Suannon Board

You are not logged in.

#76 2008-07-31 17:39:17

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

วันนี้... คนเขียนป่วย!!

T^T มีงานอีกหนึ่งกระบุง ฮือๆๆ ร้อนก็ร้อน ป่วยก็ป่วย เกลียดอาการเจ็บคอที่สุดในโลก!!

แถมต้องใช้เสียงตอนเรียกน้องประชุมสีอีก ที่โรงยิม ซึ่งแสนจะเย็นสบาย... (อิจฉาสีแดง!!)

แต่ไม่ลืมลงนิยายหรอกนะ 555+ วันที่ 2 เจอกันนะจ๊ะ >o< หุหุ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

- Chapter 22 : I love you -


หลังจากคำขอโทษ... พิ้งค์มองมาทางผมแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปสนใจกับต้นที่เข้าไปหาสองสาวอดีตคนที่รักอย่างเอาจริงเอาจังมาก
ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดใหญ่เลย ใครจะไปรู้นะว่าวันนึงจะต้องเจอเหตุการณ์คนที่เคยรักและรักตอนนี้มาเจอกันเข้าให้น่ะ ยิ่งกว่ารถไฟชนกันเสียอีก


หลังจากที่พิณวางสายใส่ผม ผมจึงรีบไปตามต้นและน้องๆทั้งสามก่อนจะไปทางสวนเสริมปัญญาทันที แน่นอนว่าพิ้งค์อยู่ที่นั่นจริงด้วย และพิณกับแอนก็อยู่ด้วยอีก


ต้นจึงโมโหอย่างที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน รวมถึงน้องควีนด้วย


"ขอโทษนะพิณ... เธอจะกลับมาหาบลูเพื่ออะไรอีกฮะ? ในเมื่อเธอไม่สนใจที่พี่นัทอัดหน้าบลู แถมให้ท่า พอล่อให้เค้าตายใจก็กลับมาเย็นชาอีก หมายความว่าไง?"


พิณหน้าเจื่อน "ต้น... ก็พี่นัทเพิ่งทิ้งฉันไปเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เอง แล้วฉันอยู่ตัวคนเดียวแบบนี้ได้ยังไงล่ะ เหงาจะตาย เธอไม่เข้าใจหรอก ฮึก..." ก่อนจะก้มหน้าและใช้หลังมือปาดน้ำตา แอนที่เห็นเธอเดือดร้อนจึงรีบเข้ามาต่อว่าทันที


"นี่นาย! คนอย่างนายมันไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงคิดยังไงบ้าง พวกเรามันขี้เหงาและต้องการคนเอาใจ และที่พึ่งของยัยพิณก็คือบลูยังไงล่ะ? แล้วบลูไปมีแฟนแบบนี้ทำไมไม่รับผิดชอบกันบ้าง"


น้องควีนทำสีหน้าเซ็งโลก ก่อนจะพึมพำเบาๆ "ปัญญาอ่อน"


"หมายความว่าไงยะ!! ยัยเด็กบ้านี่ ลบหลู่รุ่นพี่เหรอยะ!!" แอนแหวใส่ แต่แน่นอนว่าคนอย่างควีนไม่สะทกสะท้าน "รุ่นพี่เป็นซะแบบนี้... ใครที่ไหนมันอยากจะเคารพคะคุณพี่ ไอ้ประเภทปากดี ขี้เหงา เอาแต่ใจเนี่ย คือผู้หญิงไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกคนนะ แล้วขี้เหงาเกินเหตุจนลืมว่าตัวเองก็ยังมีพ่อแม่ และเพื่อนๆอยู่เนี่ยใช้ได้แล้วเหรอคะ? เรียกร้องแต่แฟน หาตัวสำรองไว้ใช้แก้เหงาแบบนี้น่ะ มันไม่ใช่คนดีแล้ว เห็นแก่ตัวสุดๆค่ะคุณพี่"


โอ้ว... น้องควีนนี่ช่างเหมาะกับเพื่อนผมเสียจริง พูดแต่ละคำเนี่ยสุดยอดมากเลย ในเวลาที่ต้องเทศนาคนอื่นนะ เพราะเธอไม่ใช่คนปากเสียชอบแซว (คนสนิท) อย่างนายต้นในเวลาปกติ


พิณเงยหน้าขึ้นมาดูควีนด้วยอาการอ้าปากค้าง ไม่ทันตั้งตัวได้ก็ต้องโดนตบซ้ำจากนายต้นอีกที (รับกันได้ดีมากนะคู่นี้...)


"ใช่ แล้วเราก็ไม่รู้นะว่าพวกเธอเกิดผีเข้าอะไรตอนนี้ ถึงจะมาตีซี้นายบลู ทั้งที่ตลอดเวลาหลังจากเหตุการณ์ตีกัน และยาวจนพวกเราเป็นกน. มาจนถึงตอนนี้พวกเธอหายหัวไปไหนกัน? ไม่มีวี่แววจนเรานึกว่าตายจากไปแล้ว ละมาตอนที่พิณโดนเขาเขี่ยทิ้ง ก็วิ่งหัวซุกหัวซุนมาหาบลูเนี่ยนะ อยากจะหัวเราะว่ะ ฮ่าๆๆ"


"เอ่อ..." แอนและพิณต่างนิ่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออกขึ้นมาทันที เพราะเป็นความจริงล้านเปอร์เซ็นต์นั่นเอง


"และคนที่น่าสงสาร ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรก็คือพิ้งค์เพื่อนหนู เพราะเธอไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย ฝ่ายพี่บลูก็ซวยหลายเด้งอีกเพราะเคยเป็นแฟนกับพี่แอน และเป็นตัวสำรองที่น่าสงสารของพี่พิณด้วย พี่คิดเหรอคะว่าการจะให้คนที่ไม่ได้รักเรามาเป็นของเรามันดี? พี่บลูก็เคยรู้สึกแบบนี้กับพี่มาแล้ว แต่พี่เองก็ไม่ได้รักพี่บลู คิดแต่เพียงว่าเขาจะเป็นคนที่ผ่านมาช่วยแก้เหงาได้เท่านั้น" เสียงใสๆเจือความห่วงใยของควีนดังมาอีกครั้ง แม้จะดูเหมือนสำนวนที่ว่าตบแล้วลูบหลังก็ตาม


แต่ควีนก็ไม่ได้ทำด้วยความสะใจหรอก ผมเชื่ออย่างนั้น


พิณถอนหายใจ "นั่นสินะ... พี่ไม่ได้รักบลูจริงๆเลย แต่พี่แค่รู้สึกเหงาเท่านั้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ?"


พิ้งค์ยิ้ม "ก็หาอะไรทำสิคะ ไม่ก็เปลี่ยนทัศนคติ จากที่คิดว่าเหงาเพราะไม่มีแฟน ลองเปลี่ยนความมุ่งมั่นจากเรื่องคนรักมาเป็นเรื่องอื่นก็ได้ พี่ก็ดูสวยและเก่งออก"


"ใช่... ยังไงพิณก็มีพ่อแม่ และเพื่อนๆที่รักพิณอยู่หลายคนนี่นา ถึงจะไม่ได้รวยเท่าเราก็ตาม เหอๆ... ตอนนี้เรื่องมรดกก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้อยู่ดีอ่ะนะ" ผมเสริม พร้อมกับยกตัวอย่างอันน่าเหนื่อยใจเล็กๆประกอบ เพราะปัญหาครอบครัวของผมคือญาติที่มีเยอะไม่สามารถตกลงกันเรื่องมรดกและการเงินได้เลย นับตั้งแต่ปู่ผมเสียไปเมื่อสี่ปีก่อน


และดูเหมือนความขัดแย้งจะเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนน่าใจหาย แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับผมอยู่ดีล่ะนะ จะไม่เอามรดกก็ได้ ผมไม่เห็นเงินและวัตถุสำคัญที่สุดอยู่แล้ว ตราบใดที่มีมือมีเท้าและมันสมอง ก็ทำงานเลี้ยงชีพได้อยู่แล้ว ยังไงผมก็คงเลี้ยงน้องพิ้งค์ไปได้ตลอดรอดฝั่งแหละ


(มีต่อ)

Last edited by MiyaCatZ (2008-07-31 17:43:44)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#77 2008-07-31 17:46:36

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ผมหันมองตัวการที่ผมอยากจะเลี้ยงดูตลอดไป... เธอหันมายิ้มอย่างกังวล นี่แอบมีเรื่องอะไรอีกนะ?


"เป็นอะไรไปเหรอ?" ผมหันไปถาม พิ้งค์ก้มหน้ามองพื้นทันที "นึกถึง... คำทำนายของแม่พี่ ที่บอกว่าจะรักใครยังไงต้องเผื่อใจไว้กับการสูญเสียน่ะค่ะ ไม่รู้เป็นเพราะเรื่องพี่พิณหรือเปล่า?"


ผมทำหน้าครุ่นคิด... ครั้งที่แม่ของผมทำนายดวงให้พิ้งค์มันก็นานมากแล้วนะ ตอนเปิดเทอมหนึ่งนั่นแหละ หลังจากกลับบ้านแม่ก็ยิ้มให้ผมทันที พร้อมกับบอกว่า "แม่เห็นคู่ของลูกแล้วนะ... ทำทุกวันให้ดีที่สุดล่ะ" ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นเพื่อไปหาพ่อ


แต่ผมรู้ว่า ผลสรุปจะเป็นอย่างไร ผมก็จะไม่มีวันสูญเสียพิ้งค์ไปเพราะมือที่สามหรือถ่านไฟเก่าอย่างแน่นอน


"ไม่หรอกน่า พี่ไม่มีทางกลับไปหาพิณไม่ก็แอนหรอก ไม่ได้อ่อนแอเหมือนคนเก่าของพิ้งค์นี่ รายนั้นเขาโลเลและขาดที่พึ่งเหมือนพิณ ก็เลยเป็นแบบนี้ไง" ผมยืนยัน ทำให้เธอหันมาทางผมอย่างต้องการความมั่นใจ


"จริงนะ?"


"จริงสิ" ผมยิ้ม ยังไงผมก็รักพิ้งค์ที่สุด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป


และผมก็คว้ามือของพิ้งค์เดินออกไปจากสวนเสริมทันที ปล่อยให้ต้นและน้องควีนเทศนาสองคนนั่นต่อไปแล้วกัน และน้องแอ๋มกับโต้งก็เป็นไทยมุงต่อไปซะ


"พี่บลูอ้ะ... จับมือเค้าทำไมเนี่ย" พิ้งค์หน้าแดง เมื่อเห็นว่าผมจับข้อมือขวาของเธอไว้แน่น แต่ไม่ถึงขั้นกำจนเจ็บหรอกนะ และถ้าสังเกตให้ดี จะมีไทยมุงมองกันอยู่สองสามคน


ผมหันมายิ้ม ตอนนี้เรายืนอยู่ที่หน้าหอประชุม มีนักเรียนจับกลุ่มเล่นฟุตบอลกันบ้าง ไม่ก็นั่งเล่น แต่ดูจะไม่สนใจเราสองคนสักเท่าไหร่ "พิ้งค์จ๋า... อย่าเสียใจเลยนะ งานนี้พี่ขอโทษจริงๆที่ไม่รู้ว่าพวกนั้นจะตามมาเล่นงานเราน่ะ"


พิ้งค์ทำท่างอน "ถ้าพิ้งค์เป็นอะไรไปพี่บลูจะรับผิดชอบไหวมั้ยล่ะเนี่ย"


ผมยิ้ม "ต้องได้สิ จะรับผิดชอบยังไงก็ได้อยู่แหละ... เพราะพี่รักพิ้งค์ที่สุดเลยนะ" กว่าจะเค้นคำว่ารักออกมาได้นี่เหนื่อยสุดๆครับ... ผมมันพวกปากหนัก ครั้งแรกและสุดท้ายที่พูดคือตอนที่ผมอธิบายนั่นแหละว่าไม่ได้ตั้งใจจะจูบกันในคืนนั้นหรอก


คงเพราะอย่างนี้มั้ง? เธอเลยคิดมากว่าผมจะกลับไปหาพิณอีกครั้ง คือตอนนั้นผมยังอยู่ในช่วงที่พูดคำว่ารักได้ง่ายอยู่ด้วยแหละ... แต่ตอนนี้แก่แล้ว (ม.6!!) ปากเลยหนักขึ้นไง


พิ้งค์ยิ้มแป้น หน้าแดงระเรื่อด้วยความอาย ผมเองก็เช่นกันแหละ ถ่าไม่ติดว่าที่นี่คือโรงเรียน มีคนอยู่เต็มไปหมด และสวมเครื่องแบบนักเรียนอยู่นะ จะจับมากอดให้หายคิดถึงเลยเอ้า!!


"พิ้งค์ก็รักพี่บลูค่ะ" เธอหันมากระซิบที่ข้างหู ทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้เช่นกัน รู้สึกดีมากที่มีคนที่รักเรา และเราก็รักเค้าด้วย
"อะแฮ่มๆ ไอ้บลู แกอย่ามาสวีทกันออกนอกหน้าสิวะ อิจฉานะเนี่ย"


"นั่นสิครับ!! นี่พี่เป็นถึงรองประธานนะครับ ต้องรักษาภาพพจน์สิ" นอกจากต้นที่เข้ามาทักอย่างที่คุ้นเคย ทำไมต้องแถมพ่วงนายโต้งอีกหนึ่งคนนะ... ทำเอาผมหน้าแดงไปเลย


ควีนยกมือห้าม "พอเถอะทั้งสองคน ให้พี่พิณกับพี่แอนมาบอกความในใจดีกว่า สองคนนั้นสำนึกผิดแล้วนะคะพี่บลู"
แอนและพิณเดินเข้ามา ก่อนจะก้มหัวขอโทษ "ขอโทษนะบลู น้องพิ้งค์ด้วย"


ผมอึ้งไปพักใหญ่ แต่แอนก็ยังคงอธิบายต่อไป "พวกเราขอโทษจริงๆ ที่เห็นแก่ตัวกับพวกเธอจนไปทำลายความรักแบบนี้ ฉันเองก็ผิดที่ทำตามหัวใจตัวเองจนทิ้งเธอไปอย่างไม่เห็นค่าความรู้สึก แล้วก็ยังยุยงยัยพิณไม่ให้คบกับเธออีกตอนม.4 มาตอนนี้ก็มาบังคับอีก ฉันสำนึกจริงๆแล้วล่ะ"


"ใช่บลู ขอโทษจริงๆนะ ถ้าไม่มีต้นกับน้องควีนเข้ามาเตือนสติ พวกเราก็คงทำตัวแบบนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆ" พิณเข้ามาสนับสนุนอีกแรง ผมก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อได้เห็นแบบนี้


ยังไงความดีย่อมชนะอธรรมเสมอ

++++++++++++++++++++++++++++

แฟนนิยายท่านใดอยู่สีม่วงบอกกันได้นะจ๊ะ 555+ (ออกแนวหาพวก ไม่ใช่ละ)

ดีใจกับยอดคนดู 1000 ^__^ ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ ขอบคุณ และขอบคุณ

กะว่าไปนอนแล้วตื่นมาสักตีสาม มาทำสูจิบัตรละครวิทย์ต่อดีมั้ยย =w=" ต้องใช้คอมด้วย

เพราะขนาดประชุมเสร็จเข้ามานั่งในห้องมัลติก็มัวแต่เขียนนิยาย + หาคนอ่าน และมัวดูรูปจากแม่นางปาลิดา!!


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#78 2008-07-31 20:38:14

LagooNz
สมาชิก
Registered: 2006-08-08
Posts: 3,631

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

วันนี้ไม่ได้เข้าห้องมัลติเลย

ไปเกาะหน้าเวที

Offline

#79 2008-07-31 20:46:05

dadawizard
สมาชิก
From: Thailand
Registered: 2006-12-27
Posts: 583

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ว้า เซ็งเลย~~~

ตัวร้ายดันกลับตัวกลับใจง่ายๆงี้เลย

มันน่าจะเล่นน้ำกรดกันหน่อยเนอะ(ล้อเล่น นิยายอิงสถาบัน มันไม่ดีๆ - -)


จะอยู่ไหนหนใดให้รู้ค่า                          พระคุณที่ได้รับมาอย่าลืมได้
ถิ่นกุหลาบนนท์งามล้วนชวนยวนใจ           หรือพระเกี้ยวอันยิ่งใหญ่บนอกเรา
สุวิชา โนภวังโหติมั่น                           ความรู้นั้นจงเชิดชูอย่าขลาดเขลา
กตัญญูกตเวทิตาเอา                           เป็นหลักเสายึดมั่นในแนวทาง

Offline

#80 2008-07-31 22:04:21

InsPiraTioN
สมาชิก
From: แสงสว่าง
Registered: 2007-01-10
Posts: 9

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ชะแว้บบบ!!!......มาติดตามผลงานของพี่หนิงต่อไป

Offline

#81 2008-08-02 17:53:13

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ ^__^

ตอนนี้อาจออกทะเลนิดนึง แต่มันก็เกี่ยวกับเรื่องราวของตัวละครนะคะ 55+

ที่พิณกับแอนกลับใจ เป็นเพราะฝีปากของต้นและควีนต่างหาก ดูเอาเองแล้วกันว่าทำอีท่าไหนถึงสำนึกได้ ร้ายจริงๆ

(คนที่ร้ายจริงเห็นจะเป็นคู่นี้แหละ หึหึ)

+++++++++++++++++++++++++++++++++


- Chapter 23 : New Student Committee Chairman -


สวัสดีคร้าบบบ... ผมชื่อกิตตินันท์ หรือนายโต้ง เพื่อนรัก(หรือเบ๊ 24 ชั่วโมง)ของสามสาว ยัยพิ้งค์ ควีน แอ๋มนั่นเอง พวกเราเป็นชาวม.5 แน่นอนว่าหลังจากผ่านปัญหาหัวใจของยัยพิ้งค์เพื่อนผม และผ่านกีฬาสีมาแล้ว ก็ต้องเจองานช้างอีกงานหนึ่ง ที่เป็นงานเฉพาะบุคคลด้วย


นั่นคือ... การลงสมัครเลือกตั้งประธานนักเรียน ประจำปีการศึกษา 2552 นั่นเอง


ผมเองก็มีหน้าที่ของหัวหน้าห้องอยู่แล้วก็จริง แต่ไม่รู้สิ... ผมเองก็อยากจะทำหน้าที่ของการเป็นนักเรียนในรั้วชมพูฟ้าแห่งนี้ให้เต็มที่อย่างสูงสุดนะ และการเป็นกน.ก็เป็นความฝันของผมด้วย


แต่จะโชคดีหรือร้ายนะ ที่เพื่อนทั้งสองนั่นคือควีนและพิ้งค์ มีแฟนเป็นประธานและรองฯพอดี จึงทำให้ผมมีข้อมูลเรื่องการทำงานอยู่เยอะ จนแน่ใจได้ว่าผมอยากจะเป็นจริงๆ


"แน่ใจนะน้องว่าอยากเป็น" พี่บลูถามผมในวันหนึ่ง ก่อนจะมีการประกาศรับสมัคร(ว่าที่)ประธานที่จะต้องหาเสียงเลือกตั้งกันต่อไป แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว


ผมพยักหน้า "ครับพี่" ตอนนี้ผม พี่บลู และพี่ต้นนั่งอยู่ในห้องกน. มีสามสาวที่น่ารักนั่งเล่นอยู่ข้างหลังห้อง อากาศเย็นจับใจ(ในบางวัน)ของฤดูหนาวแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์เลย


ก่อนจะเหลือบมองแอ๋มที่กำลังเล่นเกมแฮงค์แมนอยู่ ควีนทำเสียงจิ๊จ๊ะๆด้วยความเซ็งว่าทำไมเพื่อนๆยังเดาศัพท์ไม่ได้สักที แอ๋มที่เดาไม่ได้มีสีหน้าเซ็ง ทำให้อดยิ้มไม่ได้เลย


ก็เราสนิทกันมาตั้งแต่ม.1 แล้วนี่นา...


แล้วผมก็ต้องฟังพี่ต้นแนะนำอีกต่อ "เทคนิคการหาเสียง นโยบายดีให้ตายยังไงก็ไม่ช่วยให้ได้คะแนนเยอะ ประเทศไทยเราไม่มีอิสระเท่าเด็กนอกตรงที่เสนออะไรก็ไม่ผ่านทุกที เพราะผู้ใหญ่จะเห็นว่ากรรมการนักเรียนไม่ค่อยมีความสำคัญ แต่นี่มันเป็นความคิดเห็นของพี่นะ อย่าหาว่าพี่กล่าวหาแล้วกัน"


"และเทคนิคที่ดีคือให้คนอื่นเห็นว่าเรามีความโดดเด่น ต้องรู้จักคนเยอะๆด้วยเพราะจะมีส่วนช่วยได้เยอะในด้านเสียงโหวต" พี่บลูเสนอ ผมจึงพยักหน้า เรื่องรู้จักคนเหรอ?... ให้ตายเถอะ ผมยิ่งไม่ค่อยรู้จักคนอยู่ด้วย จะทำยังไงดีหนอ?


"โดดเด่นก็พอแล้วโต้ง แล้วก็เสน่ห์ด้วย เพราะฉันเลือกพรรค 'ขนมหวาน' ของพี่ต้นได้เพราะเสน่ห์นี่แหละ ฮ่าๆๆ" ยัยควีนรีบเสนอหน้ามาตอบเชียว เห็นผมไม่มีเสน่ห์เลยได้ทีถากถางเชียว เหอๆ


แต่เสน่ห์ก็สำคัญแหละ เพราะยัยควีนตอนม.4 เล่นบังคับพวกเราในกลุ่มให้เลือกพี่ต้นกันใหญ่ แล้วไงล่ะ สมหวังเลยสิเพื่อน...
คำแนะนำต่างๆได้ถูกแนะนำมาที่ผมอย่างล้นเหลือ ทำให้ปวดหัวกับการวางแผนหาเสียงน่าดู เพื่อนๆอย่างพิ้งค์และแอ๋มก็เข้ามาช่วยให้กำลังใจ แอ๋มนี่ถึงขั้นลากผมไปห้องสมุดเอาวารสารโรงเรียนเล่มเก่าๆที่ตอนนั้นยังมีส่วนของกน.มาให้อ่าน ซึ่งผมก็ไม่ได้เก็บไว้หรอก เนื่องจากตอนย้ายบ้านเมื่อปีที่แล้วผมก็ลืมไว้จนเขาเอาไปทิ้งแล้วล่ะมั้ง?


"แกควรจะพูดในฉบับของแกเองนะโต้ง" ควีนแนะนำในเช้าวันหาเสียง หลังจากที่ผมได้เป็นพรรคที่ 3 คือพรรค "แสงทองส่องใจ" แน่นอนว่าอาจจะดูน้ำเน่าไปบ้าง แต่รับรองว่าความหมายคมนะ!! เพราะแสงทองที่ว่าคือความมุ่งมั่นมานะ ที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ในอนาคต และแสงมันจับต้องไม่ได้อยู่แล้วใช่ไหมล่ะ? แต่พอมาส่องยังกลางใจเรา มันก็เป็นกำลังใจและยาชูกำลังให้เราต้องการความสำเร็จไงล่ะครับ


(มีต่อ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#82 2008-08-02 17:55:21

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

"สู้ๆนะโต้ง ยังไงแกก็มีพวกเรา ที่จะอยู่ขนาบข้างกายแกเสมอ" แอ๋มให้กำลังใจผม ทำให้อดยิ้มด้วยความดีใจไม่ได้ ยังไงแสงทองของผมก็อยู่ตรงนี้เสมอ เพราะเธอจะประหม่าจนพูดไม่ออกเวลาที่มีคนเยอะนี่แหละ นอกจากผมและแอ๋ม ก็ยังมีพิ้งค์ ซึ่งผมจะยกให้เป็นรองประธานหญิงไปเลย เพราะอยากให้เป็นเกียรติกับพี่บลู และผมเชื่อว่าเธอก็มีศักยภาพที่ดีมากด้วย (เป็นแฟนกันมันต้องซึมซับกันได้อยู่แหละนะ)


ส่วนยัยควีน รายนั้นประกาศลั่นเลยว่า "ฉันไม่เป็นกน.นะยะ" แต่ก็ยังต่อรองให้เธอเป็นหัวหน้าห้องแทนผมได้ ซึ่งก็ไม่เป็นปัญหาเท่าไรนัก ผมรับทุกหน้าที่ได้ซะเมื่อไรเล่า!! คนนะไม่ใช่ควายไบซัน จะได้แบกได้ทุกอย่างน่ะ


และเวลาที่สำคัญที่สุดของผมก็ได้มาถึงแล้ว... เมื่อพรรคที่สองพูดจบ ผมเดินออกไปด้วยขาที่สั่นเล็กน้อย เห็นนักเรียนจำนวนสี่พันกว่าคนก็อดใจหายไม่ได้ เอิ้ก... พิ้งค์คอยแต่พูดว่าไม่เป็นไรๆปลอบใจผมอยู่ไม่ห่าง เอาน่า... ไม่สู้มันก็ไม่ใช่ลูกผู้ชาย คิดพลางขยับแว่นตาให้เข้าที่


ก่อนจะรับไมโครโฟน "สวัสดีครับอาจารย์และเพื่อนๆ พี่น้องชาวสวนนนท์ทุกท่าน ผมชื่อโต้งหรือกิตตินันท์ สุมิตราศาสน์ ห้อง 5/5 พรรคแสงทองส่องใจครับ เป็นประธาน" และยื่นไปทางพิ้งค์ "ดิฉัน นางสาวพัชราภา เศวตไชยชาญ หรือพิ้งค์ รองประธานค่ะ"
จากนั้นก็ถึงตาแอ๋ม "อ่า... ดิฉันชื่อแอ๋ม หรือนางสาวอุมาพร พฤกษ์พิรุณ เลขานุการค่ะ"


และผมก็ได้ทีเล่าเกี่ยวกับที่มาของชื่อพรรค พร้อมกับแอบเผาพิ้งค์เล็กน้อย (ว่าเป็นแฟนกับว่าที่อดีตรองประธาน ฮ่าๆๆ ลงมานี่โดนพิ้งค์ ควีน แอ๋มทุบเลย ฐานนอกเรื่อง) รวมถึงเป้าหมายของพวกเราที่จะช่วยสืบสานเจตนารมณ์ของรุ่นพี่ด้วย


"พวกเรา พรรคแสงทองส่องใจนี้จะไม่มีวันลืมจุดมุ่งหมายของรุ่นพี่ที่ต้องการพัฒนาโรงเรียนมานับรุ่นต่อรุ่นอย่างแน่นอนครับ และถึงจะมีเสียงกล่าวหาอย่างไรก็ตามนะครับว่าพรรคผมมีรุ่นพี่ช่วยสืบทอดอำนาจ แต่พวกเรายังไงก็เป็นแค่นักเรียน และต้องการช่วยพัฒนาโรงเรียนเท่านั้น พี่ๆรุ่น 27 ไม่มีการเกี่ยวข้องกับที่ผมลงสมัครอย่างแน่นอนครับ ขอบอกด้วยความสัตย์จริง และขอฝากพรรคแสงทองส่องใจไว้ในใจทุกท่านด้วยนะครับ ขอบคุณครับ"


เสียงปรบมือดังกึกก้องลานเอนกประสงค์ ทำให้ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นมาได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งหลังจากลงมาจากเวทีก็ได้รับเสียงชื่นชมจากอาจารย์หลายท่าน ส่วนพี่ต้นและพี่บลู… ท่านทั้งสองประกาศว่าห้อง 6/5 จะเป็นฐานเสียงเลือกพรรคของผมยกห้อง เฮือก!! อุตส่าห์บอกอยู่ว่ารุ่น 27 ไม่มีความเกี่ยวข้องแท้ๆ


แต่พี่ต้นกลับหัวเราะอย่างชั่วร้าย "หึๆๆ ของยังงี้มันต้องมีเส้นสายสินายโต้ง สมัยนี้ฝีมือมันวัดกันอย่างเดียวไม่พอกินโว้ย ต้องมีพรรคพวกกันบ้าง" เอาเถอะนะ ผมขอประกันว่าพี่ต้นนี่ก็แอบร้ายลึกน่าดู แต่เป็นไปในทางที่จะพัฒนานะ ไม่ใช่หาผลประโยชน์ใส่ตัว
และในวันเลือกตั้ง ผมก็ต้องขึ้นไปพูดเกี่ยวกับนโยบายอีกครั้ง ซึ่งมีหลายคนบอกว่านโยบายอาจไม่ช่วยให้คะแนนดีได้ เพราะหลายท่านก็เลือกคนที่รู้จักกันทั้งนั้น


ต้องขอบคุณเพื่อนๆร่วมห้องทั้งหลาย ที่บอกกันว่าจะเลือกผมกัน แน่นอนว่ายัยแอ๋มก็บอกเช่นนั้น "พวกเราต้องเลือกแกอยู่แล้วล่ะโต้ง อย่าห่วงเลย คะแนนอาจจะออกมาดีก็ได้นะ" ผมก็หวังให้เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน


หลังจากลงคะแนน พี่บลูก็เดินออกมา พร้อมกับตบบ่าผมดังป้าบ และยิ้มอย่างเป็นกำลังใจ "พี่โหวตให้เราแล้วนะ ขอเอาหัวเป็นประกันว่าต้องได้สิน่า"


พี่ต้นหันมาตะโกนแซว "อย่าเพิ่งเชื่อคำว่าเอาหัวประกันของไอ้บลู ยังแค้นไม่หายเลยตอนติวเคมีเทอมหนึ่ง เจือกเลือกช้อยส์สีน้ำเงินไว้ เสียไปบาทนึงเพราะมันอ่ะ  ประธานไม่ปลื้ม จบ!!"


ผมหัวเราะ ยังจำได้ดีอยู่เลย เหมือนกับภาพเหตุการณ์ผ่านมาไม่นาน ที่ว่าใครตอบผิดถูกปรับบาทนึง แต่พี่ต้นแกก็ได้ 4 ข้อจาก 5 ข้อนะ ได้รางวัลเล็กๆน้อยๆมาอีกด้วย


แล้วเพื่อนๆก็เดินเข้ามา ควีนหันมาตบบ่าผมสองที โดยไม่เกรงกลัวว่าจะเป็นภัยต่อผมเนื่องจากประธานนักเรียนที่กำลังจะเป็นอดีตมองผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ บรื๋อออ… ขี้หึงก็ไม่บอก ผมไม่ได้ชอบยัยควีนมันนะเฟ้ย


"เตรียมลุ้นกันโต้ง ฉันอุตส่าห์บนพระบรมรูปร.5 แล้วนะว่าถ้าแกได้เป็นประธาน ฉัน พิ้งค์ และแอ๋มจะซื้อดอกกุหลาบและดอกบัวสีชมพูมาคนละช่อ และจะวิ่งรอบลานเอนกประสงค์คนละเก้ารอบด้วย" เธอหันมาพูด แม่เจ้า… ทุ่มทุนบนกันสุดยอดมากเพื่อนรัก


"กะจะลดความอ้วนกันด้วยแหละแก อย่ากังวลเลย" แอ๋มหันมาพูด "ช่วงนี้กระโปรงเริ่มคับๆแล้วอ่ะ ต้องรีบลดด่วน" พูดไปได้นะแอ๋ม ไม่เห็นจะอ้วนขึ้นสักเท่าไหร่เลย ดูปกติดีออก


พี่บลูหันมาเหล่พวกเรา "สงสัยพรรคแสงทองส่องใจจะชนะก็งานนี้แหละนะ แล้วพิ้งค์ก็จะลดหุ่นกับเขาด้วยเหรอ?"


ยัยพิ้งค์หัวเราะร่วน "แน่นอนค่ะพี่บลู โดนคอมเพลนมาว่าอวบแบบนี้น่ะ" รายนี้ก็ไม่เห็นอ้วนเลย อาจจะเป็นเพราะหุ่นแบบนาฬิกาทรายของเธอก็ได้ที่ไม่เข้ากันกับชุดนักเรียน เลยดูอวบอั๋นไปหน่อย แต่ช่างเถอะ… เรื่องของพวกเธอนี่นา


++++++++++++++++++++++++++++++++

วันนี้เพิ่งเอานิยายบางส่วนให้พี่นักเขียนที่รู้จักกันดู พบว่ามีจุดที่ต้องปรับปรุงอีกพอควร =w="

เขียนจบแล้วอาจจะมาแก้ไขบางส่วนค่ะ หุหุ

จบตอนที่ 24 วันที่ 4 แล้วจะลงพร้อมตอนพิเศษที่ 2 นะคะ ^__^ (เรื่องของยัยควีน)

Last edited by MiyaCatZ (2008-08-20 08:49:39)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#83 2008-08-04 19:44:05

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

การนอนดึก ตื่นเช้าและนอนน้อยทำให้ความดันต่ำ และมึนราวกับโลกหมุนได้นะ ระวังให้ดี >o<

วันนี้เป็นมาแล้ว เอิ้ก... ปวดหัวด้วยแหละช่วงหลัง ตอนนี้ยังเป็นอยู่เลย

จะพยายามนอนไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมงทุกวันนะ T^T ฮึกๆๆ ฝืนร่างกายแบบบก.ส่วนตัวที่รักไม่ได้เลยอ่ะ

(รายนั้นทำงานจนดึกดื่นทุกคืน บ่นปวดหัวมาหลายวันละ = =" เหอๆ สายศิลป์-ฝรั่งเศสยังมีภาระเยอะกว่าสายวิทย์อีก แต่คนละโรงเรียนกันไง)


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


- Chapter 24 : Vote Score –


ฉันรอคอยผลการนับคะแนนอย่างใจจดใจจ่อ ถึงจะไม่ใช่ประธานหรือรองก็ตามเถอะนะ


และรอคอยมากเสียจนเหม่อลอยไปเลย…


"แอ๋ม! แอ๋มเว้ย เหม่อมาเชียว เป็นอะไรไปเนี่ย?" นายโต้ง เพื่อนรักตั้งแต่สมัยม.1 ทักฉันพร้อมกับโบกมือไปมาตรงหน้า สีหน้าเขาดูเป็นห่วงฉันน่าดู


และแน่นอนว่ามันทำให้ฉันหน้าแดงด้วยความอาย "เปล่าหรอก แค่คิดถึงเรื่องคะแนนน่ะ"


ควีนเพื่อนรักหัวเราะร่วน "เดี๋ยวเขาก็ประกาศแล้ว ใจเย็นๆกันก่อนสิ"


"ก็แกไม่ได้เป็นว่าที่กน. แบบพวกเรานี่นาควีน แกจะรู้ความรู้สึกลุ้นคะแนนอย่างพวกเราได้เหรอฮะ?" โต้งหันไปเถียง แน่นอนว่าสองคนนี้ชอบเถียงกันเป็นชีวิตจิตใจ จนไม่ซีเรียสอะไรกันแล้ว


พิ้งค์ส่ายหน้าก่อนจะเข้ามาไกล่เกลี่ย เธอคนนี้เป็นกรรมการผู้คอยยุติศึกฝีปากของสองคนนี้อยู่เสมอ "อย่าน่าโต้ง ควีนมันไม่ได้ไร้ความรู้สึกแบบนั้น ปีที่แล้วมันก็เป็นแบบพวกเราแหละ ไปคอยดูคะแนนพรรคขนมหวานของพี่บลูและพี่ต้นแทบทุกสิบนาที"


ฉันพยักหน้า มันเป็นความจริง "นั่นสินะ ยังจำได้กันเลย ตอนนั้นไม่น่าลืมนึกไปเลยว่าทำไมยัยควีนมันถึงบอกแต่ว่า 'เลือกพรรคขนมหวาน เบอร์ 5 กันนะเพื่อนๆ' แทบจะ 24 ชั่วโมงแล้วน่ะ"


ควีนหัวเราะ "โฮ่ๆๆ ก็พี่ต้นน่ารัก น่าเลือกน่ะสิ ถามได้ พวกเธอมองไม่เห็นความดีข้อนี้เองนี่นา และถ้าไม่เลือก พี่บลูก็คงไม่เจอกับยัยพิ้งค์" เธอหันมาแซวพิ้งค์จนได้ ทำให้เธอหน้าแดงด้วยความเขิน ถึงจะคบกับพี่บลูมาสองเดือนก็ยังไม่พ้นระยะข้าวใหม่ปลามันอยู่ดี ส่วนยัยควีนที่คบกับพี่ต้นมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนตอนนี้ชินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


"ง่า… ควีนอ่ะ มาแซวเค้า" พิ้งค์โอดครวญ ทำให้พี่บลูที่เข้ามาพอดีหันมาดุควีนเป็นพิธี


"น้องควีน! แกล้งอะไรแฟนพี่ครับ? เขินจนแก้มแดงไปหมดแล้วนะ" ฉันหลุดหัวเราะก๊ากทันที อะไรจะรักเพื่อนหนูขนาดนี้คะพี่ขา
ก่อนจะหยุดเพราะสายตาที่ตั้งใจจะกินเลือดกินเนื้อคนหัวเราะของพี่บลู


"ง่า… เลิกหัวเราะก็ได้ค่ะพี่ แหะๆ แค่เห็นว่ารักกันสวีทเชียว" และพี่บลูก็ยิ้มแก้มแทบแตกเพราะคำพูดของฉันจนได้ มีบ้ายอเหมือนกันนะคะพี่


เขาหันไปทางควีนและโต้ง ก่อนจะพูดด้วยความตื่นเต้น "นี่โต้ง เดี๋ยวผลคะแนนจะออกมาบ่ายโมงครึ่ง อีกชั่วโมงเดียวเอง รอไปก่อนนะ แต่คะแนนพรรคแสงทองอะไรเนี่ยตามไล่บี้พรรคเรียนดีได้โล่เบอร์สองเลยนะ"


ฉันยิ้มอย่างมีความสุข นี่พรรคของพวกเรามีความนิยมเท่านี้เชียวเหรอเนี่ย?


แต่ไม่เท่าว่าที่ประธานของพวกเราหรอก… นายโต้งไง เขายิ้มอย่างมีความสุขเหลือเกิน ซึ่งปกติฉันก็เห็นบ่อยนะ แต่สาเหตุของความสุขครั้งนี้มันมีคุณค่ายิ่งกว่าสิ่งใดเลยทีเดียว


คิดไปคิดมา… ก็เร็วจริงๆ ตั้งแต่ที่ฉันกับโต้งพบกันครั้งแรก ตอนนั้นเป็นวันเปิดเทอมขึ้นม.1 พอดี ฉันเข้ามาในห้องอย่างตื่นเต้นน่าดู จนซุ่มซ่ามไปล้มพรืดอยู่หน้าห้อง เพราะนิสัยที่ซุ่มซ่ามเป็นกิจวัตรของฉันนั่นแหละ


เสียงหัวเราะดังขึ้นลั่นห้องเป็นเสียงเดียว ฉันรู้สึกอับอายมาก เพราะในห้องก็มีกลุ่มที่ไม่ค่อยถูกชะตาสมัยเมื่อประถมมาแล้ว พวกนั้นชี้มาที่ฉันราวกับเป็นหมีแพนด้าในสวนสัตว์เชียงใหม่ ก่อนจะหัวเราะราวกับไม่มีอะไรในโลกนี้ทำให้พวกเธอขำกันมาก่อน


ใบหน้าของฉันร้อนผ่าว รวมถึงขอบตาด้วย แต่ก่อนที่จะร้องไห้ออกมาก็มีมือยื่นเข้ามาให้ฉันพยุงตัวลุกขึ้น พร้อมกับเสียงที่เปี่ยมด้วยความปรารถนาดี "เธอเป็นอะไรมั้ย?"


ฉันหันไป เห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ สูงพอๆกับฉันเลย (ยังไม่โตเป็นหนุ่มสักทีไง) สวมแว่นตากรอบทองดูเด๋อด๋าพิกล แต่เขาก็หน้าตาน่ารักไม่หยอกนะ


ฉันจึงยิ้มพร้อมกับจับมือเขาก่อนจะพยุงตัวเองขึ้นมา "ขอบคุณนะ นายชื่ออะไรเหรอ?"


เขายิ้มกลับ "เราชื่อโต้งน่ะ แล้วเธอล่ะ?"


"ชื่อแอ๋ม ขอบคุณที่ช่วยเรานะ ถ้าไม่มีนายเราต้องร้องไห้ไปแล้วแหงเลย" คำพูดนี้ทำให้มีเสียงหัวเราะขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แต่ฉันไม่สนใจอะไรแล้วล่ะ ในเมื่อฉันก็มีเพื่อนที่ดีอยู่เคียงข้างแบบนี้น่ะ


(มีต่อ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#84 2008-08-04 19:45:43

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

และหลังจากนั้น บรรดาแก๊งที่เคยไม่ถูกชะตา ก็หันมาเฮฮากับเรามากขึ้น จนตอนนี้เราซี้กันแล้วล่ะ ตอนจบม.3 ก็เศร้ากันเสียไม่มี แต่สวรรค์ก็ยังให้ฉันกับโต้งเป็นสองคนในห้องที่มาอยู่ม.4/5 จึงมารู้จักกับควีนที่ไม่มีเพื่อนสมัยม.ต้นมาอยู่ด้วยเลย รวมถึงพิ้งค์ที่สอบเข้าม.4 ด้วย


โอเค… ฉันกับโต้งอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ม.1 เวลาที่ผ่านไปก็ทำให้เราสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่มันน่ากลัวอยู่เพียงเรื่องเดียวคือความสัมพันธ์ของเรามันไม่ควรจะมากไปกว่าเพื่อนสนิทใช่ไหม?


แล้วฉันก็เผลอใจชอบเพื่อนสนิทคนนี้เข้าแล้วสิ… ทำยังไงดีนะ


ซึ่งฉันไม่เคยเล่าให้ควีนหรือพิ้งค์ฟังเลยสักครั้ง เพราะมันคงจะไม่ดีเท่าไหร่กับความรักภายในกลุ่มน่ะนะ ฉันจึงได้แต่ภาวนาว่าถ้าเขาไม่ใช่คู่ของฉันจริง ฉันควรจะตัดใจได้ในเร็ววัน แม้ว่าฉันจะไม่กลัวว่าเพื่อนๆสองคนนี้จะชอบโต้งด้วยก็ตาม


แล้วก็ไม่ได้ชอบจริงๆด้วยแหละ เนื่องจากควีนก็แอบชอบพี่ต้นตั้งแต่ม.4 และสมหวังไปได้ ส่วนพิ้งค์ก็เพิ่งลงเอยกับพี่บลูได้ไม่นานนี่เอง
ส่วนฉัน… ก็คงต้องเก็บงำความรู้สึกนี้ไปตลอดอย่างนั้นสิ


"แอ๋มๆ เดี๋ยวไปเรียนวิชาต่อไปได้แล้ว อย่ามัวเอาแต่เหม่อ" เสียงของโต้งปลุกสติของฉันอีกครั้ง ทำให้ต้องรีบร้อนเก็บกระเป๋าขึ้นมา ด้วยความซุ่มซ่ามที่มีแต่กำเนิดจึงพลั้งทำหนังสือหล่นลงไปจากกระเป๋าเคียงจนได้ "ว้าย!"


ฉันก้มลงไปเก็บ โต้งรีบก้มลงเข้ามาช่วยอีกแรง ทันใดนั้นมือของเราก็สัมผัสกันจนได้ มือของโต้งคว้ามือฉันเข้าเสียอย่างนั้น ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว ปฎิกิริยานี้ช่างน่ากลัวเสียจริง


"อ่า… ขอโทษนะแอ๋ม" โต้งพูดตะกุกตะกัก ฉันเองก็รีบชักมือกลับทันที ทำอะไรไม่ถูกแล้วนะนั่น อ๋ายยยย…


"ไม่เป็นไร เรารีบไปเรียนกันเถอะนะ เห็นพิ้งค์กับควีนไปกันก่อนแล้วนี่นา"


เขาหันไปทางบันได "ใช่ พี่ต้นพี่บลูก็ไปส่งด้วยนี่นา อิจฉาคนมีแฟนจัง อยากมีคนที่รักเราแบบนี้บ้างเนอะ"


ฉันพยักหน้า ตอบอย่างตะกุกตะกัก "นั่นสิ… ฉันก็อยากเหมือนกันแหละ"


และเราก็เดินขึ้นห้องเรียนไป ช่วงเวลาดีๆนี่มีไม่นานเลยจริงๆ เพราะเราต้องมาเรียนต่อกันอีกแล้วจนได้ เฮ้อ… แล้วโต้งก็เอาจริงเอาจังกับการเรียนเหมือนอย่างเคย


หลังจากออดบ่ายโมงครึ่งดัง ควีนก็รับโทรศัพท์จากพี่ต้นทันที (ตรงเวลาจริงๆเลยเนอะ) หลังจากพูดสักสองสามประโยคเธอก็ยิ้มแก้มแทบแตกราวกับถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 มายังงั้น


"จริงเหรอคะพี่ต้น ค่ะๆ" ก่อนจะวางสายไป แล้วหันมาทางพวกเราอย่างปิติยินดี "เฮ้ยโต้ง!! Congratulation นะยะ แกได้เป็นประธานนักเรียนคนใหม่ของสวนนนท์แล้วล่ะ!!"


โต้งที่มัวจดจ่อกับการบ้าน (ที่ต้องส่งอาทิตย์หน้า) หันมาอย่างตกใจ "หา!! แกล้อเล่นกันเหรอฮะยัยควีน" ก่อนจะโดนฝ่ามือพิฆาตของแฟนอดีตประธานตบเข้ากลางกระหม่อม


"ไอ้บ้า!! ฉันพูดเล่นเหรอยะ ฉันจะบอกว่าแกได้เป็นประธานนักเรียนแล้วว้อยย!!"


และฉันก็จำไม่ได้เลยว่าพวกเราวิ่งกันอิท่าไหน ความเร็วเท่าใดจนมาถึงใต้ตึกสี่ที่ทำการนับคะแนนอยู่ เมื่อมองคะแนนรวมก็ต้องตกใจจริงด้วย พรรค "แสงทองส่องใจ" มีคะแนนรวมสูงที่สุด ห่างจากพรรค "เรียนดีได้โล่" ไม่กี่ร้อยคะแนนเท่านั้น


แล้วพวกเราก็ร้องแสดงความดีใจเสียจนคนรอบข้างตกใจกันเป็นแถบ "ไชโย!! ชนะแล้ววว" แน่นอนว่าพี่ต้นกับพี่บลูที่ยืนอยู่ไม่ห่างก็ยิ้มอย่างมีความสุขด้วย


และผมก็แอบได้ยินเสียงมาหนึ่งประโยคนะ "เฮ้ยบลู แฟนแกได้ตำแหน่งต่อจากแกแบบนี้ดีใจไม่เลิกเลยใช่มั้ยล่ะ หึหึ"
พี่บลูหันไปตีหน้ายักษ์ใส่พี่ต้น (เห็นกันจนชินแล้วล่ะนะ) "เออ แล้วไงล่ะ" ก่อนจะหัวเราะกันอย่างมีความสุข ฉันเองก็สุขเหมือนกันแหละนะ


ฉันมองไปทางโต้ง เขาหันมามองฉันพอดี จึงชูสองนิ้วให้เพื่อเป็นกำลังใจก่อนจะทักทาย "ดีใจมากเลยล่ะสิ?" เขายิ้มทันที


"ใช่... แล้วเธอก็จะเป็นเลขาฯส่วนตัวของเราแล้ว เตรียมรับมือกันงานได้เลยนะแอ๋ม" เขายื่นมือตบบ่าฉันเป็นกำลังใจ แน่นอนว่าทำให้ฉันต้องแลบลิ้นใส่อย่างหมั่นไส้


"ค่า... ท่านประธาน ยิ่งใหญ่จริงจริ๊งงง" แต่ไม่ทันจะเล่นกันต่อก็ถูกพี่ต้นแทรกเข้ามาเสียอย่างนั้น "เฮ้ย!! ก่อนอื่นพวกเราจะต้องโดนพี่ฝึกงานนะน้อง อย่าทำมาดี๊ด๊า"


พี่บลูทำได้แค่หัวเราะ "ฝึกงานน่ะ... ตั้งใจกันด้วยนะ" พวกเราพยักหน้า


+++++++++++++++++++++++++++++

วันนี้จะลงตอนพิเศษของยัยควีนให้ตามสัญญา ^__^

ขออภัยในข้อหาปั๊มกระทู้นะคะ แหะๆๆ (ยอมรับโดยดุษฎี แต่ขืนรอคนโพสต์คั่นคงได้ลงจบหลังสอบเอเน็ตเสร็จ =w=" 555+)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#85 2008-08-04 20:10:14

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

- Chapter Special 2 : Love Story -


"ควีน... ข้อนี้ทำได้มั้ย?" พี่ต้นถามฉันขณะที่เรากำลังนั่งติววิชาฟิสิกส์ วิชาโปรดของเราสองคน ฉันคือควีน ซึ่งเป็นเพื่อนรักของพิ้งค์ แอ๋ม และนายโต้ง ตอนนี้อยู่ชั้นม.5/5 และเป็นแฟนกับรุ่นพี่ประธานนักเรียนนามว่ากฤษณะ หรือพี่ต้นนั่นเองค่ะ เขาอยู่ม.6/5 เป็นรุ่นพี่ฉันปีนึง และก็อยู่ห้อง 5 เหมือนกันอีกนะ


เรื่องของเรา... หลายคนก็ต่างรู้มาแล้วว่าเราเจอกัน ก่อนจะสนิทจนรักกันได้เพราะงานรับน้องม.1 รุ่น 32 แท้ๆเลย แต่ความจริงมันมีที่มาที่ต้องย้อนกลับไปอีก และก็ไม่มีใครเคยรู้ด้วยนะ


ว่าฉันเคยแอบชอบพี่ต้นมาตั้งแต่ม.3 แล้วล่ะ...


วันนั้นเป็นช่วงเวลาที่สนุกสนานสำหรับพวกเราที่ยังคงสถานะเป็นเด็กม.ต้น กับเทอมแรกของปี ที่ปีหน้าเราก็จะต้องเปลี่ยนสถานะเป็นเด็กม.ปลายแล้ว แน่นอนว่าดีตรงไว้ผมยาวได้ เพราะฉันไม่ชอบใจกับผมสั้นอย่างแรงเลย แล้วใครๆก็ต่างบอกว่าฉันจะดูดีกว่ามากถ้าไว้ผมยาว


ฉันเดินลงไปทานข้าวกลางวันตามลำพัง ด้วยที่ว่าเพื่อนๆที่พอสนิทกันก็ต่างไปเล่นเกม อ่านการ์ตูนกันหมดเพราะคาบที่ผ่านมาเป็นคาบว่างไง และเราไม่ได้สนิทถึงขั้นซี้ปึ้กด้วย อาจเป็นเพราะความช่างเลือกของฉันหรือเปล่านะ? ที่การเลือกเพื่อนซี้สักคนต้องดูหลายองค์ประกอบน่ะ


ห้องเรียนของฉันอยู่ชั้นสาม แน่นอนว่าวันนี้ฉันดันอยากเดินไปทางตึกหนึ่งเพื่อลงบันไดไปรวดเดียวซะอย่างนั้น เลยขึ้นบันไดไปอีกชั้น แน่นอนว่าตึกสี่ไม่ค่อยมีคนมากเท่าไหร่แล้ว สบายกับการเดินเล่นชมวิว มองไปทางตึกใหม่ที่กำลังสร้าง และท้องฟ้าสีครามสดใส ก้อนเมฆลอยเอื่อยๆ และสายลมที่พัดแรงสร้างความสดชื่นยิ่งนัก


เมื่อเดินผ่านช่องแคบออกมาตึกหนึ่ง ก็ลงบันไดมาเรื่อยๆ ซึ่งก็ควรจะเป็นไปตามปกตินะ...


แต่ขณะที่เดินลงมาจะถึงชั้นหนึ่งนั้น ฉันก็สะดุดขาตัวเองตกบันไดไปเสียอย่างนั้น "กรี๊ด!" ก่อนจะกลิ้งลงมาหลายตลบไปกองกับพื้นอย่างอับอายสายตาชาวบ้านมาก เพราะคนในโรงอาหารก็ไม่ใช่น้อยๆ แทบจะแย่งออกซิเจนกันตายแล้ว


และฉันก็รู้สึกเจ็บมากด้วย ตามแขนขา แล้วยังรู้สึกจุกที่ท้องอีก เจ็บปวดทั้งตัวจนน้ำตาไหลเลยแหละ "ฮือ..."


ฉันเอามือปาดน้ำตา ก่อนจะได้ยินเสียงสวรรค์... ไม่ใช่สิ ผู้ชายคนหนึ่งต่างหาก "น้องเป็นอะไรมั้ยครับ?"


เมื่อฉันเงยหน้าขึ้น ก็ต้องพบกับรุ่นพี่ม.ปลาย ใบหน้าขาวออกตี๋ๆ แม้จะไม่ถึงขั้นหล่อจนน่ามอง แต่น้ำใจของเขาก็ทำให้ฉันต้องมองอย่างตะลึงยิ่งนัก "อ่า... ไม่เป็นไรค่ะ" ฉันตอบไป ก็แหม... เห็นหน้าพี่เขาก็หายเจ็บแล้ว


แต่ไอ้อาการจุกนี่สิ มันไม่หายตามไปด้วย ดังนั้นพอฉันลุกขึ้นก็ต้องทรุดลงด้วยความเจ็บจนได้ "โอ๊ย!" พี่เขาเลยช่วยพยุง พร้อมกับตะโกนเรียกอาจารย์ "อาจารย์ครับ! น้องคนนี้ล้มตกบันไดจุกครับ" มีอาจารย์วิ่งออกมาจากห้องสุโขสโมสรมาสองสามคน ก่อนจะช่วยกันพยุงฉันไปส่งห้องพยาบาล เพราะเดินไม่ไหวจริงๆ


เมื่อไปถึงห้องพยาบาล ก็ต้องนอนอยู่บนเตียงสักพัก พี่เขาก็หันมาดูอาการฉันด้วยนะ คนอะไรมีน้ำใจดีงามเสียจริง
"ขอบคุณนะคะพี่" เขายิ้ม... เป็นรอยยิ้มแรกที่ทำให้รู้สึกราวกับมีศรมาปักเข้ากลางใจเลย


"ไม่เป็นไรน้อง คราวหน้าก็ระวังตัวด้วย ตกบันไดมันอันตรายเหมือนกันนะ" และฉันก็ยังคงจำคำพูดนั้นได้เสมอมา หลังจากนั้นเขาก็เดินออกไป และเราก็ไม่เคยคุยกันอีกเลย... เขาเป็นเหมือนอัศวินม้าขาวที่เข้ามาเพียงแวบเดียว ก่อนจะจากไปไกลแสนไกล


และฉันก็ประทับใจจนไม่อยากจะมองใครอีกแล้ว เพราะไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นจะมีน้ำใจดีงามต่อคนอื่นที่เป็นเพียงคนแปลกหน้าแบบเขาหรือเปล่า คนดีแบบนี้หายากมากเลยนะ


จนกระทั่งฉันขึ้นม.4 ก็เคยเห็นพี่คนนี้เดินผ่านแวบไปแวบมา ฉันที่ไม่อยากรอเพียงความหวังลมๆแล้งๆแบบพระเอกนางเอกนิยายน้ำเน่า จึงรีบไปแอบสืบประวัติมา ทราบว่าพี่เขาก็เป็นรุ่นพี่ของฉันเพียงปีเดียวเท่านั้น ชื่อพี่ต้นอยู่ 5/5 นั่นก็ทำให้ฉันดี๊ด๊าแล้ว เพราะเราก็เป็นชาวห้อง 5 เหมือนกัน


และในวันที่ม.5 ปีนั้นถึงเวลาสมัครเลือกตั้งประธานนักเรียน ก็ทำให้ฉันรู้ว่าเขาก็ลงสมัครด้วยเช่นกัน ในชื่อพรรค "ขนมหวาน" เบอร์ 5 (แต่ไม่บ้าเห่อนะ) มีพี่บลูเป็นรองประธาน คนนี้เป็นทายาทนักธุรกิจชื่อดัง นามสกุลของพี่เขาไม่มีใครที่จะไม่รู้จัก... แต่วันนั้น วันที่เปิดตัวครั้งแรกนั้น พิ้งค์เพื่อนของฉันเกิดป่วยไม่มาโรงเรียนเสียอย่างนั้น


"สวัสดีครับ ผม กฤษณะ บวรไชยกานต์ หรือต้นนะครับ พวกเราคือพรรคขนมหวาน ซึ่งหมายถึงชีวิตที่รุ่งโรจน์สดใส และน่าอร่อยเหมือนขนมนั่นเองครับ พวกเราหวังว่าชีวิตของทุกคนจะน่าอร่อยเหมือนขนมหวานนะ อ่า... แล้วก็... บลาๆๆ"


ฉันจำคำพูดของพี่ต้นได้ไม่หมด แต่ก็ฟังด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข ชีวิตของฉันจะหวานเหมือนขนมได้แน่ถ้าพี่ต้นได้เข้ามาในชีวิตของฉันจริงๆน่ะนะ


โชคดีที่โต้งกับแอ๋มมัวแย่งกันอ่านดวงในไอไลค์ ทำให้ไม่ทันได้สังเกตว่าฉันดูจะเอาแต่ฟังพี่ต้นหาเสียงไปยิ้มร่าไป เพราะมันคงผิดปกติเกินไปจากควีนคนเดิม ที่เอาแต่อ่านหนังสือและชอบฟิสิกส์เป็นชีวิตจิตใจ


และฉันก็ได้เป็นผู้สนับสนุนในการเลือกเบอร์ 5 อย่างไม่เป็นทางการไปเสียแล้ว... โดยเฉพาะกับคนที่ไม่รู้ว่าจะเลือกใครเลยอย่างยัยพิ้งค์ ที่สอบเข้าม.4 มาได้ และไม่มีประสบการณ์เห็นนักเรียนที่นี่หาเสียงเลือกตั้งกรรมการนักเรียนกันเลย


"เลือกเบอร์ 5 สิพิ้งค์ เขาดีจริงนะ" ฉันหันมาพูดกับพิ้งค์ที่เบลอๆเพราะฤทธิ์ยาที่กิน เธอป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่(หลงฤดู) ทำให้ต้องกินแต่ยาทั้งเม็ดและน้ำ


"แล้วเธอรู้ได้ไงอ่า... ยังไม่มีนโยบายมาสักหน่อย" เธอค้าน ฉันเลยต้องเข้ามาอธิบาย


(มีต่อ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#86 2008-08-04 20:13:06

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

"ที่นี่มีนโยบายยังไงก็เปล่าประโยชน์น่า... ส่วนมากเลือกคนรู้จักกันเท่านั้นแหละ ไม่ก็โดนใจสุดๆอ่านะ" และก็ชักแม่น้ำทั้งห้าจนพิ้งค์ยอมเลือก ส่วนโต้งกับแอ๋มรายนี้ต้องบังคับ พร้อมกับอาสาเลี้ยงข้าวเลี้ยงขนม ยอมกัดฟันควักเงินเลี้ยงไอศกรีมเลยเชียวนะ


ทั้งที่ปกติแล้วจะมีแต่คนหาว่าฉันเป็นญาติกับเกลือในทะเลสาบเดดซีนะเนี่ย (เค็มน่าดู)


เมื่อเห็นความมหัศจรรย์ดังนี้แล้ว โต้งกับแอ๋มจึงต้องจำใจเลือกเบอร์ 5 ทั้งที่ตอนแรกก็อยากจะเลือกพรรคอื่นอยู่หรอก
และผลก็คือ... ชัยชนะของพวกเรา!!


ไม่ใช่พวกเราหรอก ของพี่ต้นต่างหากล่ะ ในที่สุดเขาก็ได้เป็นประธานนักเรียนสมใจ ทำให้ฉันต้องรีบลงชื่อเป็นสต๊าฟรับน้องม.1 ทันที ทั้งที่ตัวเองก็อยากจะอ่านหนังสือเรียนมากกว่าทำกิจกรรมนะ คือฉันไม่ค่อยถูกกับกิจกรรมเท่าไหร่


แต่... กิจกรรมนั้น ก็ทำให้มุมมองของฉันเปลี่ยนไปราวกับพลิกแผ่นดิน


เพราะการทำกิจกรรมก็มีคุณค่าไม่น้อยไปกว่าการเรียน และทำให้เราได้มีเพื่อนใหม่ๆ รู้จักคนเยอะ รวมถึงรุ่นน้องด้วยนะ แน่นอนว่าฉันซี้กับเด็กๆหลายคนแล้วล่ะ ดีใช่ไหมล่ะ? เจอหน้าก็ถูกไหว้ "สวัสดีครับพี่ควีน" ประมาณนี้แหละ


รวมถึง... ทำให้ฉันกับพี่ต้นได้รู้จักกันจริงๆสักที และเริ่มสนิทกันด้วย


"เฮ้ย! นี่น้องคนนี้... คนที่เคยตกบันไดตอนปี 49 หรือเปล่าน่ะ?" เขาหันมาถามฉันอย่างไม่มั่นใจในวันแรกที่ประชุม ทำให้ฉันยิ้มรับอย่างมีความสุข "ใช่ค่ะพี่ หนูเองแหละ ถ้าไม่มีพี่ก็คงแย่น่ะค่ะ" เราต่างยิ้มอย่างงงๆ ก็แหม... พี่เขาคงแปลกใจอยู่แหละ ว่าได้เจอรุ่นน้องที่เคยช่วยไว้เมื่อนานมาแล้วตั้งปีกว่า แถมเธอคนนั้นก็สวยขึ้นมาก ก็ฉันน่ะไว้ผมยาวแล้ว ยืดผมแล้วด้วย


จากนั้นเราก็เริ่มสนิทกัน มีพี่ต้นและพี่บลูคอยแนะนำงานต่างๆ ทำให้รู้ว่าพี่บลูเป็นเพื่อนสนิทของพี่ต้นนั่นเอง พี่ทั้งสองนิสัยดี แม้จะชอบทำตัวติดกันราวกับเป็นฝาแฝดอิน-จันก็ตาม


ส่วนฉันเองไม่มีเพื่อนคนใดตามติดมาบ้างเลย จึงโทรศัพท์ไปชวนเพื่อนๆให้มาเป็นเพื่อนเสมอ แต่ก็กลับไม่ว่างกัน นายโต้งก็สนิทกับแอ๋มถึงขั้นไปเรียนคอร์สกวดวิชาเดียวกันทุกวิชาแล้วนะ (เพราะสองคนนั่นสนิทกันตั้งแต่ม.1 แล้วไง) เหลือแต่พิ้งค์เท่านั้นที่พอมาได้ และฉันก็รู้สึกแปลกๆ... พิ้งค์แอนด์บลู ชมพูฟ้า


สีประจำโรงเรียนนี่นา!!


ฉันรู้สึกแปลกตั้งแต่ชวนพิ้งค์มาแล้ว เพราะก่อนหน้านั้นฉันไปขอพี่บลู แน่นอนว่าเขาอนุญาต ทำให้ฉันเริ่มไอเดียใหม่ๆขึ้นมาได้ว่าถ้าจับพี่บลูกับยัยพิ้งค์ที่ยังโสดอยู่มาคู่กันจะเป็นยังไงบ้าง!! ไอเดียดีใช่ไหมล่ะ?


ซึ่งก็ไม่สำเร็จเท่าไหร่ เพราะพิ้งค์ก็ขี้เกียจออกนอกบ้านบ่อยๆ และในงานรับน้องก็แสนจะเหนื่อยทั้งกายและใจอย่างสุดๆเลย


แต่คืนที่ฉันประทับใจก็เป็นคืนสุดท้ายนั่นแหละ เพราะสต๊าฟอย่างพวกเราก็เป็นลูกมือกน. ในคืนนั้นหลังจากน้องๆกลับกันไปแล้ว เราก็มาผูกข้อมือกัน พี่ต้นเข้ามาทางฉันทันทีหลังจากพี่บลูช่วยผูกให้ฉันเสร็จแล้ว สายสิญจน์สีชมพู-ฟ้า มีคุณค่าทางจิตใจมากเลยนะ


"น้องควีน... พี่ยังไม่ได้ผูกให้น้องเลย จะรับอีกเส้นมั้ย?" เขายิ้มพร้อมกับยื่นด้ายสีชมพูฟ้าขึ้นมา แน่นอนว่าใครจะปฎิเสธลง!!


พี่ต้นนั่งลงยังขั้นบันไปต่างระดับของลานหินโค้ง ก่อนจะให้ฉันนั่งอยู่ข้างๆ และคว้าข้อมือขวาที่มีด้ายผูกแทบจะเต็มข้อมือนั้นมาผูกต่ออีกเส้น รู้สึกอบอุ่นใจ ไม่อยากให้เวลาดีๆแบบนี้หมดไปเลยเชียว


"อ่า... พี่ขอให้น้องควีนตั้งใจเรียนนะ ขึ้นม.5 ก็เรียนหนักขึ้น แต่ไม่ถึงตายหรอกเพราะพี่ก็ผ่านมันมาได้ เหอๆ ขอให้สวยขึ้น แล้วก็อยากได้อะไรขอให้ได้ตามความปรารถนานะ" เขาอวยพร ทำให้ฉันกลั้นยิ้มแทบไม่ไหว ก็แหม... ถ้าอยากได้หัวใจพี่นี่จะได้ตามความปรารถนาด้วยไหมคะ?


และไม่นานก็เปิดเทอม ฉันกับพี่ต้นก็สนิทกันขึ้นทุกวันๆ คุยโทรศัพท์กันเป็นบางวัน ส่วนพิ้งค์กับพี่บลูก็รู้จักกันแล้ว น่าตกใจมากเลยนะที่แม่ของทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมาก่อนน่ะ!! แน่นอนว่าพิ้งค์บ่นปนโอดครวญเลยว่าแม่ของเธอทำท่าจะอยากได้พี่บลูเป็นลูกเขยเสียแล้ว ฉันหัวเราะเพราะมีแนวร่วมแบบไม่ได้ตั้งใจนี่เอง ฉันก็อยากได้พี่บลูเป็นแฟนพิ้งค์นะ ถ้าเป็นไปได้น่ะ


เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งวันที่พี่ต้นขอฉันเป็นแฟน...


วันนั้นเป็นวันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน เขามาดักรอที่หน้าห้องชีวะเลยหลังเรียนเสร็จ (ความจริงไม่ต้องมาดักรอก็ได้มั้ง เจอกันทุกครั้งที่ออกมาเลย เพราะห้องพี่ต้นมาเรียนต่อจากห้องฉันพอดี) ขณะที่เพื่อนๆก็เดินออกไปยังโรงอาหารเสียก่อน


"ควีน... พี่มีเรื่องอยากสารภาพน่ะ?"


"อะไรเหรอคะ?" ฉันถามอย่างสงสัย เขามีอะไรต้องสารภาพนะ? ช่วงนี้เราก็คุยโทรศัพท์กันทุกวันแล้วน่ะ แต่เขากลับทำท่าอายๆ
ก่อนจะพูดออกมา ซึ่งทำให้ฉันดีใจมากที่สุด!! "พี่ชอบควีนมานานแล้วนะ เราคบกันได้มั้ย?" กรี๊ดดดด!!! สวรรค์เข้าข้างคนสวยอย่างขนิษฐาแล้ววว


ด้วยการให้ฉันคนนี้สมหวังกับความรัก อ๊ายยยย~


และเราก็รักกันได้... เพราะอะไรดีนะ?


งานรับน้อง? หรือเหตุการณ์ที่ฉันตกบันไดดี อิอิ


ก็พี่ต้นสารภาพมาตอนหลังนี่นาว่าเขาก็แอบประทับใจเด็กที่ตกบันไดคนนั้นอยู่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว และโชคชะตาก็บันดาลให้เรารักกันจริงๆด้วย คู่กันต้องไม่แคล้วคลาดสินะ!!


++++++++++++++++++++++++++++++

น่าจะได้คำตอบของแบบทดสอบข้อสุดท้ายแล้วนะคะ 555+ ว่าจะเป็นอย่างไร

ตามท้องเรื่องที่คิดกันว่าควีนแอบรักต้นตั้งแต่ม.4 เป็นความคิดของคนอื่นเท่านั้นเองแหละค่ะ ^^" แหะๆ

สองคนนี้จะรักกันไปอีกนานเลยอะค่ะ คู่แล้วไม่แคล้วคลาด (แต่ก็นะ... รอดูในช่วงพีเรียดสุดท้ายแล้วกัน มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#87 2008-08-04 21:12:46

dadawizard
สมาชิก
From: Thailand
Registered: 2006-12-27
Posts: 583

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

คนเขียนแอบซาดิสม์แฮะ

คนเค้าจะรักกันดีๆ มีป่วน

55+

แต่ก็ช่างเห้อะ หวานกันทั้งเรื่องใครมันจะไปอ่าน

ปล.นิยายผมถึงตอนที่ 35 แล้วเน้อ แต่งไปเรื่อยๆจนกว่าจะเบื่อนี่ล่ะ - -*


จะอยู่ไหนหนใดให้รู้ค่า                          พระคุณที่ได้รับมาอย่าลืมได้
ถิ่นกุหลาบนนท์งามล้วนชวนยวนใจ           หรือพระเกี้ยวอันยิ่งใหญ่บนอกเรา
สุวิชา โนภวังโหติมั่น                           ความรู้นั้นจงเชิดชูอย่าขลาดเขลา
กตัญญูกตเวทิตาเอา                           เป็นหลักเสายึดมั่นในแนวทาง

Offline

#88 2008-08-04 21:17:09

LagooNz
สมาชิก
Registered: 2006-08-08
Posts: 3,631

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ููู^^^
รายนี้จะเอาสักกี่ตอนล่ะ?

35แล้ว อัพไวเว่อร์ ไม่นานติดอันดับแน่

ต่อไปจะเลิกเทคะแนนโหวดตัวเองมาโหวดให้ข้างบนแทนแล้ว เพราะดูรุ่งเรืองกว่าจริงๆ

Offline

#89 2008-08-06 17:23:48

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

วันนี้ไปทำงานละครวิทย์มา 55+

งานหลายงานที่ว่าจะทำ Fail ไปเยอะ -"- ตั้งแต่งานสูจิบัตรเอย (คนที่จะเอาธูปเทียนมาดันไม่มาซะงั้น) งาน mv เอย (ทีมงานลืมเอากล้องมา 55+)

มีสวัสดิการข้าวไข่เจียว + เฟรนช์ฟรายด้วยแหละ หุหุ เฉพาะ 6/5 (แต่ห้อง 6 ก็ได้เฟรนช์ฟรายจากเราไป 1 ชาม)

คิดหนักนิดหน่อย เพราะสามตอนหลังจากนี้ยังไม่แน่ใจเรื่องพล็อต -"- แต่มีเวลาแค่ 6 วันเท่านั้น พรุ่งนี้สอบเคมีด้วย อ้ากกก~

แต่อีกสองวัน... เตรียมติดเรท 13+ ได้เลย บอกแค่นี้ =w="

++++++++++++++++++++++++++++


- Chapter 25 : Dinner With Love -


ฉันกลับบ้านมาด้วยความดีใจ ในที่สุดพรรคแสงทองส่องใจของเราก็ได้เกียรติเป็นกน. สมใจอยาก แน่นอนว่าโต้งดีใจจนกระโดดโลดเต้นไปมาเลยทีเดียว ก่อนจะเรียนด้วยความตั้งใจที่เพิ่มขึ้นถึง 120% จากสถาบันพิ้งค์แอนด์บลูโพลล์ที่วัดมาในช่วงบ่ายวันนี้


แต่พี่บลูบอกกับฉันขณะที่มาส่งที่บ้านซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันของพวกเราว่า "เดี๋ยววันนี้พี่แวะบ้านได้มั้ย? แม่อยู่หรือเปล่า?"


ฉันพยักหน้า "แม่อยู่บ้านค่ะวันนี้ มีอะไรเหรอคะ" เขาไม่ตอบ แต่รีบเข้าบ้านไปก่อนซึ่งทำให้แม่ของฉันรับไหว้จากพี่บลูอย่างงงๆ หลังจากที่เข้าบ้านไปแล้ว


"สวัสดีจ้ะบลู มีอะไรเหรอจ๊ะ?" เขายิ้มแป้น


"แม่ผมเพิ่งให้บัตรทานอาหารมาสามใบ ก็เลยจะชวนพิ้งค์ไปน่ะครับเย็นวันนี้" ก่อนจะบอกสถานที่ซึ่งทำให้ฉันตาโตอย่างตกใจ ก็มันเป็นภัตตาคารในโรงแรมชื่อดังนี่นา อ๋ายยย~ ถึงฉันจะคบกับพี่บลูก็ไม่ได้ชื่นชอบความหรูหรานะ


แต่แม่ก็ดูจะไม่วางใจ ด้วยความที่หวงลูกสาวที่น่ารักอย่างฉันนั่นเอง "แล้วมีใครไปบ้างล่ะจ๊ะ? ให้ไปกันสองคนแม่ก็ไม่อยากวางใจเท่าไหร่นะ" แน่นอนว่าพี่บลูคงรู้แหละว่าแม่ของลูกสาวมักจะเข้มแค่ไหน เพราะเขาก็มีทั้งพี่สาวและน้องสาวอยู่ จึงยิ้มราวกับตระเตรียมแผนมาอย่างดี


"คือพวกเราไปกันทั้งบ้านน่ะครับ แต่พี่ทั้งสองของผมคงไม่ได้มาด้วยเพราะติดเรียน ก็มีพ่อแม่ แล้วก็ยัยเบลล์ น้องสาวคนเล็กครับ" แม่พยักหน้าอย่างเอ็นดู


"เอาเถอะ ช่วยบอกกำหนดการรถที่จะมารับด้วยได้มั้ย? เดี๋ยวพิ้งค์ต้องไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน เราก็คงต้องเตรียมตัวเหมือนกันแหละนะ"


"ได้ครับ" พี่บลูยิ้มอย่างดีใจ และเราก็แยกกันที่ห้องนั่งเล่นนั่นแหละ เนื่องจากเขาคงไม่มาส่งฉันถึงหน้าห้องน้ำอย่างแน่นอน เดี๋ยวก็จะได้เจอกันอีกแล้วสินะ


หลังจากอาบน้ำแต่งตัว เปลี่ยนมาสวมชุดแซคสีชมพูอ่อนจากผ้าชีฟองอัดพลีทและมีลูกไม้น่ารักประดับ ซึ่งมีเสื้อคลุมสั้นแขนตุ๊กตาสีขาวสวมทับอยู่แล้วก็ลงมานั่งเล่นอยู่ข้างล่าง แน่นอนว่าไม่ใช่งานเต้นรำฉันจึงไม่คิดจะใส่ส้นสูงอีก เพราะใส่แล้วเมื่อยเท้าน่าดูเลย แต่ชุดแซคที่ใส่กระโปรงก็ยาวพอดูนะ พอๆกับกระโปรงนักเรียนเลย เลยคิดว่าจะสวมคัชชูสีขาวที่เข้ากันแทน


และก็มีแม่ที่คอยสอนเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารอยู่อย่างเข้มข้น แน่นอนว่าฉันถูกฝึกมาอย่างดีแล้วนะ ราวกับเป็นเจ้าหญิงพิ้งค์แห่งดินแดนสวนกุหลาบนนท์ยังไงยังงั้นเลย


"ตามมารยาท ไม่ควรนำผ้ากันเปื้อนวางไว้บนโต๊ะยกเว้นบนตัก บนเก้าอี้เวลาที่ต้องลุกออกไปสักครู่ และไม่ควรเอากระเป๋าวางบนโต๊ะอีกด้วยนะ"


ฉันขานรับ "ค่า... หนูทราบแล้วค่ะ แค่แม่สอนตอนเด็กหนูก็จำได้จนวันตายแล้วนะ" แต่แม่กลับทำตาดุแบบไม่จริงจังสักเท่าไหร่ ดูๆไปรู้สึกเหมือนเวลาเรียนเลขขึ้นมาทันที อาจารย์ชอบทำตาแบบนั้นนะ บ่อยด้วย


แต่ไม่ต้องซีเรียส เพราะอาจารย์เขาชอบทำไปแบบนั้นเอง ใจจริงท่านเอ็นดูนักเรียนนะ พี่บลูก็เคยบอกมา (ลากกลับไปอิงพี่บลูจนได้ แหะๆ)


ก่อนจะได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามา "นั่นไงคะแม่ พี่บลูคงมาแล้ว"


แม่พยักหน้า "นั่นสิ แม่จำเสียงรถได้นะ รถของนภาแน่เลย" ก่อนจะออกไป รถของป้านภาจริงด้วย ท่านลงมาพร้อมกับพี่บลูที่สวมชุดทางการดูเรียบร้อยมาก และแน่นอนว่าเขาต้องสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าทุกทีเลยสิน่า... ก็เสมอกันแหละเพราะฉันก็มีแต่ชุดสีชมพู


"มีนาจ๊ะ เดี๋ยวฉันขอตัวลูกเธอไปชั่วคราวนะจ๊ะ" แม่ยิ้มอย่างปลาบปลื้ม "ไม่เป็นไรหรอก นายบลูเขาบอกมาแล้ว ฝากดูแลยัยพิ้งค์ด้วยล่ะ" แล้วแม่ๆทั้งสองก็ร่ำลากันต่อไป ส่วนพี่บลูก็โค้งให้ฉันก่อนจะเปิดประตูรถให้ มีน้องเบลล์นั่งอยู่เบาะหลังพอดี "สวัสดีค่ะพี่พิ้งค์ วันงานโรงเรียนไม่ได้มาเลยนะคะ"


(มีต่อ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#90 2008-08-06 17:27:07

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

เบลล์พูดถึงวันสถาปนาโรงเรียนเก่าซึ่งฉันไม่เคยไปเลย เนื่องด้วยว่าไม่รู้จะไปเยี่ยมเพื่อนคนไหนนั่นเอง (เพราะอ้อมก็ตายไปนานแล้ว) งานนี้จัดทุกศุกร์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน แต่วันพุธก่อนวันจริงจะเป็นวันซ้อมใหญ่ เพราะที่หอประชุมมีการแสดง จึงแบ่งเป็นซ้อมใหญ่ให้นักเรียนชม และวันจริงของผู้ปกครองนั่นเอง


ตอนม.ต้นฉันเคยเล่นวงดนตรีไทยด้วยนะ ไม่อยากเล่าเลย ตลอดม.ต้นนั่นแหละ ทำหน้าที่ตีขิม แน่นอนว่าพอย้ายมาสวนนนท์ ก็ไม่ค่อยเจอคนที่มีทักษะด้านดนตรีไทยเลย เว้นแต่จะเรียนสาระเพิ่มไม่ก็เข้าชุมนุมดนตรีไทยน่ะนะ


"พี่ไม่ได้ไปน่ะ ทั้งซ้อมใหญ่และวันจริงเลย ไม่มีเพื่อนที่สนิทกันมากจนถึงอยากไปเยี่ยมด้วย" ฉันตอบไป เบลล์ยิ้มแบบเสียดาย "งั้นพี่คงมาเยี่ยมหนูปีหน้าไม่ได้แล้ว เนี่ยหนูกะว่าถ้าสวนนนท์เปิดรับม.4 หนูก็จะไปสอบเข้านะ แต่ถ้าไม่มีเปิดแม่ก็บอกว่าคงต้องลองใช้เส้นดู เพราะแม่อยากให้หนูเรียนที่นี่จริงๆ" เธอพูดอย่างเศร้าสร้อย ฉันรู้ว่าน้องคนนี้เรียนเก่ง และอยากเข้าด้วยความสามารถมากกว่า แต่ก็อดฉุนไม่ได้ว่าทำไมไม่เปิดรับม.ปลายไปทุกปีเลยนะ น้องเบลล์น่าจะได้มีโอกาสที่น่าภูมิใจ เหมือนกับฉันไง


เราต่างคุยกันเรื่อยๆ พี่บลูมองมาทางฉันเป็นระยะๆและสลับกับการหันไปดูวิวนอกหน้าต่างรถ งานนี้ขอคุยกับคนที่ไม่ค่อยมีโอกาสคุยก่อนนะคะพี่บลู พิ้งค์ขอโทษจริงๆ แหะๆ


และไม่นานฟ้าก็มืดลง ด้วยธรรมชาติของฤดูหนาวที่มืดเร็วมาก ทำให้ได้บรรยากาศกินข้าวเย็นทันที แน่นอนว่าโรงแรมหรูแบบนี้ฉันคงไม่มีปัญญามาเหยียบได้เองเลยทีเดียว เพราะมันหรูมาก... ถึงมากที่สุดเลย เบลล์คอยช่วยอธิบายให้ฉันเป็นระยะๆ ตามประสาคุณหนูที่ชินต่อการไปสถานที่ต่างๆที่คนธรรมดาอย่างฉันไม่เคยได้สัมผัส


ก่อนจะขยิบตาให้เป็นกำลังใจ "อย่ากังวลเลยพี่พิ้งค์ แรกๆที่ออกมาข้างนอกหนูก็กลัวเหมือนกัน เพราะปกติไม่ค่อยได้ออกไปงานกับคุณแม่และคุณพ่อสักเท่าไหร่เหมือนพี่บลู พอชินก็ดีขึ้นเองค่ะ" ฉันยิ้มอย่างขอบคุณ ถ้าไม่มีน้องเบลล์ฉันคงแย่เลย


เมื่อถึงภัตตาคาร ก็ต้องเจอพ่อของพี่บลูที่รออยู่ที่โต๊ะก่อนแล้ว "อ้าวฟ้า เบลล์ บลู มาถึงแล้วเหรอ?" ป้านภายิ้มอย่างดีใจ "ใช่ค่ะ นี่ฉันพาพิ้งค์ ลูกสาวของมีนาเพื่อนฉันมาด้วยแหละ เห็นกำลังดูใจกับบลูของเราอยู่" ทำเอาพี่บลูที่ตามมาหน้าแดงทันที เขาชอบเขินแบบนี้เสมอแหละ


ว่าแต่ป้านภาชื่อเล่นว่าฟ้าเหรอ? ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะ?


พ่อของพี่บลูยิ้มอย่างเอ็นดู ขณะที่ฉันเข้าไปไหว้ท่าน "อืม... น่ารักจริงด้วย มีเค้าเหมือนมีนาเลยจริงๆ มิน่าล่ะว่าทำไมลูกพ่อถึงดีขึ้นผิดหูผิดตา" ประโยคนี้แน่นอนว่าทำให้ฉันรู้สึกงงงวย


"พ่อครับ..." พี่บลูหันมาขัด เขามีเค้าคล้ายพ่อมากเลยทีเดียว ทำให้ป้านภาอดหัวเราะไม่ได้ "นายบลูเขาก็เหมือนพ่อตรงนี้แหละ นอกจากหน้าตาก็คือความมุ่งมั่น และดื้อรั้นนิดหน่อย เมื่อก่อนเขายิ่งกว่านี้อีกนะลูก หลังจากอกหักมาจากสาวๆบางราย" ฉันพยักหน้ารับทราบ เพราะพี่แอนและพี่พิณแน่เลย แต่ป้านภาก็ยังคงพูดต่อไป


"แต่นิสัยอ่อนโยนเขาได้มาจากป้า ไม่อย่างนั้นเราคงต้องปะทะคารมกันสนุกแน่ แค่พ่อเขาก็สุดๆแล้ว สมัยนั้นแม่เป็นสวนนนท์รุ่นที่ 1 แน่นอนว่าเจ้าถิ่นเขาก็มีคนที่ไม่ชอบใจเท่าไหร่ ที่มีการเพิ่มสาขาแบบนี้ พ่อเขาก็เหมือนกันแหละ แต่ไปๆมาๆก็หนีป้าไม่พ้นอยู่ดี อีกนับหนึ่งคือป้าก็หนีไม่พ้นด้วยเช่นกัน" ป้านภาหันมาอธิบายอย่างใจดี ทำให้ฉันอดยิ้มไม่ได้ และก็ทราบว่าพ่อของพี่บลูอยู่รุ่นที่ 96 ของสวนกุหลาบวิทยาลัย ห่างจากป้านภาไปเพียงห้าปีเท่านั้น


แสดงว่าตอนที่เจอกัน ป้านภาต้องอยู่ม.1 แน่นอนว่าฉันเคยได้ยินมาว่าผู้หญิงสวนนนท์รุ่น 1 เคยมีโอกาสเรียนที่สวนฯใหญ่ เพราะอย่างนี้หรือเปล่านะ?


ไม่นานนักเราก็มานั่งกินข้าวกัน มารยาทบนโต๊ะอาหารที่นี่ไม่ซับซ้อน อาหารก็ไม่ใช่ของแปลก แต่ฉันก็ไม่เคยทานอยู่ดีนั่นแหละ บางอย่างน่ะนะ


พี่บลูก็คอยตักอาหารมาให้บ้าง ไม่ก็แนะนำว่ามันคืออะไรจนฉันอดอายไม่ได้ ก็แหม... พ่อแม่พี่เขาจ้องมาทางเราซะขนาดนั้นนี่นา "นี่คาร์เวียนะพิ้งค์ อร่อยดี กินกับขนมปังกรอบนี่แหละ"


"ค่ะ" ฉันอมยิ้มให้กับอาหารตรงหน้า มีโอกาสสักกี่ครั้งในชีวิตกันนะที่เราจะได้มากินอาหารแบบนี้กันน่ะ แถมยังมีไวน์แดงอีก โชคดีที่ฉันเคยมาทานดินเนอร์คอร์สแบบนี้เมื่อนานมาแล้วนะ ไม่อย่างนั้นคงทำอะไรไม่ถูกเลยเหมือนกัน


แน่นอนว่าอาหารอร่อยมาก... และหลังจากทานเสร็จพี่บลูก็ชวนฉันไปเดินเล่นต่อทันที


"เดี๋ยวผมพาพิ้งค์ไปเดินเล่นก่อนนะครับ" ป้านภาพยักหน้า


+++++++++++++++++++++++++++++++

คำถาม... ที่ไม่เกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ มีอยู่ว่า

ทำงานสูจิบัตรแล้วจะเอาธูปเทียนมาทำไม?

ลงนิยายตอนหน้า จะมาเฉลยนะคะ ก๊า...ก๊า... ^o^




และถ้าจะคิดถึงนิยายตอนหน้า อย่าคิดลึกล่ะคะ 555+ ย้ำว่าห้ามคิดลึก

พรุ่งนี้สอบเคมีแล้ว อยากทราบว่าจะได้ซ่อมกี่รอบ? (ข้อนี้จะตอบหรือตอบแล้วแต่ท่านนะ เหอๆ แต่จะเฉลยในอาทิตย์หน้าเป็นอย่างเร็ว...)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#91 2008-08-08 17:05:49

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

คำเตือน... อย่าอ่านตอนนี้ในห้องคอมโรงเรียน =w=" หรือสถานที่ๆมีคนพลุกพล่าน (แบบว่ามันอายฟร่ะ - -" เล่นฉากสวีทจนเกินเหตุแบบนี้ 555+ คือคนเขียนยังไม่เคยทำแบบนายบลูกับยัยพิ้งค์ แต่ก็พยายามลองวิเคราะห์+จินตนาการออกมาอย่างสุดความสามารถแล้วนะ!!)

กดดันชะมัด แหะๆ เพราะหลังจากนี้ก็เป็นจุดสำคัญของเรื่องแล้ว T^T

ขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่เป็นกำลังใจค่า ^^ พี่เขียนได้เพราะน้องๆทุกคนนะจ๊ะ 555+ (แฟนๆมีแต่รุ่นน้องแฮะ ขอเรียกตัวเองว่าพี่ไปเลย) เกือบสามเดือนที่ผ่านมากับการเขียนนิยายมันช่างคุ้มค่ามาก และจะพยายามเขียนให้จบอย่างเร็วที่สุด เพื่อความรอดของชีวิตแอดมิชชั่น - -^^

ถ้าแอดไม่ติดนี่จะไปปล้นแท็กซี่แล้วโยนระบบแอดมิชชั่นแล้ว 555+ ก็ดูเกม GTA ดิ สั่งเก็บไปแล้ววว~ ดังนั้นระบบแอดมิชชั่นก็อาจจะถูกสั่งเก็บได้เช่นกัน (ไม่ใช่ละ -"- เพ้อฝันเล่น เอิ้กๆๆ)

ปล.ที่จะแอดไม่ติดเพราะคลั่งนิยายและขี้เกียจจนไม่ทำอย่างอื่นน่ะสิ!! ไปปล้นแท็กซี่เพื่อ??

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


- Chapter 26 : Promise -


"ได้สิลูก เดี๋ยวสามทุ่มมาเจอกันหน้าล็อบบี้นะจ๊ะ" แม่พยักหน้าหลังจากผมขอตัวออกไปเดินเล่น และเราสองคนก็เดินออกไป และเดินไปทางโถงทางเดินซึ่งเป็นที่นั่งพักใกล้ๆลิฟท์


ที่ผมชวนพิ้งค์มาทานข้าวด้วยกันก็ไม่ใช่อะไรหรอก... ผมก็แค่อยากจะพาเธอมาเปิดตัวกับพ่อของผมเท่านั้นเอง เพราะแม่ก็รู้อยู่แล้วว่าพิ้งค์เป็นคู่ของผม ถึงผมจะไม่ได้สนิทกับพ่อมากนักก็ตาม เพราะธุรกิจที่ยุ่งวุ่นวาย และการที่ผมเป็นลูกคนกลางด้วยแหละ (พี่ๆของผมก็เป็นฝาแฝดเลยต้องดูแลมากกว่าใคร ขณะที่เจ้าเบลล์ก็ต้องดูแลอีกด้วย วุ่นวายนะ) จึงทำให้ไม่ค่อยได้รับความรักจากพ่อมากเท่าไหร่ ขณะที่แม่ของผมพยายามใกล้ชิดกับลูกๆทุกคนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะกับผมที่ต้องชดเชยให้มากกว่าใคร


ผมหันไปยิ้มให้พิ้งค์ "ยินดีด้วยนะที่ได้เป็นรองประธานฝ่ายปกครองต่อจากพี่" เธอยิ้มกลับอย่างอ่อนหวาน หวานจนน่าจับมากอดเลยทีเดียว "ขอบคุณค่ะ พิ้งค์หวังว่าจะต้องทำให้ดีที่สุด ไม่ทำให้พี่บลูผิดหวังเลย"


ทำให้ผมต้องเข้าไปลูบหัวเธออย่างเอ็นดู "ตั้งใจทำงานนี้ แล้วก็ตั้งใจเรียนด้วยแล้วกัน เดี๋ยวพี่ก็ไม่อยู่ในโรงเรียนแล้วนะ"


"แต่พี่บลูก็คงอยากจะมาเยี่ยมโรงเรียนบ่อยๆใช่มั้ยล่ะ พิ้งค์รู้นะ" เธอหันมาพูด ทำเอาผมหัวเราะอย่างเขินๆ รู้ทันผมไปหมดเลยนะพิ้งค์... ทำให้ต้องเข้าไปกอดเธอจนได้ เธอทำท่าตกใจและหน้าแดงก่ำทันที "พี่บลูอ้ะ... ไม่อายเลยเหรอ?"


ผมปล่อยตัวเธอ ที่กอดนี่แค่อยากจะแหย่เล่นหรอก "ก็อายนะ... ถึงได้ปล่อยไง" ทำให้พิ้งค์หันมาตีผมแก้เขิน "พี่บลูอ่ะ ฉวยโอกาสกันก็บอกมาเลย นี่แน่ะๆ" ผมเลยต้องรีบหลบฝ่ามือเล็กๆที่เข้ามาตีอย่างรวดเร็ว พิ้งค์เลยวิ่งตามผมมาทันที ผมไม่ลืมหรอกว่าเธอเคยเป็นนักกีฬาแข่งวิ่งเหรียญทองของสีเขียวเมื่อปีก่อน ดังนั้นเมื่อวิ่งไปสักพักก็ต้องยอมให้ตามมาถูกตีเล่นนี่แหละ ผมจึงรวบมือเธอไว้ทั้งสองข้างเสียเลย "หยุดได้แล้ว เดี๋ยวพี่มีอะไรจะให้ดู"


พิ้งค์มองด้วยความสงสัย ขณะที่ผมล้วงไปในกระเป๋าเสื้อสูท "จะให้ดูอะไรกันอ่ะคะ?" ก่อนจะหยิบสร้อยข้อมือโรเดียมเส้นบางห้อยคริสตัลรูปหัวใจสองดวงสีชมพูฟ้า และคว้าข้อมือเธอเพื่อสวมสร้อยเสียเลย ทำเอาพิ้งค์มองอย่างตะลึง


"อ่า... พี่บลู"


ผมหันไปยิ้ม "อันนี้พี่ให้ แทนใจเราสองคนยังไงล่ะ" แน่นอนว่าคำพูดมันอาจจะดูน้ำเน่า แต่ผมก็พูดออกมาด้วยใจก็แล้วกันนะ แหะๆ
และไม่ทันที่เธอจะพูดแทรก ผมก็หันไปมองหน้าเธอ ทั้งๆที่จับมือกันไว้แบบนี้แหละ "เหตุการณ์ที่ผ่านมาวุ่นวายมาก และพี่ก็รู้สึกผิดที่ทำให้พิ้งค์เสียน้ำตาไปหลายอยู่ จนต้นมันมาแอบล้อว่าเป็นบันทึกน้ำตาหนึ่งปี๊บของพิ้งค์ พี่อยากขอโทษในสิ่งที่ทำมา และขอสัญญาว่าจะรักพิ้งค์ตลอดไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม"


เมื่อผมพูดจบ พิ้งค์ก็มองผมอย่างอึ้งๆ ตาโตๆนั้นฉายแววไม่คาดฝัน แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีแววของความดีใจออกมาด้วยเช่นกัน
"พี่บลู..." ผมไม่พูดอะไร ก่อนจะได้ฟังคำพูดต่อจากนั้น "...พิ้งค์ก็สัญญาว่าจะรักพี่บลูตลอดไปเหมือนกันค่ะ"


ผมยิ้มด้วยความดีใจ ในวินาทีนั้นผมรู้สึกได้ทันทีว่าเธอคนนี้แหละที่ผมจะรักเธอตลอดไป ตราบชั่วฟ้าดินสลายเลยก็ยังได้
ก่อนจะมองตากัน และโน้มหน้าเข้าหากันอีกครั้ง…


ผมรักพิ้งค์... ที่สุดเลยนะ หวังว่าจูบครั้งที่สองของเรา เธอจะได้รู้สึกถึงความรักที่ผมให้ไปทั้งหัวใจได้สักที แน่นอนว่าทำแบบนี้บ่อยๆมันไม่ดี เพราะเราก็ต่างอายุไม่มากและยังเป็นนักเรียนม.ปลายอยู่ แต่นานๆทีจะมีโอกาสแบบนี้ขอนิดนึงนะครับ สัญญาว่าจะไม่ล่วงเกินมากกว่านี้เลยเอ้า!


และเธอก็เป็นฝ่ายผละออกมาก่อน ด้วยอาการเขินและหน้าแดง "พี่บลูอ้ะ! มาฉวยโอกาสกันอีกแล้วนะ" ทำเอาผมปั้นสีหน้าได้ลำบากทันที "ง่า... พี่ขอโทษ สงสัยต้องหลีกเลี่ยงการเดินเล่นกันสองคนไปอีกนานแล้วล่ะ ไม่แคล้วลงเอยแบบนี้ทุกที" ทำให้พิ้งค์หัวเราะอย่างขำขัน


(มีต่อ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#92 2008-08-08 17:13:07

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

"นั่นสิ พิ้งค์ก็เข็ดแล้วเนี่ย ใจเจ้ากรรมก็สั่งให้ร่างกายหยุดนิ่ง ขยับตัวไม่ไหวอีก เสียภาพพจน์รองประธานฝ่ายปกครองหมด เฮ้อ..." และเราก็ตัดสินใจเดินไปคุยกันไปจะดีกว่า พิ้งค์เองก็สรรหาเรื่องมาเล่าได้ตลอด หลายเดือนที่คบกันมาทำให้ผมพบว่าเธอเคยปิดใจเพราะความสูญเสีย ทำให้ไม่อยากรู้จักใครอีก และเกลียดความตายเข้ากระดูกดำ แน่นอนว่าข้อนี้ฟังดูน่ากลัว และความดื้อดึงกับความปั่นปึ่งที่เคยมีต่อผมในระยะแรกก็เป็นเพราะแบบนี้นั่นแหละ


ส่วนนิสัยอย่างอื่นของเธอ ก็เข้ากันกับผมไม่ใช่น้อย ค่อยๆค้นพบกันไปทีละอย่างจะดีกว่านะ ผมทนได้เสมอถ้าไม่ได้ถึงขั้นเอาแต่ใจตัวเองอย่างร้ายกาจ เห็นทรัพย์สมบัติผมดีกว่าหรือเห็นเป็นตัวสำรอง อย่างที่พิณและแอนเคยทำกับผม แน่นอนว่าสองสาวพยายามปรับปรุงตัว และเลิกใช้ประโยชน์จากผมไปแล้ว ทำให้เราเป็นเพื่อนที่รู้จักกันได้อย่างสนิทใจ


แต่เวลาดีๆก็ไม่ได้อยู่ยาวนานเสมอไป เพราะคืนนั้นหลังจากกลับถึงบ้าน อาบน้ำแต่งชุดนอนแล้วผมก็กลับฝันประหลาด และน่ากลัวมากเลยทีเดียว


ในความฝัน ผมก็พบว่าตนเองยืนอยู่บนทางเดินเข้าโรงเรียน ในความมืดสนิทยามรัตติกาล ส่วนหลอดไฟฟลูออเรสเซนท์ที่ติดกับหลังคากันแดดก็กระพริบติดๆดับๆ ลมพัดแรงจนรู้สึกหวาดกลัว เมื่อก้มตัวลงมองยังชุดนักเรียนที่สวมอยู่ก็พบว่ามันกลับเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสด!! เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วร่าง ราวกับถูกยิงมายังไงยังงั้น


นี่มันเกิดอะไรขึ้น!! เกิดอะไรกับผมกันนะ?


แต่ยังไม่ทันหายสงสัย ก็พบกับรถที่แล่นเข้ามาด้วยความเร็วสูง ก่อนจะเลยไปจอดอยู่ไม่ห่างจากผมนัก ประตูรถเปิดขึ้นก่อนจะมีร่างเด็กสาวคนหนึ่งสวมชุดนักเรียนวิ่งลงมา "พี่บลู! พี่อยู่ไหน?" เธอคือพิ้งค์นั่นเอง


ผมพยายามจะเข้าไปหาเธอ แต่กลับรู้สึกเจ็บปวดบริเวณท้องอย่างรุนแรง ทำให้ผมทรุดลงพร้อมกับร้องคราง ทำให้พิ้งค์วิ่งเข้ามาทันที "พี่บลู! เป็นอะไรมั้ย?" ชุดของเธอเปื้อนเลือดด้วยเช่นกัน แต่มันคงเป็นเลือดของผม และตอนนี้ก็รู้สึกเจ็บจนแทบจะขาดใจ


"พะ...พิ้งค์" ผมพยายามเรียกชื่อเธอ ซึ่งเข้ามากอดร่างของผมที่ทรุดลงอยู่กับพื้น และร้องไห้ราวกับจะขาดใจ "ทำไม... พี่ต้องทำแบบนี้ด้วย ให้พิ้งค์ตายเสียยังจะดีกว่า ยังไงพิ้งค์ก็ยอมตายเพื่อพี่บลูได้นะ ฮึก..." ผมรู้สึกว่าความเจ็บจะทำให้สติสัมปชัญญะลดลง และเสียงของพิ้งค์ก็ดูจะรางเลือนลงไป ทั้งที่ผมยังไม่ทราบได้ว่าทำไมผมถึงถูกยิง?


ก่อนจะรู้สึกหายจากอาการเจ็บอย่างน่าประหลาดใจ ผมลุกขึ้นยืนได้แล้ว แต่ก็ต้องตกใจเพราะเบื้องล่างคือร่างของผมที่หลับ...ไปตลอดกาล แน่นอนว่าพิ้งค์ก็คงรู้ว่าร่างผมสิ้นลมหายใจ จึงทำได้แค่ซบร่างของผมเพื่อร้องไห้ นี่ผมตายแล้วเหรอเนี่ย?


ไม่จริงน่า!! นี่ผมตายแล้วจริงเหรอเนี่ย? ผมทำได้แค่คิดอย่างสับสน ก่อนจะรู้สึกเหมือนถูกกระชากตัวออกไปทันที และทุกสิ่งทุกอย่างก็เข้าสู่ความมืดมิด


และสักพัก... ก็มีเสียงอันเยือกเย็นดังก้องในความมืดนั้น "มันใกล้ถึงเวลาของเจ้าแล้ว... เวลากำลังจะหมด... มันกำลังจะหมดไป"
ผมหันไปตอบทันที คำพูดนั้นมันเป็นเหมือนกับลางบางอย่างที่ผมรู้สึกหวาดกลัว "แล้วมันคืออะไร!! มันเกิดอะไรขึ้นกับผม!! ผมคงไม่ได้ถูกยิงหรอกใช่มั้ย?" แต่เสียงนั้นก็ไม่ตอบกลับมาอีกเลย มิหนำซ้ำยังเป็นชนวนบางอย่างให้ผมตื่นขึ้นมาได้ แสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณทำให้รู้ว่าผมหลับสนิทดีมาตลอดจนตอนนี้นี่แหละ


ผมลุกขึ้นจากเตียง รู้สึกสังหรณ์อยู่ลึกๆในใจว่ามันจะต้องเป็นลางบอกเหตุอะไรสักอย่าง และเช้าวันนี้แม่ของผมก็เข้ามาทักอย่างอารมณ์เนือยๆ "อรุณสวัสดิ์จ้ะบลู... ใกล้สอบแล้วนะ อย่าลืมอ่านหนังสือล่ะ และดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะ"


ประโยคนั้นทำให้ผมรู้สึกตะหงิดๆ คำพูดของแม่บางครั้งอาจแฝงนัยบางอย่างไว้ แน่นอนว่าแม่ผมเป็นนักพยากรณ์ที่เป็นพรสวรรค์ติดตัวมา และท่านก็ยังมีพลังจิตที่ผมไม่รู้จักแฝงอยู่ด้วย ดังนั้นอาจไม่แปลกที่แม่จะรู้อะไรหลายๆอย่าง รวมถึงชะตา เคราะห์กรรมของคนในบ้านที่ไม่มีใครคาดคิดได้


แต่ถ้าลางนี้มันหมายถึงความตายของผม... แม่ของผมจะอยู่เฉยอย่างนี้ได้เหรอ? มันคงจะไม่มีอะไรหรอกนะ คงเป็นแค่ความฝัน หรือเป็นเพียงอุบัติเหตุบางอย่างเท่านั้น


+++++++++++++++++++++++++++++++

เพิ่งเห็นคำถามจากท้ายตอนที่แล้ว =__= เกือบลืมไปเลยว่าต้องตอบ

เฉลยๆ คำตอบคือทำสูจิบัตรละครวิทย์นั่นเอง 555+ เมื่อวานถ้าใครไปเฉียดๆแถวห้อง 2303 ก่อนคาบชุมนุม จะต้องพบกับกลิ่นธูปและควันที่โชยออกมา ทั้งที่คนเขียนและเพื่อนพ้องก็รู้กันอยู่แหละว่ามันคือมะเร็งนะ!! มะเร็ง!! (แต่ถ้ามัวห่วงสวัสดิภาพชีวิตก็จบกันเลย ละครวิทย์ -*-)

ส่วนคำถามที่สอง... แหะๆ พฤหัสหน้าจะมาเฉลยนะค้าา ^o^" พุธหน้านอกจากซ่อมเคมีละก็ยังมีออดิชั่นละครวิทย์อีก รู้สึกแสดงจริงวันที่ 20 (อีกพุธนึง) ใครอยากไปดูเชิญเลยนะค้าาา~

กับเรื่อง... "อีเย็นสุดซ่าส์...ตามล่าท่านเจ้าคุณ" กร๊ากกกๆๆๆ ละครนางทาสเวอร์ชั่นใหม่ของชาว 6/5 ที่เริ่ด ดูดี และชาตินิยมกว่าใครเพื่อน

(ชื่อยังกะนิยายรักแจ่มใส เพื่อนพี่คนคิดชอบนิยายสนพ.นี้มากกก และชื่อก็ดันได้เสียงโหวตมากสุด -"- ของพี่นี่ความจริงดูโบราณเข้ากันกว่านะ แต่แพ้โหวตง่ะ ฮือๆๆๆ)

ไปละค่ะ ^__^ ปั่นนิยายต่อ กร๊ากๆๆ งานการไม่ทำเล้ยยย (อายเด็กศิลป์ใกล้ตัวชะมัด... แหะๆ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#93 2008-08-08 21:18:01

kim_sk132
สมาชิก
From: 109 สู่ 212
Registered: 2008-07-27
Posts: 175
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ยอดเลยครับ


2615_24092.jpg2615_skn.jpg

Offline

#94 2008-08-10 08:20:58

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

วันนี้คนเขียนอายุ 17 แล้วค่า 555+

แต่ไม่ได้อ่อนสุดในห้องหรอก -"- ยังมีอีก เหอๆ

ปล.ที่เขียนไว้ในต้นตอนนี้ ขอให้มันเป็นความจริง ส้าธุๆๆ (กร๊ากกก)

+++++++++++++++++++++++++++++++++


- Chapter 27 : Party Dinner -


"ไชโย! ฉลองความสำเร็จกันหน่อยพวก" โต้งคว้าแก้วที่มีน้ำอัดลมบรรจุอยู่เต็มแก้วขึ้นก่อนจะหันมาชนกับพวกเรา ตอนนี้เลยวันสวนนนท์ปริทรรศน์มาราวสองอาทิตย์แล้ว แน่นอนว่าการออกบู๊ธในวันงานเป็นไปด้วยความราบรื่น สินค้าที่ช่วยกันทำเพื่อหาเงินเข้าทุนกน.ก็ขายดีมากจนเกือบแซงหน้าชุมนุมคอมพิวเตอร์กราฟิกไปแล้ว (ซึ่งยังทำลายสถิติไม่ได้สักที)


แน่นอนว่าพี่บลูออกแบบหลายอย่าง อาทิกระเป๋าผ้าดิบลายกุหลาบในกระถางที่สวยมากๆ จนไม่มีใครคิดได้ว่าพี่บลูนี่แหละที่เป็นคนนั่งเพ้นท์เองกับมือ (สิบใบแรกเท่านั้นแหละ เพราะถ้าพี่บลูมานั่งเพ้นท์เองทุกใบคงไม่เป็นอันอ่านหนังสือสอบเตรียมแอดมิชชั่น ที่จะมีในปลายเดือนหน้านี้แล้ว) ซึ่งเขาเคยยกให้ฉันใบหนึ่งเมื่อครึ่งปีที่ผ่านมาในวันเกิดของฉัน โดยตอนนั้นเป็นแค่การทดลองออกแบบเท่านั้น รวมถึงการ์ด พวงกุญแจ (อันนี้ของพี่ต้นกับควีน) และแน่นอนว่ามีลายเซ็นของประธานสองรุ่นด้วย คือพี่ต้นกับนายโต้ง แต่ดูเหมือนว่าคนจะสนใจลายเซ็นพี่บลูมากกว่า เนื่องจากนามสกุลดังนั่นเอง เหอๆ


และงานก็วุ่นวายไปหมด จนเราไม่มีเวลามาคุยโน่นนี่กันเลย เรื่องที่คุยกับพี่บลูก็มีเพียงเรื่องงานกน.เท่านั้นเอง แต่เขาก็ยังหาโอกาสถามเรื่องส่วนตัวบ้าง แน่นอนว่าเพื่อความผ่อนคลาย การมีแฟนเป็นรุ่นพี่จะเดือดร้อนตอนที่เขาจะแอดมิชชั่นนี่แหละ เพราะความวุ่นวายมันจะไม่เหมือนกันเลยสักนิด


และวันนี้ก็ถือโอกาสมาฉลองกันซะเลย พี่บลูประกาศเลี้ยงบุฟเฟ่ต์หมูกระทะพวกเรา ดังนั้นคนอื่นๆที่เหลือในห้องซึ่งมาร่วมกินก็ต้องจ่ายกันเองตามยถากรรมล่ะนะ


เขาหันมามองฉันด้วยรอยยิ้ม "เป็นไงพิ้งค์ งานช้างเลยสิ" ฉันพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เดือนกว่าที่ผ่านมาทำให้ฉันรู้ชะตากรรมเลยว่าพี่บลูลำบากยังไงบ้าง และฉันเองก็ไม่แพ้กัน กับงานจัดระเบียบแถวที่เด็กๆทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ชอบเข้าแถวไม่ค่อยเป็นระเบียบ ซึ่งพี่บลูก็สอนให้นั่นแหละ และการจัดในเวลาจัดงานอะไรนี่อีก ปวดหัวชะมัด ยังดีที่เรามีโทรโข่ง ไม่อย่างนั้นคงต้องซดน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งให้ตายไปข้าง


และการตักเตือนเด็กๆที่แต่งตัวผิดระเบียบด้วย อันนี้พี่บลูได้รับขนานนามมาแล้วนะว่าเป็นกน.ที่เฮี้ยบมากในเรื่องนี้ และไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งด้วย (กรุณาดูนามสกุลพี่เขา...) แน่นอนว่านามสกุลฉันมันไม่ดัง หวังแค่ว่าจะมีคนฟังกันบ้างก็พอนะ


และเราก็นั่งคุยกันสบายๆสักที "พี่บลูจะกินอะไรมั้ย? เดี๋ยวพิ้งค์ตักให้นะ"


เขาส่ายหน้า "ไม่เอา พี่อยากตักให้พิ้งค์มากกว่า จะเอาไก่มั้ย? หรือปลาดี?" ทำฉันต้องส่ายหน้าบ้างเมื่อได้ยินคำว่าไก่


"ไม่เอาเหมือนกันค่ะ ไก่เนี่ย เดี๋ยวฟลุ๊คเจอปักเป้าขึ้นมาพิ้งค์ก็ตายเมื่อนั้นสิคะ" ทำเอาโต้งที่กินไก่อยู่ถึงกับสำลักทันที "ไอ้พิ้งค์! แกจะสวีทยังไงเราไม่ว่านะ แต่ไก่ที่นี่ไก่จริงเว้ย ไม่เจือปนด้วยปักเป้าล้านเปอร์เซ็นต์ กินบ่อยก็งี้"


แอ๋มหัวเราะทันที "ใช่พิ้งค์ อย่ากลัวเลย โต้งมันกินเพื่อนตัวเองมาเยอะแล้ว ยังไม่เห็นเป็นอะไรเลย แถมยังตักมาให้ฉันช่วยกินอีกนะ"


"เราไม่ใช่ไก่นะเว้ย" โต้งเถียงกลับอย่างกวนๆ นี่ประธานกับเลขาหันมาตีกันเสียเองแบบนี้ขายหน้ารุ่นพี่บ้างไหมหนอ? แต่พี่บลูก็ไม่ได้ถึงขั้นซี้เป็นเพื่อนตายกับพี่พงศ์นี่นา


แต่พี่บลูก็ลุกขึ้นไปตักหมู ปลา และผักมาจนได้ ก่อนจะกลับมาพร้อมบอกว่า "พี่ตักมาเผื่อแล้วนะ เดี๋ยวกินกันต่อ" และเขาก็ใช้ตะเกียบคว้าเนื้อขึ้นเตาย่างทันที ต้องระวังนายโต้งที่ชอบทำตัวเป็นผีหมูกระทะ แย่งเนื้อคนอื่นไปทุกที ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่พี่บลูต้องไปตักเนื้อมาหลายรอบนั่นเอง ส่วนควีนกับพี่ต้นก็คุยกันกระจุ๋งกระจิ๋ง ฉันไม่นึกอิจฉาหรอกเพราะก็มีพี่บลูอยู่ทั้งคน


"เดี๋ยวก็สอบแล้วนะ อย่าลืมอ่านหนังสือล่ะ" เขาหันมาทางฉัน แน่นอนว่าฉันยิ้มกลับ "ค่ะ ไม่ลืมหรอกค่ะ เพราะพี่บลูแท้ๆเลยทำให้เกรดพิ้งค์พุ่งขึ้นกระฉูด"


โต้งหัวเราะ "เออ อานุภาพความรักที่ดีก็แบบนี้แหละ ชักอยากมีใครสักคนในหัวใจบ้างจัง" ก่อนจะคว้าเนื้อหมูบนเตาไปจิ้มน้ำจิ้มกิน แน่นอนว่าพวกเราต่างยิ้มอย่างมีความสุข เวลาแห่งความสุขทำให้เราเลิกจมอยู่กับอดีตได้เลยจริงๆ และฉันก็เปิดใจรับเพื่อนมากมายเข้ามาในชีวิต ไม่มีคำว่าปิดกั้นอีกแล้ว


วันนี้เราออกมาฉลองกันแบบนี้ แม่เลยขอร้องให้พี่บลูช่วยพาฉันมาส่งที่บ้านแทนก่อน เพราะแม่มีประชุมงานซึ่งต้องกลับดึก ด้วยความที่พี่บลูมีคนขับรถมารับได้ก็นับว่าสะดวกและปลอดภัยมากหน่อย และเขาก็อาสาไปส่งโต้งกับแอ๋มซึ่งมีบ้านอยู่ปทุมธานีด้วย


"แล้วควีนล่ะ? จะกลับยังไงน่ะ" แอ๋มหันมาถามควีน เธอยิ้มก่อนจะตอบว่า "บ้านฉันอยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง เดี๋ยวแม่มารับน่ะ แล้วพี่ต้นก็กลับกับพี่พงศ์ คงไม่มีปัญหาหรอกนะ"


(มีต่อ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#95 2008-08-10 08:23:04

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

และเวลาก็ล่วงเลยมาถึงเกือบสองทุ่ม ถึงเวลากลับบ้านกันสักที พวกเราเลยเดินออกมากับพี่บลู เบื้องหน้าคือรถเบนซ์รุ่นใหม่พอสมควร และมีคนขับรถส่วนตัว (แน่นอนอยู่แล้ว เพราะพี่บลูยังอายุไม่ถึง 18 ยังทำใบขับขี่ไม่ได้เลย แม้ว่าเขาจะบอกกับฉันว่าเขาขับรถเป็นแล้วก็เถอะ) ทำให้โต้งกับแอ๋มที่ไม่คุ้นกับความมั่งคั่งของบ้านอัครมณีชัยถึงกับมองอย่างอึ้งๆ


"มองอะไรกันเนี่ยน้อง ไม่เคยเห็นรถพร้อมคนขับส่วนตัวเหรอ?" พี่บลูหันไปถามกวนๆ ทำเอาเพื่อนทั้งสองหัวเราะขึ้นมาทันที "ก็พวกเราไม่รวยถึงขั้นมีคนขับรถนี่ครับ" โต้งกล่าว


"ใช่ค่ะ บ้านพวกเราไม่รวยเป็นพันล้านเท่าบ้านพี่นี่นะ" แอ๋มสำทับ เดี๋ยวเขาก็รู้หมดสิว่ากน.ปีนี้ยากจนกว่าปีที่แล้ว(เยอะ) เพราะรองประธานอย่างฉันไม่มีเงินเป็นพันล้านเหมือนพี่บลูนี่นา


และพวกเราก็ขึ้นรถกัน พี่บลูนั่งหน้าสุดข้างลุงคนขับ ส่วนฉัน โต้ง และแอ๋มนั่งเบาะหลัง โดยมีแผนการว่าจะขับไปส่งโต้งและแอ๋มก่อน แล้วจึงไปส่งฉันเป็นคนสุดท้าย เพราะพี่บลูบอกว่าศุกร์นี้ไม่ได้กลับบ้านที่สาทรแล้ว เพราะฝ่ายบ้านเขามีปัญหากับญาติคนอื่นอยู่ ดังนั้นบ้านของเราเลยอยู่ซอยติดกันได้อีกครั้ง


แอ๋มเป็นฝ่ายนั่งตรงกลาง ฉันนั่งหลังพี่บลูพอดี เลยแกล้งได้สนุกหน่อย เวลากลางคืนซึ่งรถไม่ติดแล้วทำให้สภาพการจราจรคล่องตัวอย่างแรง รถแล่นเข้าตัวเมืองปทุมก่อนจะขับไปเรื่อยๆ บ้านเพื่อนๆของฉันก็ไกลเหมือนกันนะเนี่ย


สองฝั่งข้างทางเป็นตึกแถว และทุ่งนาทุ่งหญ้าซึ่งดูน่ากลัวมากในยามวิกาลเช่นนี้ มีรถแล่นอยู่บนท้องถนนแทบจะนับคันได้ ก่อนจะสังเกตได้ว่ามีรถคันหนึ่งแล่นตามรถที่พวกเรานั่งมา


"รถนี่มันอะไรกันคะลุง? เห็นตามเรามาตั้งนานแล้วนะคะ" ฉันหันไปถามลุงคนขับ ลุงตอบอย่างอารมณ์ครุ่นคิด "ไม่รู้สิครับคุณหนูพิ้งค์ สงสัยจะมาทางเดียวกันมั้งครับ?" ฉันทำสีหน้าอยากตายทันที เพราะตั้งแต่ที่พี่บลูเปิดตัวฉันกับทางบ้าน บรรดาคนขับรถก็พลอยเรียกฉันว่าคุณหนูเรื่อยไปสิน่า ทั้งที่อนาคตก็ไม่แน่สักหน่อยว่าฉันจะได้แต่งงานกับพี่บลูจริงๆหรือเปล่าหลังจากนี้


พี่บลูหันมาร่วมวงสนทนาด้วยทันที "นั่นสิ พี่ก็รู้สึกแปลกๆนะพิ้งค์ มันตามเรามาติดๆแบบนี้เหมือนกับจะสะกดรอยตามเลย"


แต่ไม่ทันจะสิ้นประโยคของเขา รถคันนั้นก็เร่งเครื่องตามเข้ามา ก่อนจะแซงตัดหน้าอย่างกะทันหันจนลุงคนขับต้องหยุดรถในทันที ทำให้ฉัน โต้งและแอ๋มที่ไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัยถึงกับต้องกระแทกกับเบาะอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ เคราะห์ดีที่เราเอามือพิงเบาะหน้ากันอยู่แล้ว


รถของเราและคันที่ตามมาแล้วตัดหน้าจอดอยู่ที่ไหล่ทาง บริเวณนี้เป็นทุ่งหญ้าเปลี่ยว มีแสงไฟถนนสีส้มส่องมาให้สว่าง แต่ก็ดูไม่น่ากลัวเท่าชายชุดดำสามคนที่ลงมาจากรถคันนั้น ก่อนจะมุ่งมายังรถของพวกเรา


"นะ... นี่มันอะไรกันน่ะ?" แอ๋มพึมพำ ฉันส่ายหน้าอย่างไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว นอกจากความหวาดกลัว เพราะฉันรู้สึกได้ว่าคนเหล่านี้ไม่ได้มาดีอย่างแน่นอน


พี่บลูจ้องไปยังชายชุดดำอย่างชั่งใจ ลุงคนขับรถกดโทรศัพท์แจ้งพิกัดกับปลายสายซึ่งฉันคิดว่าอาจจะเป็นตำรวจ แอ๋มขยับมาทางฉันก่อนจะกอดอย่างหวาดกลัว "พิ้งค์... พวกเราจะเป็นอะไรไปมั้ยเนี่ย? โรงเรียนเราไม่ควรตั้งกน.ใหม่ยกชุดเพราะพวกเราเป็นครั้งแรกนะ"


และพี่บลูก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออก "คงต้องคุยให้แน่ใจแล้วแหละว่าพวกนั้นเป็นใคร" ทำให้ฉันต้องรีบคว้าข้อมือเขาอย่างเร็ว "ไม่นะพี่บลู! พวกนั้นไม่ได้มาดีแน่ๆ"


แต่เขาคงไม่ต้องลงไปแล้วแหละ เพราะชายชุดดำกลุ่มนั้นมาถึงรถแล้ว และเล็งปืนมาทางพวกเรา ที่น่ากลัวกว่านั้นคือพวกเขาทั้งสามคนมีปืนด้วยกันทั้งหมด!!!


ตามหลักของความน่าจะเป็น... มีโอกาสถึงหนึ่งในแปดเชียวนะที่ทุกคนจะมีปืนน่ะ!


++++++++++++++++++++++++++++++++

วันนี้คนเขียนรีบลง ^^" จะกินข้าว อาบน้ำและเคลียร์งานค่ะ 555+

เป็นสิริมงคลในวันเกิดสักหน่อย

แล้วจะเป็นอย่างไรตามลุ้นกันได้นะคะ~


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#96 2008-08-10 14:41:29

LagooNz
สมาชิก
Registered: 2006-08-08
Posts: 3,631

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

เรื่องเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆซะแล้ว

Offline

#97 2008-08-10 18:16:58

dadawizard
สมาชิก
From: Thailand
Registered: 2006-12-27
Posts: 583

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

เรท ซ.(เอาไปเซ็นเซอร์)ซะแล้วมั้ง

ตามหลักการเซ็นเซอร์ หากมีเลิฟซีนให้เพิ่มเรทเป็น 13+

หากมีอาวุธของจริง ที่ไม่ใช่อาวุธในจินตนาการสีสันฉูดฉาด ให้เพิ่มเรทไปอีก 1 ขั้น เป็น 18+

หากมีเลือดปรากฎให้เพิ่มเรทอีก 1 ขั้น เป็น ผู้ใหญ่เท่านั้น

นี่ ครบรส :d


จะอยู่ไหนหนใดให้รู้ค่า                          พระคุณที่ได้รับมาอย่าลืมได้
ถิ่นกุหลาบนนท์งามล้วนชวนยวนใจ           หรือพระเกี้ยวอันยิ่งใหญ่บนอกเรา
สุวิชา โนภวังโหติมั่น                           ความรู้นั้นจงเชิดชูอย่าขลาดเขลา
กตัญญูกตเวทิตาเอา                           เป็นหลักเสายึดมั่นในแนวทาง

Offline

#98 2008-08-12 11:08:54

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

เมื่อวานเรียนสังคม ถึงสมัยกรีกตรงประติมากรรม ก็เลยได้ไอเดียวาดรูป 555+

ชอเชิญดูเองน่าจะดีกว่านะ tongue (ตัดเส้นใน Photoshop ไม่ได้ เส้นไม่สวยเลย เอาลงสดๆนี่แหละ)

pinkandblueinside.jpg

ปล.ช่างไม่เข้ากับเนื้อเรื่องตอนนี้เลย -*- คนละอารมณ์ เอิ้กกกก

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++


- Chapter 28 : Fatal Destroy -


ผมมองไปทางนอกรถซึ่งมีคนแปลกหน้าสามคนในชุดดำและถือปืนจ่อมาทางพวกเราทุกคนอย่างสับสน นี่มันเกิดอะไรขึ้นนะ?


"พวกแกทุกคนลงมาให้หมด ไม่งั้นพวกข้ายิงแน่" คนร้ายคนหนึ่งตะคอก ซึ่งเสียงดังเข้ามาถึงในรถ ทำให้ผมตัดสินใจลงจากรถโดยเร็ว


"ทุกคนลงไปกันเถอะ" ผมบอกกับทุกคน ซึ่งกำลังเสียขวัญกันอย่างมาก แต่เพื่อชีวิตแล้วต้องทำให้ได้แหละนะ พิ้งค์ที่ลงมาเกาะแขนผมไว้ทันที "พี่บลู... มันเกิดอะไรขึ้นนะ"


ชายคนหนึ่งยิ้มอย่างอำมหิต "หึ! ข้าจะบอกให้ก็ได้ ว่าพวกเราได้รับการจ้างวานให้มาฆ่าไอ้เด็กผู้ชายที่เป็นทายาทคนสำคัญของตระกูลอัครมณีชัยยังไงล่ะ ฮ่าๆๆ" ประโยคนั้นทำให้ผมรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว รู้สึกได้ถึงความฝันครั้งนั้นที่ตามมาหลอนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เพราะผมกำลังถูกตามฆ่านั่นเอง!! แล้วลางที่บอกล่ะ... ไม่นะ


"หา? ฆ่าพี่บลูเนี่ยนะ!! พี่เขาออกจะเป็นคนดี เรียนก็ดี กิจกรรมเด่น ไม่มีเรื่องที่ต้องบาดหมางถึงกับฆ่าเลยนี่นา" โต้งอุทาน นี่ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงหัวเราะแล้วนะ แต่นี่มันใช่เวลาหัวเราะซะเมื่อไหร่กัน


ฝ่ายชายชุดดำก็ทำได้แค่หัวเราะ "ฮ่าๆๆ พวกแกนี่ไม่รู้อะไร ว่ามรดกในพินัยกรรมน่ะมันลำเอียง ให้ไปยังฝ่ายของยัยหมอดูมากกว่าพวกของนายข้า ทั้งที่เราก็ลำบากมาด้วยกันแท้ๆ เป็นอะไรที่น่าสงสารออก แล้วก็มีแต่คนขัดขวางนายข้าในการแก้ไขให้แฟร์ๆ เราไม่มีทางเลือกเลยต้องเชือดไก่ให้ลิงดูกันก่อนนี่แหละ ฝ่ายไอ้คนโตมันก็อนาคตของตระกูล เอาไอ้เด็กนี่ดีกว่า พ่อมันก็ไม่ได้คาดหวังอะไร คงไม่เสียใจกันเท่าไหร่หรอกน่า"


ประโยคนี้ทำให้ผมรู้สึกเดือดทันที ผมรู้เสมอว่าการเป็นลูกคนกลางมันมีเคราะห์กรรมอย่างหนึ่งที่ว่าพ่อแม่อาจไม่ได้ใส่ใจมากเท่าลูกคนอื่น และพ่อของผมก็ไม่มีเวลาคุยกับผมมากด้วย ซึ่งก็ไม่มีปัญหาหรอก เพราะผมก็ยังมีแม่และพิ้งค์อยู่เคียงข้าง


แต่... นี่มันดูถูกผมชัดๆว่าเป็นคนที่ไร้ค่าที่สุดในครอบครัว!! และผมก็พอรู้แล้วว่าใครเป็นนายของไอ้พวกนักฆ่านี่ อาคนหนึ่งของผมนั่นเอง และท่านก็เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีกับตระกูลด้วย ทั้งเล่นการพนัน ไม่ทำงานการ และมีเรื่องชู้สาวเข้ามาอีก ไดอะล็อกเดียวกับพวกพระเอกในละครน้ำเน่านั่นแหละ ก็สมควรแล้วนี่นาที่จะได้มรดกน้อยกว่าใครเขา


"แล้วไงล่ะ..." ผมหันไปถามกลับ ทั้งที่ต้องสะกดใจไม่ให้เข้าไปอัดโจรแล้วนะ ไม่อย่างนั้นมันคงยิงผมเละเป็นโจ๊กแบบในความฝันแน่ๆ ซึ่งผมยังไม่เคยเล่าให้พิ้งค์ฟังด้วยซ้ำในเรื่องของความฝัน แต่ผมก็มีอะไรบางอย่างเตรียมพร้อมไว้เผื่อเวลานั้นแล้วล่ะ... ในห้องกน.ซึ่งซ่อนไว้อย่างดี
มันยิ้มเชิด ก่อนจะหันมาทำสายตากรุ้มกริ่มกับพิ้งค์และแอ๋ม "หึ... เด็กของแกก็สวยใช่ย่อยนะ นึกว่ามากันเองซะอีก ที่ไหนได้มากันเป็นขบวน พวกข้าไม่ปล่อยให้รอดกลับไปแน่" ทำให้สองสาวหันมาชิดผมมากกว่าเดิม


"แล้วพวกแกจะทำอะไรเพื่อนผมฮะ? อย่าได้คิดแม้แต่จะแตะต้องสองสาวนั่นนะเว้ย!!" โต้งหันไปตะโกนใส่โจรทั้งสาม ทำให้ผมต้องรีบเข้าไปปรามอย่างเร่งด่วน "ไม่เอาน่าโต้ง เดี๋ยวก็แย่หรอกน่า" แต่หารู้ไม่ว่าประโยคห้ามมันกลับกลายเป็นคำยั่วยุ หนึ่งในนั้นเข้ามาจับแขนน้องแอ๋มไว้ทันที "ยัยนี่ก็สวยใช่ย่อยนี่ ต้องลองเอาไปทดสอบดู"


เมื่อเห็นดังนั้น โต้งจึงวิ่งเข้าไปทางคนร้ายทันที และไม่มีใครคาดคิดได้... เขาจัดการชกเจ้าคนที่จับแอ๋มไว้ทันที "ผู้หญิงของกูมึงห้ามยุ่งเว้ย!!" แต่โต้งกลับเป็นฝ่ายถูกล็อคคอเสียเอง ด้วยวิชายูโดที่เรียนกันตอนม.5 มีประโยชน์ได้ก็งานนี้ เขาคว้าแขนโจรก่อนจะหมุนตัวกลับแล้วพลิกข้อมือนั่นเสีย ปืนหลุดออกมากมือกระเด็นเข้ามาทางผม ผมจึงรีบคว้าไว้ทันที อย่างน้อยก็พอมีอะไรป้องกันตัวแล้ว


แอ๋มวิ่งมาหาพิ้งค์ ทั้งสองกอดกันแน่นทันที แม้จะรู้สึกอิจฉาเล็กๆแต่ก็อดใจหายกับฝ่ายโต้งไม่ได้ ยูโดออกแบบมาเพื่อสู้กันตัวต่อตัว ไม่ใช่สามรุมหนึ่งแบบนี้... แน่นอนว่าโต้งถูกโจรอัดเป็นกระสอบทรายจนสลบไปเสียแล้ว ฝ่ายลุงชัยคนขับรถของผมจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยทันที "คุณหนูอย่าเข้าไปนะครับมันอันตราย"


(มีต่อ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#99 2008-08-12 11:13:57

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

"ปัง!!" ปืนถูกยิงมาทางลุงชัยอย่างรวดเร็วไม่ถึงเสี้ยววินาที... ลุงถูกยิงเข้ายังศีรษะจังๆแบบนี้แน่นอนว่าตายสนิท เลือดกระเซ็นไปทั่ว และแน่นอนว่าถูกเสื้อของผมด้วย ทำให้รู้สึกหวาดกลัวทันที และโต้งก็ถูกจ่อปืนทั้งที่ยังสลบคาพื้นอีกด้วย "หยุดนะพวกแก ใครขยับเข้ามาไอ้แว่นนี่ตาย"


"ไม่นะโต้ง..." แอ๋มหน้าซีด ทำให้ผมรู้สึกถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคนได้ทันที ว่าอย่างน้อยก็ต้องมีใจให้กันอยู่บ้างแหละ พิ้งค์เข้ามากอดผม น้ำตาไหลพรากด้วยความกลัว ทำให้ผมกอดเธอกลับเช่นกัน ยังไงผมก็ไม่ยอมให้พิ้งค์เป็นอะไรอย่างเด็ดขาด ถ้าเธอต้องบาดเจ็บหรือตาย...


ผมจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองไปชั่วชีวิต


โจรที่ยิงลุงชัยตายหันกระบอกปืนมาทางผม "เราน่ะ... ตาสว่างสักทีเถอะน่า ยัยนี่คงไม่ได้รักแกจริงหรอกนะนทีกร ก็คงจะหวังเงินแบบแฟนลูกเศรษฐีทั่วไปเท่านั้นแหละ พ่อก็ไม่ได้รักเลย ตายๆไปซะน่าจะดีกว่ามั้ง" มันพยายามเกลี้ยกล่อมผม แล้วทำไมไม่ลงมือเสียเลยล่ะ?


"แล้วทำไมแกไม่ลงมือล่ะ? ในเมื่อเขามีคำสั่งให้ฆ่าผม" ผมถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา หวังว่าจะไม่ใช่เพราะเรื่องอื่นอีกนะ


แต่มันกลับยิ้มเยาะ "หึ! ข้ารู้ว่าไอ้คนขับรถของแกมันต้องเรียกตำรวจและพ่อแกมา ก่อนนาทีที่มันจะมา แกก็จะต้องตายไปซะ และพวกข้าจะลักพาตัวเด็กสามคนนี่ไปฆ่าทิ้งทีหลัง แกเป็นผู้ชายคงรู้แหละนะว่าควรจะทำอะไรก่อนฆ่าตัวประกันสาวทิ้ง"


ผมกัดฟันกรอด มันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลยที่พวกมันจะทำกับเด็กทั้งสามแบบนี้ ซึ่งพวกเขาต้องเดือดร้อนเพราะผมอย่างแน่นอน และถ้าพิ้งค์ต้องโดน...กระทำแบบนั้น ผมคงไม่มีวันจะหายแค้นแน่ๆในสิ่งที่พวกมันทำ


แต่ไม่ทันจะเถียงต่อ โจรอีกคนก็เข้ามาทางพิ้งค์ ก่อนจะกระชากเธอออกมาจากผม ขณะที่มืออีกข้างก็ลากแอ๋มไปด้วยกัน "ว้าย!! พี่บลู ช่วยด้วย" ทำให้ผมตกใจแทบทำอะไรไม่ถูก และรีบชักปืนไปทางกลุ่มโจรทันที "หยุดนะ!!"


ผมรีบปลดเซฟตี้เพื่อจะง้างไกยิง ก่อนจะพบความจริงอันโหดร้ายอย่างที่สุด...


ปืนนั้นไม่มีกระสุน!!!


โจรผู้นั้นทำหน้ายิ้มระรื่น "ฮ่าๆ มีเพียงปืนกระบอกเดียวเท่านั้นแหละที่มีกระสุน รู้ตัวช้าไปล้านปีแสงแล้วไอ้หนู ตายซะเถอะ" และยิงมาทางผมทันทีโดยที่หลบหลีกไม่ได้เลย… "ปัง!!"


"โอ๊ย!!" ผมทรุดตัวลง ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วท้อง รู้สึกได้ถึงความอุ่นของเลือดที่ไหลรินออกมาทันที พิ้งค์มีสีหน้าตกใจสุดขีดก่อนจะกรีดร้อง "พี่บลู!!!"


"พิ้งค์..." ผมพยายามเรียกชื่อเธอ แต่ด้วยความเจ็บปวดจึงทำได้แค่ร้องออกมาเบาๆ ไม่นะ... มันเหมือนกับความฝันมาก มากเสียจนน่ากลัว ในวินาทีนั้นพิ้งค์สะบัดการเกาะกุมของคนร้ายวิ่งเข้ามาทางผม น้ำตาไหลรินอาบใบหน้า


"พี่บลู... ทำไม ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย" เธอเข้ามาประคองผมและโอบกอดไว้อย่างห่วงหาอาลัย สัมผัสได้อย่างดีเลยว่าเธอรักผมแค่ไหน


"ไม่รู้สิ...คงเป็น...กรรมของพี่...มั้ง?" ผมพูด แม้จะเป็นเสียงที่ตะกุกตะกักก็ตาม รู้สึกได้ว่าผมอาจจะไม่รอดก็ได้ เพราะเลือดที่เริ่มย้อมเสื้อนักเรียนจากสีขาวกลายเป็นสีแดงแทบทั้งตัว และตามร่างกายด้วย ทำไมอานุภาพของปืนมันแรงได้ขนาดนี้นะ ถึงจะเรียนรด.มาแล้วก็ตาม


แต่ก็ยังอดแปลกใจไม่ได้อยู่ดี


เธอซบบ่าผมก่อนจะร้องไห้โฮ "ไม่นะพี่บลู พี่เคยบอกไม่ใช่เหรอว่าพี่จะรักพิ้งค์ตลอดไป และไม่ทำให้เสียใจอีกน่ะ...ฮึก" ผมจึงยิ้มอย่างเอ็นดู "แต่ความตายมันหลีกเลี่ยงไม่ได้นี่นา ชะตาของพี่ถูกเขียนมาแค่นี้แหละ" และหูก็ได้ยินเสียงแว่วของไซเรนดังเข้ามาใกล้ทุกขณะ ในที่สุดตำรวจก็เข้ามาสักทีนะ


"ซวยแล้วว่ะ ตำรวจมา!!" หนึ่งในขบวนการโจรอุทานขึ้นมาอย่างตกใจ ฝ่ายหัวหน้าหรือคนที่ดูถูกปรามาสผมทำสีหน้าเลิ่กลั่ก "นั่นสิวะ เผ่นก่อนเถอะ" และรีบเผ่นไปขึ้นรถฮอนด้าซีวิคสีดำแล้วแล่นรถจากไปทันที ฝ่ายตำรวจที่มาถึงช่วยน้องๆทั้งสามไว้ ก่อนจะช่วยกันพาผมส่งโรงพยาบาลทันทีตามคำขอของพิ้งค์


"ช่วยพาพี่คนนี้ส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดด้วยเถอะค่ะ" เธออ้อนวอนด้วยน้ำตาที่นองหน้า แน่นอนว่าผมถูกเคลื่อนย้ายขึ้นมายังรถตำรวจ โดยนอนตักพิ้งค์ และพูดคุยกันเป็นครั้งสุดท้าย...


++++++++++++++++++++++++++++++

ขอทุกท่านตามลุ้นกันต่อไป... วันพฤหัสนี้ หุหุ ว่าจะเป็นยังไง มีโอกาสให้ลุ้นอีกสองวันนะจ๊ะ ว่านิยายจะออกไปแนวไหน

ตอนนี้กำลังจะแต่งตอนพิเศษเพิ่ม แต่คงจะไม่ลงในนี้แล้ว เพราะไม่มีส่วนที่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องอีก (อาจจะยกเว้นช่วงท้ายเรื่อง) =w= แล้วจะติดต่อมาอีกทีนะคะว่าจะให้อ่านกันได้ทางอื่นทางไหน ^^

เพราะเขียนเรื่องตอนที่บลูอกหักจากแอนและพิณนั่นเอง กร๊ากก คนอกหักทำได้หมดแหละนะ (เอามาจากประสบการณ์คนรอบข้าง 55+)




ปล.มันคงเป็นเรทผู้ใหญ่เท่านั้นแบบที่น้อง dadawizard ว่าแล้วล่ะ =w=" มีครบรสเลย!! (ที่เขียนนี่น้องเจียแน่ๆเลย? ใช่ป่าวๆ)

Last edited by MiyaCatZ (2008-08-12 11:19:02)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#100 2008-08-12 14:56:57

LagooNz
สมาชิก
Registered: 2006-08-08
Posts: 3,631

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ลองย้อนขึ้นไปดู

นี่ก็ตอนที่ 28 แล้วนะนี่...พี่หนิง...ช่างเก่งกาจ

อยากรู้จริงๆ ว่าถ้าเอาไปใส่ในกระดาษขนาด หนังสือนวนิยาย จะได้กี่หน้า

Offline

Board footer

Powered by FluxBB