี่ย" โต้งพึมพำ ทั้งที่มือยังถือช้อนที่ตักข้าวอยู่เลย แล้วพวกเราก็ได้ทราบความจริงสักที หลังจากที่รอควีนกลับมาจากการซื้อก๋วยเตี๋ยวแคะ


"ฉันเป็นแฟนกับพี่ต้นแล้วนะพวกเธอ" ประโยคที่ขึ้นด้วยน้ำเสียงชวนฝันนี้ แน่นอนว่าทำให้โต้งและแอ๋มอุทาน "เฮ้ย! จริงเหรอ?" ขึ้นมาได้โดยพลัน แต่กับฉันที่เห็นคนคู่นี้มองตาอย่างมีใจกันมาหลายวันก็เลยไม่แปลกใจเท่าไหร่


"แล้วรุ่นพี่ที่แกเคยชอบล่ะ... พี่ต้นใช่มั้ย?" แอ๋มถาม


ควีนพยักหน้า "ใช่ ฉันชอบพี่เค้ามาตั้งนานแล้วล่ะ แต่มาคุยกันได้ก็ตอนรับน้องนี่เอง"


"โอยยย... พรหมลิขิตบัลดาลจริงๆ" แอ๋มว่า แต่ฉันชักไม่อยากถามแล้วล่ะว่าทำไมควีนถึงหาโต๊ะเจอ เพราะคำตอบน่าจะเดาได้อย่างแน่นอน ว่าเป็น... พลังแห่งรักของฉันหรอก... เหอะ!!


แล้วคำตอบก็เป็นแบบนั้นจริงด้วย ทำให้เกิดการเถียงอย่างยกใหญ่ว่า "แล้วพลังรักที่เธอว่ามันมีจริงหรือเปล่า มีมวลเท่าไหร่ ขนาดไหน ความเร่งความเร็วกี่เมตรต่อวินาทีหายัยควีน แล้วสรุปมีสถานะเป็นอะไรบ้าง" แน่นอนว่าโต้งเป็นฝ่ายถาม


"มันมีสถานะเป็นไอ ที่กรุ่นอยู่ในใจฉัน แน่นอนว่าไม่มีขนาด ความเร่งความเร็วที่แน่นอน แต่พลังรักที่ขับเคลื่อนน่ะมันมีมากมายไม่รู้จำกัดเลยเชียวแหละ" แน่นอนว่าเด็กเก่งอย่างควีนต้องรู้ และที่ชัวร์กว่าคือ... น้ำเน่าแต่เปี่ยมด้วยวิชาการ!!!


"ตามกฎจริงๆเขาไม่ให้ไว้นะพิ้งค์ เราจะเป็นพี่โตในปีหน้าแล้ว ต้องเตรียมตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กๆก่อนเลย แล้วจะเปิดผมปิดผมยังไงก็สวยอยู่แล้ว อย่าคิดมากน่า..." เสียงพี่บลูที่ร่ายเทศน์ยาวตอนนี้ปลุกสติฉันกลับมาได้


พี่เขาดึงผมหน้าม้าของฉันไปเหน็บกิ๊บตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฉันนั่งนิ่งไม่ขัดขืนอะไรอีก อาจเป็นเพราะความตกใจ เนื่องจากฉันเป็นคนเดียวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหิน เพื่อนๆยังมาไม่ถึงโรงเรียนกัน โต้งที่มาถึงหลังฉันนิดเดียวก็ไปกินข้าวเสียแล้ว แล้วสายตาของครูและนักเรียนที่เดินผ่านมาก็มองฉันอย่างประหลาดใจมาก


"เก็บรากไทรด้วยก็ดีนะ หวังว่าเราจะเหน็บกิ๊บเป็น" พี่บลูยังคงหยิบกิ๊บออกมาติดผมฉัน ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจในผลงาน หลังจากที่เขาหยุดการติดกิ๊บบนผมของฉันแล้วน่ะนะ


"เห็นมั้ย? สวย แถมสดใสขึ้นเยอะเลย ลองไปดูในกระจกสิ" แน่นอนว่ามันรู้สึกโล่งขึ้นอย่างประหลาด ดังนั้นฉันจึงวิ่งขึ้นไปยังชานพักบันไดของตึก 4 ที่มีกระจกบานใหญ่ตั้งอยู่


ก่อนจะตกใจที่เห็นว่าคนในกระจกไม่น่าจะเป็นฉัน เพราะหน้ารูปไข่ที่มันเคยเป็นทรงกลมซาลาเปาเมื่อปลายปีก่อนก็ดูดีขึ้น ใบหน้าก็ดูสวยขึ้นมาก นี่ฉันเปลี่ยนไปอย่างนั้นเหรอ?


"ว้าว... สวยชะมัดเลยพิ้งค์ ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนและรู้ถึงตับไตไส้พุงนะ เราจีบไปแล้ว" นายโต้งได้ทีทักฉันขณะที่กำลังจะเริ่มเรียนวิชาเลขกัน พี่บลูเคยบอกว่าอ.เกวลีสอนสนุกและเฮฮา แต่ปีนี้อาจจะเข้มงวดขึ้นนิดๆ ซึ่งก็คงจริงดังที่ว่าแหละนะ


"ขอบใจย่ะ" หน้าฉันเริ่มร้อนผ่าว เวลาที่มีคนชมก็ทำให้เขินง่ายแบบนี้แหละ แต่ควีนและแอ๋มก็สนับสนุนคำพูดของโต้ง "เธอก็ผอมลงด้วยแหละพิ้งค์ เลยดูดีขึ้นเยอะเลย"


"ว่าแต่ใครกันนะ มาแปลงโฉมเพื่อนสาวของพวกเรากันน่ะ ฮิๆ" แอ๋มเริ่มถามหยั่งเชิง ฉันคิดว่าพวกเธอรู้กันอยู่แล้วแหละ แต่มักจะชอบมาถามทุกทีเลยสิน่า


"ไม่น่าถาม ก็เห็นกน.ฝ่ายปกครองรุ่นนี้มีงานเพิ่มอีกหนึ่งอย่างแล้วยังไงล่ะ" โต้งหันมาสำทับอีกที "งานจัดระเบียบทรงผมให้เรียบร้อยและสวยงามกว่าเดิม ฮ่าๆๆ"


แล้วผลจากการแซว โต้ง แอ๋ม และควีน ก็จงเอามะเหงกจากฉันไปกินเสียเถอะ!!!


+++++++++++++++++++++++++++++

ม.5 ปีนี้มีสอบสอวน.เหมือนปีก่อนหรือเปล่า หรือสอบสสวท.(โอลิมปิก)แบบเด็กม.6 เลย = o =

ขอข้อมูลด้วยยย~ (ถ้าผิดจะได้รีบแก้เลย)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#32 2008-06-20 21:04:02

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ลงตอนใหม่ละ 55+

มีคนอ่านเยอะเหมือนกันนะเนี่ยย~

ปล.ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากประธานตัวจริง (สอนกิจจานั่นเอง~)

+++++++++++++++++++++


- Chapter 8 : Heart Order!! -


ปกติแล้ว หน้าที่ของกน.ฝ่ายปกครอง ก็คือจัดระเบียบแถว ตรวจตราคนโดดเรียน (โดยเฉพาะการใช้ประตูโดราเอมอนหลังตึก 6 นั่นแหละตัวดีเลย!!! คนในห้องผมก็ยังมีคนโดดด้วยนะ เฮ้อ...) อะไรแบบนี้แหละครับ แต่ตอนนี้ผมก็มีหน้าที่ใหม่แล้วล่ะ... นั่นคือจัดระเบียบทรงผมของรุ่นน้องที่กำลังจะเป็นพี่ใหญ่ในปีหน้านั่นเอง ฮ่าๆๆ


และประเดิมด้วยนางสาวพัชราภา เศวตไชยชาญ ม.5/5 เลขที่... เอ่อ ไม่เกี่ยวแล้วๆ เอาเป็นว่าพิ้งค์เป็นคนแรกที่ต้องจัดการครับ ซึ่งที่ทำไปก็ไม่มีนโยบายหรือคำสั่งจากฝ่ายปกครอง หรือฝ่ายกิจกรรมนักเรียนแต่อย่างใด


แต่ผมทำเพราะใจสั่งมานั่นเอง!!! เนื่องด้วยน้องพิ้งค์ที่ชอบทำผมปิดหน้าตา ซึ่งผมเห็นแล้วรู้สึกขัดตาขัดใจ เพราะหน้าใสๆ แก้มป่องๆที่เข้าขั้นดูดีและน่ารักนั่นไม่ควรจะมาถูกปิดเลยนะ แล้วถ้าปีหน้าไปเรียนกับอาจารย์ยุพิน เกรดของเธอจะลดลงแบบฮวบฮาบแน่เพราะทำผมไม่เรียบร้อยนี่แหละ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่เชียว


จึงทำให้ผมต้องทำใจกล้าหน้าด้านไปขอกิ๊บดำจากน้องสาวซึ่งเรียนอยู่ม.3 นั่นเอง ในเช้าวันนั้นก่อนจะไปโรงเรียน


"เฮ้ยเบลล์ พี่ขอกิ๊บดำสักกล่องได้ไหม?"


"จะเอาไปทำอะไรคะ?" เบลล์หันมาถามผม เธอเคยรู้จักกับพิ้งค์สมัยที่ยังไม่ย้ายมาสวนนนท์ จากนั้นผมก็มารู้ได้ เพราะเบลล์ดันมาพูดถึงรุ่นพี่ที่สอบเข้าม.4 ที่สวนนนท์ได้สองรุ่นนั่นเอง คนนึงที่อยู่รุ่นผม อยู่ห้องผมนี่แหละ รู้จักดีด้วย และต่อมาก็เป็นพิ้งค์นั่นเอง
แล้วคนที่เธอพูดถึง แน่นอนว่าต้องเป็นพิ้งค์ ทำเอาผมต้องสอบสวนเป็นการใหญ่ว่ารู้จักกันได้ตอนไหนเลยทีเดียว...


แล้วการเจอกันเป็นอะไรที่น่าปวดขมับมาก นั่นคือแอบหลบหนีพี่สต๊าฟไม่ยอมขึ้นสแตนในวันกีฬาสีนั่นเอง น่าหลบหนีตรงไหนกันนะ พี่ม.3 ที่เอานิยายรักหวานแหววมาอ่าน แล้วเจอน้องม.1 (ซึ่งมียัยเบลล์อยู่ในนั้น) ที่ชื่นชอบนิยายเรื่องนั้นพอดี ก็เลยมานั่งแบ่งกันอ่านกันอย่างสนุกสนาน


"เดี๋ยวพี่มีงานต้องใช้น่ะ" ผมอธิบาย น้องสาวคนนี้จึงพยักหน้าอย่างเป็นปกติ ไม่มีข้อสงสัยแต่อย่างไร ผมมองที่ชุดนักเรียนของเบลล์ที่เป็นเสื้อแขนยาวติดโบตรงปก สวมกระโปรงสีกรมท่าก็ทำให้นึกถึงพิ้งค์ทันที สมัยที่เธอเรียนม.ต้นคงต้องใส่ชุดแบบนี้อย่างนั้นสิ คงสวยน่าดูเลย


ไม่ได้สิ!! นี่ผมมัวคิดอะไรอยู่นะ... คิดถึงผู้หญิงอย่างนั้นเหรอ? ไม่ๆๆ คนอย่างผมต้องตั้งใจเรียนและโหมกิจกรรม เพื่อจะไปตามทางใฝ่ฝัน นั่นคือสถาปัตย์ จุฬาฯนั่นเอง!!!


และเมื่อไปถึงก็ต้องพบกับพิ้งค์ที่นั่งอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าฝีมือการติดกิ๊บของผมจะออกมาดูดีได้แบบนี้นะ ทั้งที่เกิดมากับเขา 17 ปีก็ไม่เคยจะต้องใช้กิ๊บดำ เหอๆ


หลังจากที่พิ้งค์ไปส่องกระจกที่ชานพักบันไดตึก 4 ก็กลับมาด้วยสภาพงงงวยกับชีวิตอย่างเห็นได้ชัด "ไม่จริงน่า... พิ้งค์สวยขึ้นจริงด้วยแฮะ"


"ครับ สวยอยู่แล้วไงล่ะ" ผมชม เปิดหน้าผากก็แลดูหน้าผ่องใสไปอีกแบบ ยิ่งน่ามองมากกว่าเดิมด้วย ทั้งที่ปกติก็ต้องหักห้ามใจแทบตาย แต่นี่ไม่ไหวแล้ว ขอมองสักทีเถอะ!!


"ค่ะ" เธอทำสีหน้าเขิน ทำให้ผมต้องกำชับเป็นการใหญ่ "เอาผมขึ้นแบบนี้น่ารักนะครับ ดูใสๆ สวยดีด้วย อย่าเอาลงเชียวล่ะ เดี๋ยวเคยชินแล้วจะมีปัญหากับคะแนนม.6 เปล่าๆ"


แต่ไม่ทันจะพูดอะไร ก็เจอที่ปรึกษาพอดี อ.มานพนั่นเอง "อ้าวบลู มาทำอะไรแต่เช้าเนี่ย"


ผมไหว้อาจารย์ก่อนจะตอบ "จัดระเบียบทรงผมรุ่นน้องครับ จะได้ดูเรียบร้อยกันหน่อย" พิ้งค์หน้าแดงอย่างอายๆ แต่ก็ไม่มีอะไรมากเท่าไหร่ เพราะไม่นานอาจารย์ก็เดินออกไปแล้ว


(มีต่อ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#33 2008-06-20 21:05:50

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

และตอนพักกลางวัน เราก็มานั่งคุยกัน หลังจากที่ต้นผู้หลงและแอบรักน้องควีนมานาน ก่อนจะสมหวัง ก็ทำให้ผมและต้นต้องมารวมตัวกับเด็กๆม.5 ทั้งสี่คนนี้จนได้ พิ้งค์ ควีน แอ๋ม แล้วก็นายโต้ง ซึ่งผมยังจำได้ว่าเป็นเจ้าของบัตรประกันหนึ่งโหลเชียวนะ


"ไม่คิดเนอะ ว่าจะได้มารู้จักกับรุ่นพี่สองคนที่ตำแหน่งหน้าที่ใหญ่มากมายน่ะ ฮ่าๆๆ" โต้งว่า ทำให้น้องพิ้งค์หันไปยิ้มอย่างกวนๆ "นั่นสิ ต้องยกความดีนั้นให้ควีนเลย"


ควีนหัวเราะ "เพราะพี่ต้นที่มาคุยกับควีนหรอก ไม่อย่างนั้นเราคงไม่สนิทและรักกันขนาดนี้" ผมพยักหน้า ยังจำวันแรกที่ประชุมได้เลย ต้นนี่สิเห็นน้องควีนแวบแรกก็ไปแนะนำตัวเสียอย่างนั้น เห็นบอกว่ามองน้องควีนมานานพอควรด้วย


"โอกาสมีมันก็ต้องคว้าก่อนสิ เดี๋ยวแห้วแบบพวกขี้ป๊อดในฟอร์เวิร์ดเมลล์ทั้งหลายแหล่พอดี ไอ้รักสิบห้าปียี่สิบปีนั่นน่ะ อ่านแล้วหมั่นไส้มากครับพี่น้อง ซื่อบื้อกันเข้าไป" ต้นรีบอธิบายทันที ทุกคนรวมทั้งผมต่างพยักหน้าอย่างเห็นด้วย


"ใช่ค่ะ พวกนิยายรักหวานแหววก็มีแบบนี้เหมือนกัน ดูๆไปเหมือนพระเอกไม่รู้จิตใจใครทั้งนั้น เอาแต่ความคิดตัวเองเป็นที่ตั้ง สุดท้ายแล้วก็เสียใจกันไปหมด" พิ้งค์ให้การสนับสนุนอย่างยืดยาว เธอวิเคราะห์เก่งใช้ได้เลยในความคิดผม หน้าใสๆที่มีแววเคร่งขรึมนั้นดึงดูดใจผมแปลกๆ ทำให้รู้สึกหน้าร้อนจนต้องเบนหนีชั่วคราว


พวกเราคุยกันสักพัก จนควีนเริ่มเปิดประเด็น "ว่าแต่ละครวิทย์เป็นยังไงบ้างคะ?" ทำให้ผมนึกได้ทันทีว่ายังมีละครอยู่นี่หว่า โอยยย~
"ทำเรื่องตำนานกามเทพครับ เดี๋ยวจะมีแฝงความรู้วิทยาศาสตร์ให้ได้เยอะแยะไปเลย"


"ว้าว!! ตำนานกามเทพ อีรอสกับไซคีใช่มั้ยคะ หนูชอบมากเลย" แอ๋มอุทานอย่างดีใจ ผมแอบเห็นนะว่าทั้งสามสาวม.5 กลุ่มนี้มีสีหน้าดีใจอยู่น่ะ สงสัยชอบเรื่องนี้อยู่แหงเลย


ต้นพยักหน้าอย่างไม่รู้อะไร "ใช่ครับ แต่เป็นเวอร์ชั่นเฮฮาเอามันส์น่ะ มีประยุกต์อุปกรณ์ข้าวของเยอะเลย เช่นอีรอสก็ให้สวมเสื้อยืดกางเกงเล ติดปีกเล็กๆน่ารัก(ที่อยู่ในห้อง 4403)แล้วบอกว่าเป็นกามเทพเด็กแนวน่ะ เหอๆ"


"กรี๊ดดด... น่าดูๆ" คราวนี้สาวๆคลั่งกว่าเดิมแล้ว พิ้งค์ ควีน แอ๋มต่างหันไปวี้ดว้ายกันเองเสียแล้ว นี่ถ้าต้นบอกว่าผมเป็นอีรอสด้วยจะขนาดไหนหนอ... ไม่ได้เต็มใจหรอก แต่โดนล็อกคอล็อกบทมาแล้ว (ฮือออ)


แล้วผมก็เลยต้องมาซ้อมละครอยู่อย่างสนุกสนานนั่นเอง


เย็นวันหนึ่งในต้นเดือนกรกฎาคม ผมเดินอยู่ที่หน้าห้องชีวะ 2101 พร้อมกับท่องบท


"ไซคี... นี่เจ้าทำผิดสัญญาต่อข้าอย่างนั้นหรือ??... งั้นข้าคงต้องจากลาไปแล้วล่ะ เป็นสิ่งที่ปวดใจจริงๆกับคนผิดสัญญาเยี่ยงนี้" เป็นบทตอนที่ไซคีเอาแสงไฟจากมือถือมามองผม (ไฟฉายไม่มี เทียนก็ยังไม่ได้ซื้อ!! อนาถพอมั้ย?) ก่อนจะเผลอกดปุ่มเล่นเพลงทำให้ผมตื่น (ต้นฉบับมันถือตะเกียงแล้วทำน้ำมันหกใส่ = = ) และตามบทอีรอสจะต้องหนีไปครับ


ผมทำท่าบิน นึกถึงคำสั่งจากผู้กำกับนั่นคือนายต้นแล้วอดยิ้มขำๆไม่ได้


"แกทำท่าบินแบบเต้นไก่ย่างนะเว้ยย!! รับรองว่าจะสนุกสนานมาก แล้วก็หัดทำหน้าให้หนาขึ้นหน่อยก็ดีนะแก" มีสั่งให้หน้าหนาอีกเนอะ เหอๆ


ก่อนจะไปสะดุดตากับแสงสะท้อนสีชมพูที่แวบเข้ามาในเรตินาของผม (อิงชีวะเต็มที่แล้วนะครับ) หันไปดูก็เห็นสร้อยข้อมือสีเงินรูปหัวใจร้อยต่อกัน มีคริสตัลสีชมพูหวานรูปหัวใจไม่ใหญ่มากห้อยอยู่ ราคาท่าทางจะแพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ


ว่าแต่ใครทำตกไว้หว่า?


ผมเดินไปหยิบ มันตกอยู่ใต้ที่นั่งคอนกรีตหน้าห้อง คงไม่มีใครมองเห็น ไม่อย่างนั้นสร้อยคอคงถูกเก็บไปแล้ว


จะส่งไปห้องปกครองก็ไม่ได้ ถูกริบไม่มีวันคืนอย่างแน่นอน ผมเองก็อยากส่งคืนเจ้าของเหมือนกันนะ... แต่จะไปรู้ไหมว่าใครทำตก คนมาเรียนชีวะวันนี้มีตั้งหลายห้อง แถมหนึ่งในนั้นก็เป็นห้องผมกับห้องน้องพิ้งค์ด้วย


ดูจากสภาพที่เปื้อนฝุ่นนิดๆนั่นบ่งบอกว่าตกมานานพอควร แต่คงเป็นภายในวันนี้นั่นแหละ ไม่อย่างนั้นป้าภารโรงคงเก็บไปแล้ว


ผมจึงตัดสินใจเก็บสร้อยข้อมือขึ้นมา ถ้าไม่เก็บก็ต้องมีคนอื่นจิ๊กไปแน่ๆ เพราะสร้อยเส้นนี้ก็ออกสวย แวบหนึ่งรู้สึกอยากจะเอาสร้อยเส้นนี้ให้น้องพิ้งค์ ดูมันเหมาะกับเธอดี ข้อมือบางๆขาวๆกับสร้อยข้อมือคริสตัล เป็นสิ่งที่เข้ากันมากที่สุดเลย


แต่ไม่ได้สิ!! มันเหมือนขโมยทรัพย์เขาแล้วเอาไปให้คนอื่นอีกต่อนึงนะ บาปตายเลย


...อทินนาทานา เวรมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ...


+++++++++++++++++++++++++++++++++++

เรื่องนี้เขียนทั้งเรื่องจะแบ่งเป็นสามช่วง (period)

ตอนนี้เขียนใน word ก็กำลังจะจบพีเรียดแรกแล้ว ^o^ ขึ้นพีเรียดสองก็รักกันได้สักทีนะ 555+


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#34 2008-06-26 18:31:03

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

มาอัพนิยายมั่ง ทิ้งไปนาน 55+

โพสต์ติดกันแบบนี้คงไม่ถือว่าปั๊มนะ = = ก็... เว้นไว้หลายวันแล้วอ้ะ >.< ไม่มีคนโพสต์คั่นสักที นักอ่านเงายุ่บยั่บเลย

(แต่ก็ชอบนะ... หึหึ ยังไงก็มีคนอ่านแหละน่า ^^)

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


- Chapter 9 : My bracelet -


"แกแน่ใจนะพิ้งค์ ว่าไม่ได้ลืมไว้ที่ไหน?" แอ๋มถามฉันขณะที่เราเดินตามหาของมีค่าอยู่


ซึ่งมันมีค่ากับจิตใจฉันมาก ถึงมากที่สุด เพราะมันเป็นของขวัญวันเกิดจากเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียวสมัยม.2


น่าเสียดาย ที่เพื่อนคนนี้ตายไปเสียก่อน ด้วยอุบัติเหตุจมน้ำเมื่อปิดเทอมก่อนขึ้นม.3 ทำให้ฉันเสียใจอยู่นานสองนาน และยังไม่หายเศร้าจวบจนทุกวันนี้ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ฉันตัดสินใจย้ายโรงเรียนด้วยนั่นเอง เพราะตอนม.3 ฉันต้องทนเดินไปโน่นนี่ ที่ๆมีความทรงจำระหว่างฉันและเพื่อนคนนี้อย่างทรมานใจ... ทำให้ฉันเกลียดความตายเข้ากระดูกดำ


เพราะมันพรากสิ่งที่ฉันรักจากไปทุกครั้งที่ฉันมีความสุขอย่างที่สุด...


และทำให้ฉันต้องทนทรมานอยู่กับความเศร้า ซึ่งมันไม่ดีเลยกับจิตใจ


ฉันถอนหายใจ "ไม่น่า ฉันยังจำได้เลยว่ายังสวมอยู่ แต่ไปๆมาๆไหงหลุดไปได้ก็ไม่รู้"


"กะอีแค่สร้อยข้อมือ ซื้อใหม่ก็ได้นี่" โต้งบ่น เขาเหนื่อยกับการช่วยหาของให้ฉันอยู่พอควร ซึ่งฉันก็รู้ดีแหละ บอกเขาหลายรอบแล้วว่าไม่จำเป็นจะมาช่วยก็ได้ แต่เขาก็ทำ


ควีนหันไปวีนโต้งทันที "ไอ้โต้งบ้า! สร้อยข้อมือนั่นสำคัญต่อจิตใจพิ้งค์มากนะ ลองแกเผลอทำของที่เพื่อนที่แกรักที่สุดให้มาหายสิ แกคงวิ่งวุ่นหาไปทั่วแบบพิ้งค์แหละ"


"ขอโทษนะ..." โต้งพึมพำ สีหน้าเขารู้สึกผิดมาก ฉันจึงเข้าไปไกล่เกลี่ย "อย่าทะเลาะกันเลยน่านะ ไม่ใช่ความผิดใครหรอกน่า"


แต่ควีนและโต้งกลับตอบกลับมาด้วยประโยคแบบเดียวกันเป๊ะๆ "ไม่หรอกพิ้งค์ อย่าคิดมากเลย พวกเราเป็นเพื่อนกันก็ต้องช่วยกันสิ"


ทำให้ฉันซึ้งใจจนต้องแอบปาดน้ำตา เพื่อนแท้จะเจอได้เมื่อยามยากใช่ไหมล่ะเนี่ย...


แต่จนแล้วจนรอดฉันก็ไม่เจอสร้อยข้อมือ มันเป็นสร้อยสายโซ่โรเดียมสีเงินเป็นรูปหัวใจสีเงินเล็กๆ มีคริสตัลรูปหัวใจสีชมพูห้อยไว้อีกที อ้อมเพื่อนของฉันให้มาด้วยเหตุผลที่ว่า


"ชื่อพิ้งค์ก็ต้องคู่กับสีชมพูสิ สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะเพื่อนรัก"


ซึ่งฉันก็ชอบใส่ติดตัวเสมอ แรกๆก็ไม่กล้าสวมมาโรงเรียนด้วยหรอก แต่เมื่อวานเป็นวันครบรอบวันตายร้อยวัน และกับอีกสามปีพอดี และฉันจะหยิบมาใส่ในสองวันเท่านั้นคือวันตายกับร้อยวันหลังจากนั้น ซึ่งวันอื่นก็ใส่ได้แหละ แต่สองวันนี้ห้ามลืมเป็นอันขาดเลยทีเดียว


แล้วเมื่อวาน ฉันก็สวมสร้อยข้อมือเส้นนี้อยู่นะ แต่พอกลับบ้านไปทำไมมันหายไปเสียแล้วล่ะ ประหลาดใจปนเสียขวัญเลยทีเดียว


"เมื่อวานเรียนอะไรนะ คอมฯ ชีวะ พักเที่ยง ละต่อมาก็แนะแนว อังกฤษ พละ แล้วก็กลับบ้านนี่เอง" โต้งหันมาทวนความจำ ซึ่งพวกเราหาสร้อยกันแทบทุกซอกทุกมุมของโรงเรียนแล้วนะ


จะว่าสร้อยข้อมือหลุดไปตอนคาบเลขก็ไม่ได้ ชีวะก็ยังไม่หายเนื่องจากฉันยังจับสร้อยเล่นอยู่เลย... จับสร้อยอย่างนั้นเหรอ??


ฉันจึงวิ่งไปยังห้อง 1201 ทันทีราวกับมีบางอย่างดลใจ


แต่เมื่อไปถึงก็ค้นเสียทั่ว ก็ไม่พบสิ่งใดที่จะบ่งบอกว่ามีสร้อยข้อมือตกอยู่เลย เจอแต่กระดาษแผ่นหนึ่งเนี่ย ก็ไม่แผ่นหนึ่งนะ แค่เศษเสี้ยวของแผ่นเท่านั้น มันดูเหมือนกับ... บทละคร เพราะมีเขียนไว้และมาร์คไว้ด้วยปากกาเน้นข้อความ


อีรอส : (ทำสีหน้าบึ้งตึง) ไซคี... นี่เจ้าทำผิดสัญญาต่อข้าอย่างนั้นหรือ??... งั้นข้าคงต้องจากลาไปแล้วล่ะ เป็นสิ่งที่ปวดใจจริงๆกับคนผิดสัญญาเยี่ยงนี้


ไซคี : (มีสีหน้าตื่นตระหนก) ไม่นะอีรอส... ข้า... ข้าไม่ได้ตั้งใจ


(แต่อีรอสก็กลับบินหนีออกไปเสียแล้ว ด้วยท่าไก่ย่างอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว ทิ้งให้ไซคีทรุดตัวนั่งลงร้องไห้อย่างเจ็บปวดใจ)


"มันเหมือนกับบทละครของห้อง 6/5 เลยจริงๆ... " ฉันพึมพำ นึกถึงคำพูดที่พี่ต้นพูดไว้ได้ทันที ตำนานของอีรอส (ภาคพิสดาร) นั่นเอง


(มีต่อ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#35 2008-06-26 18:32:29

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

แต่ไม่ทันจะดื่มด่ำต่อไปกับห้วงความคิด เพื่อนๆของฉันก็ตามมากันจนครบ


"พิ้งค์ เป็นไงบ้าง เจอสร้อยมั้ย?" ฉันส่ายหน้า ยัยควีนทำได้แค่มากอดฉันจากข้างหลังเป็นการปลอบใจ เธอชอบทำเสมอเวลาที่เราๆไม่สบายใจ (ยกเว้นนายโต้งคนนึงนะ) ซึ่งพี่ต้นอาจจะตามมาหึงลามถึงพวกเราได้สักวันถ้ามาเห็นเข้า!!


ไม่ใช่เพราะกอดกันแบบแนบแน่นหรอก แต่ควีนมันไม่กล้ากอดพี่ต้นเท่านั้นเอง... ก็เพิ่งคบกันนี่นะ จะให้มากอดจูบกันเลยก็ไม่ไหว แล้วพวกเราก็จะได้รุมสวดยัยควีนและพี่ต้นเท่านั้นเอง ถึงพี่เขาจะเป็นรุ่นพี่ก็เถอะนะ แต่แหม... รุ่นพี่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีกับรุ่นน้อง และพี่บลูก็เคยบอกฉันด้วยว่ารุ่นน้องก็มีสิทธิ์ติติงรุ่นพี่เมื่อทำผิดได้เช่นกัน


"เอาน่า เดี๋ยวก็มีคนเก็บมาคืนให้เองแหละ ถ้ามันเป็นของเราก็ต้องกลับมาอยู่วันยังค่ำ" แอ๋มหันมาพูดปลอบใจฉัน ซึ่งทำให้รู้สึกตะหงิดๆขึ้นมาเหมือนกันว่าเธอพูดถึงสิ่งของหรือผู้ชายกันหนอ? สำนวนคล้ายกับนิยายที่แอ๋มเพิ่งเอามาอ่านเมื่อวันก่อนๆนี่เลยนะ


แต่... มันจะมีหวังเหรอ? สร้อยสวยขนาดนี้น่ะ อาจจะมีคนเก็บเอาไปแล้วก็เป็นได้ ใครล่ะที่จะเอามาคืนกันได้ โดยเฉพาะการที่ไม่รู้ว่าเจ้าของคือใครด้วยนั่นแหละ


ส่งห้องปกครองก็ไม่ได้ โดนริบแน่ๆ เพราะสร้อยข้อมือไม่ใช่ริสแบนด์สีชมพูฟ้าที่ขายในวันงานสวนนนท์ปริทรรศน์นี่นา ซึ่งอันนั้นไม่มีใครว่าได้ด้วย


ก่อนที่ฉันจะตั้งตัว เศษกระดาษที่ฉันถือก็ถูกโต้งคว้าไปเสียอย่างนั้น "เฮ้! นี่มันเหมือนบทละครเลยนี่นา อีรอสกับไซคี เน้นบทของอีรอสด้วยแบบนี้คงต้องเป็นคนที่เล่นแหงเลย" เขาพูดวิเคราะห์ ซึ่งทำให้ควีนต้องรีบพูดสนับสนุนอีกต่อนึง


"เออใช่! ตำนานอีรอสภาคพิสดาร พี่ต้นเพิ่งบอกฉันนี่นาว่า... พี่บลูเป็นอีรอส" ฉันหันควับไปทางควีนทันทีราวกับต้องมนต์ เหมือนกับว่าชื่อพี่บลูเป็นคาถาให้ฉันหันได้ยังงั้นแหละ


"หา!! จริงอ่ะ" สองคนที่เพิ่งทราบต่างอุทานอย่างแปลกใจ ส่วนฉันกลับพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว พี่บลูจะได้แสดงละครเหรอ? อย่างนี้ฉันต้องคอยดูแล้วสิ...


แต่ฉันกลับส่ายหัวอย่างไม่ยอมรับ ให้ตายเถอะ นี่ฉันคิดอะไรอยู่นะ


"ขอบใจนะครับทุกคนที่มาดูละครของพวกพี่" พี่ต้นที่สวมเสื้อสีดำและกางเกงนักเรียนยิ้มอย่างดีใจเมื่อเห็นพวกเราขึ้นมายังหอประชุม ในมือถือปึกกระดาษซึ่งเป็นสูจิบัตรอยู่ ก่อนจะหยิบให้ควีนเสียแผ่นนึง


วันนี้เป็นวันที่ 22 สิงหาคมพอดี เป็นวันแสดงของนักเรียนม.6 สายวิทย์ ทั้ง 6 ห้อง ซึ่งจัดในคาบเช้าด้วย ดังนั้นเมื่อทราบว่าละครห้องพี่บลูแสดงเป็นเรื่องแรก ยัยควีนเลยชวนฉันโดดเข้าแถวเสียอย่างนั้น ส่วนโต้งกับแอ๋ม ก็ไม่ยอมให้เราสองคนโดดแถวกันเสียหรอก จึงตามมาด้วย


"ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราอยากดูให้ครบทุกเรื่องเลย เผื่อเป็นแนวทางในการทำละครปีหน้าด้วย" ควีนตอบ เธอมีทีท่าเขินอายนิดๆ ซึ่งเป็นปกตินั่นแหละ ข้าวใหม่ปลามันก็แบบนี้


"เดี๋ยวปีหน้าให้โต้งมันเป็นพระเอกดีกว่า เนอะพิ้งค์เนอะ" แอ๋มหันมาถามเล่นทีจริงกับฉัน ทำเอาฉันยิ้มอย่างขบขัน ถ้าเป็นจริงคงสนุกอยู่นะ และฉันก็จะจับแอ๋มเป็นนางเอกให้ได้เลยคอยดูสิ ฐานที่เธอมาเสนอไอเดียเองนะ


"ไม่ต้องเลยยัยแอ๋ม ไม่เอาๆๆ" โต้งหันมาปฏิเสธพร้อมกับเอามือยันหัวแอ๋มเบาๆ สองคนนี้สนิทกันมาตั้งแต่ม.ต้นแล้วจึงไม่คิดอะไรกันมาก


"ไปหาที่นั่งกันพิ้งค์" ควีนรีบจูงมือฉันเข้าไปทางที่นั่งทันที มีคนมานั่งเยอะพอสมควร บนเวทีมีสต๊าฟชุดดำจัดฉากอย่างขะมักเขม้น แน่นอนว่าเราไม่เห็นนักแสดง แต่พี่ต้นก็ช่วยเหลือพวกเราในการหาที่นั่ง


"นั่งทางนั้นเลยน้อง เดี๋ยวพี่ต้องแสดงเป็นเทพเซฟเฟอรุส ที่ต้องพัดไซคีไปยังวิหารอีก แล้วก็จะได้หายสงสัยแน่ๆว่าเป็นละครเทพนิยายแล้วมีความรู้วิทยาศาสตร์ได้ยังไง หึหึ" พวกเราจึงนั่งลงยังเก้าอี้ แน่นอนว่าไม่นานนักไฟก็ปิดลง หลังจากมีพิธีกรกล่าวเปิดงาน ทุกอย่างก็เริ่มขึ้น


ฉันสังเกตเห็นนางเอกของเรื่องเดินออกมา ในชุดแซกสายเดี่ยวกระโปรงบานสีชมพูอ่อน ผมตรงสยายลงมา ไหล่คลุมด้วยผ้าชีฟองสีเดียวกับชุด และก็สวมสร้อยข้อมือสีเงินเป็นรูปหัวใจเล็กๆร้อยไว้ และห้อยคริสตัลรูปหัวใจสีชมพู…


แต่เอ๊ะ!! นั่นมันสร้อยข้อมือของฉันนี่!!! มันไปอยู่กับพี่คนนั้นได้ยังไงกันนะ?


ฉันคิดอย่างสงสัย ก่อนจะชะเง้อดูต่อไป ในใจแอบดีใจอย่างประหลาดเมื่อเห็นพี่บลูแสดง แน่นอนว่าสนุกมาก เขาออกมาพร้อมเสื้อยืดสีขาว เป็นเสื้อสต๊าฟปฐมนิเทศนั่นเอง มีรูปหัวใจสูบฉีดเลือดชมพูฟ้าอยู่ตรงตำแหน่งจริง กับกางเกงเลสีม่วงเข้ม ติดปีกผีเสื้อสีม่วงอ่อนอันเล็กๆดูน่ารักมาก


แต่เวลาก็ต้องหมดลงไป หลังจากดูจบก็เป็นเวลาถึงแปดโมงกว่าแล้ว ฉัน ควีน และโต้งคงต้องรีบออกไปแข่งตอบปัญหาวิทยาศาสตร์แล้วน่ะสิ


แล้วสร้อยของฉันล่ะ... จะทำยังไงดี?


++++++++++++++++++++

22/8/51 รีไรท์แล้วเค่อะ lol

คนละแบบกับสภาพความเป็นจริงในตอนนี้นะจ๊ะ (แต่ก็ยังอยากทำเรื่องไซคีกับอีรอส 55+ ถ้าปีนี้ยังสามารถทำได้หลายเรื่องต่อห้องแบบปีก่อนๆนะ)

นางทาส 2008 เอ๊ย!! อีเย็นสุดซ่าส์ฯ สนุกใช่มั้ยคะ ^o^ เหอๆๆ

Last edited by MiyaCatZ (2008-08-22 14:33:35)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#36 2008-06-28 18:34:00

dadawizard
สมาชิก
From: Thailand
Registered: 2006-12-27
Posts: 583

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

เอาใจช่วยครับพี่ ขออวยพรให้ครบ 100 ตอนนะครับ(ถ้าครบ 100 จริง พิ้งค์กะบลูไม่แก่งั่กเป็นผู้สูงอายุวัยทองแล้วเหรอนี่)

อย่าคิดมากครับ เรื่องไม่มีใครมาโพสคั่น เพราะอ่านแล้วเจ๊(พี่ผม)ก็ตะโกนลั่นบ้านว่าอยากอ่านต่อทู้กที

แล้วก็พาลอารมณ์เสียเดินออกไปไม่โพสอะไรเลยซะงั้น(ไม่ลงต่อพี่ผมลงแดงแหงๆ 55+)


จะอยู่ไหนหนใดให้รู้ค่า                          พระคุณที่ได้รับมาอย่าลืมได้
ถิ่นกุหลาบนนท์งามล้วนชวนยวนใจ           หรือพระเกี้ยวอันยิ่งใหญ่บนอกเรา
สุวิชา โนภวังโหติมั่น                           ความรู้นั้นจงเชิดชูอย่าขลาดเขลา
กตัญญูกตเวทิตาเอา                           เป็นหลักเสายึดมั่นในแนวทาง

Offline

#37 2008-06-28 18:53:29

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

555+ ขนาดนั้นเชียว?

เจ๊อยู่ชั้นไหนล่ะนั่น ^^ แหม อ่านคอมเม้นแล้วกระชุ่มกระชวยหัวใจดี กรั่กๆๆ

ขอบคุณแฟนๆที่ตามอ่านนะคะ หยาดน้ำฟ้าจะเอามาลงทุกวันศุกร์แล้ว T w T ตั้งเกณฑ์ตั้งแต่ตอนที่ 11 เป็นต้นไปเลย

(กะจะพิมพ์นิยายวันพุธกับศุกร์ และเสาร์รวมสามวัน = = นอกนั้นจะเคลียร์งาน+อ่านหนังสือเน้อ)


ปล.ไม่ถึงร้อยตอนหรอก = = ไม่มีปัญญาเขียนยาวขนาดนั้น 555+


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#38 2008-06-28 19:00:48

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ลงดีกว่า 55+ รออ่านตอนที่ 11 กันวันศุกร์นะคะ ^^

ไม่ก็วันพุธ ถ้าไม่มีงาน CG ที่ต้องแก้ไข = = (แฟนนิยายอย่าไปยำประธานโทษฐานทำให้อดอ่านเร็วนะคะ 55+)

++++++++++++++++++++++++++++++++++++


- Chapter 10 : Comedy Science Show -


...กาลครั้งหนึ่ง ไม่นานมานี่เอง...


มีหญิงสาวที่ร่ำลือกันว่างดงามที่สุดในแผ่นดิน นามว่าไซคี ซึ่งเป็นลูกคนเล็กของกษัตริย์ท่านหนึ่ง ที่มีลูกสาวสามคน แม้พี่ๆจะสวยแต่ก็ยังไม่อาจเทียบได้เลย จนกระทั่งมีการลือกันว่าแม้แต่เทพีอโฟร์ไดท์เองก็ยังเทียบไม่ติดเลยด้วยซ้ำ


จนการบูชาเทพีอโฟร์ไดท์ที่ถือเป็นประเพณีมาช้านานเริ่มไม่ค่อยมีการปฏิบัติกัน ทำให้นางกริ้วมาก และสั่งให้อีรอส บุตรชายที่รับจ๊อบเป็นกามเทพ ซึ่งอาจจะดูไม่น่าเชื่อถือนักเพราะปีกก็พิการ อีกไม่พอยังชอบทำตัวเซอร์ๆจนน่าอิดหนาระอาใจมาช่วยในภารกิจดับดาวนั้นซะ


ภารกิจนั้นคือการทำให้ไซคีตกหลุมรักดาวตลก(ที่ดับมืด)ในคาเฟ่กระจอกๆแห่งนึงในเมืองนั้น โดยที่ตลกคนนั้นก็แสนจะดำ แก่ แล้วยังเป็นผู้ชายชนิดเต่าต้องขาดเสลดถุยๆใส่เลยด้วยซ้ำ อีรอสจึงบินไปยังพระราชวังในคืนนั้น แต่เมื่อเห็นไซคีแล้ว อีรอสที่จะเอาศรจิ้มก็ดันทำหล่นไปทิ่มเท้าตัวเองเข้าให้ จึงตกหลุมรักไซคีแทนเข้าซะงั้น ((แทรกเรื่องแรงโน้มถ่วง))


เมื่อเวลาผ่านไป ก็ไม่มีใครมาขอไซคีมาแต่งงานด้วยสักคน เพราะความสวยที่มากเกินไปก็ทำให้ผู้หญิงนั่งคานทองได้เช่นกัน เพราะไม่มีใครกล้าขนาดนั้น วันหนึ่งโหรจึงทำนายมาว่าไซคีจะต้องมีอันอยู่ในคานทองนิเวศน์ตลอดไป ถ้าไม่นำไปสังเวยฟ้าดินในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ทำให้ทุกคนต่างโศกเศร้าเสียใจแม้จะงงกับคำทำนาย แต่แน่นอนว่าไซคีจะยังไม่ตายอย่างแน่นอน ในวันนั้นเธอจึงต้องถูกทิ้งไว้ริมหน้าผาติดทะเลอย่างเปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง


ก่อนจะถูกกระแสลมของเทพเซฟเฟอรุสพัดไปยังวิหารลึกลับ ((แทรกความรู้เรื่องการกำเนิดลม)) ซึ่งเป็นของอีรอสนั่นเอง ทุกคนต่างมีกระสอบคลุมหน้ากันหมด เหลือแต่ตา ข้าวของก็มีไม่ครบครัน ไฟฉาย เทียนยังไม่มีติดบ้านเลย (แถมยังห้ามเปิดไฟเวลานอน ด้วยเหตุผลที่ว่าประหยัดไฟ) ((แทรกเรื่องพลังงานและไฟฟ้า)) และที่สำคัญ อีรอสยังกำชับไซคีว่าห้ามเธอเห็นหน้าเขาเด็ดขาด โดยจะเห็นได้เฉพาะกลางคืนซึ่งมองไม่เห็นอะไรอยู่แล้ว แถมเขายังสวมหน้ากากไอ้มดแดงอยู่ด้วยนี่สิ


ไซคีปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด แต่ก็ต้องดีแตกเมื่อเธอกลับไปหาพี่สาวแล้วเล่าว่าวังดีเช่นไร ทำให้พี่ๆทั้งสองยุแยงตะแคงรั่วให้ไซคีฝ่าฝืนกฎนั่นซะ พลางคิดในใจว่าถ้าไซคีทำผิดกฎแล้วต้องเลิกกัน พวกเธอจะได้เสียบแทนซะเลย


คืนนั้นไซคีจึงหยิบโทรศัพท์มือถือมาส่องไฟดู ก็ต้องเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีที่น่าหลงรักอย่างมาก ก่อนจะความแตกเมื่อไซคีเผลอกดเล่นเพลงเข้าให้ อีรอสจึงตื่นก่อนจะบินจากไปด้วยท่าไก่ย่างซึ่งเป็นท่าบินประจำตัว ไซคีเสียใจจึงตั้งใจว่าจะต้องตามหาอีรอสกลับมาให้ได้


(ส่วนพี่สาวทั้งสองของไซคี ไม่รอให้เทพเซฟเฟอรุสพัดไป แต่กลับนั่งเครื่องบินส่วนตัวหมายจะไปวิหาร หารู้ไม่ว่ามนุษย์ไม่สามารถเข้าเขตของเทพได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาต ทำให้เครื่องบินร่อนลงยังเกาะมาดากัสการ์ หลังจากนั้นราชาและราชินีก็ได้รับจดหมายจากลูกสาวทั้งสองว่าแต่งงานอยู่ดีมีสุขกับคนป่าสุดหล่อบนเกาะไปแล้ว)


ด้วยความคิดบรรเจิด จึงขอตัวไปรับใช้เทพีอโฟร์ไดท์ หารู้ไม่ว่านางเกลียดไซคีอยู่แล้ว จึงหาสารพัดวิธีที่จะกลั่นแกล้ง ไม่ว่าจะเป็นการปัดกวาดเช็ดถูวิหาร ทำสวนครัว ทำกับข้าว หรือขอเสียงกรี๊ดจากคนดู จนกระทั่งเทพีอะโฟร์ไดท์เห็นว่าไซคีทำได้ทุกอย่างจึงให้ไปขอกระติ๊บความงามของเทพีเพอร์เซโฟเน่แห่งยมโลกมาให้ได้ (ตามต้นฉบับมันเป็นตลับนะ)


ด้วยความที่ยมโลกเป็นสถานที่ๆไม่สามารถกลับมาได้อีก ไซคีจึงตัดสินใจตายไปเสียดีกว่า ก่อนจะไปกระโดดหอคอยชั้นที่ 22 แต่ไม่ทันจะกระโดดลงมาก็ถูกทักทายจากหอคอยเสียก่อน ((แทรกเรื่องผลจากการกระโดตึกว่าส่งผลต่อระบบอวัยวะและระบบประสาทจนเสียหายและตายอย่างไร)) พร้อมวิธีไปยังยมโลกอย่างปลอดภัยด้วย ด้วยการให้สินบนให้กับคนเฝ้าประตู อีกไม่พอยังแฉว่ามีการคอรัปชั่นอย่างไรอีกด้วย ทำให้ไซคีไปขอกระติ๊บความงามได้สำเร็จ โดยเทพีเพอร์เซโฟเน่เองก็แอบมองเหตุการณ์ความรักของอีรอสกับไซคีมานานแล้ว จึงไม่ขัดขวางให้มากนัก(แบบในต้นฉบับ) แต่ก็ไม่ได้เตือนถึงการห้ามเปิดกระติ๊บอย่างที่หอคอยบอกกับไซคี


เมื่อขึ้นมาได้แล้ว ไซคีที่อยากรู้อยากเห็น และอยากสวยกว่าเดิมก็เผลอเปิดกระติ๊บออก ข้างในเป็นข้าวเหนียวมีประกายส่องออกมา เมื่อไซคีกินเข้าไปจึงหลับไปเลย เพราะมันเป็นยานอนหลับขนานความงามของเทพนั่นเอง (กินยานอนหลับไม่ดีต่อสุขภาพนะจ๊ะ!! กินข้าวเหนียวดีกว่า) ((สารในข้าวเหนียวที่ทำให้ง่วง))


อีรอสที่เพิ่งคิดได้ว่าตูจะงอนอะไรนักหนาก็กลับมาตามหาไซคี เมื่อเห็นไซคีที่นอนหลับคร่อกฟี้อยู่จึงเอายาดมมาอังที่ไซคี ก่อนจะฟื้นขึ้นได้


หลังจากนั้นอีรอสจึงขออภัยโทษกับเทพีอโฟร์ไดท์ แต่นางไม่ยอมร้อนถึงเทพซีอุสที่ต้องเข้ามาไกล่เกลี่ย ก่อนจะเอาน้ำอมฤต (ในขวดเนสท์เล่) ให้กับไซคีเพื่อจะได้เป็นอมตะ ก่อนจะครองรักกันสืบไป...


(มีต่อ)

Last edited by MiyaCatZ (2008-08-22 14:35:33)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#39 2008-06-28 19:06:18

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

เสียงปรบมือดังกึกก้องทั่วหอประชุม ผมที่จับมือฟ้า เพื่อนในห้องที่รับบทไซคีก็ยิ้มอย่างเขินอาย(เพราะคนดู)ระคนกับความดีใจ "เราทำสำเร็จแล้ว" ฟ้าอุทาน


ผมยิ้ม "ใช่! นึกว่าจะทำละครล่มไปแล้วนะนั่น" ในใจนึกโล่งอกเพราะตลอดเวลาผมไม่มีความมั่นใจเลยว่าจะแสดงละครออกมาได้สำเร็จแบบนี้ ผมมองยังไฟที่ดับไปต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก พร้อมกับปล่อยมือฟ้าออกด้วย


และต้นก็เข้ามากอดผมอย่างดีใจ "เราทำสำเร็จแล้วเว้ยไอ้บลู!! สำเร็จแล้วว!!!"


"นั่นสินะ..." ผมพึมพำ และหลังจากนั้นพวกเราก็เข้าไปช่วยยกฉากออกก่อน เพื่อให้ห้องอื่นนำฉากเข้ามาติดตั้งแทนที่ นั่นเองทำให้ผมลืมนึกไปเสียสนิทว่าต้องเอาสร้อยข้อมือคืนจากฟ้า!! เนื่องจากอุปกรณ์แต่งตัวน้อยไป ทำให้ผมต้องจำใจเสียสละสร้อยที่เก็บขึ้นมาได้เอาไปให้เพื่อนยืมเสียก่อน หลังจากช่วยเสร็จก็ต้องไปถ่ายรูปกันอย่างวุ่นวายอีก แล้วกว่าจะปลีกตัวกลับมาดูละครได้ ก็เป็นเวลานานพอสมควรเลยทีเดียว หลังจากที่นั่งดูละครไปหลายเรื่อง ในที่สุดน้องพิ้งค์ก็กลับมา


"สวัสดีค่ะ..." ผมยิ้มตอบก่อนจะยกกระเป๋าออก


"ดีครับ ละครพี่เป็นไงบ้าง ตอนแสดงนี่สิเกร็งแทบตายเลย" เธอยิ้มอย่างขบขัน "สนุกดีค่ะ ไม่คิดว่าจะเอามาดัดแปลงซะน่าสนุกแบบนี้ได้ พิ้งค์ชอบนะ ยังดีที่ได้ดูก่อนจะไปแข่งตอบปัญหาวิทย์ด้วย ยัยควีนกับโต้งทำเอาได้ที่ 1 ไปเลย"


"ขอบคุณครับ แค่มีคนบอกว่าสนุกพี่ก็ดีใจแล้วล่ะ" ผมเอนหลังลงกับพนักเก้าอี้พลางดูม่านเวทีที่กำลังจะเปิด ไม่ทันจะได้มองพิ้งค์เลยว่าเธอกำลังลอบถอนหายใจ เพราะมัวแต่แอบดีใจเล็กๆที่ได้นั่งกับเธอ หลายเดือนที่รู้จักกันมาก็ทำให้ผมรู้สึกดีกับน้องคนนี้มาก... มากเสียจนหวั่นไหวเลยทีเดียว ตอนที่เล่นละครก็ใช้จินตนาการว่าคนที่เล่นเป็นไซคีน่ะคือพิ้งค์ จึงทำให้ส่วนหนึ่งของความสำเร็จนี้ตกอยู่ที่เธอด้วยเหมือนกัน แต่พิ้งค์ไม่รู้น่ะดีแล้ว


"เดี๋ยวลองดูของห้องอื่นด้วยก็ดีนะ สนุกไม่แพ้กันเลย" ผมว่า พิ้งค์หันมาพยักหน้า "ค่ะ พวกเรากะว่าจะดูเป็นแนวทางของละครปีหน้าด้วยแหละค่ะ แล้วค่อยจับโต้งเป็นพระเอก เสียดายที่ได้ดูแค่เรื่องของพี่แล้วพักยาวไปเลย"


ประโยคนี้ทำเอาผมยิ้มแหยๆ ผมเข้าใจนะว่านายโต้งจะรู้สึกยังไงเมื่อถูกเพื่อนๆจับล็อกตัว ล็อกคอ แขน ขาให้เป็นพระเอกละครโดยไม่เต็มใจเนี่ย เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ขอช่วยน้องเขาก่อนแล้วกัน "อย่าเลยพิ้งค์ เอาคนที่ไม่เต็มใจมามันไม่ดีเท่าไหร่หรอก หัวหน้าห้องก็งานเยอะนะ ขนาดพี่เป็นกน.แล้วไม่มีอะไรมากเท่าไหร่ยังเหนื่อยเลย แล้วพี่ก็เป็น 1 ในคนที่ถูกล็อกคอมาเล่นด้วยเลยเข้าใจจุดนี้ดี"


พิ้งค์มีสีหน้าเจื่อนลงทันที "อ่า... ขอโทษค่ะพี่ งั้นเดี๋ยวพิ้งค์จะไปบอกยัยควีนยัยแอ๋มแล้วกันค่ะ" ผมยิ้มอย่างร่าเริง ก่อนจะหันไปทางเวทีเมื่อไฟในหอประชุมมืดดับลง ละครของห้องถัดไปมาแล้วนั่นเอง


แล้วผมก็ไม่เป็นอันดูละครเลย เพราะดูได้สักพักก็ต้องเหลือบมองคนข้างตัวด้วยทุกทีว่าจะสนุกกับละครแบบผมหรือเปล่าน่ะสิ มันแปลกดีเนอะอาการนี้


และก็ต้องมาหลุดอุทานอย่างเขินๆเมื่อน้องพิ้งค์กับผมหันมาพร้อมกันนั่นเอง "อุ๊ย!!"


ทำให้ผมต้องหันหน้ามองไปทางเวที รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก เวลาโดนจับไต๋ได้ก็น่าอายแบบนี้แหละนะ ก่อนจะหายเขินได้เพราะมีคนเข้ามาทักเสียก่อน "บลู! ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ" ผมหันไปทันที ฟ้านั่นเอง


ผมจึงลุกขึ้นเพื่อมาคุย เพราะการคุยกันโดยมีน้องพิ้งค์นั่งกลางวงคงดูไม่สุภาพต่อเธอสักเท่าไหร่ "มีอะไรเหรอ?" และฟ้าก็ชูข้อมือซ้ายที่สวมสร้อยเงินห้อยคริสตัลสีชมพูที่ยืมผมมานั่นเอง


"เราเอาสร้อยมาคืนน่ะ" ก่อนจะถอดมันออกมาให้ผม แน่นอนว่าผมรู้สึกดีใจนะที่สร้อยเส้นนี้กลับมาหาผม ก่อนจะหันมาเรียกอีกครั้ง "เดี๋ยวออกไปด้วยกันหน่อยสิ อาจารย์เรียกนายน่ะ"


"อืม... ได้เลย เดี๋ยวค่อยกลับมาดูต่อ" ผมลุกขึ้น ในใจหวังว่าจะได้เจอกับพิ้งค์อีกครั้งนะ

++++++++++++++++++++++++++++++


แล้วบลูจะกลับมานั่งอีกหรือไม่...

ส่วนพิ้งค์จะรู้สึกยังไงเมื่อสร้อยข้อมืออยู่ที่ฟ้า (เพื่อนเราเอง กร๊ากกก~ จับมาเล่นซะเลย) โปรดรอวัน...พุธไม่ก็ศุกร์นะคะ 55+ ถ้าลงช้าไม่แน่ว่าวันที่จะลงเร็วคงมีภาคพิเศษให้ เพราะการลงขึ้นอยู่กับดุลพินิจ + สปีดการเขียนค่ะ




ปล.ตัวละครที่แสดงหลักๆจับกลุ่มเพื่อนมาเล่นกันหมด = = และคนเขียนเป็นเทพีเพอร์เซโฟเน่ เจ้าของกระติ๊บข้าวเหนียวแห่งความงามแทน 55+

ทั้งที่ในโลกความจริงไม่ได้ทำเรื่องตำนานอีรอสหรอกนะ เหอๆ และกลุ่มคนเขียนก็ทำสูจิบัตรด้วย

(ถ้าให้ทำสามเรื่องต่อห้องได้แบบรุ่นก่อนๆจะทำกันแล้วนะเนี่ย เหอๆ)



ปล.(22/8/51) แก้แล้ววว =w=

ในเรื่องเครื่องประดับหายแล้วหาเจอ แต่ในชีวิตจริง...สูจิบัตรหายแล้วหาเจอเฟร้ยยย T^T หายเย็นวันพุธ เมื่อวานนั่งทำใหม่อีก 19 อันทั้งหมด แล้ววันนี้ดันเจอ

โฮกกกกกก~ จะไม่เขียนให้อะไรหายไปอีกแย้ววว หนูสัญญา

Last edited by MiyaCatZ (2008-08-22 14:46:41)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#40 2008-06-29 09:24:58

LagooNz
สมาชิก
Registered: 2006-08-08
Posts: 3,631

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

พูดถึงงาน Cg ภาพที่แรงกว่าเดิมมาแล้ว คราวนี้ C: ว่างแค่ 5mb (ของเดิม800กว่าๆmb)

Offline

#41 2008-06-29 11:46:45

dadawizard
สมาชิก
From: Thailand
Registered: 2006-12-27
Posts: 583

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

><

อยากอ่านนนนนน

เอามาลงต่อเร็วๆนะค้าาาาาา~


จะอยู่ไหนหนใดให้รู้ค่า                          พระคุณที่ได้รับมาอย่าลืมได้
ถิ่นกุหลาบนนท์งามล้วนชวนยวนใจ           หรือพระเกี้ยวอันยิ่งใหญ่บนอกเรา
สุวิชา โนภวังโหติมั่น                           ความรู้นั้นจงเชิดชูอย่าขลาดเขลา
กตัญญูกตเวทิตาเอา                           เป็นหลักเสายึดมั่นในแนวทาง

Offline

#42 2008-06-29 12:39:58

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

วันนี้เห็นคอมเม้นเยอะๆ + เมื่อคืนพิมพ์ไปได้สองตอน

(เพราะอาบน้ำสระผมตั้งสี่ทุ่ม ต้องรอผมแห้งถึงจะนอนได้ พิมพ์ไปๆมาๆ ไม่ถึงฉากสำคัญสุดๆห้ามนอน 55+)

และวันนี้ก็ระบายสีรูปด้วย เอามาลงพร้อมกันเลยดีกว่า ^o^ โฮะๆๆ หยาดน้ำฟ้าโหมดใจดี


- Chapter 11 : Angry so much… -
"เฮ้ยแก... ทำไมทำหน้าอย่างนั้นเนี่ย เราก็ชนะแข่งวิทย์แล้วนะ" ฉันถอนหายใจหลังจากโต้งถาม ก็นะ...ฉันยังรู้สึกแย่ไม่หายเลย
    "ไม่รู้สิโต้ง วันนั้นของเดือนมาน่ะ" ฉันตอบ ซึ่งก็เป็นความจริงอย่างที่สุด แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น ที่คนอื่นไม่รู้จะดีที่สุด โต้งพยักหน้า
"อืม ไม่ป็นไร แล้วเราจะไปไหนต่อดี มีเรียนกันต่อมั้ยเนี่ย?"
ควีนส่ายหน้า "ไม่มีแล้วล่ะ แต่อยากให้มีไอติมฟรีแบบปีก่อนจัง อร่อยน่าดู แล้วฉันยังจำได้นะว่าเคยเห็นพี่ต้นกับพี่บลูไปขอไอติมเหมือนกันแหละ" ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรแทงหัวใจเมื่อได้ยินชื่อของคนที่เอาสร้อยฉันไป เขาเป็นคนเก็บได้ และไม่ยอมเอามาคืน เขาทำแบบนี้ได้ลงคอ
แน่นอนว่าหลังจากการกินข้าวกลางวันมันก็ไม่มีอะไรอีกเลย ดังนั้นฉันจึงขอตัวเพื่อนๆไปนั่งเล่นห้องสมุด ทั้งที่จริงแล้วฉันกลับหลบไปยังห้องน้ำสวนเสริมปัญญา ก่อนจะปล่อยโฮออกมาด้วยความรู้สึกหลายอย่างที่ประทังกันเข้ามา
ฉันปาดน้ำตา ฉันแค่ไม่พอใจเรื่องสร้อยข้อมือที่พี่บลูเอาไปนะ แต่ทำไมต้องรู้สึกทั้งเสียใจ เจ็บใจ โกรธไปด้วยพร้อมๆกันนะ ทั้งที่เขากับพี่ที่เล่นเป็นไซคีก็ดูจะไม่มีอะไรสักหน่อย

+++++++++++++++++++++++++++++


- Chapter 11 : Angry so much… -


"อ้าวพิ้งค์... เดี๋ยวจะลงมากินข้าวมั้ยลูก?" แม่ของฉันถามหลังจากที่เราเข้าบ้านกันเรียบร้อยแล้ว วันนี้ถือว่ากลับบ้านเย็นมาก ดังนั้นแม่จึงเป็นฝ่ายมารับฉันกลับบ้านเสียเอง


"พิ้งค์ไม่หิวค่ะ กินผลไม้มาแล้วยังอิ่มอยู่เลย ขอตัวนะคะ" ฉันพูดก่อนจะรีบขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว ฉันชักทนไม่ไหวแล้วนะ!! กับพี่บลู คนที่ฉันอุตส่าห์นับถือและเชื่อใจมาตลอด


แต่เขากลับ... เก็บสร้อยข้อมือของฉันได้ แล้วเอาไปให้ผู้หญิงคนอื่น!! ดูจากที่พี่สองคนนั่นลุกออกไปคุยกันมันดูมีพิรุธอย่างมาก และพี่บลูก็ไม่กลับเข้ามาอีกเลย


จากที่ฉันอุตส่าห์ติดตามดูละครที่เขาแสดงอย่างตั้งใจ แน่นอนว่าเป็นการแสดงที่เยี่ยมมาก แถมสามารถดัดแปลงเทพนิยายให้เป็นละครวิทย์สุดฮา อีกไม่พอยังแทรกความรู้เรื่องต้นกำเนิดของลม ปัญหาสิ่งแวดล้อม พิษภัยของสารเคมีและอีกเยอะแยะมากมาย


ฉันจึงนั่งลงกับเตียงอย่างหมดแรง สายตามองไปยังหน้าต่างที่ส่องไปยังบรรยากาศข้างนอก แสงแดดที่อ่อนกำลังลงพร้อมกับท้องฟ้าสีฟ้าหม่น มีสีส้มจากแสงอาทิตย์ตัดกันสวยงามมาก แต่ฉันไม่มีอารมณ์จะดูหรอกว่าความสวยงามมันเป็นแบบไหน เพราะตาของฉันพร่าไปด้วยม่านน้ำตาเสียแล้ว...


คนบ้า... คนใจร้าย... แย่ที่สุด!!! อีตาพี่บลูบ้า


แล้วฉันก็ซบหน้าลงกันหมอนอิงสีเขียวรูปใบไม้ใบโปรด ที่ชอบนอนกอดทุกคืนวัน ก่อนจะปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น


"แกเศร้ามาหลายวันแล้วนะพิ้งค์... ตอนสอบมิดเทอมก็คิดว่าแกเครียดเรื่องสอบ แต่สอบเสร็จก็ยังไม่ดีขึ้นเลยนะ?" โต้งหันมาถามฉันอย่างห่วงใยในวันจันทร์แรกของครึ่งเทอมหลัง เป็นวันแรกที่จะเรียนหลังสอบมิดเทอมนั่นเอง


ฉันถอนหายใจเฮือก "ไม่รู้สิ ความจริงมันเป็นเรื่องที่ไม่ควรเศร้า แต่ทำไมฉันต้องเสียใจแบบนี้หาแก? ในเมื่อฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาสักหน่อย" คำพูดนี้ทำให้โต้งงงเป็นไก่ตาแตก ก่อนจะมาร้องอ๋อหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที


"อ๋ออ... พี่กน.คนที่เป็นเพื่อนของพี่ต้นใช่ป่าว ที่ทำให้แกต้องเสียใจแบบนี้" ประโยคของโต้งทำเอาฉันหน้าแดง แปลกดีนะ ทั้งที่ปากก็บอกไว้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ทำไมระยะหลังที่ญาติดีกันฉันถึงต้องอ่อนไหวทุกครั้งที่เจอพี่บลูไม่รู้นะ


และเขาก็ทำให้ฉันเสียใจด้วย ทั้งที่ฉันคิดกับเขาไว้แค่พี่ชายน้องสาวเท่านั้น...


ตาบ้าเอ๊ย...


ใช่ว่าเขาจะไม่ใยดีฉันนะ ตั้งแต่วันต่อมาหลังแสดงละคร ฉันก็พยายามหลบหน้าพี่บลูตลอด เขาทักมาฉันก็เดินเลี่ยง ไม่รู้สิ มันรู้สึกแย่นะกับคนที่เอาสร้อยข้อมือของเราไปให้คนอื่นเนี่ย อย่างน้อยเขาก็น่าจะมาปรึกษาฉันก่อนก็ได้เรื่องที่เก็บได้ ทำไมจะต้องเอาให้คนอื่นด้วย


"พิ้งค์... นี่มันไม่จริงใช่มั้ย?" ควีนและแอ๋มอุทานเมื่อฉันเล่าความจริงออกมาจนได้ในคาบคอมฯ ความจริงที่ว่าสร้อยข้อมือฉันมันกลายเป็นของคนอื่นไปแล้วนั่นแหละ


แต่ควีนเองก็ยังคงทำหน้าเคร่งเครียดตามฉบับของเธอ ยามที่ต้องใช้ความคิด "ไม่น่ามั้ง อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด พี่บลูไม่ได้ชอบพี่ที่เล่นเป็นไซคีนะ และพี่ต้นก็เคยบ่นว่าวันจริงอุปกรณ์แต่งตัวขาดไปเยอะด้วย"


"ประกอบกับที่พี่บลูเก็บสร้อยข้อมือได้เลยต้องให้เพื่อนยืมใช่มะ?" แอ๋มช่วยวิเคราะห์อีกแรง สงสัยพวกเธออ่านนิยายสืบสวนมากกันเกินไปแล้วมั้ง ความจริงคาบคอมไม่ใช่คาบที่พวกเรานั่งติดกันได้หรอก แต่อาศัยที่นั่งคนละฝั่งในตำแหน่งเดียวกันจึงช่วยได้เยอะ ก็แหม... มาพิมพ์ จัดเรียงข้อมูลเนี่ยมันใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วยเหรอ?


แต่ฉันก็ไม่สนใจแล้วล่ะ ฉันไม่อยากเจอพี่บลูอีกแล้ว แต่พอออกจากห้องชีวะตอนหมดคาบสี่แล้วก็ต้องเจอกันอีกน่ะสิ เฮ้อ...


และนั่นก็ทำให้ฉันไม่มีสมาธิเรียนชีวะเลย ถึงอาจารย์จะบอกว่าพวกเราผ่านแถมได้คะแนนดีทั้งกลุ่มด้วย ถ้าเป็นปกติฉันคงดี๊ด๊าไปทั้งวัน แต่นี่มันไม่มีอะไรจะให้ดีใจน่ะสิ


ฉันรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ฝ่ามือเริ่มชื้นราวกับตื่นเต้นที่จะได้เจอกับสิ่งที่รอคอย ฉันไม่ได้อยากจะตื่นเต้นที่เจอพี่บลูเข้ามาเรียนชีวะหรอก... แต่ทำไมสายตาเจ้ากรรมต้องคอยมองไปยังหน้าห้องด้วยนะ โอ๊ยย...


เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องฟุ้งซ่านจึงหันไปมองเพื่อนๆ ยัยควีนมองออกไปทางนอกห้องเป็นระยะๆ พี่ต้นที่มารอเรียนชีวะต่อจะชอบมานั่งม้าหินตำแหน่งตรงกับประตูเพื่อจะได้เห็นยัยควีน และบางวันฉันจะเจอพี่บลูส่งยิ้มมาให้ฉันด้วย ถือเป็นกำลังใจที่พี่เขาเคยเรียนกับอาจารย์มาเมื่อปีก่อนหรือเปล่านะ?


และฉันก็เห็นพี่ต้นจริงๆ นอกจากยิ้มให้ควีนแล้วยังแอบส่งสายตากวนๆมายังฉันได้อีกนะ ก่อนจะกวักมือเรียกใครสักคนให้มาหา ฉันเริ่มรู้สึกเครียดปนตื่นเต้น ในใจคิดว่าต้องเป็นพี่บลู แล้วก็ใช่เสียด้วย ฉันจึงหลบสายตาแปลกๆของพี่บลูที่มองมาหันไปอ่านเนื้อหาในสมุดที่จดแทน


กิ๊ง.. ก่อง.. แก๊ง.. ก่อง...


หมดคาบสี่แล้ว หลังจากโต้งประกาศ "นักเรียน! ทำความเคารพ" เสร็จแล้วพวกเราก็ลุกขึ้นออกไปกัน ฉันจึงหันไปใช้บริการประตูหลังห้องแทนเพื่อหาทางหลีกเลี่ยงพี่บลู


(มีต่อ)

Last edited by MiyaCatZ (2008-08-22 14:53:14)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#43 2008-06-29 12:49:18

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

เมื่อเดินออกมา พี่บลูก็ยืนอยู่ใกล้ๆเสียแล้ว "พิ้งค์... เราต้องคุยกันนะ"


แต่ฉันไม่ยอมฟังง่ายๆหรอก เพราะเขาคนนี้แท้ๆที่ทำให้ฉันต้องร้องไห้เป็นเผาเต่าได้ในรอบสองปี "อย่าเลยดีกว่าค่ะ พิ้งค์ไม่อยากจะฟังข้อแก้ตัวของคนที่เอาของรักของหวงพิ้งค์ไปหรอก" ก่อนจะรีบก้าวเดินฉับๆออกไปทันที ฉันต้องรีบออกไปให้เร็วที่สุด ก่อนที่น้ำตาจะไหลอีกรอบ


ฉันยังไม่ลืมหรอกนะในวันนั้นน่ะ... สมกับเป็นผู้หญิงลืมยากของวงที่ชื่อเหมือนฉันเลย


ปกติแล้วพวกเรา... จะไม่กล้าเสี่ยงอยู่นิ่งๆในลานเอนกประสงค์ได้นานๆแน่ เพราะลูกฟุตบอลหลายสิบลูกที่คนหลายสิบคนเล่นช่างอันตรายแก่เซลล์ทุกส่วนของร่างกาย


โดยเฉพาะถ้าโดนลูกฟุตบอลหนังอัดเข้าจังๆน่ะนะ


แค่รถก็ยังบุบได้ นับประสาอะไรกับกะโหลกศีรษะล่ะ


แต่ดูท่าพี่บลูจะลืมความจริงข้อนี้ไปเสียแล้ว เพราะขณะที่ฉันเดินผ่านกลางลานเอนกประสงค์ เขาก็วิ่งมาฉุดข้อมือฉันเพื่อให้หยุดเดินทันที


"พิ้งค์ๆ พี่ขอโทษที่ไม่ได้กลับมานั่ง แต่ที่บ้านมีเรื่องด่วนน่ะ"


ฉันมองหน้าเขาด้วยสายตาแบบที่ว่าฉันไม่รู้จักนายทันที แต่พี่บลูก็ไม่หยุดพูด


"แล้วสร้อยนั่นพี่ก็เก็บมาได้ และเก็บไว้กับตัวตลอดนะ ไม่คิดว่ามันจะเป็นของพิ้งค์ แล้ววันแสดงจริงน่ะห้องพี่มีแอ๊คซิเดนท์เครื่องประดับหายเพราะวางไว้ผิดที่ เลยต้องเอาสร้อยนี่ให้ฟ้าเพื่อนพี่ และพี่ก็ไม่ได้ชอบฟ้าด้วย ยัยนั่นก็มีแฟนแล้ว" เขาอธิบายเสียยืดยาว ฉันเริ่มเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วล่ะหลังจากที่ได้ฟัง


แต่ฉันก็ไม่อยากยกโทษให้เขาอยู่ดี เพราะเขาทำฉันร้องไห้เสียน้ำตาไปหนึ่งปี๊บแล้วนะ ยิ่งกว่าอายะที่ร้องไห้แค่หนึ่งลิตรอีก "แล้วพี่มารู้ได้ยังไงล่ะคะว่าสร้อยนี้เป็นของพิ้งค์ ใช่สิ! ต้องเป็นคนอื่นมาบอกแน่ๆเลย พี่ต้นใช่มั้ยคะ ที่ทำให้พี่หายโง่ได้สักที แล้วที่ทำพิ้งค์เข้าใจผิดเนี่ย มีคำอธิบายมาแค่นี้เองเหรอคะ?" ฉันลืมตัวเถียงไปอย่างน้อยใจ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าที่พูดไปฟังดูแรงไม่ใช่น้อยกับคนที่เป็นถึงรุ่นพี่ม.6 และเป็นกรรมการนักเรียนด้วย


"พิ้งค์! เราพูดจาแรงไปแล้วนะ" พี่บลูเริ่มทำสีหน้าไม่พอใจ แต่ฉันไม่สนอีกแล้ว ก่อนจะรีบหันหลังเดินไปเลยในทันที


โดยลืมไปเสียสนิทว่ามีเด็กม.ต้นกลุ่มนึงเล่นฟุตบอลอยู่ แล้วฉันก็เดินฝ่าวงนั้นอยู่ด้วย ที่สำคัญ... ลูกฟุตบอลนั่นไม่ใช่บอลพลาสติก แต่เป็นลูกบอลหนังของแท้ และท่าทางจะหนักเอาการด้วย


"เฮ้ย! เมิงจะเตะไปไหนวะ" เด็กคนหนึ่งหันไปอุทานกับเพื่อนคนหนึ่งที่เตะบอลขึ้นสูง แต่ฉันที่มองภาพเหตุการณ์แค่หางตาก็เดินต่อไปอย่างไม่รู้สึกอะไร


และท่าทางชี้โบ๊ชี้เบ๊ของเด็กกลุ่มนั้นก็ทำให้ฉันหันไปดูอย่างเต็มตา นี่น้องๆชี้มาทางฉันทำไมเนี่ย? มันเหมือนกับภาพสโลว์โมชั่นที่กำลังฉายก่อนเกิดเหตุการณ์เลยทีเดียว ท่าทางชี้โบ๊ชี้เบ๊เนี่ย


ก่อนจะเริ่มกระจ่างเมื่อพี่บลูตะโกนตามหลังมา "พิ้งค์!! ระวังลูกบอล"


"พลั่ก!!" ไม่ทันแล้ว สิ่งสุดท้ายที่ฉันได้รับรู้คือความเจ็บที่แล่นกระจายทั่วทั้งศีรษะ มีเพียงดาวหลากสีกระจายอยู่ในโสตประสาทเท่านั้น และฉันก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย แม้ก่อนจะสิ้นสติจะได้ยินเสียงพี่บลูที่ตะโกนมาอย่างแผ่วเบาก็ตามเถอะ

+++++++++++++++++++++++++++

พิ้งค์จะเป็นอะไรมั้ยเนี่ย... = = โดนลูกบอลซะขนาดนี้ 555+ (แบบอยากรู้ว่ามีคนโดนบอลอัดแบบนี้จะเป้นยังไง คนเขียนเคยโดนมากสุดคือโดนที่มือ และตอนม.4 เคยได้ยินมาว่ามีคนโดนบอลอัดจนจุกไปแล้ว)

ตอนหน้าจะจบพีเรียดแรกแล้ว ดีใจเนอะ ทั้งที่ความจริงก็แต่งถึงตอนที่ 17 ไปแล้ว (ช่วงปิดเทอมมันเขียนง่าย ของเทอมสองคงไม่ต้องหาข้อมูลเยอะมั้ง คิดพล็อตไว้แล้วด้วย เพราะมีนางร้ายเข้ามา แต่แน่นอนว่าไม่ใช่คนเขียนแอนด์เดอะแก๊งนะ 55+ พวกเราเป็นแค่ตัวประกอบเฉยๆ >.<)



เอารูปพิ้งค์มาให้ดูดีกว่า 55+ แบบเมื่อคืนสแกนลงคอม วันนี้เอามาลงสี เป็นช่วงเทอมสองแหละ เขียนแซวที่พิ้งค์เป็นสาวขี้หนาว~
pinkbluepaint.jpg
พิ้งค์ : I'm so cold~
ควีน :...
บลู : Oh! god แฟนผม... หนาวก็ไม่บอก จะกอดให้ร้อนแทน -.,-
ต้น : เว่อร์ได้ใจครับน้องพิ้งค์! อย่าหื่นในที่สาธารณะแบบนี้สิวะไอ้บลู ไม่อายเลย - w -



ส่วนนี่คือผู้ที่เล่นเป็นไซคี + อโฟรไดท์
IMG3107A.jpg

เทพซีอุส
Image306.jpg

สรุปคือเผาเพื่อนซะงั้น = o = โฮะๆๆ (เผาเพื่อนคืองานของเรา มันไม่เล่นบอร์ดโรงเรียนกันอ่ะ)

Last edited by MiyaCatZ (2008-06-29 13:19:42)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#44 2008-07-01 19:08:03

Kb_best
สมาชิก
From: + Other World +
Registered: 2008-05-07
Posts: 3

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ขยันจัง เพราะเขียนเรื่องนี้หรือเปล่า? เรื่องเราเลยไม่ก้าวหน้าสักที 555+

เขียนให้จบเลยนะครับหยาดน้ำฟ้า ^_^

Offline

#45 2008-07-04 18:18:57

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

วันนี้เอาตอนใหม่มาลงละ สอบฟิสิกส์เป็นผลสำเร็จ (เตรียมซ่อม -*-)

ตอนบ่ายสองกว่าๆ เกือบโดนบอลน็อกหัวแบบพิ้งค์ด้วยอ่ะ - -"" เฉียดหัวไปนิดเดียวเอง และเป็นบอลพลาสติก ณ หน้าห้องน้ำสวนเสริม


+++++++++++++++++++++++++++++++++


- Chapter 12 : So Sorry -


"พิ้งค์!!!" ผมตะโกนลั่น พร้อมกับปรี่เข้าไปรับร่างที่จวนเจียนจะล้มแหล่มิล้มแหล่นั่นทันที


อุบัติเหตุที่น่ากลัวเอาการในสวนนนท์ เห็นจะเป็นเรื่องลูกหลงจากฟุตบอลนั่นแหละ เพราะหลายปีก่อนเคยมีคนโดนบอลอัดจนจุกมาแล้ว ต้องรีบนำส่งห้องพยาบาล แน่นอนว่าน้องพิ้งค์ที่สลบไปแบบนี้ต้องพาไปห้องพยาบาลด้วยเช่นกัน


"เฮ้ย!! พิ้งค์" น้องควีน แอ๋ม และโต้งวิ่งเข้ามาทันทีหลังจากได้ยินเสียงผมตะโกน พิ้งค์สลบไปเลยหลังจากโดนลูกฟุตบอลหนังพุ่งเข้าศีรษะเต็มๆ เป็นเพราะผมแท้ๆเลยที่ทำเสียเรื่อง


ที่ไปทำท่าไม่พอใจใส่เธอเอง ที่ไม่ยอมอธิบายและขอโทษดีๆ และที่... ทำให้พิ้งค์เสียใจ


ผมรู้ว่าพิ้งค์ร้องไห้เพราะผมตอนที่ต้นมาบอกเมื่อเรียนสุขศึกษาเสร็จนี่เอง เนื่องจากควีนแอบมารายงานต้นตอนเรียนคาบสองเสร็จ และบอกว่าสร้อยข้อมือนั่นเป็นของพิ้งค์ ซึ่งเป็นของดูต่างหน้าจากอดีตเพื่อนสนิทที่ตายไปเมื่อสองปีก่อนด้วย ยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่


"พี่บลู รีบพายัยพิ้งค์ไปห้องพยาบาลเลยค่ะ อุ้มไปเลยก็ได้" ควีนพูดด้วยความตื่นตระหนก ด้วยความที่เห้นว่าสิ่งที่มากระแทกหัวเพื่อนรักจนสลบไปคือลูกฟุตบอลหนัง แถมไอ้เด็กเวรนั่นก็เตะแรงด้วยนะ!! ถ้าพิ้งค์เป็นอะไรขึ้นมาล่ะก็เจ้านั่นจะต้องถูกรองประธานฯตื้บได้ก็คราวนี้


ผมจึงตัดสินใจอุ้มพิ้งค์ขึ้น ตัวไม่หนักมากจึงอุ้มได้อย่างสบาย เราจึงเดินลัดไปตามถนนแทนที่จะเดินผ่านโรงอาหาร ด้วยไม่อยากจะให้เป็นเป้าสายตานั่นเอง


"ตายแล้ว! โดนลูกฟุตบอลมาอย่างนั้นเหรอ?" อาจารย์แขก ที่ปรึกษาอีกคนอุทานอย่างตกใจเมื่อผมที่อุ้มพิ้งค์พร้อมกับน้องๆอีกสามหน่อที่เข้ามาดูอาการเพื่อนรักอย่างใกล้ชิดแห่เข้ามายังห้องพยาบาล


"ครับ... สมองน้องเค้าคงไม่กระเทือนมากใช่มั้ยครับ ต้องตรวจเช็คอะไรอีกหรือเปล่า ถ้าติดเรื่องค่าใช้จ่ายผมช่วยออกให้ก็ได้" ผมรีบยิงคำถามใส่ทันที จนอาจารย์ต้องยกมือเบรก


"ดูจากอาการคงแค่สลบไปน่ะ ดีนะไม่เป็นอะไรมาก ให้นอนพักสักหน่อยดูอาการก็ดีนะ ว่าแต่เธอเป็นห่วงเด็กคนนี้มากเกินไปแล้วนะนทีกร" ช่วงหลังอาจารย์หันมาแซวผมแทน แน่นอนว่าผมก็ต้องเขินสิครับ โดยเฉพาะมีแรงสนับสนุนจากเด็กสามคนในชุดพละด้วยน่ะ


"พี่เค้าเป็นห่วงเพื่อนหนูค่ะ เห็นโทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุให้ยัยพิ้งค์ต้องโดนบอลน็อก"


"ใช่ครับ"


อาจารย์ยิ้มอย่างขบขันก่อนจะบอก "เอาล่ะ เดี๋ยวเราพาคนนี้ไปนอนซะนะ แล้วกลับไปเรียนวิชาต่อไปได้ ส่วนพวกเธอสามคนนี่...?"


ควีนรีบตอบทันที "พวกหนูพักกลางวันอยู่ค่ะ เฝ้าเพื่อนได้มั้ยคะ?"


"ได้สิ แต่ถึงคาบเรียนแล้วอย่าลืมเก็บของมีค่าไว้ให้เพื่อนเธอด้วย เคยมีคดีของหายไปครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นต้องระวังกันหน่อยนะ" อาจารย์พูดอย่างเอ็นดู ผมจึงขอตัวออกไปเรียน และน้องแอ๋มกับโต้งที่ตามออกมาเพื่อจะไปกินข้าว เพราะควีนเป็นคนอาสาเฝ้าพิ้งค์เอง


คาบบ่ายผมจึงไม่มีสมาธิเรียนเลย ทั้งที่กำชับกับควีนแล้วว่าถ้าพิ้งค์ฟื้นแล้วให้โทรฯบอกผมด้วย ดังนั้นจึงไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากเฝ้าโทรศัพท์มือถืออยู่อย่างนั้น


จนต้นต้องแซว "เฮ้ย! ห่วงน้องพิ้งค์เค้ามากขนาดนั้นเลยเหรอวะ? น้องเค้าไม่ได้โคม่านะเว้ย ไม่ต้องเว่อร์ขนาดนั้นก็ได้" แต่คำตอบที่ต้นจะได้คือสายตาอาฆาตพยาบาทของผม ลองคนสลบเป็นน้องควีนสิ มันก็คงเป็นเหมือนกับผมนั่นแหละ


"แต่เอาเถอะ เป็นข้าคงยิ่งกว่าแกแหละนะ ถ้าน้องควีนโดนบอลมั่งคงต้องรี่ไปอัดเจ้าตัวการทันที น่ากลัวต่อตำแหน่งประธานนักเรียนชะมัด" ประโยคนี้ทำเอาผมต้องหลุดหัวเราะออกมา ประธานนักเรียนไปอัดเด็กม.ต้นกลางลานเอนกประสงค์เนี่ยนะ...


ไม่ทันได้คุยต่อก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทันที เป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเอาเสียเลย จนเมื่อรับนั่นแหละ เสียงคุ้นหูก็ดังขึ้นมาเสียอย่างนั้น "อ้าว! น้องควีนเหรอครับ?"


(ใช่ค่ะพี่ ยัยพิ้งค์ฟื้นแล้วนะคะ มาหาได้เลยค่ะเพราะอีกสองนาทีจะหมดคาบหกแล้ว)


คำพูดของควีนทำให้ผมนึกได้ทันที ตอนนี้ยังเป็นคาบอังกฤษ ถ้าเข้าคาบสาระเพิ่มก็ยังพอโดดไปได้ล่ะน่า ให้ต้นเก็บชีทไว้ให้แล้วกัน เพราะสาระเพิ่มอังกฤษมีแค่ใบงาน อ่านจับใจความซึ่งคนไม่ค่อยเก่งเรื่องแปลจะต้องถึงขั้นกุมขมับเลยทีเดียว


(มีต่อ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#46 2008-07-04 18:22:07

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

และเมื่อเลิกเรียนคาบนี้ผมก็รีบวิ่งออกไปทันที เป้าหมายเดียวคือห้องพยาบาลนั่นเอง


เมื่อเข้าไปถึงห้องพักหญิงก็เห็นน้องควีนนั่งอยู่บนเตียงว่างฝั่งขวา ฝั่งซ้ายคือน้องพิ้งค์ที่นอนคุยอยู่ สีหน้าเธอดูเพลียๆพิกลนะ


"พี่บลู..." เธอพึมพำ ผมจึงเข้าไปหาทันที "พิ้งค์ เจ็บไหม? พี่เตือนไม่ทันน่ะ ต้องขอโทษด้วยนะ" แต่เธอส่ายหน้า


"ไม่เป็นไรค่ะ เพิ่งรู้สักทีว่าทำไมโต้งถึงเตือนว่าอย่ายืนกลางลานเอนกประสงค์นานๆ เพราะโดนลูกฟุตบอลทีเนี่ยวิญญาณแทบกระเด็น" พิ้งค์พูดราวกับว่าที่เธอโดนกระแทกหัวมาเนี่ยมันไม่ใช่ฟุตบอลหนัง!! แต่ผมสังเกตได้ว่าเธอไม่มีอาการดื้ออีกแล้ว


ผมจึงทำได้แค่ยิ้มแหยๆ "อ่าครับ... แต่พี่ก็อยากขอโทษอีกเหมือนกันนะ ที่ทำให้ร้องไห้น่ะ ควีนมาบอกพี่เองแหละ แล้วพี่ก็ตั้งใจจะเอาสร้อยมาคืนด้วย ดีนะที่พกติดตัวอยู่ทุกวันเลย" พูดจบก็ค่อยๆล้วงกระเป๋าเสื้อเพื่อหยิบสร้อยข้อมือห้อยคริสตัลสีชมพูรูปหัวใจอันเดิมออกมา


"พี่บลูเก็บไว้เหรอ?" พิ้งค์อุทาน แต่ผมไม่สนใจจะตอบคำถามนั้น เพราะสาละวนอยู่กับการคว้าข้อมือข้างซ้ายเพื่อจะสวมสร้อยให้เหมือนเดิม มีเสียงหัวเราะคิกๆจากควีนดังมาอีกด้วย


"ดีจังเลยนะ แสดงว่าสร้อยมันเป็นของพิ้งค์จริงๆอย่างที่แอ๋มว่าไว้ในทฤษฎีของมัน เพราะดูสิ ยังมีคนเก็บได้ แถมยังเป็นพี่บลูอีก"
ผมเริ่มงง ทฤษฎีอะไรกันนะ? "ทฤษฎีเหรอ?"


ควันหยักหน้า "ใช่ค่ะ ทฤษฎีของแอ๋มที่ว่า 'ถ้ามันเป็นของเราก็ต้องกลับมาอยู่วันยังค่ำ' แต่แอ๋มมันดัดแปลงจากเนื้อคู่เป็นสิ่งของเท่านั้นเองแหละค่ะ จากนิยายรักเรื่องโปรดน่ะ"


"ใช่ เรื่องอะไรนะ... ปาฎิหารย์รักอะไรสักอย่างนี่แหละ ที่ตัวเอกและเพื่อนๆเล่นไพ่แล้วใช้มันหาตำแหน่งของเนื้อคู่ ไปๆมาๆพบว่าเป็นคนรั้วติดกันนี่เอง รั้วบ้านน่ะค่ะ" พิ้งค์พูดต่อ ผมนึกแล้วก็อดขำไม่ได้ ปาฏิหาริย์รักเจอได้แค่ริมรั้วอย่างนั้นเองเหรอ?


แล้วปาฏิหาริย์รัก... จะเจอได้ในรั้วโรงเรียนด้วยหรือเปล่าหนอ


"เดี๋ยวเราไปก่อนนะพิ้งค์ จะไปหาของกินสักหน่อย วันนี้โดดเรียนไปหลายวิชาเลย อังกฤษเอย แล้วก็พละอีก แต่อ่าน+ทำแบบฝึกหัดเองได้เลยไม่เท่าไหร่หรอกนะ พละก็ไม่มีคู่ให้ทุ่มเพราะหัวน็อกอยู่ ไปแล้วค่ะพี่บลู บ๊ายบาย" ควีนรีบออกไปทันที แต่ผมรู้นะว่าเธอคงไม่อยากเป็นก้างขวางคอน่ะ เหอๆ


และก็เหลือเราอยู่สองคน ผมยิ้มให้พิ้งค์อย่างเอ็นดู "จะไปหาหมอมั้ย? ดูไม่ค่อยมีแรงเลยนี่ พี่กลัวสมองเราจะกระทบกระเทือนด้วยแหละ" แต่เธอส่ายหน้า


"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตอนนี้ยังไหว แค่ไม่ค่อยมีแรงเท่านั้นเอง ยังมึนๆอยู่นิดเดียว" พูดจบพิ้งค์ก็พยายามยันตัวขึ้นได้สำเร็จ คงไปเรียนวิชาต่อไปไม่ไหวเสียแล้วล่ะ เรียนพละม.5 มาทุ่มกันอย่างสนุกสนานแบบนี้ไม่เหมาะกับสภาพอาการเธอแน่


"เอาเป็นว่าพี่จะไม่ทำให้พิ้งค์ต้องเสียใจและเจ็บตัวแบบนี้อีกนะ" ผมหันไปหาเธอ ทำสายตาอ้อนวอนด้วย ซึ่งพิ้งค์ก็ทำได้แค่ยิ้มอายๆ


"ไม่เป็นไรค่ะ แค่พี่ไม่หนีไปคุยกันคนอื่นโดยลืมบอกกล่าวพิ้งค์ก็พอใจแล้ว" ประโยคนี้ทำผมสะดุ้งทันที นี่เธอแอบหึงผมเหรอเนี่ย? ชักดีใจขึ้นมาเสียแล้วสิ


"เฮ้ย! นั่นเพราะพี่มีเรื่องด่วนเข้ามาหรอก อีกอย่างคือฟ้าแค่เอาสร้อยมาคืนเฉยๆ แล้วก็ต้องคุยกันเรื่องเนื้อหาที่จะออกสอบด้วย พี่ก็เลยต้องหาที่เงียบๆกว่านี้คุยยังไงล่ะ" ผมอธิบาย ทำให้พิ้งค์หยักหน้าหงึกๆ ตามองผมอย่างตั้งใจฟัง


"แล้วแม่ก็โทรมาพอดี บอกว่าให้รีบกลับบ้านได้แล้ว คนขับรถมาแล้วด้วย เพราะช่วงนี้มีเรื่องนิดหน่อย พี่เลยไปหยิบเป้และของที่หลังหอประชุม ก็เลยไม่ได้มาลาพิ้งค์ไง ก็อยากบอกอยู่นะ แต่ไม่มีเบอร์โทรศัพท์... ดังนั้นพี่ขอเบอร์พิ้งค์หน่อยนะ" ประโยคหลังผมหันไปทำหน้าอ้อนใส่พิ้งค์แทน ต้นมันก็มีแต่เบอร์น้องควีนนี่นา ที่สำคัญผมก็อยากคุยกับพิ้งค์นะ


พิ้งค์หัวเราะทันที "ฮ่าๆ เกิดมาก็เพิ่งเจอคนขอเบอร์นี่แหละค่ะ งั้นเดี๋ยวเอามือถือมาสิคะ แล้วจะเมมไว้ให้" ก่อนจะยิ้มให้ผมอย่างมีความสุข ดีใจจริงๆครับ!!


+++++++++++++++++++++++++++

จบช่วงแรก ช่วงที่สองจะเริ่มเป็นนิยายสีชมพู 555+ หวานได้ใจ แต่ไม่โรแม้ง = = อ่านะ

วันนี้พิมพ์ที่ 17 ใหม่เพราะเมื่อวันพุธ เพื่อนวิจารณ์ฉากนึงไว้จนแบบว่า... ต้องรีไรท์ใหม่เลยทีเดียว - -" (รายนั้นเค้าเป็นผู้เชี่ยวชาญ ก็เลยต้องรับฟัง และจะไปแก้เรื่องความสุภาพที่มีมากเกินไปด้วย เล่นครับๆค่ะๆมากไปก็แอบอับอายนะเนี่ย - - อิทธิพลจากแฟนล้วนๆ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#47 2008-07-04 18:35:25

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

แถมมม~ !! ภาคพิเศษที่ฉลองจบช่วงแรก 555+

และยอดอ่านปาไปตั้ง 500 กว่าแล้ว ^__^

แอบตามกระแสนะเนี่ย หึหึ

++++++++++++++++++++++++++++

คำเตือน... ภาคพิเศษตอนนี้อาจมีลักษณะการกระทำและคำพูดที่ไม่เหมาะสม (บ้าง) เพราะนายบลูเป็นคนบรรยาย = = และอาจมีฉากที่หลายคนปรารถนาอยากจะเห็นในนิยายเรื่องนี้ แน่นอนว่าคนเขียนพยายามสุดความสามารถแล้วนะ


- Chapter Special : Love of  Suannon!!! -


วันนี้ผมก็นะ... มาโรงเรียนตามปกติ


จะว่ายังไงดีล่ะ ตื่นมาตีห้าครึ่ง อาบน้ำแต่งตัว กินข้าวเช้า ออกจากบ้านก็นั่งรถสองแถวมาลงที่โรงเรียน หกโมงครึ่งพอดีครับ!!!


แต่วันนี้... ดูจะผิดปกติยังไงก็ไม่รู้นะ จากสายตาของนักเรียนหลายท่านที่มองมาทางผมอย่างแปลกๆ ยังกับมีคนปล่อยข่าวว่าผมฉุดน้องพิ้งค์ไปยังไงยังงั้นแหละ แต่ผมไม่คิดจะฉุดน้องเขาไปหรอก เสียภาพพจน์คนดีหมดสิ


และน้ามีนาอาจจะหันมาเกลียดผมแทนก็ได้ ถ้าจะไปฉุดลูกสาวเขาน่ะนะ


ผมเดินไปนั่งยังม้าหินตามปกติ ซึ่งทุกเช้าจะต้องมานั่ง หลังจากที่ต้นเพิ่งประกาศว่าขี้เกียจถ่อมาโรงเรียนแต่เช้าเพื่อมานั่งห้องกน. ทำให้ผมต้องมาขออานิสงค์จากน้องๆ 5/5 ที่สนิทกันนั่งด้วยนั่นเอง


ที่แน่นอนที่สุดคือ ผมไม่ได้เข้ามาเป็นคนแรกเสียแล้ว เพราะน้องพิ้งค์ น้องควีน น้องแอ๋มและนายโต้งต่างนั่งด้วยกันอย่างมีสีหน้าเคร่งเครียดน่าดู


"อย่าเสียใจเลยน่าควีน ที่พี่ต้นเขาไม่ได้ชอบเธอ" แอ๋มว่าขณะที่ควีนกำลังหยิบผ้าเช็ดหน้าลูกไม้สีขาวเพื่อซับน้ำตา เธอกำลังร้องไห้ ตาบวมแดงไปหมด ซึ่งทำให้ผมรู้สึกงุนงงเป็นอย่างยิ่ง


"เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?" ผมถาม ทำให้รุ่นน้องทั้งสี่มองมาทางผมอย่างแปลกๆ เหมือนกับมีความหวังในชีวิตขึ้นมาได้ยังไงยังงั้น


พิ้งค์ที่สนิทกับควีนที่สุดจึงหันมาเล่า "คือควีนบอกว่า เมื่อคืนพี่ต้นบอกเลิกกับเธอผ่านโทรศัพท์น่ะค่ะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน?" ทำให้ผมรู้สึกงงเป็นอย่างยิ่ง... ไอ้ต้นมันรักน้องควีนมากเลยไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมมันถึงต้องการจะเลิกกับเธอล่ะ ทั้งที่คบกันมาก็แค่สองเดือนกว่าๆเท่านั้นเอง


ทำให้เมื่อต้นมาถึงโรงเรียน ผมจึงเรียกมันไปคุยที่หลังสแตน มุมโปรดที่คนไม่พลุกพล่านด้วย "เฮ้ยต้น! แกเป็นอะไรไปวะ ถึงเลิกกับน้องควีนเสียดื้อๆแบบนี้น่ะ"


ต้นไม่พูดอะไร ทำได้แค่ก้มหน้านิ่ง ท่ามกลางเสียงของผมที่เทศนามันฉอดๆ "คือมันจะผิดปกติมากเกินไปแล้วนะเว้ย คือแกก็ยังบอกข้าอยู่เลยนะเมื่อวานว่ารักน้องควีนมากที่สุดในโลก แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย ขอคำตอบหน่อย?"


"บลู..." ต้นเงยหน้าขึ้น สบตาผมด้วยสายตาบางอย่าง ซึ่งทำให้ผมรู้สึกได้ทันทีว่ามันดูจะไม่ปกติเอาเสียแล้ว "แกเป็นเพื่อนที่ดีของข้านะ รักกันมาตั้งแต่เด็ก เล่นก็เล่นด้วยกัน ก่อวีรกรรมมาด้วยกันตั้งแต่ประถมยันมัธยม วันศุกร์แกก็ให้ข้านอนค้างบ้านเพราะเห็นว่าเรียนที่สยามเช้าวันเสาร์เหมือนกัน ค่ายลูกเสือ เจ็ดสวน(ในตอนนั้น) เขาชนไก่ก็อยู่ด้วยกันอีก แทบจะเป็นเพื่อนตายกันแล้วด้วยซ้ำ... คือมัน..."


ผมยังคงทำหน้าไม่เข้าใจ "แกพูดอะไรวะต้น!! พูดให้มันเคลียร์ๆซิ?"


ต้นยิ้มอย่างเนือยๆให้ผม "งั้นแกจะพอยอมรับได้ไหมล่ะ?"


ผมจำต้องพยักหน้าด้วยความอยากรู้ "บอกมาสิ" ก่อนจะตกใจแทบสิ้นสติเมื่อความจริงหลุดออกจากของเพื่อนผมคนนี้ "บลู... ข้ารักแกว่ะ"


อ้ากกกก!! ไม่นะ ไม่!! เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนโผมมม....


แล้วภาพบางอย่างก็แวบขึ้นในหัวสมองผม... "เชื้อชีวภาพวิปริตหลุดรั่วกระจายขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ มะกันเผยอาจมีผลต่อสภาพจิตใจท่านชายให้เบี่ยงเบนได้" ข่าวนี้นี่เอง... เชื้อบ้านั่นต้องลามมาสู่ประเทศไทยแล้วอย่างแน่นอน ไม่นะ... ผมยังเป็นชายแท้นะครับ!! กลัวแค่ว่าเกิดรับเชื้อแล้วคงต้องเสียเวลาโหลดหนังสำหรับท่านชายในรูปแบบใหม่กันแทนก็เท่านั้น (หนัง Y นั่นเอง)


แต่ผมมัวเสียเวลาคิดอะไรกันอยู่นะ ไม่ได้การแล้ว


"เมิงบ้าไปแล้วเรอะ!!!" ผมอุทานลั่น แน่นอนว่าทำให้ต้นมีสีหน้าเจื่อนลง


"ข้าไม่ได้บ้า ข้ารักแกจริงๆนะไอ้บลู" มันยังยืนยันคำเดิม ทำให้ผมชักประสาทกิน


ก่อนจะตกใจอีกครั้งเมื่อต้นเข้ามากอดผมไว้แน่น... "ต้น แกอย่าล้อเล่นสิ อุ๊บบ..." และมันก็จัดการปิดปากผมด้วยริมฝีปากมันนั่นเอง ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่าปากมันชมพูดี หนานุ่ม และได้รูปด้วย แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าไปจูบกับน้องควีนแทนที่จะเป็นผมนะ ฮือ... หมดกันเลย จูบแรกของผม


ยอมรับว่ามันแหวะสิ้นดี กับเพื่อนของตัวเองน่ะนะ... ถ้าเป็นน้องพิ้งค์มากอดผมแล้วจูบแบบนี้จะไม่ว่าเลยสักคำ (และอาจมีแถมกลับให้เยอะๆเลย หึหึ)


ผมเลยต้องสะบัดตัวออกไป แต่แรงพันธนาการของต้นทำไมแน่นหนาอย่างนี้วะ ปล่อยนะ ปล่อย!!!


แล้วเมื่อพอสะบัดตัวออกได้ ก็ล้มลงไปกระแทกกับเก้าอี้ไม้แล้วลงไปกองกับพื้นทันที "โอ๊ยย!!"


เมื่อลุกขึ้นก็ต้องพบว่าตัวเองอยู่ใต้ตึก 4 ซึ่งทำเป็นโรงอาหารเฉพาะกิจนั่นเอง บนเก้าอี้มีหมาสีน้ำตาลหางฟูๆตัวหนึ่งอยู่ เจ้าหมูแดงนั่นเอง มันแลบลิ้นแผล็บๆอย่างสบายอารมณ์ ขณะที่ผมเอามือจับริมฝีปากตัวเองที่มีความชื้นของน้ำลายติดอยู่จริงๆ


...นี่ตรูเสียจูบให้กับหมาใช่มั้ย...


ผมคิดได้ดังนั้นจึงรีบวิ่งไปยังก๊อกน้ำเพื่อล้างปากทันที ดวงซวยจริงโว้ยยยย!!! หลับอยู่สบายๆก็มีหมามาเลียปาก แถมฝันเป็นอัปมงคลอย่างร้ายแรง สงสัยต้องทำบุญเยอะๆเสียแล้ว


+++++++++++++++

น่าสงสารบลู เจ้าหมูแดงแปรงฟันมาบ้างหรือเปล่าไม่รู้ = =

รู้ชื่อเพราะอาจารย์ที่ปรึกษาเรียกมันแบบนี้นะ "หมูแดงๆ" เหอๆ ชอบแย่งที่นั่งโต๊ะม้าหินของคนเขียนและผองเพื่อนเหลือเกิน -*- คือมันจะไม่กล้านั่งอ่ะเวลารู้ว่ามีหมามานอนแล้ว (ใครชอบนั่งหน้าตึก 4 ทุกเช้าจะรู้ดี)

ส่วนวันนี้... ถ้าบลูกับต้นมีจริง ต้นจะยิ้มเพราะทำฟิสิกส์ได้ แต่บลูจะทำสีหน้าเซ็งโลกแทน (แน่นอนว่าจะได้ซ่อมพร้อมกับคนเขียนแน่ กี๊ซซซ~ >.<)

ก็มีสอบย่อยพร้อมกับ 6/2 นี่เนอะ T w T เง้อออ~


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#48 2008-07-06 16:45:38

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ขอบคุณยอดคนดู 606 คนค่ะ ^_________^

ลงตอนใหม่ดีกว่า อย่าแปลกใจที่มันแยกเป็นพีเรียด(ช่วง) เพราะนอกจากจะแยกช่วงการเขียนได้แล้ว จะช่วยให้ง่ายต่อการเสริมรายละเอียด แบ่งช่วงเวลาของเรื่องได้อีกด้วย

จาสอบมิดเทอมละ แต่เนื้อเรื่องดันไปไกลถึงปิดเทอมแล้วซะงั้น...

คิดว่าคนเขียนจะได้เขียนจบก่อนปิดเทอมนี้มั้ยคะ 555+ (ร่วมลุ้นกันได้ แต่อย่าพนันกันนะเฟร้ยยย = = เดี๋ยวบาปติดตัวข้อหาทำให้คนอื่นเสียตังค์ ไม่เอาๆ)


++++++++++++++++++++++++++++++++++++


- Chapter 13 : Let's go to watch movie -


"กรี๊ดดดดด!! สอบเสร็จแล้วโว้ยยย จบกันซักทีเทอมหนึ่งอันน่าเหนื่อยยาก" พวกเราตะโกนหลังจากลงมาจากตึกกันได้แล้ว เพื่อไม่ให้อาจารย์คุมสอบหันมาเขม่นข้อหารบกวนสมาธิเพื่อนที่กำลังสอบ


และคนต้นคิดในการตะโกนแบบนี้คือควีนกับโต้งนั่นเอง สังเกตได้ว่าระดับความดีใจจะแปรผันตรงกับความเยอะของเวลาอ่านหนังสือสอบผสมกับการเรียน (ที่หนัก) ยัยควีนจึงกรี๊ดเสียงดังกว่าใครเพื่อน จนมีสายตาของคนอื่นมองมาทางพวกเราเป็นตาเดียว


วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการสอบปลายภาคในเทอมหนึ่งนั่นเอง ดังนั้นถือได้ว่าพวกเราปิดเทอมกันจริงๆแล้ว ไชโย~ ไชโย~ ความจริงไม่น่านับเป็นวันหรอก เพราะนี่เพิ่งสิบโมงกว่าๆเท่านั้น แต่ที่พวกเรายังไม่ออกไปสักทีอย่างที่ทำกันเป็นประเพณีของการสอบเสร็จนั้น...


"เดี๋ยวสอบเสร็จรอกันที่หน้าห้องกน.นะพวกเรา พี่ต้นบอกว่าจะชวนฉันไปเที่ยว เอาพวกแกทุกคนกันด้วยได้ เพราะพี่เขาก็บอกว่าจะเอาพี่บลูมาเหมือนกัน" ควีนประกาศหน้าห้องสอบตอนเช้าหลังเข้าแถวเสร็จ ทำให้พวกเรานึกสนุกที่จะได้ไปเที่ยวกัน


และฉันก็แอบดีใจด้วย ที่พี่บลูจะมาเที่ยวกับฉัน... หลังจากคืนดีกันเมื่อสองเดือนก่อนเราก็สนิทกันมากกว่าเดิม และด้วยความที่เขาได้เบอร์โทรศัพท์ฉันไป ก็โทรเข้ามาบ่อยมาก แต่ดีตรงที่มีติวเตอร์ส่วนตัวให้นั่นแหละ ทำให้รู้สึกญาติดีกับวิชาคณิตศาสตร์มากขึ้นเยอะ


ส่วนฟิสิกส์... พี่บลูบอกว่าเขาเองก็ยังเอาตัวไม่รอดเลย ดังนั้นคงช่วยให้ไม่ไหว ฉันเลยต้องพึ่งติวเตอร์นามว่าควีนต่อไป (ท่ามกลางเสียงบ่นไม่จริงจังมากของเธอว่าทำไมจำสูตรไม่ได้หว่า?)


พวกเราทั้งสี่เดินมายังหลังสแตน ไม่มีใครเดินมาแถวนี้อีกเลย มีเพียงรถที่จอดอยู่เต็มและความเงียบเท่านั้น หน้าห้องกน.ก็ไม่มีรองเท้าถอดไว้ แถมปิดประตูไว้เลย แสดงว่าพี่บลูกับพี่ต้นยังสอบไม่เสร็จแน่นอน


"ปลายปีแกลงสมัครเป็นประธานสิควีน น่าสนุกนะ มีห้องทำงานของตัวเองและทีมงานเพื่อนๆด้วย" โต้งเสนอ แต่เธอทำหน้าเบ้


"ไม่เอาย่ะ เมื่อก่อนฉันก็อยากลงนะ แต่พอมาเป็นแฟนประธานแล้วก็รู้เลยว่างานเยอะแค่ไหน แถมต้องรับจ๊อบเป็นออร์แกไนเซอร์จัดงานโรงเรียนอีก ฉันไม่อาจเสียสละได้มากเท่าพี่ต้นหรอก" ทำเอาพวกเราหัวเราะ


"เห็นพี่เค้าเคยบอกเหมือนกันนะว่า 'ถ้ารู้ว่างานเยอะคงไม่มาลงหรอก' ไม่ใช่เหรอ?" แอ๋มหันมาถาม ฉันเลยต้องช่วยเสริมอีกที


"แต่พี่ๆเค้าก็ดูมีความสุขกับตำแหน่งกน.ดีนะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ลงสมัครหรอก"


เพื่อนๆพยักหน้าอย่างเห็นด้วยทันที "ก็จริงแหละเนอะ"


และพี่ๆที่เราเพิ่งพูดถึงก็มาพอดี มีพี่ต้นและพี่บลูสองคน กับพี่อีกคนหนึ่ง? ที่ฉันไม่รู้จัก พี่ต้นจึงหันมาแนะนำกันทันที


"นี่พี่พงศ์ เลขานุการครับน้อง น่าจะเคยเห็นกันตอนวันหาเสียงนะ" แอ๋มกับโต้งร้องอ๋อทันที แต่ฉันกลับเฉยๆ ก็วันหาเสียงฉันไม่ได้มาโรงเรียนนี่นา


"สวัสดีครับน้องๆ" พี่พงศ์ยิ้มอย่างเอ็นดูกับพวกเรา โดยมีสายตาเบรกจากพี่ต้นและพี่บลูตามมาทันที


"ไม่ต้องหว่านเสน่ห์ให้มากนะแก นี่แฟนข้า อีกคนก็เด็กของไอ้บลูด้วย" ฉันและพี่บลูหน้าแดงทันที พี่ต้นขา... เรายังไม่เป็นอะไรกันเลยนะคะ เป็นแค่พี่น้อง(คนละสายเลือด)กันเท่านั้นเอง


พี่พงศ์หัวเราะ "แหมๆ ข้ารู้ตั้งนานแล้วโว้ย และตอนนี้ข้าก็มองสาวห้อง 2 อยู่ อย่าห่วงเลยว่าจะมาจีบเด็กๆพวกนี้"


"เอาล่ะ เดี๋ยวจะไปเที่ยวที่ไหนกันดี พี่ให้เลือกกันตามใจชอบนะ" พี่บลูหันมาเปิดประเด็น ด้วยเห็นว่าถ้าขืนให้พี่ทั้งสองช่วยกันเปิดคงต้องรออีกนานเป็นศตวรรษ เพราะมัวขัดกันเองนั่นแหละ ยัยควีนเลยยกมือเสนอทันที


"ไปเดอะมอลล์ค่ะ ไปดูหนัง กินไอศกรีม ร้องเกะกันดีกว่า"


แอ๋มได้ทีสนับสนุนเลย "ใช่ค่ะๆ น่าสนุกนะคะ" โต้งยิ้มอย่างเอ็นดูในพวกเรา เขารู้เสมอแหละว่าพวกเรามีกิจกรรมหลักสามอย่างคือดูหนัง กินไอติมและร้องเพลง


(มีต่อ)

Last edited by MiyaCatZ (2008-07-06 16:46:57)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#49 2008-07-06 16:49:04

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

สรุปคือพวกเราเลยได้ไปเดอะมอลล์กันจนได้ ด้วยรถตู้นั่นเอง แม้จะต้องถ่อเข้าไปในตลาดปากเกร็ดก่อนก็ตาม เพราะวันนี้เลิกเร็ว รถตู้เลยยังไม่มารอรับลูกค้าถึงหน้าโรงเรียนอย่างเคย


"เดี๋ยวจะดูหนังเรื่องอะไรดีอ่ะ" พี่ต้นหันมาถามพวกเรา ซึ่งยังไม่มีใครสามารถตอบได้ในทันทีว่าจะดูเรื่องใดบ้าง เพราะในปากยังมีไอศกรีม วีปครีมและช็อกโกแล็ตอยู่กันทั้งนั้น (ขึ้นอยู่กับว่าคุณกินอะไรเท่านั้น) พี่บลูเองก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาจากไอศกรีมฟองดูที่เหมากินเองคนเดียวเลยด้วยซ้ำ


"มีเรื่องเข้าใหม่นี่นา น่าดูด้วยนะ สร้างมาจากนิยายที่แอ๋มมันชอบอ่านด้วย" โต้งเสนอ ทำให้ฉันนึกออกทันที... Love to Heaven ปาฏิหารย์รักเคียงรั้ว เรื่องที่แอ๋มได้ไอเดียเรื่อง 'ถ้ามันเป็นของเราก็ต้องกลับมาอยู่วันยังค่ำ' นั่นแหละ นับเป็นเรื่องที่ซึ้งอยู่เหมือนกัน


"เอาสิๆ เรื่องโปรดของฉันกับพิ้งค์เหมือนกันแหละ" ควีนสนับสนุนทันที และพวกเราก็ได้ดูหนังเรื่องนี้กันจนได้


และเมื่อเข้าโรง ก็ต้องประหลาดใจที่การจัดที่นั่งมันแปลกน่าดู ที่นั่งของเราทั้งหมดอยู่แถวกลางที่เหยียดขาออกได้ โดยพี่พงศ์นั่งริมซ้ายสุดเลยในตำแหน่ง 5 ถัดมาก็จะเป็นพี่ต้น ควีน ฉัน พี่บลู โต้ง และแอ๋ม เท่ากับว่า...


1.พี่ต้นกับควีนก็จะได้ดูหนังอย่างมีความสุข (แหวะ...)


2.โต้งและแอ๋มที่สนิทกันมาตั้งแต่ม.1 ก็จะได้นั่งด้วยกันแบบที่ไม่มีใครรบกวนได้ (หรอกมั้ง? ถ้าพี่บลูไม่ไปกวนเข้าน่ะนะ)


3.ฉันกับพี่บลูก็นั่งกลางไปเลย โดยมีคนอื่นล้อมไว้อีกที แต่คงไม่มีเหตุการณ์สวีทให้หรอกนะ เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกันเลย (แม้ในใจมันจะแอบหวั่นไหวอยู่ก็ตาม)


...เด็กสาวสามคน คิดไอเดียบางอย่างออกเมื่อเจอคู่มือการตามหาคู่แท้ด้วยการใช้ไพ่ป๊อกนำทาง โดยนางเอกของเรื่องคือฮันยา อ่านจำนวนก้าวที่เดินแล้วพบว่าเส้นทางของเธอคือต้องเดินออกไปยังสนามซึ่งรั้วติดกับบ้านของนายซุนโยที่ปากร้ายอย่างน่าแปลกใจ


เมื่อเดินออกไปก็เกิดลมพัด ทำให้ไพ่ใบหนึ่งปลิวไปตกยังเขตบ้านของซุนโย เธอจึงต้องแอบปีนรั้วเพื่อไปเก็บไพ่ จากนั้นจึงเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมา จนซุนโยต้องแต่งงานกับฮันยา ทั้งที่ยังไม่ได้รักกัน ทำให้ฮันยาที่เกลียดซุนโยเข้าใส้ถึงกับหนีไป หลังจากฟางเส้นสุดท้ายขาดเมื่อซุนโยพาเฮยอนแฟนเก่ามาที่บ้าน...


ฉันดูอย่างขัดใจ ทำไมซุนโยนิสัยอย่างนี้นะ แต่ฉันก็สังเกตได้ว่าพี่บลูดูจะชอบกับฉากไพ่ป๊อกเป็นพิเศษ เพิ่งนึกได้เลยว่าแม่ของเขาเป็นถึงหมอดู คงต้องมีไพ่ติดบ้านอยู่แล้ว


มองไปทางควีน เฮ้ยย... เธอซบบ่าพี่ต้นดูอย่างเคลิ้มฝันไปแล้วอ่ะ ทำอย่างนี้ได้ยังไงกัน ไม่เหมาะสมเลยนะ
แต่ฉันก็หันมาดูหนังต่อจนได้ ถึงตอนสำคัญพอดี


...และซุนโยก็สำนึกได้อีกครั้ง ก่อนจะรู้ตัวว่ารักฮันยาสุดใจ จึงตัดสินใจไปหาเธอ แต่สวรรค์ก็กลั่นแกล้ง เมื่อเขากับฮันยากลับมาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้งไม่นาน เขาก็เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตไปซะนี่ ฮันยาเสียใจมาก ร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด หารู้ไม่ว่าซุนโยเองก็คอยเฝ้ามองเธออยู่ห่างๆอย่างปวดร้าวในใจด้วยเช่นกัน


แต่ซุนโยไม่สามารถติดต่อกับฮันยาได้ จนกว่าจะถึงวันสุดท้ายที่จะอยู่บนโลกมนุษย์ ก่อนจะได้ไปยังภพใหม่ วันนั้นฮันยาเห็นเงาวูบผ่านจึงรีบตามไป จนกระทั่งเดินมายังสนามหน้าบ้าน สถานที่ๆเขากับเธอเคยมีเรื่องกันครั้งแรกนั่นเอง ทั้งสองต่างร่ำลากันด้วยน้ำตา และซุนโยก็จากไป ทิ้งให้ฮันยาต้องเผชิญหน้ากับชีวิตที่เหลืออยู่...


ฉากนี้ทำให้ฉันเศร้า การจากกับคนที่รักแบบนี้มันเป็นอะไรที่เสียใจนะ ฉันรู้เพราะฉันเคยสูญเสียอ้อมไปแล้ว ถึงจะไม่ได้ตามติดถึงหน้าห้องฉุกเฉินทั้งที่เสื้อผ้าชุ่มเลือดแบบฮันยาก็ตาม และอ้อมก็ไม่ได้เข้ามาลาฉันแบบนี้ด้วย ซึ่งก็ทำเอาน้ำตาของฉันไหลออกมาด้วย
ก่อนจะก็รู้สึกว่ามีมือเข้ามาปาดน้ำตาของฉัน พี่บลูนั่นเอง เขาหันมายิ้มให้ฉันอย่างเอ็นดู


"ร้องไห้แล้วไม่สวยนะพิ้งค์" ฉันยิ้มได้ทันที อ้าว... ดูหนังซึ้งยังงี้ก็ต้องร้องไห้เป็นธรรมดาสิ ถึงจะรู้แก่ใจว่ามันจะไม่เศร้าเท่าที่ควรก็ตามเถอะหลังจากนี้


...หลังจากที่หลายสิบปีต่อมา ฮันยาก็กลับมาเกิดใหม่แล้วน่ะ...


++++++++++++++++++++++++++++

ในพีเรียดนี้ จะได้รู้ผลคำทำนายของแม่นายบลูสักที ที่ว่าเผื่อใจไว้นั่นแหละ

แต่จะต้องเจอในตอนไหน หึหึ... ยังไม่บอกเน้ออ

ที่แน่ๆ ใครเรียนลีลาศจังหวะบีกินส์ เตรียมฮาได้ ^o^ เหอๆ เพราะมันจะตามไปหลอน


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#50 2008-07-08 17:59:25

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ไม่ลงเป็นกำหนดวันละ เดี๋ยวลืม = o = เหอๆๆ

ลงตามใจฉัน แต่ประกันได้ว่าไม่เกินหนึ่งอาทิตย์แน่ๆหลังจากลงตอนล่าสุด (ในกรณีที่ไม่สามารถมาลงได้)

และตอนนี้ได้กำหนดการเขียนนิยายแล้วนะ ^^ ว่าจะต้องเขียนเรื่องนี้... จบภายในเดือนสิงหาคม เพื่อจะได้ใช้เวลาที่เหลือในการอ่านหนังสือสอบเตรียมแอดมิชชั่น

เพราะ... เขียนนิยายแล้วมันไม่เป็นอันอ่านหนังสือเรียนทุกที -*- เหอๆๆ เอาแต่เขียนๆๆ เอาวะ! เขียนให้จบ ลงให้ครบ แล้วก็จะได้อ่านหนังสือสักที 555+


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++


- Chapter 14 : Confuse Analyst -


เนี่ยเหรอ? เรื่องที่สาวๆว่าซึ้งกันน่ะ ผมคิดว่ามันออกเศร้านะ แถมทำร้ายจิตใจคนดูอย่างผมมากมายเลยทีเดียว


แต่พิ้งค์กลับหันมายิ้มกับผม "เอาน่าพี่บลู เดี๋ยวมันจะไม่เศร้ามากแล้วล่ะ"


แล้วก็จริงด้วย เมื่อหลังจากฮันยาเสียใจได้ไม่นาน ฉากก็ตัดไปยังเด็กสาวมัธยมคนหนึ่งที่เหม่อมองดูวิวสวยของทะเลสาบในชุมชนของฮันยากับซุนโยในอีกหลายสิบปีต่อมา ก่อนจะพึมพำว่าสวยน่าดู เพราะเธอเพิ่งย้ายมาจากกรุงโซล เมืองหลวงนั่นไง


และขากลับก็จะเดินกลับบ้าน แต่เจอพวกโจรเข้าจึงต้องวิ่งหนี มีหนุ่มรุ่นพี่(ในโรงเรียนนั่นแหละ สวมเครื่องแบบเสียด้วย)ใจดีคนหนึ่งเข้ามาช่วยไว้ได้ เขาคือซุนโยมาเกิดใหม่นั่นเอง


ส่วนสาวน้อยคนนั้น เธอก็เป็นฮันยา ที่ตายเพราะป่วยปนตรอมใจ


สุดท้าย... ทั้งสองก็กลับมารักกันจนได้ ยังกับเรื่องแต่ปางก่อนเลยแฮะ เพียงแต่มันเป็นเวอร์ชั่นเกาหลี และไม่มีฉากอิจฉาริษยา วางยากัน ทำเอานางเอกตายไปสองรอบถึงจะได้มาลงเอยกับพระเอกสักที (พอจะลงเอยยังไม่วายมีตัวอุปสรรคอีกเนอะ คนไทยช่างเก่งเรื่องการยัดเยียดอุปสรรคเสียจริง)


เมื่อออกจากโรงหนัง สาวๆก็ต่างเม้าท์กันถึงเรื่องนี้ บอกกันว่าสนุกไม่แพ้นิยายเลย ซึ่งหนุ่มๆอย่างผมนี่สิแอบส่ายหน้าอย่างปลงๆ แต่ก็อดชอบเรื่องนี้ไม่ได้เหมือนกันแหละ คิดได้ยังไงกันนะ จะรักกันทีก็ต้องมีเหตุด่วนให้ตาย ก่อนจะกลับชาติมาเกิดกันอีกครั้งได้น่ะ


เชื่อแล้วล่ะว่า... 'ถ้ามันเป็นของเราก็ต้องกลับมาอยู่วันยังค่ำ'


"พิ้งค์ว่ามันน่าจะเป็นไปได้นะคะ กับการที่คนที่เรารักมากที่สุดจะกลับมาหาเราได้น่ะ พิ้งค์เองก็อยากให้เป็นแบบนั้นนะ เพื่อนเก่าที่รักจะได้มาเยี่ยมกันบ้าง" พิ้งค์พูดขณะที่พวกเราเดินออกมาจากโรงหนังกันแล้ว ผมจึงหันไปค้าน แค่หนังเรื่องเดียวไม่น่าจะเอามาเป็นเหตุการณ์จริงหรอกนะ


"แต่พี่ไม่เห็นด้วยนะ มันดูไม่สมเหตุสมผลน่ะ แบบคนตายก็ต้องตกนรกไปฟังคำตัดสินจากพยายม รับโทษถ้ามีบาปต้องชดใช้ หรือไปเกิดไม่ก็ขึ้นสวรรค์ถ้ามีความดีมากพอ" ผมอธิบาย แต่พิ้งค์กลับส่ายหน้า


"ไม่แน่นะคะ มันอาจจะมีจริงก็ได้!!"


"พี่ว่าไม่หรอก..." ผมพยายามจะค้านต่อ แต่พิ้งค์กลับค้อนผมเสียแล้ว ประกอบกับต้นหันมาห้ามทัพเสียก่อน จึงต้องยุติการวิเคราะห์+วิวาทไว้แต่เพียงเท่านี้


ผมแอบซ่อนยิ้มไว้ เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา หนึ่งเทอมช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน นับตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอน้องพิ้งค์ จนถึงตอนนี้ก็ดูเหมือนผ่านมาไม่นานเอง ทำให้รู้สึกสงสัยว่าทำไมผมถึงตกหลุมรักน้องเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจกันนะ?


แต่ผมคงยังไม่บอกในเร็ววันหรอกนะ ด้วยไม่อยากให้ความรู้สึกที่ดีๆมันเปลี่ยนไปน่ะ


ไม่นานนักเราก็กลับมาคุยกันได้ตามปกติ "ปิดเทอมแล้วมีสอบตรงกันวันไหนบ้างคะ?" น้องพิ้งค์ถามผมที่เดินเหม่ออยู่


"อ่า... เดี๋ยวพี่ต้องสอบความถนัดสถาปัตย์อ่ะครับ แล้วก็คงอ่านหนังสือชิวๆอยู่บ้านนี่แหละ แล้วก็เรียนกวดวิชาอีกหน่อย"


"ค่ะ พี่บลูอยากออกแบบบ้านเหรอคะเนี่ย? หนูเพิ่งรู้นะเนี่ย" น้องควีนหันมาถามด้วยความอยากรู้ ผมจึงตอบตามความจริง "ก็พี่ชอบวาดรูปน่ะครับ ชอบออกแบบด้วยก็เลยคิดจะเรียนด้านนี้"


บรรดารุ่นน้องทั้งสี่มองผมด้วยความเลื่อมใส "ว้าว... ดีจังเลย พวกเรายังไม่รู้แนวทางของตัวเองสักทีเลยค่ะ" เด็กสาวที่ชื่อแอ๋มพูดขึ้น เด็กผู้ชายในกลุ่มเธอเลยหันมาพูดเสริมบ้าง "นั่นสิครับพี่ พวกเราก็ยังสับสนอยู่เลย"


ต้นหัวเราะ "ฮ่าๆๆ อย่าห่วงเลยน้องๆ ตอนพี่อยู่ม.5 ก็ยังไม่ค่อยรู้ชะตาชีวิตตัวเองเท่าไหร่หรอก แต่นายบลูบอกว่าแม่มันเป็นนักพยากรณ์ อาจจะช่วยไขปัญหาได้ แล้วรู้มั้ย..."


รุ่นน้องทั้งสี่หันมาทางต้นเป็นตาเดียว สายตาบ่งบอกถึงความอยากรู้


(มีต่อ... หน้าถัดไปจ้ะ ^o^)

Last edited by MiyaCatZ (2008-07-08 18:07:34)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

Board footer

Powered by FluxBB