You are not logged in.
ถ้าเป็นในเวิร์ด 122 หน้าถ้วน =w=" (นับจนถึงตอน 39 ซึ่งเป็นตอนที่เขียนในขณะนี้) ลงเป็นหนังสือจริงจะมากกว่านี้เยอะ
และนี่เป็นนิยายเรื่องแรกที่เริ่มเขียนแล้วเขียนต่อเนื่องจน(จะ)จบเลย ไม่เคยดองและเขียนสม่ำเสมอมาก (เมื่อก่อนนี่ดองเป็นศตวรรษ) รวมถึงยาวที่สุดด้วย เรื่องเก่าที่ยาวที่สุดก็ 93 หน้ามั้ง?
ถ้าเอาความขยันไปใส่ในเรื่องเรียนแทนได้น่าจะดีกว่านี้ T^T
ปล.ขึ้นหน้า 5 แล้วนะ พรุ่งนี้จะลงแล้วจ้า >.<
*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....
Offline
ตั้งแต่ลงตอนนี้เป็นต้นไป จะขอลงนิยายแบบวันต่อวันแล้วค่ะ >.<
เนื่องด้วยว่าระยะที่ห่างเกินไปถึง 11 ตอนอาจจะทำให้ประสบปัญหาในการบำบัดอาการติดคอมต่อเนื่องหลังแต่งจบ -*- ด้วยเนื่องว่าอีก 192 วันจะถึงวันสอบ O-net แล้ววว ดังนั้นต้องรีบอ่านหนังสือค่ะ
ไม่รู้ว่าคนอ่านจะได้เสียน้ำตาให้กับนิยายหลังจากนี้หรือเปล่าเถอะ T^T อ้ากกกก~
++++++++++++++++++++++++++++++++++
- Chapter 29 : Knocking on Heaven's Door -
ฉันต้องแยกกับเพื่อนๆเพราะต้องพาพี่บลูไปส่งโรงพยาบาล ขณะที่โต้งก็สลบด้วยพิษหมัดและเท้า(อันหนักหน่วง...)จากโจรใจทรามเหล่านั้น
"ไม่นะโต้ง!! แกฟื้นขึ้นมาสิ ฟื้นสิ" แอ๋มร้องไห้คร่ำครวญ... นี่โต้งมันไม่ได้อาการสาหัสเท่าพี่บลูนะ แต่ฉันเข้าใจดีว่าความรักทำให้เราร้องไห้เพราะคนที่รักอยู่เรื่อยเลย
และแอ๋มก็เช่นกัน เธอกอดโต้งที่ยังสลบอยู่ไว้แน่น โดนกระทืบมาหนักแบบนี้คงยังไม่ฟื้นหรอก ถึงจะเป็นคนที่เก่งยูโดที่สุดในห้องก็ตาม "แกต้องฟื้นนะ พี่บลูยังสาหัสกว่าแกยังไม่สลบเลย อย่าใจเสาะสิยะ ฉันรักแกนะ... รักมานานมากแล้วด้วย ดังนั้นแกต้องฟื้นนะ"
ฉันมองแอ๋มด้วยความอึ้ง... นี่เธอแอบชอบโต้งมาตลอดเลยเหรอเนี่ย
แอ๋มก็หันมาทางฉัน "พิ้งค์... ตำรวจเรียกแกแน่ะ พาพี่บลูไปส่งโรงพยาบาลเถอะ เดี๋ยวโต้งฟื้นแล้วฉันจะตามไป...ไปสิ!!" เธอออกปากไล่ ด้วยที่เห็นว่าพี่บลูถูกยิงบาดเจ็บสาหัส
ฉันจึงรีบวิ่งไปยังรถตำรวจคันหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ต่างช่วยพยุงพี่บลูขึ้นรถเข้ามาได้ และฉันก็ให้เขานอนหนุนตักอย่างเต็มใจ
"พี่บลู..." ฉันพยายามกลั้นสะอื้น ขณะที่เรากำลังคุยกันบนรถตำรวจ หลังจากเหตุการณ์ฆาตกรรมพี่บลูเมื่อสักครู่ แน่นอนว่ามันกะทันหันจนเกินไป... เกินไปจริงๆกับอาการของเขา
"พิ้งค์... อย่าร้องไห้เลยนะ พี่ไม่เป็นไรหรอก" เขาฝืนยิ้ม ทั้งๆที่ก็ถูกยิงจนเลือดย้อมเสื้อนักเรียนจนกลายเป็นสีแดงสดน่ากลัวมาก และทำให้เสื้อนักเรียนของฉันถูกย้อมเป็นสีแดงเลือดด้วยเช่นกัน แต่ฉันไม่คิดอะไรหรอก ยังไงเขาก็คือคนที่ฉันรักนะ
แต่อาการแบบนี้... ฉันรู้สึกห่วงเขามาก เพราะดูจากเลือดที่ไหลออกมาเปรอะเสื้อของฉัน ประกอบกับอาการเพลียปนเจ็บปวดของพี่บลูก็ทำให้ฉันรู้สึกใจแทบจะขาดรอนๆ แทนแล้ว
จึงเป็นเหตุผลที่ฉันไม่อาจกลั้นน้ำตาที่ไหลอย่างต่อเนื่องได้นั่นเอง ฉันปาดน้ำตาก่อนจะหันมาทางเขา ซึ่งพยายามหันมามองฉันอย่างห่วงใย "พี่บลูจ๋า... เดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้วนะ แล้วพี่ก็จะรอดตายกลับมาได้ เราจะไม่ต้องจากกันอีกแล้ว"
พี่บลูยิ้ม "อืม... ใช่ แต่ตอนนี้พี่หนาวจัง" ฉันรู้สึกเป็นกังวล อยากบอกว่าเทอมหนึ่งตอนม.4 ฉันลงเรียนแพทย์พื้นฐาน แน่นอนว่าอาการหนาวแบบนี้เกิดจากการเสียเลือดเป็นจำนวนมากพอสมควร จึงจะเกิดอาการแบบนี้ได้ ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นทันที
ถ้าเกิดไปถึงโรงพยาบาลช้าเกินไป พี่บลูอาจตายได้นะ!!
ฉันจึงรีบหันไปบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งกำลังขับรถอยู่ทันที ให้ตายเถอะ...ทำไมถึงขับช้าเป็นเต่าคลานนะ ในนี้มีคนบาดเจ็บนะไม่ใช่นักโทษ "พี่คะ!! ขับเร็วกว่านี้ได้มั้ยคะ คนเจ็บเสียเลือดเยอะนะคะ ถ้าไปโรงพยาบาลไม่ทันเขาอาจตายได้"
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งนั่งข้างคนขับหันมา "ได้เลยน้อง ซิ่งเลย" และรถก็แล่นเร็วขึ้น ในเวลาปกติความเร็วระดับแรกก็นับว่าเร็วจนน่าหวาดเสียวแล้ว แต่เพราะพี่บลูที่บาดเจ็บสาหัสต่างหาก เมื่อฉันมองมาอีกครั้งเขาก็หลับไปเสียแล้ว
"ไม่ได้นะพี่บลู!! อย่าเพิ่งหลับนะ ไม่งั้นพี่อาจหลับแล้วตายไปเลยก็ได้" ฉันพยายามปลุกสติเขาด้วยการตบที่แก้มเบาๆ ก่อนจะเพิ่มความแรงขึ้นเมื่อเขายังไม่มีทีท่าว่าจะตาสว่างขึ้นได้เลย
จนกระทั่งเขาเริ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง ก่อนจะพึมพำถามว่า "อา... นี่เราอยู่ที่ไหนกันนะ?"
ฉันหันไปตอบอย่างเป็นกังวล "ใกล้ถึงโรงพยาบาลแล้วนะพี่บลู ตั้งสติไว้ดีๆนะ"
และสักพักรถก็จอดสนิท ในที่สุดก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว!! ฉันรู้สึกดีใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อย่างน้อยพี่บลูก็มีโอกาสรอดแล้ว
พี่เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบลงไปทันที ก่อนจะกลับมาพร้อมบุรุษพยาบาลและเตียงขนผู้ป่วย ฉันกอดเขาไว้อย่างมีความหวัง "พี่บลู! ถึงโรงพยาบาลแล้วนะ พี่ต้องรอดแล้ว" แต่เขากลับส่ายหน้า "ไม่รู้สิ... พี่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอีกแล้วล่ะ ราวกับซุนโยตอนเจออุบัติเหตุเลย" คำพูดของพี่บลูทำให้ฉันนึกถึงนิยายปาฎิหารย์รักเคียงรั้วขึ้นมาทันที
ก่อนจะใจหายวาบ!! ไม่นะ... ซุนโยตายเพราะอุบัติเหตุ และฮันยาเสียใจจนตรอมใจตายตามหลังจากที่ร่ำลากันก่อนจะรออย่างสิ้นหวังหน้าห้องฉุกเฉิน จบแบบเศร้าเลยนี่หว่า ไม่จริง! ไม่จริง! พี่บลูต้องไม่เจอจุดจบแบบนี้นะ
(มีต่อ)
*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....
Offline
เจ้าหน้าที่รีบขนร่างพี่บลูขึ้นเตียงทันทีก่อนจะรีบพาไปยังห้องฉุกเฉิน เขาหันมามองฉันก่อนจะยิ้มเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่ฉันวิ่งตามมาได้ถึงแค่หน้าห้องฉุกเฉินเท่านั้น... ทั้งที่เสื้อผ้าเปื้อนเลือดของเขาแทบจะทั้งตัว ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิง เมื่อมองยังกระจกที่อยู่ใกล้ๆ
ฉันจึงนั่งลงบนโซฟาหนังสีเขียวเก่าๆอย่างอ่อนแรง พลางถอนหายใจสักเฮือกก่อนจะพยายามหวังในทางที่ดีว่าพี่บลูคงจะต้องรอดพ้นจากอันตรายครั้งนี้ได้
...ฮันยานั่งลงอย่างคนไร้ซึ่งวิญญาณและชีวิตจิตใจ เธอหันมองยังประตูห้องฉุกเฉินก่อนจะก้มหน้าร้องไห้เงียบๆ โดยที่ไม่สนใจว่าเสื้อผ้าของเธอชุ่มเลือดย้อมเสื้อเป็นสีเข้มแลดูน่ากลัว แม้นางพยาบาลจะใจดีอาสาเอาชุดใหม่มาให้ก็ตาม
แต่หญิงสาวกลับปฎิเสธอย่างเกรงใจ "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันยังไม่มีแก่ใจจะเปลี่ยนชุดหรอก ในเมื่อคนที่ฉันรักอยู่ในระหว่างความเป็นและความตาย"...
ฉันยังคงเหม่อมองบริเวณทางเดินของโรงพยาบาลแห่งนี้ ทั้งที่โต้งกับแอ๋มที่ตามมาสมทบจะหันมาเรียกความสนใจจากฉันตลอด แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ฉันไม่มีแก่ใจจะทำอะไรทั้งสิ้น รู้สึกนับถือคนเขียนเรื่องปาฎิหารย์รักเคียงรั้วจริงๆ มันอาจเป็นประสบการณ์จริงของเธอก็ได้ ฮันยาถึงมีมิติและจิตวิญญาณที่ทำให้คนอ่านต้องอินได้แบบนี้
แม้ว่าโต้งจะอาสาเสียสละเสื้อนักเรียนให้ฉันใส่แทนก็ตาม แต่ฉันกลับปฎิเสธ "ไม่เป็นไรหรอกแก ฉันยังไม่อยากเปลี่ยนชุด" และถ้าใครบังคับฉันก็คงจะร้องไห้ออกมาเดี๋ยวนั้นแหละ
แอ๋มหันไปตบบ่าโต้งอย่างเป็นกำลังใจ "อย่าเพิ่งยุ่งเลย ตอนนี้เราบอกควีนแล้ว เธอคงเรียกพี่ต้นให้มาที่โรงพยาบาลแล้วล่ะ ส่วนผู้ปกครองของพี่บลู อันนี้ทางตำรวจเป็นฝ่ายแจ้งแล้วล่ะ ไม่รู้นักข่าวจะมาด้วยมั้ย? ในเมื่อนามสกุลพี่บลูออกจะดัง"
ฉันได้ยินทุกคำที่ทั้งสองคนพูด ดูก็รู้ว่าทุกคนเป็นห่วงฉันมาก และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็โทรศัพท์ตามแม่ของฉันให้มาที่โรงพยาบาลแล้วเช่นกัน ป้านภาอาจจะโกรธฉันก็ได้ ถ้ารู้ว่าฉันเป็นสาเหตุให้ลูกชายเขาต้องบาดเจ็บหรือตาย... แต่ถ้าพี่บลูต้องเป็นอะไรไป ฉันก็คงไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับทางบ้านเขาอีกอยู่แล้ว และฉันก็ภาวนาว่าอย่าให้เขาต้องอาการแย่ลงเลย
ประตูห้องฉุกเฉินเปิดขึ้น หมอท่านหนึ่งถามกับพวกเราว่าใครมีเลือดกรุ๊ปโอบ้าง... แน่นอนว่าฉันยังอายุไม่ถึง 17 ไม่สามารถให้เลือดได้ทั้งที่เราก็เลือดกรุ๊ปเดียวกัน เพราะเลือดในคลังหมดแล้ว ยังดีที่ไม่เป็นอาร์เอชลบซึ่งหายากสุดๆนะ
เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายลุกขึ้นยืน ก่อนจะตามหมอไป ส่วนฉันก็นั่งถอนหายใจอีกครั้ง และรู้สึกแย่ที่ตัวเองก็ยังเด็กเกินไป อีกแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นฉันก็จะอายุ 17 นั่นคืออีกตั้งครึ่งปีเต็มๆ
"เป็นยังไงบ้างพิ้งค์" ฉันหันไปยังทางประตู แม่ของฉันวิ่งเข้ามาอย่างเป็นห่วง มีป้านภาที่ตามมาติดๆ สีหน้าของคนทั้งสองเป็นห่วงต่อสถานการณ์ของพวกฉันมาก แน่นอนว่าฉันหันไปกอดแม่ก่อนจะร้องไห้ทันที "แม่คะ... หนูผิดเองที่ทำให้พี่บลูต้องบาดเจ็บหนักแบบนี้" แม่หันมาลูบหัวฉันทันที โดยที่ไม่กลัวเสื้อสูทเนื้อดีที่จะต้องเปื้อนเลือดเลยแม้แต่น้อย
"ลูกไม่ผิดหรอก พวกโจรนั่นต่างหาก พวกแม่ได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว"
"นั่นสิพิ้งค์ มันผิดที่ในตระกูลป้านั่นแหละ ที่ทำให้พวกหนูต้องเดือดร้อนตามกันไปด้วย" ป้านภาตอบอย่างเอ็นดู ทั้งที่ใบหน้าบ่งบอกว่าทุกข์ใจกับเหตุการณ์อย่างมาก ทำให้ฉันเข้าไปกอดป้านภาอีกคน "แต่หนูก็รู้สึกแย่อยู่ดีนี่คะ..."
ท่านหันมาปลอบฉัน "มันเป็นเรื่องของกรรมที่เคยก่อมา เราไปแก้ไขอะไรไม่ได้หรอกนะลูก" และเราก็หันไปทางห้องฉุกเฉินที่ไฟเหนือประตูดับลงทันที เพราะคุณหมอเดินออกมาแล้ว มีสีหน้าที่เฉยมากจนฉันรู้สึกราวกับเล่นเกมตอบปัญหายังไงยังงั้น คือมันตามลุ้นไม่ได้เลย
"ใครเป็นผู้ปกครองของนายนทีกรครับ?" ป้านภารีบเดินเข้าไปหาคุณหมอทันที "ฉันเองค่ะ"
ฉันเดินตามป้านภาไปด้วย ก่อนจะเริ่มถามด้วยความสงสัย "แล้วเขาเป็นยังไงบ้างคะ?"
แต่คุณหมอกลับถอนหายใจ "เสียใจด้วยครับ เราได้พยายามเต็มที่แล้ว"
เมื่อได้ฟังคำนี้แล้ว... ราวกับโลกทั้งใบสลายไปตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว ฉันทรุดลงกับพื้นด้วยหัวใจที่แหลกสลายทันที... พี่บลูตายแล้ว
"ไม่นะ... ไม่จริง!! เป็นไปไม่ได้!!" ฉันตะโกน และนั่นก็เป็นเพียงสิ่งสุดท้ายที่ฉันจำได้
+++++++++++++++++++++++++++
ToT~ โฮฮ ม่ายเจรงงง ที่รักเค้าตายแล้วง่ะ ฮือๆๆ
(/me... โดนพิ้งค์สกายคิกใส่ =__= ฐานสมอ้างเป็นกิ๊กนายบลู 55+ กิ๊กไม่ลงเว้ยย เพราะพระเอกก็เอามาจากตัวคนเขียนในเวอร์ชั่นผู้ชายไง หลังๆเลยห่ามซะไม่มี เอิ้กๆๆ อยากเป็นพระเอกในบางเวลาเหมือนกัน แบบว่ามีรุ่นน้องที่น่ารักอยู่ 5/5 ด้วยไง ถ้าเป็นนายบลูคงจะไปจีบแล้ว กร๊ากๆๆ แต่นี่น้องเค้าเป็นผู้หญิง -*- ไม่อาวว นู๋ไม่ใช่ yuri แบบผู้ดูแลแถวๆนี้)
วันนี้เฉลยเรื่องสอบซ่อมเคมีแล้ว 555+ ซ่อมสองครั้งเอ๊งงง~ น้อยลงแล้วใช่มั้ยล่ะ หุหุ
แต่นิยายเรื่องนี้มันมีคำตอบของมันอยู่แล้วล่ะ คือจะค่อยๆคลายปริศนาที่วางไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องสักที ^^
*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....
Offline
ไม่อยากเชื่อว่าเหลืออีกหลายตอน
ยังมีต่อถึง39+ได้อีก เฮ้อ.... ช่างมีความพยายามสูง
Offline
เดาได้เลย
คำพูดน่าจะประมาณนี้
"เสียใจด้วยครับ หมอพยายามเต็มที่แล้ว" พิ้งค์เข่าอ่อนลงทรุดลงไปกองกับพื้น น้ำใสๆไหลออกมาจากดวงตาเหมือนกับว่าจะท่วมท้นโลกนี้ให้เต็มปรี่ แต่ก็มีบุรุษพยาบาลคนหนึ่งวิ่งเข้ามากระซิบเข้าที่หูหมอเล็กน้อย แล้วหมอก็พูดขึ้น
"เอ่อ คุณใช่ญาติคุณนทีกร อัครมณีโชค รึเปล่าครับ"
เชิญคิดต่อกันเอง 55+
ปล.พี่แต่งตอนนี้แพ้ผมอยู่ 24 หน้าเอง แต่ของผมมัน Angsana new 20 หน้า 2/2/2/2 ไม่เคาะเว้นบรรทัด แค่นั้นเอง - -*
จะอยู่ไหนหนใดให้รู้ค่า พระคุณที่ได้รับมาอย่าลืมได้
ถิ่นกุหลาบนนท์งามล้วนชวนยวนใจ หรือพระเกี้ยวอันยิ่งใหญ่บนอกเรา
สุวิชา โนภวังโหติมั่น ความรู้นั้นจงเชิดชูอย่าขลาดเขลา
กตัญญูกตเวทิตาเอา เป็นหลักเสายึดมั่นในแนวทาง
Offline
พี่หนิงไม่ใช่คนที่ธรรมดา(/me:ยืนรอให้มาเห็นแล้วค่อยหนี)
เรื่องที่คุณเธอแต่ง ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ยิ่งน่าติดตามม
Offline
555+ น้องพัดพูดซะน่าถูกใจ (ถ้าถูกใจกว่านี้จะทำเค้กไมโครเวฟเลี้ยง)
คำตอบอยู่ในตอนที่ 30 แล้วค่ะ โปรดเปิดเพลงธรณีกันแสงคลอด้วยจะได้อารมณ์มาก หรือจะเอาเพลงประกอบการ์ตูน หรืออะไรที่มันช้าๆ เอื่อยๆ หดหู่ก็แล้วกันนะ -"-
เพราะสุดที่รักของนู๋พิ้งค์... ตายแล้วค่า!! ตายจริงแบบไม่มีรายการเข้าใจผิดได้เลย (ชื่อนทีกรนี่มีน้อยมากนะ ไม่เคยพบด้วย แต่เห็นอยู่คนนึงในกูเกิ้ล 55+ นักกีฬาด้วยนะเนี่ย)
+++++++++++++++++++++++++++
- Chapter 30 : The World After Death -
ผมรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้ง เพราะแสงสีขาวที่ส่องจ้าลงมาปลุกสติให้ตื่นขึ้นได้
และเมื่อลืมตาขึ้น ก็รู้สึกสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก เพียงแต่ดูท่าว่าจะผิดสถานที่ไปหน่อย เพราะผมนอนอยู่บนเตียงเหล็ก แถมมีผ้าคลุมสีขาวปิดทับไว้ไม่เว้นแม้แต่ใบหน้า
ครั้งสุดท้ายที่ผมจำความได้ คือผมถูกไอ้โจรบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ยิง แน่นอนว่ามันทั้งเจ็บปวดอย่างที่สุด เหมือนกับในความฝันครั้งนั้นเลย อานุภาพปืนมันแรงจนทำให้ผมแทบประคองสติไม่ไหว ยังดีที่น้องพิ้งค์ช่วยปลุกผมเป็นระยะๆ จนถึงโรงพยาบาลนั่นแหละ หลังจากเข้าห้องฉุกเฉินไปผมก็ไม่รู้สึกตัวเลยทันที
และรู้สึกตัวได้ก็ตอนนี้แหละ ผมจึงพยายามลุกขึ้น ก่อนจะพบว่าในห้องนี้มีเตียงเหล็กวางเรียงรายเต็มไปหมด และแต่ละคนก็มีผ้าสีขาวคลุมไว้ทั้งตัว ตรงผนังใกล้ตัวแบ่งเป็นชั้นตู้ซึ่งแบ่งล็อกไว้ชัดเจน อีกไม่พอยังมีป้ายชื่อติดอยู่ด้วย
ห้องดับจิต!! นี่ผมถูกส่งตัวมาอยู่ห้องดับจิตอย่างนั้นเหรอ?
เมื่อมองลงไปยังตำแหน่งเตียงของตนเอง ก็พบว่าเป็นร่างที่มีผ้าสีขาวที่หุ้มร่างชุ่มเลือดอยู่พอสมควร นึกแปลกใจที่เหมือนกับว่าตัวเองจะทะลุออกจากผ้าคลุมได้ ก่อนจะลงมาจากเตียงด้วยความสับสน ผมพยายามเลิกผ้าขึ้นกลับพบว่ามือของตัวเองทะลุผ่านร่างไปเสียอย่างนั้น ราวกับวิญญาณยังไงยังงั้น ไม่จริงน่า... ผมตายแล้วเหรอ!?
"หึหึ เพิ่งตายใหม่ๆแบบนี้ยังไม่รู้ตัวหรอกว่าตาย ไอ้หนูเอ๊ย..." เสียงชายแก่คนหนึ่งดังจากเบื้องหลัง เมื่อหันไปดูก็ต้องตกใจจนอุทานเฮ้ยออกมา เพราะลุงคนนั้นอยู่ในสภาพที่น่ากลัวมาก กะโหลกศีรษะบุบบี้ เลือดกระจายโชกร่าง ยังกับหนังผีเลย เพียงแต่ไม่ได้ถูกแต่งหน้าแต่งเอ็ฟเฟกต์มากเท่าในหนังนะ
ลุงคนนั้นหัวเราะแลเห็นเหงือกดำปี๋น่าสยอง ก่อนจะกลายสภาพเป็นคนปกติ "ฮ่าๆๆ... อย่าตกใจกลัวพวกเดียวกันสิไอ้หนู น่าสงสารนะ ลุงรู้อยู่แหละว่าเป็นลูกของเจ้าสัวพงศกร อัครมณีชัยที่ออกข่าวบ่อย และแฟนเราก็นั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉินนี่เอง แย่เลยนะที่ต้องมาตายแบบนี้"
ผมไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว... เพราะข้างในใจกำลังสับสนอย่างหนัก นี่ผมตายไปแล้วจริงๆอย่างนั้นสินะ และก็กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนรอคอยวันที่จะถูกส่งไปยังนรกสักวันหนึ่ง เพราะผมรู้แหละว่าผมก็ไม่ใช่คนดีอะไร ยมบาลท่านอาจจะให้ไปรับโทษสักหลายปีอยู่แหละ
แต่พิ้งค์ล่ะ... เธอสูญเสียผมไปแล้ว เธอจะอยู่อย่างไรได้ล่ะ? เรารักกันมากขนาดนี้แต่ผมกลับต้องจากเธอไปอย่างไม่มีวันกลับ ทำให้ผมต้องร้องไห้ออกมาจนได้ น้ำตาลูกผู้ชายหลั่งมาได้หลังจากความตายนี่แหละ ผมคิดถึงพิ้งค์... อยากจะกลับไปรักกับเธอ อยากจะกอดเธออีกครั้งหนึ่ง และอยากทำดีกับเธอให้มากกว่านี้ เราเพิ่งคบกันได้แค่สามเดือนกว่าเองนะ ทำไมสวรรค์ต้องใจร้าย ดลให้ผมต้องด่วนตายจากไปก่อนแบบนี้
ไม่นานก็รู้สึกดีขึ้น เมื่อมีมือวางลงที่บ่าอย่างปลอบใจ ผมรู้สึกได้เลยว่าเป็นลุงคนนี้ "อย่าเสียใจไปเลย ตอนลุงยังหนุ่มๆก็เหมือนกับแม่หนูคนนั้นแหละ รู้มั้ยว่าตอนที่คนรักคนแรกของลุงตายจากไปมันทรมานแค่ไหน มันผ่านมาสี่สิบกว่าปีแล้วล่ะ แต่ลุงก็ยังจำได้จนถึงวันที่ตายจากโลกนี้ไป"
ผมหันไปทางลุง "แล้วทำไมลุงถึงยังอยู่ในห้องดับจิตครับ?"
ลุงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี "ก็ญาติๆยังไม่มารับตัวไปน่ะซี่ ถ้ายังไม่มีใครรับศพออกไปก็ออกไปจากเขตโรงพยาบาลไม่ได้อยู่ดี แต่อย่างเรานี่คงได้ออกไปเร็ววันอยู่แหละนะ" ผมพยักหน้า เวลาที่มีเพื่อนก็ทำให้ผมคลายความกลัวลงไปได้เยอะเลย
ถึงจะรู้สึกเศร้าก็ตาม... ที่ผมจะไม่สามารถกลับไปเรียนหนังสือได้อีกครั้ง ไม่ได้แอดมิชชั่นทั้งที่สอบความถนัดสถาปัตย์ไปเมื่อปิดเทอมก่อน (ซึ่งทำได้อย่างมีความสุข ผมชอบวาดรูปนี่นา) ไม่ได้อยู่ในงานปัจฉิม ไปทะเลกับเพื่อนๆ 6/5 เพราะผมตายไปแล้ว... ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี และหนีไม่พ้นด้วย
รวมถึงพิ้งค์ที่คงต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเธอจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน และชาติหน้าเราจะมีโอกาสมาพบกันอย่างนี้อีกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ได้
(มีต่อ)
*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....
Offline
ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เอาหลังพิงกับเตียงเหล็กที่มีร่างไร้ลมหายของผมกับผ้าคลุมเปื้อนเลือดอย่างหมดแรง ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงโวยวายของต้น "ไอ้บลู!! ไม่จริงนะ ไม่จริง!!"
ต้นวิ่งมายังเตียงของผม และเลิกผ้าคลุมออก แลเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวซึ่งหลับตาอย่างไม่รู้สึกอะไร ในชุดนักเรียนซึ่งเปื้อนเลือดที่เริ่มแข็งตัวเพราะเวลาที่ผ่านไป มันเข้ามาซบบ่าร่างผมเพื่อร้องไห้อย่างไม่อายคนอื่นๆ นั่นคือควีน แอ๋มและโต้งที่ตามเข้ามาอย่างเป็นห่วง น้องควีนจึงเข้าไปปลอบพี่ต้นเป็นการใหญ่
"พี่ต้น ทำใจดีๆไว้นะคะ ยัยพิ้งค์ก็เพิ่งฟื้นจากอาการสลบ ถ้าเห็นพี่คร่ำครวญแบบนี้จะไม่ยิ่งเสียใจกว่าเหรอคะ?"
ต้นเงยหน้าขึ้นก่อนจะปาดน้ำตา "แต่นี่ก็เป็นเพื่อนที่พี่รักที่สุดนะควีน บลูมันตายไปแล้ว... หลับตาพริ้มแบบนี้ นึกถึงเวลาที่อยู่ด้วยกันมาก็น่าเสียใจอยู่แล้วล่ะ... ฮึก" ผมว่าผมไม่เคยเห็นต้นมันร้องไห้สะอึกสะอื้นแบบนี้เลยนะ ผมเชื่อแล้วว่ามันเป็นเพื่อนแท้ของผมเลยจริงๆ นั่นทำให้ผมต้องปาดน้ำตาของตนเองอย่างซึ้งใจปนเสียใจ ขอโทษนะเพื่อน...ที่ชิงตายไปเสียก่อน
ก่อนจะหันไปมองอาคันตุกะคนใหม่อย่างตกใจ เพราะคนที่เพิ่งเดินเข้ามา ณ เวลานี้คือพิ้งค์!! ซึ่งตาแดง หน้าแดงด้วยฤทธิ์น้ำตา มีแม่ของผมกับน้ามีนาช่วยกันประคอง
"พิ้งค์... เธอมาได้ยังไงเนี่ย น่าจะกลับไปนอนก่อนนะ" ควีนรีบเข้าไปหาเธอทันที พิ้งค์ยิ้มอย่างเศร้าๆ "ฉันอยากมาดูศพพี่บลูน่ะ ขอสักครั้งเถอะนะ ได้โปรดเถอะ"
"ให้พิ้งค์มาเถอะ ยังไงเธอก็คงอยากจะเห็นพี่บลูให้แน่ใจ" โต้งว่า ใบหน้าของทุกคนดูเศร้ามากกับการจากไปของผม แม่ของผมก็ตาแดงๆด้วยเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าแม่จะมีทีท่าว่ากำลังทำใจให้ยอมรับความจริงอยู่... มันแปลกนะ?
พิ้งค์เดินเข้ามาทางศพของผม ก่อนจะเริ่มพูด "พี่บลู... พิ้งค์ขอโทษ ที่ไม่ได้ช่วยพี่บลูอย่างเต็มที่ และทำให้พี่ต้องตาย แต่พิ้งค์ก็ยังอยากรักษาสัญญานะว่าจะรักพี่เสมอ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม แม้แต่ความตาย..."
แอ๋มหันมาแทรกทั้งน้ำตา "พิ้งค์... ไม่ใช่ความผิดเธอหรอก มันเป็นความผิดของโจรพวกนั้น และก็อาของพี่บลูที่จ้างวานไอ้พวกนั้นต่างหาก มันไม่ใช่ความผิดเธอเลย พี่บลูก็คงคิดแบบเดียวกันนั่นแหละ ว่าเธอไม่ผิดเลย" ผมยิ้มให้แอ๋มอย่างถูกใจ... ใช่! พิ้งค์ไม่ผิดเลยสักนิด
แม่ของผมเดินเข้ามายังพิ้งค์ ก่อนจะกอดเธอไว้ "มันเป็นกรรมของบลู แม่รู้มาตลอดว่าดวงของเขาจะอายุสั้น... และต้องตายเพราะคนในครอบครัว ทั้งที่รู้มาตลอดแต่ต้องเก็บเป็นความลับเอาไว้ แม่ถึงเตือนหนูไงพิ้งค์... ว่าอยากให้เผื่อใจไว้บ้าง เพราะคู่ของหนูน่ะเขามีกรรมติดตัวมา ไม่ว่าดวงเนื้อคู่หรือดวงอะไรก็แก้ไม่ได้ทั้งนั้น"
และผมก็เห็นชัดเลยว่าแม่พูดทั้งน้ำตา พิ้งค์ร้องไห้สะอึกสะอื้นซบบ่าแม่ของผมไว้... เพราะเหตุนี้ใช่ไหม? ว่าทำไมแม่ของผมถึงบอกให้ผมทำทุกวันให้ดีที่สุด... ดูแลตัวเองให้ดีและทำในสิ่งที่ชอบ เพราะผมจะต้องตายนี่เอง
ผมถอนหายใจ กรรมมันคงถูกลิขิตมาแบบนี้แล้วนี่นะ ไม่มีใครทำอะไรได้เลย ทุกคนที่ยืนอยู่ต่างโศกเศร้า ควีนหันไปกอดแอ๋มก่อนจะร้องไห้โฮ โต้งกับต้นก็หันไปกอดกันอย่างให้กำลังใจ นี่ชีวิตผมมันน่าสงสารเหมือนซีรี่ส์เกาหลีขนาดนั้นเลยเรอะ!! ถึงจะเศร้าแต่ก็ขอตลกเพื่อเป็นกำลังใจแก่ตัวเองสักนิดนึงแล้วกัน
แม่ของผมคลายกอดจากพิ้งค์ ก่อนจะยิ้มอย่างฝืนๆเพราะความเศร้า "เดี๋ยวแม่คงต้องรีบจองวัดสักหน่อยแล้วล่ะ ถ้าไม่นำศพบลูออกไปเขาคงจะไม่ได้ออกไปสู่สุขติตามความต้องการแน่ ที่นี่เจ้าที่เข้มน่าดูเลย" ประโยคนี้ทำเอาทุกคนมองแม่ของผมด้วยความอึ้ง ผมเองก็เหมือนกันแหละ นี่แม่รู้อย่างนั้นเหรอ? ว่าผมอาจจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้ถ้าไม่นำศพออกไปตั้งสวด... เอ่อ ฌาปนกิจน่ะ
"เอาล่ะ นี่ก็ดึกแล้วนะ ฉันคงต้องส่งเด็กๆก่อนล่ะ นี่ก็เข้าวันใหม่แล้วนะนภา" น้ามีนาตัดบท พิ้งค์มองมาทางศพผมเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสายตาอาลัย ก่อนจะออกไปพร้อมแม่ของเธอ คนอื่นๆตามหลังออกไปด้วยเช่นกัน
จนกระทั่งเหลือแม่ ซึ่งยิ้มให้กับร่างของผมบนเตียงเหล็กอย่างให้กำลังใจ "บลูลูกแม่ แม่มีความสุขมากนะที่มีเด็กดีอย่างลูกเข้ามาในชีวิต หน้าที่ของแม่คงหมดลงแค่นี่แล้วล่ะ วันพรุ่งนี้แม่กับพ่อ พี่บีม พี่แบ๋มและน้องเบลล์จะมารับลูกกลับบ้านไปนะ อยู่ที่นี่เป็นเด็กดีไปก่อนนะลูก แม่รู้ว่าลูกเสียใจที่ต้องจากคนที่รักทุกคนไป" ก่อนจะเดินจากไป
ผมมองไปยังแม่อย่างที่ไม่เคยซาบซึ้งขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ขอบคุณครับแม่...
+++++++++++++++++++++++++++
และพิ้งค์... ก็ต้องเสียแฟนไป T^T น่าสงสารเธอนะที่ต้องกลับมาสูญเสียอีกครั้งน่ะ
(คำเตือน... อย่าให้สร้อยข้อมือกับพิ้งค์เชียว เพราะท่านอาจตายได้ -"- เอิ้กๆๆ ดูอย่างอ้อมกับนายบลูสิ ให้เหมือนกัน ตายเหมือนกันเลย)
แต่ถ้าเทียบกับผู้รอดจากสึนามิ หรือภัยพิบัติร้ายแรงทั้งหลาย จะพบว่ามันน่าเศร้ากว่าเคสยัยพิ้งค์หลายเท่าตัวเลย...
เพราะของนางเอกเรามันเสียห่างกันแค่สองปี และไม่ใช่คนในครอบครัว แต่คนที่เสียน่ะเสียทั้งครอบครัว บางคนก็ยกบ้านอ่ะ แล้วในคราวเดียวด้วย เศร้ากว่ามั้ยคะ?
แต่นิยายยังมีอีกยาว 555+ ติดตามกันต่อไปนะคะ ^^
*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....
Offline
วันนี้ลงช้า แหะๆ =w="
สอบติดกันสองวันแล้ว (ชีวะ+เลข) เลยทำให้อยากเล่นเกม 55+
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
- Chapter 31 : Infinity Tears -
ข่าวที่กำลังเป็นที่ฮือฮาในขณะนี้ จนที่เป็นกล่าวขวัญไปทั่ว... ก็คือข่าวการฆาตกรรมทายาทพันล้านของตระกูลอัครมณีชัย และเพิ่งมีการจับกุมตัวคนร้ายได้เมื่อสองสามวันก่อนนี่เอง แน่นอนว่าคนที่ตายคือพี่บลู คนที่ฉันรักมากที่สุดรองจากพ่อแม่ และพี่แพมกับเจ้าเพียว
ส่วนกลุ่มโจรพวกนั้น ก็ยังคงปากแข็งไม่ยอมรับสารภาพอยู่ดี แม้ว่าหลักฐานจะมัดตัวอย่างแน่นหนาก็ตาม และอาของพี่บลูก็ถูกจับไปจนได้ ใครทำผิดก็ต้องชดใช้กรรมต่อไป
แต่ไม่รู้สิ... ยังไงพี่บลูก็ไม่มีวันกลับมาหาฉันอีกอยู่ดี เป็นความจริงอย่างที่สุดว่าเขาตายไปแล้ว และสาเหตุการตายคือเสียเลือดมากเกินไป ประกอบกับกระสุนทำลายอวัยวะภายในด้วย โดยหลังจากที่หมอออกมาบอกยังหน้าห้องฉุกเฉิน ฉันก็กรีดร้องก่อนจะเป็นลมทันที เมื่อตื่นขึ้นมาก็ต้องพบความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้... ความตายได้พรากเอาคนที่ฉันรักไปอีกแล้ว
และก็ทำให้ฉันต้องร้องไห้อยู่ทุกวันคืน การสูญเสียพี่บลูยิ่งทำให้ฉันแทบไม่อยากจะอยู่อีกต่อไป แต่ด้วยคำพูดที่เพื่อนๆฉันเข้ามาเตือนสติ ก็ทำให้ฉันล้มเลิกความคิดโง่ๆนั้นไปได้ทันที
"พิ้งค์... แกอย่าคิดสั้นเชียวนะ เพราะแกก็เป็นคนสำคัญของพวกเรา และพวกเราคงไม่ด่วนจากไปอย่างพี่บลูและก็เพื่อนเก่าของแกด้วย" โต้งว่าขณะที่เราอยู่ในศาลาวัด ซึ่งเป็นสถานที่ๆจัดงานศพของพี่บลูหลังจากวันนั้นสองวัน วันนี้เป็นวันสวดวันแรกด้วย
ฉันปาดน้ำตา "แต่ฉันสูญเสียนะโต้ง..." เขาส่ายหน้าทันที "บ้าละ เสียแค่สองคนเอง บางคนเสียคนอื่นไปทั้งครอบครัวอย่างคนที่ประสบเหตุสึนามินี่ไม่แย่กว่าเหรอหา? กะทันหันกว่าที่แกเคยเสียทั้งเพื่อนและแฟนอีกนะ" และก็ทำให้ฉันคิดได้โดยพลัน ว่าฉันก็ไม่ใช่คนเดียวที่สูญเสีย
ก่อนจะมีมือมาแตะยังบ่าของฉัน พี่ต้นนั่นเอง "ใช่แล้วน้องพิ้งค์ มันเป็นกรรมของคนที่พิ้งค์รู้จักนั่นแหละ พวกเขาหมดเวรกรรมที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว ก็ต้องละจากโลกนี้ไป ถึงมันจะยังเศร้าที่พวกเขาจากไปก็ตามเถอะ... พี่ยังดีที่จะเข้ามหาลัยแล้ว ถึงไอ้บลูอยู่ก็คงต้องแยกกันคนละคณะอยู่ดี คงไม่มีเวลาเจอกันบ่อยด้วยซ้ำ ได้ยินว่าเรียนสถาปัตย์มันงานเยอะด้วยนี่นา"
แต่ฉันกลับฝืนยิ้ม "นั่นสิคะ พี่บลูก็เลยไม่ต้องเจองานเยอะจนกลายเป็นหมีแพนด้าอีกแล้ว เว้นแต่ว่าชาติหน้ายังอยากเรียนด้านนี้อยู่นะ" ทำเอาพวกเราหัวเราะกันอย่างครื้นเครง มันก็ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นอยู่บ้างแหละ แต่ก็ยังอดเศร้าไม่ได้อยู่ดี
ป้านภาที่เป็นเจ้าภาพเดินต้อนรับแขกมากมาย มีตั้งแต่บรรดาไฮโซไฮซ้อ (ซึ่งคงเปลี่ยนใจไม่มางานนี้แน่ถ้ารู้ว่าพี่บลูเคยนินทาไว้ว่าอะไร) บรรดาคนดัง รวมถึงบรรดาอาจารย์ในโรงเรียน และเพื่อนร่วมห้องของพี่บลูยกห้องเลย ที่มาร่วมงานครั้งนี้
ซึ่งยังมีบรรดากน.ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นของฉันมายังงานนี้อีกด้วย เพราะพี่บลูก็เคยเป็นถึงรองประธานนี่นะ ทุกคนต่างคุยกันถึงเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างอารมณ์หดหู่ บ้างก็ว่าพี่บลูโชคไม่ดีที่ต้องตายตั้งแต่อายุยังน้อย ฉันเองก็เห็นด้วยอยู่แหละ แต่ถ้าเราคบกันนานกว่านี้...
อาจจะยิ่งเจ็บปวดกว่านี้ก็ได้ถ้าต้องจากกันน่ะ
และฉันก็ยังคงมาร่วมงานสวดศพของพี่บลูอยู่ทุกวัน แน่นอนว่ารวมถึงวันเผา ซึ่งฉันที่พยายามทำใจมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกเศร้ามากขึ้นเท่านั้น ถึงกับร้องไห้ทุกคืนเลยทีเดียว มันแปลกนะที่ตอนเลิกกับพี่บอลก็ไม่เห็นเป็นมากถึงขนาดนี้ ทั้งที่มันก็เคยเป็นรักแรกของฉันนะ เขาว่ารักแรกมันน่าฝังใจไม่ใช่หรือ?
แล้วทำไมรักครั้งที่สองนี้มันถึงเป็นสุดยอดแห่งความเศร้าได้ล่ะ...
พี่พิณกับพี่แอนก็ยังมาร่วมไหว้ศพพี่บลู แม้จะมาแค่วันเดียวก็ตาม พี่ๆทั้งสองบอกกันฉันว่า "ไม่เป็นไรหรอกพิ้งค์ มันคงเป็นกรรมของนายบลูเขา เราเองก็เถอะนะ... อย่าฝังใจจนลืมเปิดใจเสียล่ะ" ก่อนจะกลับบ้านกันไป ทิ้งให้ฉันมองมายังพี่ๆทั้งสองอย่างประหลาดใจ
แต่การเปิดใจมันทำไม่ได้ง่ายๆนี่นา เพราะพี่บลูคือคนที่ฉันรักมากที่สุด และไม่อยากจะให้ใครเข้ามาในชีวิตอีกแล้ว พอกันทีกับความรัก... พัชราภาคนนี้อยู่ตัวคนเดียวยังได้เลย
ด้วยความที่ช่วงเวลาอันสูญเสียเกิดขึ้นใกล้กับช่วงสอบปลายภาคเรียนที่สอง ซึ่งหมายความว่าพวกเราจะจบม.5 กันแล้ว จึงทำให้ฉันต้องฝืนใจอ่านหนังสือเรียน เพราะพี่บลูอาจจะไม่สบายใจก็ได้ถ้าฉันการเรียนตกเนื่องด้วยตัวเขาเป็นเหตุ ในเวลาว่างยังหยิบการ์ดหรือรูปที่เขาชอบวาดให้ฉันเป็นประจำขึ้นมาดูเล่น และป้านภาก็ยกบรรดาหนังสือเรียนที่ใช้อ่านเตรียมสอบแอดมิชชั่นของพี่บลูให้ด้วย รวมถึงของใช้อีกหลายอย่าง
(มีต่อ)
*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....
Offline
"ป้าคิดว่าบลูคงอยากให้พิ้งค์นะ เพราะเจ้าเบลล์ไม่ยอมใช้ของพี่เขาหรอก และหนังสือนี่ป้าก็เห็นเราจะเข้ามหาวิทยาลัยปีหน้าแล้วด้วย มันอาจจะมีประโยชน์มากกว่าจะเก็บไว้" ฉันไหว้ท่านอย่างซึ้งในพระคุณ "ขอบคุณค่ะ"
ตลอดหลายวันที่ผ่านมานั้น ฉันเองก็รู้สึกเหงาอยู่บ้าง เวลากลางคืนก็ไม่มีพี่บลูโทรศัพท์มาแล้ว ไปโรงเรียนก็ไม่เจอเขาอีกต่อไป แม้ว่าจะมีคู่รักคู่ใหม่นั่นคือโต้งกับแอ๋มก็ตามที
"เฮ้ย... พวกแกคบกันแล้วเหรอ?" ควีนถามอย่างสงสัย แน่นอนว่ามันกะทันหันมากที่มารู้ว่าสองคนนี้แอบชอบกันมานานแล้ว แต่ไม่แสดงออกสักที
โต้งพยักหน้า "ใช่ และเราก็รู้สักทีว่าอานุภาพความรักมีนมีความเร่งความเร็วแบบไหน มีสถานะอะไร คำตอบของแกถูกทุกประการเลยแฮะ" แน่นอนว่ามันทำให้ฉันหัวเราะทันที อะไรจะเห่อกันขนาดนี้นะ เพราะตอนที่ฉันคบกับพี่บลู ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันมีสถานะใด แต่มีมันแล้วมีแต่ความสุขมากมายมหาศาล ถึงมันจะระเหยจากไปแล้วก็ตาม
แต่ฉันก็รู้สึกเสมอว่าพี่บลูก็ไม่ได้จากไปไหนเลย... ราวกับเขายังคงอยู่ใกล้ตัวฉันเหมือนอย่างเคย และสร้อยข้อมือที่เขาให้ก็ทำให้ฉันอบอุ่นใจทุกครั้งที่พกติดตัวแต่กลับไม่ใส่มัน ด้วยเนื่องจากตำแหน่งรองประธานฝ่ายปกครองค้ำคอ จึงทำตัวผิดกฎไม่ได้แม้แต่ข้อเดียว ให้สมกับเจตนารมณ์ที่พี่บลูเคยตั้งความหวังไว้ที่ฉันอย่างเต็มที่... สิ่งที่ฉันจะทำเพื่อเขาก็มีเพียงสิ่งนี้แหละ
และเมื่อฉันถามข่าวคราวว่าโต้งรู้ความในใจจากแอ๋มได้อย่างไร เขาก็หน้าแดงก่อนจะสารภาพว่าเขารู้สึกตัวตั้งแต่พี่บลูถูกยิงแล้ว แต่ต้องฝืนไม่ตื่นขึ้นด้วยความกลัวโจร ตอนที่ตำรวจมาก็ว่าจะลืมตาสักหน่อย แต่กลับถูกยัยแอ๋มกอดก่อนจะสารภาพรักอย่างไม่ทันตั้งตัวเสียนี่
และเขาก็ลืมตาขึ้นหลังจากที่ฉันไปกับพี่บลู ก่อนจะตอบว่าเขาก็แอบชอบแอ๋มมาตลอด แน่นอนว่าเป็นอะไรที่โรแมนติกปนตื่นเต้นมากกก... แต่ด้วยเรื่องของพี่บลูเลยทำให้ความดีใจหายไปเสียหมด
และแอ๋มก็หันมาทำสีหน้ารู้สึกผิด "พิ้งค์คงไม่ว่าอะไรพวกเรานะ ที่มีความสุขในขณะที่เธอยังเศร้าแบบนี้" แต่ฉันกลับยิ้มแป้น เรื่องของพี่บลูกับเรื่องของพวกเธอมันคนละเรื่องกันนะ!! มันไม่เกี่ยวกันเลย
"จะบ้าเหรอ? ฉันควรจะดีใจกับพวกเธอต่างหาก ถึงฉันจะสูญเสียความรักไปแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอต้องห้ามมีความรักนี่นา มันไม่ใช่เรื่องของฉันนี่นาที่จะต้องแคร์ แต่ก็รักกันให้คุ้มค่าก่อนละกัน เพราะความตายมันมาได้ทุกเมื่อ" ฉันกล่าว แต่ก็ไม่ลืมเตือนสติด้วย ความตายของพี่บลูทำให้ฉันรู้สัจธรรมว่าชีวิตมันไม่มีอะไรที่แน่นอน
แต่ฉันก็ยังคงหวังว่า... ฉันจะได้พบเขาอีกสักครั้งหนึ่ง
เหมือนกับฮันยาที่ซุนโยเข้ามาลาน่ะ แบบนั้นเลย!!
เย็นวันนั้นฉันจึงรีบไปค้นชั้นหนังสือเพื่อหยิบหนังสือปาฏิหาริย์รักเคียงรั้วขึ้นมาอ่านอีกครั้งหนึ่ง อย่างน้อยคราวนี้ฉันคงจะเข้าใจหัวอกของฮันยามากกว่าเดิม เพราะฉันกับเธอก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเวลาสูญเสียคนรักแบบนี้
ก่อนจะเปิดไปยังช่วงหลังจากที่ซุนโยตายแล้ว
...ฮันยายังคงเหม่อลอยอย่างสิ้นหวัง มองออกไปนอกหน้าต่างก็ต้องพบกับรั้วบ้านซึ่งเธอกับเขาเคยมีเรื่องราวกัน แต่ในวันนี้เขากลับไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว
แม่ของเธอกล่าวว่า "ลูกก็อายุยังไม่มาก แต่งงานใหม่ก็คงยังไม่สายนะ" แต่เธอกลับปฏิเสธ เพราะในหัวใจไม่มีที่เหลือให้ใครอีกแล้ว...
ไม่เอาๆ ตอนนี้ไม่เหมาะกับอารมณ์ของฉันอย่างแรง ฉันไม่เอาแต่มัวเหม่อลอยอย่างสิ้นหวังแบบนี้หรอกนะ... ฉันคิดอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเผลอปัดหนังสือหล่นลงไปยังพื้นห้อง
ฉันหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะพบว่าฉันดันเปิดไปหน้าอื่นแทนเสียอย่างนั้น
...หญิงสาวรู้สึกได้ถึงอากาศที่สดใสกว่าวันไหนๆ และรู้สึกถึงสายลมพัดที่โชยมาพร้อมกลิ่นอายของฤดูใบไม้ผลิ ก่อนจะแวบเห็นเงาวูบของคนที่คุ้นตาคุ้นใจ
ด้วยความคุ้นเคยนั้น... มันบ่งบอกได้ว่าเขาคือซุนโย!!...
++++++++++++++++++++++++++++++
พรุ่งนี้อาจจะมาแต่งต่อ = o ="
เหอๆๆ และลงตามปกติค่ะ เพราะตุนไว้เพียบบบ
อยากบอกว่ายังไม่จบแค่นี้นะคะ!! นิยายเรื่องนี้น่ะ
*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....
Offline
อ้ากกก
เหนื่อยเนอะ เมื่อนึกได้ว่าผ่านมรสุมสอบมาได้ แหะๆ
ขี้เกียจเก็บเลเวลแล้วด้วย -"-
อีก 189 วัน + อีก 7 นั่นแหละค่อยเจอกัน T^T จะกลับเล่นให้หายอยากเล้ยยย
+++++++++++++++++++++++++++++
- Chapter 32 : Not so far away -
ตั้งแต่คืนที่วิญญาณผมออกจากร่างมา ก็ต้องทนอยู่กับทุกข์บางอย่างที่ไม่อาจสลัดพ้นเลย นั่นคือความห่วงต่อคนที่ยังมีชีวิตอยู่นั่นเอง... ห่วงทุกคน โดยเฉพาะกับพิ้งค์ที่ยังคงร้องไห้เพราะผม
ผมยังคงออกจากโรงพยาบาลไม่ได้ภายในสองวันแรก ตามที่ลุงคนนั้นพูดไว้ในห้องดับจิต เพราะร่างของผมยังไม่มีใครรับไป แต่เมื่อรับออกไปทำตามพิธีศพแล้วก็ออกมาจนได้ แน่นอนว่าผมต้องไปหาพิ้งค์ ภาพแรกที่ผมเห็นคือเธอนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน คงจะเหนื่อยเพราะร้องไห้สินะ...
เมื่อเห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บแปลบตรงหัวใจขึ้นมาทันที น้ำตาปริ่มขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ทั้งที่ตัวเองก็เป็นแค่วิญญาณ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าผีนั่นแหละ
และผมก็เฝ้าติดตามดูพิ้งค์มาตลอด น้ำตาของเธอผมเพิ่งได้เห็นสักทีว่าเสียใจแค่ไหน ตั้งแต่ทางโรงเรียนประกาศ ข่าวที่ลงหนังสือพิมพ์ ยันทุกเวลาที่เห็นทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวผม
ภาพนั้นราวกับซ้อนทับกับภาพที่ฉายในโรงภาพยนตร์... ฮันยากับซุนโย เรื่องปาฏิหาริย์รักเคียงรั้วนั่นเอง ทำไมมันตรงกับชีวิตหลังความตายของผมขนาดนี้นะ
ก่อนจะมีมือมาตบเบาๆที่ไหล่ เมื่อหันไปก็ต้องตกใจ เพราะมีร่างชายคนหนึ่งในเสื้อสีขาว โจงกระเบนสีม่วงเข้มส่งยิ้มมาให้ผม "สวัสดีนทีกร... ฉันคือยมทูตนะ คนที่ทักนายในความฝันครั้งนั้นก็เป็นฉันนั่นแหละ"
เท่านั้นแหละ... ผมจึงรู้สึกไม่มีแรงในทันที "นี่... คุณจะมารับตัวผมไปแล้วเหรอครับ?"
แต่เขากลับยิ้มอย่างอ่อนโยน พร้อมกับพูดว่า "ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก แต่ฉันจะมาเล่าเรื่องโลกหลังความตายให้นายฟัง นายจะต้องอยู่ในโลกมิติที่เชื่อมกันแบบนี้ จนกว่าจะถึงเวลาอันเหมาะสมที่จะต้องไป และสามารถลาคนที่รักได้ก่อนจะจากไปยังไงล่ะ" ผมนิ่งไป มันเหมือนกับนิยายเรื่องปาฏิหาริย์รักเคียงรั้วไม่มีผิดเลย ซุนโยก็คงเป็นแบบผมเหมือนกันสินะ...
ก่อนจะได้รับฟังอีกว่า ก่อนหน้านั้นผมก็ยังสามารถเข้าฝันคนที่รักคนอื่นได้ ถ้าสัญญาณคลื่นจิตจูนตรงกัน ก็เหมือนกับคลื่นวิทยุนี่แหละ แต่คนที่ผมอยากจะเข้าไปลาจริงๆเลยน่าจะเป็นน้องพิ้งค์ เพราะกับแม่นี่ยังไงต้องเข้าฝันได้อยู่แล้ว
ผมพยักหน้า ก่อนจะถอนหายใจ "ทำไมผมถึงต้องตายก่อนด้วยนะ? ไม่เข้าใจเลย" ยมทูตยิ้มให้ก่อนจะกล่าวอย่างใจดี ผิดคาดเลยแฮะ เพราะยมทูตในความคิดของผมต้องโหดๆ น่ากลัวเข้าไว้ "อดีตชาติของนายน่ะ ฉันรู้มาหมดแล้ว กับเด็กสาวคนนั้นก็ครองรักกันมาอย่างมีความสุขหลายชาติแล้ว แต่เมื่อชาติก่อนกลับมีเหตุเศร้าขึ้น..."
"ยังไงเหรอครับ?" ผมหันไปถาม เขาจึงเล่าต่ออย่างรู้จังหวะ "ในตอนนั้น นายคือลูกคนมีเงินในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง พบรักกับสาวน้อยคนนี้ซึ่งชาติตระกูลเสมอกัน แต่วันหนึ่งก็กลับไปพลั้งมือฆ่าคนตายด้วยโทสะคิดว่าเขาเป็นอันธพาลที่มาทำร้ายแฟนตนเอง... ก็ใกล้เคียงแหละเพราะเป็นแฟนเก่าของเธอคนนี้ แต่นิสัยอันธพาลเหลือหลาย ผลกรรมเลยส่งให้ต้องมาพัวพันกันไม่รู้จักจบสิ้น ชาตินี้เลยต้องถูกเจ้าคนนั้นสั่งให้มาฆ่าจนได้ แต่เรื่องสาวน้อยคนนั้นอย่าห่วง พวกเขาไม่มีดวงเกี่ยวเนื่องกันอีกแล้ว"
เมื่อฟังจบก็รู้สึกปลงขึ้นมาเสียอย่างนั้น... นี่แหละหนา ผลกรรมมีจริงและตามทันได้ด้วย และรู้สึกสงสารอาของผมคนที่สั่งให้มาฆ่าเสียเหลือเกิน ผมจะยอมอโหสิให้ได้ก็วันนี้แหละ แต่ขออย่าให้มีเวรกรรมกันอีกเลยในภพหน้า แค่นี้ก็เกินพอแล้ว
"รู้สึกยังไงบ้างแล้วล่ะ?" เขาถาม ทำให้ผมยิ้มกลับ "ผมขออโหสิให้กับอาของผม ที่เป็นผู้บงการแล้วครับ ผมไม่ต้องการจะสร้างเวรสร้างกรรมกับเขาอีกแล้ว"
"ดีมาก การให้อภัยกันถือเป็นเรื่องที่ดี มันเป็นเครื่องมือที่ช่วยไม่ให้เราต้องมีเวรผูกกันไปถึงชาติภพต่อไปอีกด้วย แต่คนเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีคำว่าอภัยอยู่ในจิตใจเลยน่ะสิ..." ยมทูตเริ่มบ่นในช่วงประโยคหลัง ซึ่งผมก็เห็นว่าจริง แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี
(มีต่อ)
Last edited by MiyaCatZ (2008-08-16 18:24:20)
*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....
Offline
และหลังจากนั้น เขาก็จากไป "ฉันต้องมีงานรับวิญญาณอีกน่ะ ตอนนี้คงต้องไปก่อนแล้วล่ะ ลาก่อนนะนทีกร" ก่อนจะหายตัวไปทันที
แน่นอนว่าผมมองอย่างประหลาดใจ ในโลกของวิญญาณนอกจากจะมีจริงแล้ว ก็ยังมีสิ่งมหัศจรรย์อีกมากมายที่ไม่เคยรู้มาก่อน อาทิเช่นการหายตัว หรือพลังจิตเคลื่อนย้ายสิ่งของ ซึ่งยังมีคนส่วนมากอาจคิดว่าผีไทยไม่ถนัดในด้านนี้ แต่ผมก็ทำได้แล้วกัน ใช่ว่าจะมีแต่ในหนังต่างประเทศสักหน่อย อย่าเชื่อในสิ่งที่คนสร้างหนัง(ผี)เอามาสื่อให้ดูเลยนะครับ
ส่วนสิ่งที่ไม่อยากจะแนะนำเลยนั่นคือการใช้พลังฆ่าคนด้วยแรงอาฆาต อาจเป็นเพราะผมที่ตายโดยไม่มีแรงอาฆาตเลยทำให้ใจสงบ แต่วิญญาณอีกหลายตนกลับไม่คำนึงว่าตนเองจะมีบาปติดตัวเพิ่มมากแค่ไหนถ้าต้องทำร้ายคนที่ยังมีชีวิตให้ตายจากไป ในโลกวิญญาณหรือโลกมิติเชื่อมที่มนุษย์มองไม่เห็นนี้ ผมได้เห็นวิญญาณมากหน้าหลายตาเลยทีเดียว ถ้าผมยังมีชีวิตอยู่คงผวาไม่ใช่น้อย แค่ถนนหนทางก็มีผีแล้ว แต่ก็ไม่ได้มากเหมือนคนที่มาเดินตลาดนัดสวนจตุจักรหรอก นั่นก็เกินไป
ในขณะนี้ผมนั่งอยู่ในห้องเรียน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นห้องของน้องพิ้งค์ เพราะผมเฝ้าติดตามเธออยู่ ถ้าผมกลับมามีชีวิตได้คงมีอะไรเล่าให้เธอฟังได้อีกเยอะแยะเลยสำหรับเรื่องราวในโลกมิติเชื่อมแบบนี้ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี ก็ร่างของผมเพิ่งเผาไปไม่กี่วันนี้เอง ส่วนขี้เถ้าจากการเผา แม่ของผมก็เอาไปโปรยที่แม่น้ำแล้ว ตามชื่อของผมนั่นแหละ...นทีกร ผมรักชื่อนี้ที่สุดเลย
แต่ถ้าชาติหน้าผมมีโอกาสเกิดใหม่ คงไม่ได้ใช้ชื่อนี้อีกแล้วล่ะนะ
"พิ้งค์... รู้สึกว่าแกกลับมาตั้งใจเรียนได้แล้วนะ" นายโต้งหันไปถามพิ้งค์ที่นั่งทำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์อย่างตั้งอกตั้งใจ เธอหันมายิ้มอย่างเศร้าๆ
"ฉันทำใจได้แล้วล่ะว่ายังไงคนเราก็ต้องตายสักวัน และฉันก็ยังเชื่อว่าพี่บลูต้องกลับมาลาฉันได้แน่ๆ ไม่รู้สินะ อย่าหาว่าบ้านิยายเลย แต่ฉันคิดแบบนี้จริงๆ" เขาพยักหน้า "เอาเถอะนะ ยังไงแกดีขึ้นอย่างนี้พวกเราก็ดีใจแล้วล่ะ ไม่เหมือนวันแรกๆ ร้องไห้แทบจะ 24 ชั่วโมงแล้วเนี่ย เรียนไปยังร้องไห้ เฮ้อ..." พิ้งค์ยิ้มแหยๆทันที เธอคงรู้พฤติกรรมตอนนั้นอยู่แก่ใจ เพราะผมก็เห็นนะ
แต่สิ่งที่โต้งไม่รู้ ก็คงจะเป็นเวลากลางคืนนั่นแหละ ที่เธอจะร้องไห้คิดถึงผมอยู่เสมอจนหลับไป ขนาดบางคนอกหักยังร้องไห้เป็นเดือนๆ คนที่แฟนตายก็ต้องเศร้าไม่แพ้กันนั่นแหละ
แอ๋มหันมาหาทั้งสอง "โต้ง... แต่นายก็อย่าเพิ่งวกกลับไปคุยเรื่องนั้นเลย มันสะเทือนใจพิ้งค์นะ" ควีนที่นั่งข้างพิ้งค์พยักหน้าสนับสนุน "นั่นสิ ถ้าเป็นพี่ต้นตายนี่อย่าพูดถึงเชียว ฉันคงร้องไห้ออกมาเดี๋ยวนั้นแน่ คงยิ่งกว่าพิ้งค์น่ะนะ" คำพูดนั้นทำให้ผมหวนกลับไปนึกถึงวันที่น้องพิ้งค์ถูกลูกฟุตบอลกระแทกเข้าที่ศีรษะ ต้นก็เคยพูดกับผมนะว่าถ้าควีนเป็นฝ่ายโดนคงหลุดอาการยิ่งกว่าผมแน่ๆ นั่นคือจะเข้าไปอัดเจ้าตัวการเตะกลางลานเอนกประสงค์...
สองคนนี้คู่กันได้ดีเลยจริงๆ ผมเชื่อแล้ว และก็รู้ด้วยว่ามีโอกาสสูงที่จะคบกันยาวจนถึงแต่งงาน การเป็นวิญญาณมันทำให้มีทักษะในการมองคนและบอกเหตุมากขึ้นนะ เหมือนกับแม่เลย ที่มีจิตสัมผัสแบบนี้ แต่ท่านก็ยังคงมีชีวิตอยู่ ไม่เหมือนผม
ควีนทำหน้าครุ่นคิด "อืม... พิ้งค์ นี่เธอคิดว่าพี่บลูจะกลับมาเยี่ยมจริงๆเหรอ? ถ้ามาแล้วจะเป็นยังไงล่ะนั่น วันที่พี่เขาตายก็เลือดท่วมตัวนะ กลัวแต่ว่านักเรียนจะผวาเอาน่ะสิ" ผมเริ่มกังวล บทจะพูดตรงๆเกินไปก็เกินจริงๆนะน้องควีนเอ๊ย... เดี๋ยวพิ้งค์ร้องไห้ขึ้นมาผมจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย
แต่ไม่เป็นอย่างที่ผมคิด พิ้งค์หัวเราะเบาๆ "จะบ้าเหรอ? ซุนโยตอนมาลาฮันยาไม่เห็นจะมาในสภาพเลือดโชกสักหน่อย และถึงพี่บลูจะมาในสภาพไหนฉันก็ไม่กลัวด้วย ตอนตายก็ยังดูหล่อ แถมฉีดฟอร์มาลีนรักษาสภาพด้วย คงไม่มีเน่าเฟะมาแน่ๆ เขาก็คงคิดแบบฉันแหละ"
โต้งแขวะ "เหอะ... ถ้าเราตายบ้าง จะมาในสภาพเน่าเฟะมาลาพวกแกท่าจะดี ให้เลือดสูบฉีดเล่นสักหน่อย แต่ยกเว้นแอ๋มนะ เดี๋ยวจะได้หัวใจวายตายเป็นเพื่อนเรา ฮ่าๆๆ" แอ๋ม ควีน และพิ้งค์หัวเราะกันยกใหญ่ แต่พวกเธอคงลืมไปแล้วว่ากำลังเรียนเลขอยู่ ดังนั้นอ.เกวลีจึงหันมาทางทั้งสี่คนด้วยสีหน้านิ่งตามฉบับ
"นี่พวกเธอ... มาหัวเราะอะไรกันเนี่ย ฉันก็ไม่ได้ให้โจทย์สนุกขนาดนั้นนะ" รุ่นน้องทั้งสี่ต่างยิ้มแหยๆ ในที่สุดควีนก็ยอมพูดก่อน "พวกหนูพยายามให้พัชราภาร่าเริงขึ้นค่ะอาจารย์ เห็นเศร้ามาหลายวัน" อาจารย์จึงพยักหน้าอย่างเอ็นดู
"งั้นก็ไม่เป็นไร น่าสงสารนายนทีกรนะ ครูก็เคยสอนเขามาด้วย... เข้าขากับนายกฤษณะเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย..." ผมยิ้มออกมาได้ นี่อาจารย์ก็ยังจำผมได้อีกนะ รองลงมาจากแตงกวาที่ดร็อปไปเมื่อขึ้นม.6 และอาจจะได้กลับมาเรียนร่วมห้องกับพวกน้องพิ้งค์ก็ได้ในปีการศึกษาหน้า รายนั้นอาจารย์บ่นเป็นฉาก ซึ่งไม่ขอพูดถึง
ส่วนน้องควีนและพิ้งค์กลับหุบยิ้ม พวกเธอก็เป็นคู่ที่เข้าขากันได้ คู่กับต้นและผมที่ซี้กันอีกต่างหากนะ... แต่น่าเสียดาย ที่ผมต้องด่วนจากไปแบบนี้
++++++++++++++++++++++++++++++++
แล้วจะเป็นไงต่อ...
รออีก 2-3 วันน่าจะได้คำตอบแล้วน้า >.<
วันพฤหัสเป็นการแสดงละครวิทย์ของจริงล้าน % แต่รอให้ผ่านได้แล้วจะกลับไปแก้ส่วนนั้นนะคะ!! อยากบอกว่าละครวิทย์ของ 6/5 (อีเย็นสุดซ่าส์ตามล่าท่านเจ้าคุณ) แสดงเป็นเรื่องแรกค่ะ >o< ตามไปดูกันเร็วๆนะคะ 55+
Last edited by MiyaCatZ (2008-08-16 18:59:53)
*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....
Offline
อีกไม่นานก็ถึงเวลาของการจากลาแล้ว T^T
บ๊ายบายนายบลู เจอกันใหม่ชาติหน้านะ 55+
คิดว่าหลายคนอาจจะเริ่มจับแนวทางของพล็อตได้ในช่วงนี้แล้วล่ะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++
- Chapter 33 : Mystery Box -
ฉันนั่งถอนหายใจ หลังจากกลับมาถึงบ้านแล้ว
ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าหลังจากที่พี่บลูตายไป ทุกคนก็พยายามไม่พูดถึงเรื่องนี้เพื่อถนอมน้ำใจฉัน แต่ฉันก็รู้แหละว่ายังไงมันก็ต้องพูดออกมากันจนได้...
แต่มันก็ทำให้รู้ว่าฉันเริ่มเข้มแข็งขึ้น โดยไม่ร้องไห้ออกมาทุกครั้งที่ได้ยินชื่อพี่เขาอีกแล้ว นั่นก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก ส่วนด้านที่อ่อนแอก็ยังเผยออกมาเป็นระยะๆ นั่นคือถึงเวลากลางคืนมันจะเงียบเหงาจนฉันต้องร้องไห้ออกมาทุกทีเลย
และเวลาก็ดำเนินไปเรื่อยๆ จนเข้ากลางเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งฉันและเพื่อนๆก็ได้เวลาสอบปลายภาคกันแล้ว ฉันเองก็กำลังจะจบม.5 ส่วนพี่ต้นเองก็จะจบจากโรงเรียนนี้ไปแล้ว ราชินีคนใหม่ของโรงเรียนก็เลยต้องกลายเป็นของแอ๋มไปเลย ในฐานะที่เป็นแฟนประธานนักเรียน นามว่าโต้ง-กิตตินันท์นั่นเอง
"หนอยแอ๋ม... ได้ตำแหน่งแฟนประธานต่อจากฉันแล้วนะยะ" ควีนแซวในวันหนึ่ง ทำให้แอ๋มต้องหน้าแดง "ก็แหม... เค้าไม่ได้ตั้งใจนะ" โต้งเลยหันมาปกป้องสุดที่รักของเขาอย่าเต็มที่
"ก็พี่ต้นเขาจบไปแล้วนี่นา และเราก็รักกันเนอะแอ๋ม" ก่อนจะหันมาสวีทใส่ ซึ่งมันทำให้ฉันรู้สึกขำและเอ็นดูมากกว่าจะมานั่งอิจฉา ส่วนควีนก็มองฉันอย่างเป็นห่วง "ไม่เป็นไรนะพิ้งค์... เรื่องของโต้งกับแอ๋มน่ะ?"
ฉันส่ายหน้า ก่อนจะหันมาตอบด้วยน้ำเสียงเอาจริง "นี่ควีน... เห็นฉันเป็นคนยังไงกันน่ะ ฉันจะบอกให้นะว่าไม่เคยอิจฉาพวกเขาเลย และรู้สึกดีด้วยที่สองคนนั่นไม่มีเคราะห์กรรมแบบฉันกับพี่บลู ถ้าคบกันยืดนะ... แล้วมันเป็นเรื่องของพวกเขา ไม่เกี่ยวข้องกับฉันหรอก ฉันเคยบอกแอ๋มไปครั้งหนึ่งแล้วด้วยแหละ อย่าห่วงเลย"
เธอมีสีหน้าสำนึกผิดทันที "ฉันไม่ได้จะว่าเธอหรอกนะ... แต่ก็แค่กลัวน่ะ กลัวจะสะเทือนใจมากกว่า ไม่ได้คิดร้ายนะ" ฉันยิ้มทันที "ไม่เป็นไรหรอกน่า"
สิ่งที่ทำให้ฉันยังอยู่ได้อย่างมีความสุขอยู่ได้ ก็เห็นจะเป็นความหวังสุดท้าย... ที่หลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย นั่นคือความหวังที่ว่าพี่บลูจะต้องมาลาฉันได้สักครั้งหนึ่ง
ถึงมันอาจจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายในชีวิตของฉันก็ตาม แต่ฉันก็ยังอยากจะเจอเขาอยู่ดี มันคงไม่ผิดหรอกใช่ไหมกับความหวังลมๆแล้งๆ ที่มีไอเดียมาจากนิยายรักซึ้งกินใจที่ชอบอ่านมากที่สุด
จากครั้งแรกที่ได้อ่าน พร้อมกับคิดว่าไร้สาระ ก็เริ่มหันมาชอบจนรักนิยายเรื่องนี้สุดหัวใจ หลังจากที่ตัวเองต้องประสบชะตากรรมเดียวกับนางเอกของเรื่อง... ฮันยา
จากที่สิ้นหวังกับทุกสิ่งซึ่งสูญเสียไป ก็เริ่มปลงตกได้แล้วว่าความตายเป็นเรื่องที่ธรรมดาสามัญ อันนี้ฉันฟังจากพระที่สวดในงานศพของพี่บลูนะ มันทำให้ฉันเข้าใจสัจธรรมของชีวิตขึ้นอีกมากเลยทีเดียว
และแน่นอนว่าหลังจากผ่านงานศพมา ฉันก็ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับคนที่บ้านเขาอีกเลย... จนกระทั้งวันหนึ่ง ป้านภาที่เข้ามาทำธุระที่สมาคมศิษย์เก่าเจอฉันเข้าพอดีหลังเลิกเรียน จึงเรียกให้เข้ามาหา ฉันจึงเข้าไปคุยด้วยทันที
"สวัสดีจ้ะพิ้งค์ ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง ป้าว่าเราดูผอมลงนะ" ฉันยิ้มแหยๆ ก็ตั้งแต่พี่บลูตายไป ฉันก็แทบไม่ได้กินอะไรอีกเลย "ก็ไม่ค่อยหิวหรอกค่ะช่วงนี้ แต่ก็ดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ"
ป้านภาพยักหน้า "ป้าเข้าใจ เพราะป้าก็ยังคิดถึงตาบลูเขาอยู่เลย ถึงจะรู้มานานมากแล้วก็ตามว่าต้องเจอชะตากรรมแบนี้ แต่ก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี" ฉันมองท่านอย่างประหลาดใจ ก่อนจะคิดได้ว่า เป็นหมอดูยังไงก็ต้องรู้ชะตากรรมของคนอื่นได้อยู่แล้ว
แต่ท่านกลับยิ้ม "นี่พิ้งค์... ไม่ใช่ว่าหมอดูทุกคนจะเห็นแบบป้าได้หรอกนะ มันคือพรสวรรค์และพรแสวงที่หล่อหลอมรวมกันมา และทำให้รู้ว่าบลูเขาก็ยังสบายดี เขาไม่ได้ทุกข์เรื่องความตายแน่ๆ แต่เขาเป็นห่วงหนูมากนะ อย่าเสียใจมากเลย"
คำพูดนั้นทำให้ฉันรู้สึกอึ้ง "นี่... ป้านภาสื่อสารกับวิญญาณได้เหรอคะ?"
แต่ป้านภากลับยิ้มอย่างเศร้าๆ "ถ้าถึงขั้นจักษุทิพย์นี้ก็ไม่ใช่ แต่ป้าสัมผัสได้แค่นั้นเอง ทุกสิ่งที่ป้ารู้เกิดจากการสัมผัสได้ทางจิตวิญญาณ มันจะรับรู้ได้เองตามธรรมชาติ นี่แหละคือพรสวรรค์ของป้าที่ไม่มีใครเคยรู้" ฉันเองก็ทำได้แค่ฟังอย่างประหลาดใจ มีอย่างนี้ด้วยเหรอเนี่ย?
ท่านส่ายหน้า ก่อนจะหันมาพูดตามเดิม "เฮ้อ... ดูสิ ป้าเองก็คิดถึงตาบลูจนเพ้อไปอีกแล้ว ไม่ดีเท่าไหร่เลย คิดเสียว่าป้าไม่ได้พูดกับหนูแล้วกันนะพิ้งค์ นี่ก็จะสอบปลายภาคแล้วนี่นา"
"ใช่ค่ะ... แต่ป้าเชื่อเรื่องที่ว่าวิญญาณจะกลับมาลาไหมคะ?" ฉันหันไปถามอีกครั้ง ถึงป้านภาจะไม่ได้อ่านนิยายปาฏิหาริย์รักเคียงรั้ว แต่ก็น่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับวิญญาณอยู่บ้างแหละ เมื่อท่านได้ยินดังนั้นก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนทันที
(มีต่อ)
*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....
Offline
"อ๋อ... นิยายเรื่องนั้นล่ะสิ ป้าเคยมีโอกาสพบนักเขียนคนนั้นอยู่ครั้งหนึ่งด้วย ตอนที่ไปทำธุระที่เกาหลี เห็นเธอเขียนมาจากชีวิตจริงแทบทั้งหมด ด้านความเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดนั่นแหละ ตรงนี้ยังไม่มีใครรู้นะ เพราะคิดกันว่าเป็นส่วนเนื้อเรื่องของพระเอกมากกว่า ที่แต่งขึ้นเพื่อให้เข้ากับกระแสตลาด" ฉันอึ้งทันที... คนเขียนก็เอามาจากชีวิตจริงเหรอเนี่ย? แน่นอนว่าฮันยาในชาติภพก่อนคงไม่มีเทคโนโลยีไฮเทคเหมือนตอนนี้แน่ๆ ถ้ามันเป็นความจริงนะ
ฉันยังคงยืนบื้ออยู่ตรงนั้นจนป้านภายกแขนขึ้นดูนาฬิกา ก่อนจะลาจากไป "เดี๋ยวป้าต้องกลับบ้านแล้วล่ะ อย่าเสียใจมากละกัน นายบลูเขาเป็นห่วงมากนะ" แน่นอนว่าฟังแล้วทำให้รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นอย่างประหลาด ชวนให้นึกถึงเวลาเก่าๆที่เราเคยรักกันขึ้นมาทันที
ก่อนจะนึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่มีสัมผัสที่ 6 ซึ่งสามารถมองเห็นวิญญาณได้ ถ้ามีแล้วฉันยอมเห็นผีทั่วราชอาณาจักรไทยและเทศเลยเอ้า อย่างน้อยแค่เห็นพี่บลูได้ฉันก็คงจะสบายใจแล้ว
และฉันก็เดินไปทางด้านหลังสแตนด์ใหม่ เพื่อเข้าไปยังห้องกน.ของตนเองต่อไป ซึ่งในตอนนี้เป็นห้องของฉัน โต้ง และก็แอ๋มเรียบร้อยแล้ว เมื่อเข้าไปก็ต้องพบว่าโต้งและแอ๋มกำลังค้นหาอะไรบางอย่างในตู้เก็บของข้างโต๊ะคอมพิวเตอร์อยู่
"หาอะไรกันน่ะ" ฉันหันไปถาม ทำให้ทั้งคู่สะดุ้งอย่างตกใจ
พี่ต้นที่นั่งอยู่ไม่ไกลกันและกำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบแอดมิชชั่นกับควีนหัวเราะทันที "พิ้งค์เอ๊ย... พี่กำลังให้เจ้าสองคนนี่มันค้นหาสมบัติกันน่ะ คือพี่เพิ่งเจอสิ่งนี้ในหนังสือ มันเหมือนจะบอกว่าบลูมันแอบเก็บอะไรไว้ในห้องนี้อยู่เลย" เขาส่งกระดาษแผ่นหนึ่งที่ยับราวกับเคยถูกขยำมาให้ฉัน นั่นทำให้รู้สึกชาวาบอย่างตกใจทันที กระดาษแผ่นนั้น...
"...Is it love? Why I care her so much..."
"...กลับไปคิดให้ดีก่อนนะ อย่ามาซื่อบื้อเลย เดี๋ยวมารู้ตัวสายไปก็น้ำตาตกใน แล้วก็จะมาเขียนระบายอีก แบร่ๆ ..."
มันเป็นกระดาษที่ฉันเคยเขียนกลับอย่างคึกคะนองเมื่อครั้งที่เพิ่งขึ้นม.5 นี่นา...
แสดงว่าพี่บลูต้องเคยเขียนแล้วเก็บไว้อย่างแน่นอน เพราะเขาเขียนตอบกลับด้วย
"...ขอบคุณคนเขียนนะ ผมก็รักคนเขียนนั่นแหละ อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้นะยัยพิ้งค์!! ส่วนจะรู้ยังไงบ้างก็ไม่ขอบอกจะดีกว่านะ... 12/9/51 นทีกร(Blue)"
ก่อนจะอ่านเลื่อนลงมา มันเป็นภาพการ์ตูนของฉันที่ยืนทำท่าดื้อ ส่วนพี่บลูก็ยื่นกุญแจให้ฉันที่อยู่ในรูป ก่อนจะมีบอลลูนคำพูดว่า "ความรักในกล่องสมบัติ จะอยู่คู่เธอตลอดไป... รักนะ"
ฉันปาดน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาอีกครั้ง ก่อนจะใช้สมองครุ่นคิด "เอ... กล่องสมบัติเหรอ?"
พี่ต้นกับควีนหันมาทันที "นั่นแหละที่พี่ว่านายบลูต้องเก็บอะไรไว้ในห้องนี้... เพราะมันเขียนว่ากล่องสมบัติ" ก่อนจะหันไปสั่งโต้ง "เฮ้ยโต้ง... ในนั้นมีกล่องมั้ย?" ฝ่ายคนหาสมบัติรีบหยิบขึ้นมาทันที "มันมีกล่องนึงที่มีกุญแจอะครับพี่ ไม่รู้รหัสมันคืออะไร" เขายื่นกล่องใบหนึ่งที่มีกุญแจคล้องอยู่มาให้ฉันทันที กุญแจแบบมีเลขรหัสสามตัวด้วย เป็นสีน้ำเงินซึ่งทำให้รู้ทันทีว่าเป็นของใคร
"พิ้งค์รู้มั้ย? ว่าเลขที่พี่บลูใช้แกะรหัสน่ะมันคืออะไร?" ควีนหันมาถาม ทำให้ฉันเริ่มครุ่นคิด พี่บลูเคยบอกรหัสอีเมล์และชื่อในบอร์ดสวนนนท์ออกบ่อย แต่ฉันไม่เข้าไปบ่อยนักหรอก ไม่ได้ต้องการจะตรวจเช็คอะไรมาก เพราะเราไว้ใจซึ่งกันและกันมาตลอด... จนเขาตายไปนี่แหละ
แต่รหัสนั้นไม่มีเลขอยู่เลยนะ... นั่นจึงทำให้ฉันถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะรหัสมันคือ pinkandblue ซึ่งเขาดันใช้เป็นรหัสมาตลอดตั้งแต่ยังไม่มีฉันเข้ามาในชีวิต(รัก) จนต้องมีการแซวว่าเพราะตั้งรหัสแบบนี้หรือเปล่า เขาถึงพบรักกับฉันได้น่ะ
ฉันส่ายหน้า "ไม่รู้สิควีน ไม่มีหวังเลย" และก็ไม่มีจริงๆ กับการเปิดกล่องปริศนานั่น
++++++++++++++++++++++++++
ทายสิคะว่าข้างในกล่องมันมีอะไร 55+
ตอบถูกเลี้ยงบราวนี่ 1 ชิ้นเอ้า >.< (มีร้าน Victory Bakery เป็นผู้สนับสนุนแบบไม่เป็นทางการซะงั้น ก็มีอยู่ร้านเดียวในโรงอาหารง่ะ 55+)
เฉลยคำตอบพรุ่งนี้ 5 โมงเย็นขาดตัว อยากให้คนเขียนเลี้ยงบราวนี่วันอังคารก็รีบตอบมาซะดีๆ โฮะๆๆ เจอกันกี่โมงนัดมาได้ ตอนเช้าก็ได้นะ แต่อย่าเอาช่วงจะเข้าแถวเพราะจะไปเรียนฟิสิกส์คาบ 0 - -*
(ไม่เลี้ยงอย่างอื่นเพราะบราวนี่เป็นขนมที่คนเขียนชอบ โฮกกก)
*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....
Offline
แล้วก็อดกินบราวนี่กันได้แล้วนะ 55+ (สงสัยโจทย์ยากไป เพราะไม่เคยบอกใครเลย)
กะจะกลับมาลงนิยายทุกสองวันเหมือนเดิม -*- ขอตัวไปเคลียร์งานค่ะ แหะๆ เพราะช่วงนี้อาจจะไม่ค่อยมีความก้าวหน้าในการแต่งเท่าไรนัก
ละครวิทย์วันพฤหัส ได้แสดงด้วยแหละ เย้วๆ เป็นแม่ค้าขายผัก >.< (ตัวประกอบนั่นเอง 55+)
คนที่ผมสั้นๆนะคะ อยากบอกว่าละครห้อง 6/5 แสดงจริง ตบจริง และมีฮามากๆๆด้วย
คิดถึงนายบลูเนอะ จะจากไปแล้ววว~ และเจอกันใหม่ในชาติหน้า หุหุ
++++++++++++++++++++++++++++
- Chapter 34 : Say Goodbye Forever -
ผมมองไปยังน้องพิ้งค์ที่นั่งครุ่นคิดอยู่กับเพื่อนๆ และนายต้นในเรื่องรหัสของกล่องปริศนา แน่นอนว่าไม่มีใครต่างรู้รหัสลับของผม ซึ่งทำให้รู้สึกผิดเล็กน้อย เพราะของข้างในนั่นเป็นเป็นของที่ผมตั้งใจให้พิ้งค์เก็บไว้... จนกว่าเธอจะไม่ต้องการมันอีก
เนื่องจากมันเป็นสมุดไดอารี่ที่ผมเขียนตั้งแต่ได้เป็นกน.ใหม่ๆ ด้วยที่ว่าอยากจะเขียนเรื่องราวตำแหน่ง 1 ปีนี้ไว้ แต่ไปๆมาๆทำไมเขียนถึงแต่น้องพิ้งค์ก็ไม่ทราบได้ และก็ตัดสินใจเก็บใส่กล่องคล้องกุญแจไว้ ซ่อนในตู้เก็บของห้องกน.ในเช้าวันที่ผมจะตายนั่นแหละ ด้วยความอยากเซอร์ไพรส์ กะว่าวันปัจฉิมจะพาเธอมาบอกรหัสสักหน่อย แล้วค่อยมาเปิดพร้อมกัน เฮ้อ... ไม่น่าเลย
และเก็บลายแทงเล็กๆไว้ ผมรู้ว่าพิ้งค์เขียนเพราะปากกาสีชมพูนั่น ประกอบกับที่ผมเอาไปให้นายต้นอ่าน น้องควีนที่มาด้วยก็ทักขึ้นทันที 'พี่บลู!! นี่พี่เป็นคนเขียนกระดาษใบนี้เหรอ?'
ผมมองหน้าน้องเขาอย่างงงๆ 'ครับ... แล้วไง เราเป็นคนเขียนตอบเหรอ หมึกสีชมพูเนี่ย?'
ควีนส่ายหน้า ก่อนจะหัวเราะ 'ไม่ใช่ค่ะ ยัยพิ้งค์ต่างหากที่เป็นคนเขียน คุณเธอคึกคะนองจะตาย อย่าแปลกใจเลยค่ะ คนเราดูที่หน้าอย่างเดียวมันไม่พอกิน'
แน่นอนว่านายต้นหันมาแซวผมทันที หลังจากที่รู้ว่าผมเก็บไว้ ประกอบกับรู้อีกอย่างว่าผมชอบพิ้งค์นั่นแหละ ทำเอาต้องไล่เตะกันอย่างสนุกสนาน จนมันยอมสาบานว่าจะไม่บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ แม้แต่น้องควีนที่มีทีท่าอยากจะเป็นแม่สื่อแม่ชักกับผมและเพื่อนของเธอ
กลับมายังปัจจุบันบ้าง ในขณะนี้ทุกคนต่างมีทีท่าเหนื่อยใจ พิ้งค์ไม่รู้หรอกว่ารหัสที่ผมใช้คือเลข 811 ซึ่งเป็นเลขที่ของผมกับต้นรวมกัน ส่วนต้นก็คงลืมไปแล้วอย่างถาวรว่าผมเคยเอาเลขนี้เป็นรหัสห้อง ยามที่แอบเล่นเกมสลาฟออนไลน์เวลาเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ (เพราะผมทำงานเสร็จแล้วนะ อย่าหาว่าผมอู้เชียว ม่ายยย...) เพราะไม่อย่างนั้นก็จะมีแต่แขกไม่ได้รับเชิญ เข้าๆออกๆทำลายเกมน่ะสิ
ต้นทำสีหน้าครุ่นคิด "อืม... งั้นเก็บไว้ในนี้ก่อนแล้วกัน หรือน้องพิ้งค์อยากจะเก็บไว้?" แน่นอนว่าเธอส่ายหน้าทันที "ไม่เอาหรอกค่ะ กล่องก็ใหญ่ แถมไม่มีรหัสบอกแบบนี้ด้วย ให้โต้งเก็บไว้ในตู้จะดีกว่าค่ะ" ก่อนจะส่งกล่องให้กับโต้ง เขาจึงนำมันมาเก็บรวมกันไว้ในตู้ก่อนจะปิดประตูลง ผมจึงถอนหายใจ โอกาสที่พิ้งค์จะได้หยิบบันทึกมาอ่านได้อีกครั้งคงน้อยมากๆ เพราะต้นก็ไม่มีทีท่าจะนึกถึงสมัยที่เราเคยเล่นสลาฟอย่างเมามันในห้องคอมอีกแล้ว
เพราะตอนนี้พวกต้นและคนอื่นในห้องที่ลงเรียนคอมก็เรียนจบแล้ว ได้คะแนนเป็นที่เรียบร้อย และอีกไม่กี่วันก็จะสอบปลายภาคแล้วด้วย เวลาของผมก็เริ่มจะหมดลงทุกทีๆ เนื่องจากยมทูตคนนั้นบอกกับผมว่าไม่เกินอาทิตย์หน้าก็จะถึงเวลาของผม แน่นอนว่าผมตัดสินใจจะบอกลาพิ้งค์ในช่วงที่กำลังจะจากไป... มันเป็นปณิธานสุดท้ายของผมที่จะทำได้
ควีนหันมองดูนาฬิกา ก่อนจะอุทานอย่างตกใจ "เฮ้ย! สี่โมงครึ่งแล้ว กลับได้แล้วมั้งพวกเรา" แน่นอนว่าคนที่เหลือต่างตกใจกับเวลาด้วยเช่นกัน พิ้งค์ทำได้แค่ยิ้มแหยๆ "นั่นสินะ เวลาผ่านไปเร็วชะมัดเลย เดี๋ยวเราก็จะจบม.5 กันแล้วด้วย"
พี่ต้นทำสีหน้าอาลัย "นั่นสิ ส่วนพี่ก็จบมัธยมแล้ว เข้ามหาวิทยาลัยต่อไป พอกันทีกางเกงขาสั้น และหัวเกรียนที่เป็นทรงผมแฟชั่นแรกสุดจากเจแปนนีส" ทำเอาผมต้องหลุดหัวเราะก๊ากทันที เรื่องของหัวเกรียนนี่ทำให้ผมรู้นะว่าไทยเราไม่ได้เพิ่งบ้าแฟชั่นญี่ปุ่นในช่วงหลังนี้หรอก บ้ามาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองแล้ว และบ้ามาหลายสิบปีจนถึงปัจจุบัน จนต้นตำรับไม่ได้ใช้กันแล้วไทยเราก็ยังดื้อแพ่งใช้อีก
นอกจากผมแล้ว น้องๆทั้งหลายก็หัวเราะด้วยเช่นกัน พร้อมกับได้รับความรู้ใหม่ด้วย ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน เมื่อก่อนนี้พิ้งค์จะกลับบ้านกับผมเสมอ เพราะบ้านเราอยู่ใกล้กัน แต่ตอนนี้กลายเป็นภาระของน้ามีนาที่มารับแทนแล้ว เนื่องจากเพิ่งมีคนถูกรถชนแถวบ้านผม สมควรอยู่แหละ ก็ช่วงนี้พิ้งค์ก็ดูจะเหม่อลอยผิดปกติด้วย คงเพราะเรื่องที่ผมตายจากไปนี่แหละ
ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อพิ้งค์เดินเข้าบ้านไป แต่ก็ต้องหยุดก่อนที่จะเดินตามเข้าไป เพราะยมทูตผู้นั้นกลับมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว "นทีกร... ใกล้จะถึงเวลาแล้วนะ"
(มีต่อ)
*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....
Offline
ผมหันไปอย่างสงสัย เขามักจะพูดด้วยคำพูดทำนองนี้จนผมเริ่มชินชา อาจเป็นเพราะเจอกันบ่อยก็เป็นได้ ทำให้เริ่มเข้าใจแล้วว่าเขาหมายถึงเวลาที่ผมจะต้องจากไปจริงๆแล้ว "วันไหนเหรอครับ? แล้วผมจะต้องไปที่ไหนอีก?"
ยมทูตหัวเราะ เขาบอกวันที่ซึ่งทำให้ผมต้องตกใจ เนื่องจากมันเป็นวันสอบปลายภาควันสุดท้ายของม.5 นั่นเอง!! ก่อนจะบอกอีกว่า "แล้วก็จะได้ไปยังนรกเพื่อตัดสินโทษ เราน่ะไม่มีความผิดมากหรอก ไม่สาหัสมาก เดี๋ยวไม่นานก็จะได้เกิดใหม่แล้ว" ผมครางทันที โอว... นรกเหรอ? นี่ผมจะได้ลงนรกแล้วอย่างนั้นสิ ดีใจน่าดูเลยที่จะได้เห็นของจริง หลังจากที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาชอบบ่นในสถานการณ์ที่ไม่ชอบว่า "ยังกะนรกเลยว้อยยย..."
ดังนั้นจึงเหลือเวลาอีกเพียงอาทิตย์เดียวที่ผมจะได้อยู่บนโลกมนุษย์ ผมจึงเริ่มเข้าฝันคนอื่นเพื่อบอกลา และลาแม่ในคืนสุดท้าย ก่อนจะบอกว่าผมรักแม่แค่ไหน รวมถึงดีใจมากที่ได้เกิดเป็นลูกของท่าน ผมพูดทั้งน้ำตาเลยทีเดียว
ตลอดเวลาอันสั้น ผมจึงเฝ้ามองพิ้งค์อยู่ตลอด ซึ่งน่าดีใจมากเพราะเธอเริ่มฮึดสู้เพื่อที่จะตั้งใจสอบอย่างเต็มที่ เธอรำพันกับรูปของผมที่เคยใช้ติดในห้องกน. และเอามาใส่กรอบเซรามิกสีครีมรูปหัวใจสีชมพูฟ้าว่า "พี่บลูคะ... พิ้งค์จะตั้งใจอ่านหนังสือและมุ่งมั่นในการเรียนให้พี่ภูมิใจให้ได้เลยค่ะ ให้สมกับเคยเป็นแฟนของคนที่ทั้งเก่งด้านการเรียนและกิจกรรมอย่างพี่ และเป็นรองประธานฝ่ายปกครองเหมือนกัน ม.6 ของพิ้งค์จะต้องทำให้ดีที่สุดเลยนะ..." ก่อนจะมุ่งมั่นอ่านหนังสือสอบและสรุปความรู้
ผมจึงทำได้แค่ยิ้มอย่างภูมิใจ เพราะพิ้งค์เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว หลังจากความสูญเสียที่ผมต้องถูกยิงจนเสียชีวิตแบบนี้ แน่นอนว่าใครๆต้องเสียใจ แต่ถ้านำความเสียใจเป็นพลังที่ดีก็ถือเป็นบุญอันยิ่งใหญ่เลยทีเดียว
แต่เธอคงไม่รู้หรอกว่าจะได้เจอผมตามความต้องการแล้ว... ในวันพรุ่งนี้หลังจากสอบเสร็จ อีกนานแสนนานเลยกว่าเราจะได้กลับมาพบกัน ผมคงไม่ลืมพิ้งค์ไปเสียก่อนนะ ถ้าวันนั้นมาถึงน่ะ
พิ้งค์อ่านหนังสือสักพักก็ตัดสินใจลุกขึ้นไปนอน เธอไม่ลืมสวดมนต์ไหว้พระ ก่อนจะอธิษฐานว่า "ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตา ขอให้ลูกได้พบกับคนที่ลูกรักอีกครั้งด้วยเถอะค่ะ ส้าธุ..." ผมยิ้มอย่างเอ็นดู วันพรุ่งนี้คำอธิษฐานของเธอจะเป็นความจริงได้แน่ เพราะผมจะไปหาเธอเอง!!
วันรุ่งขึ้น... ผมรู้ว่าพวกโต้งคงยังไม่มานั่งในห้องกน.จนกว่าจะสอบเสร็จ ผมจึงเปิดตู้เก็บของด้วยพลังของตัวเอง ก่อนจะทำลายกุญแจนั่นทิ้งซะ เมื่อกล่องถูกเปิดขึ้นก็พบสมุดบันทึกสีฟ้าเล่มหนึ่งอยู่ข้างใน ผมยิ้มพอใจกับผลงานของตนเอง เพราะพิ้งค์ควรจะได้สมุดบันทึกนั่นมาอ่านนะ ไม่ควรจะถูกเก็บไว้ในกล่องแบบนี้ เนื่องจากเย็นนี้เป็นวันงานปัจฉิมนิเทศ ที่ต้นจะต้องขึ้นหอประชุม และผมควรจะแอบย่องมากับพิ้งค์สองคนเพื่อมาเปิดกล่องนี้ ถ้าไม่มีเหตุการณ์ฆาตกรรมชนิดเชือดไก่ให้ลิงดูเสียก่อน...
ผมขึ้นไปยังตึกเรียน ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องสอบม.5/5 ห้องสุดท้ายซึ่งเป็นของเลขที่ท้ายๆของห้อง หลังจากคอยเฝ้ามองบรรยากาศมานาน ผมก็มองเข้าไปในห้อง ก่อนจะรีบหลบออกมาอย่างตกใจ เพราะพิ้งค์หันมาทางผม และมีทีท่าตกใจเล็กๆ ผมก็ไม่แพ้กันหรอกน่า... ปกติเธอมองไม่เห็นผมนะ แต่ไหงมองเห็นได้เนี่ย
เมื่อมองดูนาฬิกา ก็ทราบได้ว่ามันเป็นวิชาสุดท้ายที่พิ้งค์จะสอบ ดังนั้นไม่นานนักก็มีบรรดานักเรียนเดินออกมาจากห้องโน้นห้องนี้ทีละไม่มาก ก่อนจะเริ่มจับกลุ่มคุยกันเบาๆเกี่ยวกับเนื้อหา แน่นอนว่าไม่นานนักพิ้งค์ก็เดินตามออกมา และทำให้ผมมองไปยังเธออย่างห่วงหา...
ไม่ทันจะตั้งตัว ก็รู้สึกเหมือนหมดแรงไปกะทันหัน!!
ผมทรุดลงกับพื้น มีกลุ่มเด็กม.5 บางส่วนเดินผ่านผมไป จึงบังพิ้งค์ออกจากระยะสายตาไปเลย สัญญาณนี้ทำให้ผมรู้สึกได้ทันทีว่ามันใกล้ถึงเวลาของผมแล้ว
และก็ถึงเวลาที่จะต้อง "ลาก่อน" สักที...
ผมตัดสินใจลุกขึ้น ก่อนจะรีบเดินลงจากตึกไป และมุ่งไปยังสถานที่ๆผมอยากจะบอกลาเธอโดยไม่มีใครมาเห็นได้ง่ายๆด้วย
นั่นคือใต้สแตนใหม่... สถานที่ๆผมกับพิ้งค์พบกันเป็นครั้งแรกไง!!
ผมจึงรีบเดินไปทันที โดยมีพิ้งค์ที่เดินตามมาอย่างรีบร้อน ราวกับฮันยาที่ตามซุนโยไปยังรั้วบ้านที่เคยมีเรื่องกันยังไงยังงั้น
ก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าห้องกน. ตำแหน่งที่เราเคยอุทานเรื่องชื่อของอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ...
++++++++++++++++++++++++++++
คำตอบคือ... สมุดบันทึกค่า โฮ่ๆๆ ไม่มีใครตอบ ดังนั้นอดกินบราวนี่ฟรีกันไปเลย (คนเขียนไม่มีตังค์พอดี แหะๆ แล้วต้องเอาไปคืนเพื่อนอีก 20 ด้วย เนื่องจากจ่ายค่าหนังสือ+ค่าปรับที่ไม่ได้ทำงานละครวิทย์วันพุธที่ผ่านมา)
ขอบคุณข้อมูลเรื่องหัวเกรียนจากนายพัด (อ่านที่บอร์ดห้อง 3/2 ห้อง 4405 ได้เลย~)
และอยากบอกว่าวันนี้นั่งอยู่ตรงจุดลามาครึ่งวันเช้า (เพื่อเม้าท์+ปั่นงานโวแคบ) เอิ้กกกก~ นายบลูแอบฝ่าฝืนกฏห้องนะ เพราะตอนนี้มีประกาศติดแล้วว่าห้องกน.ไม่รับฝากของ (แต่ he ซ่อนของซะงั้น 555+)
อยากบ่น : ถ้าเพื่อนๆกน.ไม่อยากให้ถูกว่าเรื่องเอาคนอื่นมานั่ง ก็อย่าเปิดแอร์ดิ -*- อากาศร้อนนะเฟร้ยยย (ถ้ามีนายบลูจริงๆนะจะใช้อำนาจของการเป็นคนเขียนเข้าแล้วนะเนี่ย 55+)
*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....
Offline
ขอบคุณพี่หนิงสำหรับคำแนะนำดีๆนะครับ
ส่งเมล์ไปลองถามรายละเอียดดูก่อนแล้ว
ตั้งพี่หนิงเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ซะเลย
อ่ะเหอๆ
จะอยู่ไหนหนใดให้รู้ค่า พระคุณที่ได้รับมาอย่าลืมได้
ถิ่นกุหลาบนนท์งามล้วนชวนยวนใจ หรือพระเกี้ยวอันยิ่งใหญ่บนอกเรา
สุวิชา โนภวังโหติมั่น ความรู้นั้นจงเชิดชูอย่าขลาดเขลา
กตัญญูกตเวทิตาเอา เป็นหลักเสายึดมั่นในแนวทาง
Offline
(ถึงน้องเจีย) ไม่เป็นไรจ้า 55+
ต้องลองดูข้อมูลเยอะๆ จะได้รู้ (ไปสิงอยู่บอร์ดนักเขียนเด็กดีซะนาน เพราะไม่ชอบเข้าบอร์ดหมวดอื่น อันนี้ดีสุดแล้วในเว็บ เรื่องจริงนะ เหอๆ)
เดี๋ยววันนี้ลงนิยายก่อนดีกว่า 11 โมงไปโรงเรียน ไปทำเอ็มวี+สูจิบัตร และอยู่ยาวถึงค่ำเนื่องจากซ้อมละคร - -""
(พรุ่งนี้แสดงแล้วนี่หว่า กรี๊ดดด~ เป็นแม่ค้าขายผักจ้า 55+)
นี่อาจจะเป็นตอนสุดท้ายที่ตัวละครชุดนี้มับทบาท เหอๆๆ ต่อไปจะเป็นไขปริศนาในอดีตกันแล้ว ไปหาอนาคตกันได้ >o<
ตอนนี้คิดพล็อตมานานมาก ว่าจะให้มันลายังไง ไม่รู้จะซึ้งพอมั้ยนะ? ไม่ค่อยเสียน้ำตาให้อะไรที่มันซึ้งๆ (แต่ชอบเสียเพราะตัวเอง เฮ้อ...)
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
- Chapter 35 : Bye Bye… -
ฉันยังคงมีความคิดที่สับสนอยู่ ยิ่งรู้สึกกดดันมากขึ้นเมื่อเวลาของการสอบใกล้เข้ามาทุกทีๆ จะอ่านหนังสือก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็ต้องฮึดสู้อ่านมันเข้าไป ให้มันเข้าสมองไปเสียบ้าง
และก็นับว่าได้ผลเลยทีเดียว บ่อยครั้งที่ฉันมองภาพพี่บลู ก็เกิดความรู้สึกคิดถึง และเริ่มมีกำลังใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะพี่เขาเรียนเก่งนะ ถึงจะไม่ได้เก่งขั้นปรมาจารย์อย่างควีนกับพี่ต้นก็ตาม รายนั้นโต้งแอบเอามาล้อว่า "ถ้ามีลูกด้วยกัน ออกมาแล้วคงฉลาดเว่อร์ๆ ดูพ่อกับแม่ซะก่อน" แอ๋มหัวเราะทันที ฉันเองก็ด้วยแหละ
ผลที่โต้งได้เลยกลายเป็นคำบ่นของคนคู่นี้ไปเสียอย่างนั้น ก็พี่ต้นกับควีนน่ะเก่งฟิสิกส์กับเลขมากเลยนะ ความจริงกลุ่มของพวกเราก็โอเคกันหมดแหละ ส่วนฉันก็ยังคงรู้สึกว่าตัวเองไม่ถนัดอะไรเลย แต่เพื่อนๆกลับบอกกับฉันว่า "พิ้งค์... เธอก็ยังมีดีนะ อย่างภาษาอังกฤษไง พวกเรายังมึนกับศัพท์และการจับใจความอยู่เลย แต่เธอก็ทำได้นะ แล้วก็ยังมีวิชาเคมีอีกด้วย"
จึงทำให้ฉันพิจารณาตัวเองใหม่ สรุปว่าพวกเราก็มีดี แม้จะเป็นคนละอย่างก็ตามที (ซึ่งช่วยได้ในช่วงสอบแบบนี้) ส่วนคณิตศาสตร์ ตอนนี้ฉันก็ต้องพึ่งตัวเองไม่ก็ให้ควีนช่วยติว เพราะตลอดเทอมกว่าที่ผ่านมาพี่บลูก็คอยติวให้ฉันมาตลอด แต่ตอนนี้ไม่มีเขาแล้วเลยต้องพึ่งตัวเอง เมื่ออ่านหนังสือสอบที่จะสอบในวันพรุ่งนี้อีกไม่กี่วิชาสุดท้ายเสร็จก็ตัดสินใจไปนอน
โดยไม่ลืมสวดมนต์และอธิษฐานด้วยว่าขอให้ได้เจอพี่บลูอีกสักครั้ง... อย่างฮันยาที่ได้เจอกับซุนโย ต่อให้เขาจะต้องจากไปฉันก็ยอม เพราะยังดีกว่าวันนั้นที่ไม่มีแม้แต่คำร่ำลา แต่มีสายตาที่ส่งมาเป็นครั้งสุดท้าย... ซึ่งฉันยังคงจำติดตาไม่ลืมเลือน
ฉันนั่งทอดถอนหายใจอยู่ในห้องสอบ อันนี้เป็นวิชาสุดท้ายแล้วดังนั้นฉันต้องตั้งใจให้มาก ขณะที่ทำข้อสอบฉันชำเลืองออกไปนอกประตู ก่อนจะรู้สึกตกใจอย่างแรงเมื่อมีร่างของคนที่คุ้นตาคุ้นใจอย่างที่สุดยืนอยู่ที่หน้าประตูพร้อมกับมองมา...พี่บลู
ใจเจ้ากรรมเต้นตุบๆ ฉันรีบอ่านโจทย์ในข้อสอบทันที เหลือเพียงสิบกว่าข้อเท่านั้น... และพี่บลูก็ยืนรอฉันอยู่ด้วย ไม่ได้การล่ะ ฉันเลยต้องรีบทำโจทย์และส่งกระดาษคำตอบอย่างเร่งด่วน โดยไม่ลืมเช็คว่าเขียนชื่อและฝนเลขประจำตัวด้วยหรือเปล่า ก่อนจะออกไปจากห้อง ท่ามกลางฝูงนักเรียนม.5 ทำให้ฉันแทบจะมองไม่เห็นพี่บลูที่รีบเดินออกไป นั่นจึงทำให้ต้องรีบเดินฝ่ากลุ่มคนออกไปให้เร็วที่สุด ดูจากทิศทางแล้วเหมือนเขาจะมุ่งหน้าไปยังสแตนใหม่นะ...
นั่นทำให้ฉันนึกถึงฮันยาทันที เธอกับซุนโยพบกันครั้งแรกที่ข้างรั้ว และลากันที่นั่น
แน่นอนว่าฉันกับพี่บลูเจอหน้าทักทายกันครั้งแรกที่หลังสแตนพอดี จึงรีบมุ่งไปในบัลดล
เขาเดินเร็วมากจนฉันตามไม่ทัน แต่เมื่อเดินมาถึงหลังสแตนก็รีบเดินมายังจุดที่เราพบหันครั้งแรก หน้าห้องกน.ซึ่งตอนนั้นฉันไม่กล้าเข้าเนื่องจากไม่ใช่คนเกี่ยวข้อง
แต่พี่บลูก็หันมาบอกว่าเข้าได้ ไม่ต้องห่วง... และมันก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด
ฉันถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนเนื่องจากเดินมาเยอะ ก่อนจะรู้สึกเหมือนมีบางอย่างจุกอยู่ในลำคอทันที เมื่อพี่บลูโผล่มาจากหลังเสาที่เป็นฐานของสแตน มีใบหน้ายิ้มแย้มที่ฉันอยากเห็นอยู่บ่อยๆ ก่อนจะกล่าวว่า "พิ้งค์... พี่มาแล้วนะ"
ฉันจึงรี่เข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกอดไว้แน่นทันทีพลางสะอื้นไปด้วย "พี่บลู..." เขากอดฉันกลับไว้เช่นกัน ถ้าเป็นเวลาปกติฉันคงต้องรีบผละออกก่อนด้วยความไม่เหมาะสม แต่ว่าเขาก็เป็นวิญญาณ ร่างก็เผาไปแล้ว ทำให้พิศวงอยู่บ้างว่าทำไมฉันถึงกอดเขาได้ แม้ว่าจะไม่อุ่นเหมือนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ตาม...
ในที่สุดฉันก็ได้พบกับเขาอีกครั้งตามที่ต้องการ... ตามที่เฝ้าหวังอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
"พี่คิดถึงพิ้งค์มากนะรู้มั้ย... เห็นเราร้องไห้ทุกวันแบบนี้แล้วไม่เคยสบายใจสักวันเลย" เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนจะเอาคางมาเกยไหล่ฉัน ส่วนฉันก็ยังคงสะอื้นไห้ต่อไป
เขาจึงผละออกมาจากการกอดและเอามือปาดน้ำตาบนใบหน้าของฉันออกไป "อีกแล้วนะ... พิ้งค์ร้องไห้แล้วไม่สวยทุกทีเลย" ทำให้ฉันต้องหัวเราะออกมาจนได้ ถึงจะยังรู้สึกขมขื่นอยู่ก็ตาม "ก็พิ้งค์ดีใจนี่ที่ได้เจอพี่อีกครั้ง"
เราต่างมองหน้ากันด้วยความรู้สึกแปลกๆ พี่บลูยังคงเป็นคนเดิม ที่สวมชุดนักเรียน สังเกตได้ว่าไม่มีรอยเลือดอีกแล้ว ในโลกวิญญาณคงมีร้านซักแห้งอย่างดีสินะ... ไม่ทันที่จะคิดจบพี่บลูก็ยิ้มแบบขำๆ
(มีต่อ)
*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....
Offline
"บ้าเรอะ... โลกวิญญาณไม่มีร้านซักแห้ง ความจริงพี่ก็แสดงตัวในตอนที่ตายได้อยู่หรอกนะ แต่ไม่อยากหรอก รับตัวเองไม่ได้ จากหล่อๆแล้วมาบวมๆซีดๆเลือดโชกเนี่ยมันไม่ไหวเลยจริงๆ พี่เดาใจเราได้นะพิ้งค์" คำพูดเขาทำให้ฉันยิ้มแหยๆ นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหมว่าเจอผีตัวจริงเสียงจริง แถมยังเป็นกลางวันแสกๆอีกด้วย แล้วก็ยังห่วงหล่อด้วยอีกน่ะ เหอๆ
เขาหันมายิ้มให้ฉัน "ความจริงที่พี่มาน่ะ คือจะมาลาพิ้งค์ต่างหาก อย่างที่อ่านในปาฏิหารย์รักเคียงรั้วนั่นแหละ ที่ว่าซุนโยจะสามารถเจอฮันยาได้เพียงวันสุดท้ายที่อยู่บนโลกมนุษย์เท่านั้น เพราะจากนี้พี่คงจากไปยังที่ๆไกลแสนไกล และอาจจะได้เจอกันอีกครั้ง ซึ่งพี่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่"
ฉันก้มหน้าลงมองพื้น ถ้าพี่บลูจากไป... เราคงไม่ได้เจอกัน และฉันก็ยังคงต้องมีชีวิตต่อไปอีกนานแสนนาน ในตอนนี้ฉันไม่คิดอยากจะมีความรักอีกครั้งหรอก ไม่อยากมีจริงๆ แต่ในอนาคตฉันคงต้องแต่งงาน หวังว่าจะสามารถตัดใจจากพี่บลูได้นะ เพราะเราก็ยังเป็นเพียง...เด็กวัยรุ่นเท่านั้น คงไม่มีใครเชื่อแน่ๆว่าความรักในวัยนี้จะจีรังยั่งยืนเต็มร้อย โดยเฉพาะกับคนที่ตายจากไปแบบนี้
"แล้ว... พี่บลูจะต้องลงนรกหรือขึ้นสวรรค์คะ?" ฉันหันไปถาม แม้คำถามจะดูตลกไปสักหน่อยแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรจะต้องพูด
เพราะสิ่งที่ฉันต้องการในตอนนี้คือคำพูดที่เราจะได้คุยกันอย่างเต็มที่เป็นครั้งสุดท้าย เขาหันมายิ้มกับฉัน "พี่ว่าพิ้งค์ต้องรอถึงวันนั้นเองนะ แล้วคำตอบจะกระจ่างเองเลยแหละ" ทำให้ฉันยิ้มแหยๆออกมา แล้วกว่าฉันจะได้รู้คำตอบก็คงอีกนานอักโขเลยน่ะสิ เช่นว่าอีกห้าสิบปีข้างหน้าล่ะมั้งถึงจะได้ข้อสรุป
แต่พี่บลูกลับยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้าสีคราม "พิ้งค์รู้มั้ย? ว่าในกล่องนั่นมีอะไรอยู่ ที่ล็อกกุญแจน่ะ มันเป็นของที่พี่จะให้เรานะ ถ้าพี่ยังอยู่ก็จะออกมาไขกุญแจกันแล้วในวันนี้ รหัส 811 แล้วพี่ก็จะเปิดเอาสมุดให้พิ้งค์" ฉันหันไปซบบ่าเขาทันที ก่อนจะสอดมือลอดแขนเขาเพื่อเข้าไปกอด น่าแปลกที่ไม่มีใครเดินผ่านมาในบริเวณนี้เลย "ขอบคุณนะคะพี่บลู..."
เขากอดฉันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะจูบเบาๆที่แก้มฉัน "พี่ไม่มีเวลาอยู่แล้วล่ะพิ้งค์ ถึงเวลาแล้ว คงต้องไปแล้วล่ะ"
พี่บลูผละออกมา สายตาของเขามองมาทางฉันอย่างลึกซึ้ง และมีแววตาของความอาลัยแฝงอยู่ ส่วนฉันก็รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นอีกครั้งเสียแล้วสิ เมื่อเห็นร่างของเขาค่อยๆจางลงไป และมีแสงสว่างแวบออกมา เขาโบกมือให้แบบเดียวกับวันที่เราคบกันวันแรกเลย ฉันจึงโบกมือกลับจนกระทั่งร่างของเขาลับหายไป...ตลอดกาล
ฉันเองยังคงยืนบื้ออยู่ตรงนั้น... นึกอยากจะเปล่งเสียงเรียกเขาเป็นครั้งสุดท้ายแต่ก็กลับไม่มีเสียงขึ้นมาเสียดื้อๆ น้ำตาไหลจากขอบตาลงมาอาบแก้ม อยากจะขอยื้อเขาไว้ตรงนั้น อยากจะขอร้องให้มีเวลาให้กันอีกสักนิด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย
ก่อนจะได้ยินเสียงคนเดินมา ทำให้ฉันต้องรีบหลบเข้าไปในห้องกน.เพื่อหลบภัยเสียก่อน เมื่อเข้ามาก็ต้องตกใจเพราะสภาพห้องรกผิดปกติ ทั้งมีกล่องและของกระจัดกระจาย แต่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์กลับมีกล่องใบหนึ่งที่เคยมีกุญแจล็อกไว้เปิดอ้าอยู่ กุญแจอยู่ในสภาพพังกระจายตกอยู่ข้างพื้น ข้างในกล่องมีสมุดบันทึกสีฟ้าเล่มหนึ่งอยู่ข้างใน มีกระดาษการ์ดเขียนไว้
"...ความรักของพี่ มอบให้พิ้งค์นะครับ ^^ จากพี่บลูของเราไง..."
ฉันหยิบขึ้นมาเปิดอ่านคร่าวๆ มันเป็นเรื่องราวที่เขาเขียนถึงฉันมาตลอดหนึ่งปีที่เขาเป็นกน. และมันก็ทำให้ฉันไม่อาจกลั้นน้ำตาและเสียงสะอื้นได้เลย แม้แอ๋มกับโต้งจะเข้ามาอย่างตกใจก็ตาม
"พิ้งค์!! เธอเข้ามาได้ไงเนี่ย กุญแจห้องอยู่ที่พวกเราไม่ใช่เหรอ?" โต้งเป็นฝ่ายอุทาน
แอ๋มได้ทีอุทานต่อบ้าง "แล้วทำไมของจากตู้มันกระจัดกระจายแบบนี้ได้ล่ะ?" ฉันจึงหันมายิ้มเศร้าๆให้กับคนทั้งสอง ปากก็รำพันไปด้วย "พี่บลู... เขาเข้ามาลาฉันแล้ว ฉันรู้สึกเหมือนฮันยาเลย"
ทำให้เพื่อนๆทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างแปลกใจ ก่อนจะช่วยกันเก็บของโดยไม่ว่าอะไรกับฉันที่กำลังนั่งอ่านบันทึกของพี่บลูอีก ฉันปาดน้ำตาด้วยความเศร้า... ถ้าเพียงเขายังมีลมหายใจ เราคงจะได้เข้ามาอ่านบันทึกด้วยอารมณ์ที่หวานชื่นและมีความสุขมากกว่านี้
ฉันตัดสินใจปิดสมุดบันทึก
ก่อนจะกระชับไว้แนบอกอย่างแสนรัก... พี่บลูจากไปจริงๆแล้ว ดังนั้นฉันต้องอยู่ต่อไปให้ได้ และมีบันทึกนี้เป็นดั่งดวงใจที่จะขาดมันไปไม่ได้เลย
แล้วยิ้มออกมาเมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ ถ้าหากเรื่องนี้เป็นดั่งนิยายเหมือน (Love to Heaven...) ปาฏิหาริย์รักเคียงรั้วจริง…
มันควรจะมีชื่อว่า... "Pink&Blue ปาฏิหาริย์รักรั้วสวนนนท์"สินะ
เพราะมันคือชีวิตของฉันที่คล้ายกับฮันยาในด้านการสูญเสียนี่นา... เพียงแต่มันเกิดในรั้วโรงเรียนของฉันก็เท่านั้น
++++++++++++++++++++++++++
ตอนนี้มีคนเอานิยายไปโพสต์ที่บอร์ดสวนฯ =__=
แอบกลัวนะเนี่ย 55+ พ่อพระเอกก็รุ่นพี่เค้าซะด้วย (ไม่ใช่ละ)
ไว้จะต้องรีบขึ้นข้อความแล้วว่า "ตัวละครทุกคนล้วนไม่มีตัวตนจริง และถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยย T^T"
(ยกเว้นคนเขียนและพ้องเพื่อน แต่ปิดเทอมนี้จะรีไรท์เป็นบุคคลสมมติแล้วนะ 55+)
*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....
Offline
สนพ.พิมพ์โอทูเลิฟของเราเป็น สนพ.พิมพ์ใหม่ล่ามาแรงนะคะ บริษัทแม่คือ ซีซีนี อินเตอร์เนชั่นแนล ก่อนหน้านี้บริษัทนี้ทำ สนพ.ดอกหญ้าวิชาการมานานแล้ว มีฐานเป็นเจ้าของโรงพิมพ์และโรงอื่นๆ ครบวงจร เจ้าของบริษัทเพิ่งมาจับธุรกิจนิยายเมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองค่ะ โดยนิยายรุ่นแรกจะวางแผงเดือนกันยายน2008นี้
เว็บไซต์ของ สนพ. ยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการนะคะ เพราะกำลังสร้างกันอยู่
- http://o2loveblog.exteen.com/ เว็บไซต์ของ โอทูเลิฟ
- http://o2loveblog.exteen.com/ บล็อคสำหรับนักเขียนค่ะ
รายละเอียดสัญญาเช่านิยายเรื่องนั้นๆ นาน3ปีค่ะ รายได้10%จากยอดขาย รุ่นนึงจะพิมพ์3พันเล่ม และจะเบิกเงินล่วงหน้าให้1พันเล่มก่อนในเดือนที่วางแผงค่ะ รายละเอียดอื่นๆ ดูได้จากไฟล์ที่แนบไปให้นะคะ
ถ้าสนใจยังไงส่งลิ้งค์มาอีกทีนะคะ ถ้าแอ้ดเอ็มคุยกันก็ยิ่งดีค่ะ
////////////////////////
รายละเอียดมาแล่ว
จะอยู่ไหนหนใดให้รู้ค่า พระคุณที่ได้รับมาอย่าลืมได้
ถิ่นกุหลาบนนท์งามล้วนชวนยวนใจ หรือพระเกี้ยวอันยิ่งใหญ่บนอกเรา
สุวิชา โนภวังโหติมั่น ความรู้นั้นจงเชิดชูอย่าขลาดเขลา
กตัญญูกตเวทิตาเอา เป็นหลักเสายึดมั่นในแนวทาง
Offline
เจียมันรุ่ง ๆ
Offline
ยินดีกับน้องเจียนะจ๊ะ เหอๆ
วันนี้จะกลับมาลงนิยายทุกวันแล้ว >.< ใกล้จบแล้วไง ไม่ถึงสอนตอน ดังนั้นเลยขอลง 555+
หลังจากบันทึกก็จะเป็นการไขปริศนาอดีตชาติของพิ้งค์และบลูที่กลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
- Chapter 36 : Journal from Heaven –
(หน้าปกใน)
บันทึกเล่มนี้… ผมเขียนด้วยเจตนาแรกที่จะเป็นบันทึกช่วงม.6 และการเป็นกรรมกร เอ๊ย! กรรมการนักเรียน แต่ด้วยที่เห็นว่าเขียนแต่เรื่องของใครบางคน ผมก็ตัดสินใจว่าอยากจะมอบให้เธอผู้นั้นเองจะดีกว่า... นทีกร อัครมณีชัย (Blue) 6/5 #27
31 มกราคม 51
เป็นรองประธานแล้ว -_-" ดีใจหรือเสียใจดีนะ 55 มีอะไรต้องทำเยอะเลย ดีที่รุ่นพี่ต่างช่วยกันแนะนำมา ถึงจะโดนดุไปหลายตลบแต่ก็บ่ยัน กร๊ากกก~
29 กุมภาพันธ์ 51
ปิดเทอมแล้ว ^_^ ดีใจ
แต่ไม่น่าดีใจเพราะต้องเตรียมงานรับน้องนั่นแหละ -_-^^ ปิดเทอมนี้เลยไม่ต้องกลับบ้านใหญ่แล้วล่ะนะ บอกพ่อกับแม่ไปแล้ว ไม่มีปัญหา
1 เมษายน 51
ประชุมไปสองครั้ง ถกกับไอ้ต้นหลายรอบเรื่องงบประมาณ และค่าทำเสื้อสต๊าฟ คิดหนักโคตรรร!! แล้วไอ้ต้นมันก็มัวมองไปยังน้องสต๊าฟม.4 คนนึงชื่อน้องควีนอยู่นั่นแหละ นิสัยก็ดี ร่าเริง ไม่แปลกหรอกที่มันจะเพ้อถึงน้องเขาได้ 555
แต่เราไม่อยากมีแฟนหรอก ปวดหัว!! ผู้หญิงคือยาพิษ เดี๋ยวก็ไปคว้าเกย์ล่ำๆมาควงเลยนิ
(ปอลอ. วันนี้คือวันเอพริวฟูลเดย์ ที่บอกว่าจะไปเป็นเกย์นั้นล้อเล่น กิ้วๆ)
29 เมษายน 51
ลืมไปเลยว่าต้องซักผ้า -*- ชิบบบบบ…(หาย)
เลยไปโรงเรียนมันทั้งเน่าๆนี่แหละวะ ได้ใจดี 555
แต่มันไม่ได้ใจเพราะไปเจอเพื่อนน้องควีนที่ชื่อว่าพิ้งค์เข้าน่ะสิ น้องเค้ามองตรูเหมือนเป็นขยะ T^T นี่ล่ะนะผลจากการลืมซักผ้า โฮๆๆ เจอสาวสวยน่ารักอย่างน้องเค้ามองอย่างนั้นแล้วแอบเศร้าใจชะมัด
ปอลอ.พิ้งค์แอนด์บลู… สีประจำโรงเรียนนี่หว่า!!! (ผมชื่อบลูเน้อ)
16 พฤษภาคม 51
เปิดเทอม = w = มีงานเข้าแต่เช้า น้องพิ้งค์วิ่งมาชนผมโครมเดียวล้มเลย นุ่มนิ่มได้ใจ (ไม่ใช่แล้วว้อย) แล้วก็วุ่นกับการจัดแถว เหนื่อยเนอะ ไอ่เราก็เป็นกน.ฝ่ายปกครองซะด้วย
18 พฤษภาคม 51
อืมนะ… โลกกลมจัง แม่น้องพิ้งค์คือเพื่อนแม่ผม =__= รู้สึกแปลกดีนะ ยังกับพรหมลิขิตบันดาลมาแบบนี้!! ยิ่งกว่าต้องมารู้ว่าเป็นพระเอกในละครวิทย์ห้อง 5 อีกนะ...
22 พฤษภาคม 51
วันนี้มีงานวันวิสาขบูชา ได้ไปส่งน้องพิ้งค์ที่บ้านด้วยหลังจากเคลียร์กันนิดหน่อย ^o^ เราดีกันแล้วนะ นับแต่นี้พวกเรารู้จักกันแล้วล่ะ 555+
แต่ขากลับทำไมมันรู้สึกเหมือนผีเสื้อบินอยู่ในท้องนะ? นี่ผมชอบน้องพิ้งค์เหรอ?
16 มิถุนายน 51
ไอ้ต้นเป็นแฟนน้องควีนแล้ว 555 อยากมีแฟนมั่งจัง
แต่คนที่ผมชอบจะชอบผมป่าวเห๊อะ - - กว่าจาญาติดีกันได้ แทบตาย เอ่อ...คุณบันทึกครับ อย่างงเลยนะ ผมจะบอกว่าเธอคือพิ้งค์ต่างหาก ก็ผมเอาแต่คิดถึงเธออยู่เนี่ยสิ คนอะไรน่ารักชะมัด แต่ก็ยังคงเป็นได้แค่รุ่นพี่รุ่นน้องอยู่ดี...
ไม่อยากหวังมากแล้วคร้าบบ เดี๋ยวได้ซดแห้วอีกรอบ
18 สิงหาคม 51
เย็นวันนี้เดินท่องบทเล่น เจอสร้อยข้อมือน่ารักมากกก~ อยากให้พิ้งค์นะถ้าไม่ติดว่าเก็บมาได้ เพราะมันเหมาะกับเธอมาก ตอนนี้ในห้องวุ่นวายมากเรื่องละคร ต้องทำฉากที่เหลือจนวุ่นวายไปเลย 55+
(มีต่อ)
*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....
Offline
22 สิงหาคม 51
ไม่มีเวลาเขียนเลย T^T งานเยอะมากกก แทบจะทับหัวแบะตาย วันนี้แสดงละครของจริงแล้ว ตื่นเต้นสุดขีดแต่ก็ผ่านมาได้!! พระเจ้า!! แม้ว่าถุงเครื่องประดับจะหายไปก็เถอะ อารมณ์ตอนนั้นแบบว่ามาคุสุดๆ ดีที่ปีกผมไม่หายไปด้วย หน้ากากก็ไม่หาย แต่นักแสดงต้องมี Accessary นิดนึงไง ผมเลยต้องเอาสร้อยเส้นนั้นให้ฟ้ายืม = =" เล่นเสร็จได้คุยกับน้องพิ้งค์ด้วยนะ แต่พอผมไปคุยกับฟ้าเสร็จน้องเค้าก็ไปแล้ว...
25 สิงหาคม 51
ผมรู้สึกผิดจัง T^T ทำให้พิ้งค์ร้องไห้แถมยังโดนลูกบอลอัดเข้าที่หัว ฮือๆๆ แต่เราก็คืนดีกัน และสร้อยเส้นนั้นก็กลับคืนเจ้าของนั่นคือพิ้งค์สักที ^__^ และก็ดีใจด้วยนะเพราะผมมีเบอร์น้องพิ้งค์แล้ว 555+ จะโทรไปทุกวันเล้ย~
19 กันยายน 51
สอบเสร็จแล้ววว~ ขอโทษนะบันทึกที่ไม่ได้มาเขียน แบบว่าผมมีเรื่องงานกีฬาสี+สอบปลายภาคมาอ่ะ ตอนนี้ปิดเทอมแล้ว 55+ สอบเสร็จไปเที่ยวหลั่นล้ากันก่อนเลย หลังจากร่างแบบคัตเอาท์ส่งเพื่อนในห้องแล้ว ได้ดูหนังกับพิ้งค์ด้วยนะ เรื่อง Love to Heaven ปาฏิหาริย์รักเคียงรั้ว ซึ้งมากๆๆ
และแม่ก็เพิ่งบอกว่าวันที่ 10 ตุลาคม มีงานเลี้ยงรุ่น 1 และครอบครัว พิ้งค์ก็ได้ไปด้วย อ้ากก~
1 ตุลาคม 51
ตื่นเต้นๆๆ ทั้งที่ตัวเองก็ต้องทำคัทเอาท์ + อ่านหนังสือ + วาดรูปเตรียมสอบความถนัดสถาปัตย์อยู่นะ แต่ก็อยากให้ถึงวันที่ 10 เร็วๆอ่ะ
10 ตุลาคม 51
วันนี้รับผลสอบ เกรดโอเค 3.72 คืนนี้ไปงานมาแล้ว... ได้จูบกับพิ้งค์แล้วด้วย เราเป็นแฟนกันแล้วครับ เย้ๆๆๆ >o< ดีใจเหลือหลาย อยากบอกว่าจูบแรกเป็นอะไรที่ประทับใจมาก แต่นอกจากนั้นขอไม่เล่านะ :x เหอๆ
27 ตุลาคม 51
เปิดเทอมแล้ว ใกล้กีฬาสีแต่ก็ยังมีเรื่องอีกนะ - -" อดีตและปัจจุบันชนกันโครม แต่ต้นร้ายปลายดีครับ ^__^ ผมกล้าพูดว่ารักพิ้งค์แล้ว รักพิ้งค์ๆๆๆ
18 ธันวาคม 51
ไชโยๆ โต้งลงสมัครประธาน ได้รับเลือกด้วยแหละ พิ้งค์เลยได้เป็นรองประธานฝ่ายปกครองเหมือนผม 555+ คืนนี้เลยไปดินเนอร์กันซะงั้น และก็จูบกันเป็นครั้งที่สอง...
T^T ผมไม่ได้มีเจตนาล่วงเกินนะครับ!! แต่รักเธอจริงๆ แหะๆๆ
19 ธันวาคม 51
ฝันร้าย... ฝันว่าตัวเองถูกยิงตาย พิ้งค์ร้องไห้
9 มกราคม 52
ปีใหม่แล้ว สวัสดีครับ ^__^ ขอให้บันทึกมีความสุขมากๆนะ 55+ (มันเป็นสิ่งของนะเว้ย -*-) วันนี้สวนนนท์ปริทรรศน์ สนุกที่สุดเล้ย~ สินค้าเราขายได้ราคาดีจนน่าดีใจ แค่นี้จริงๆ
ตอนนี้ผมก็ไม่ได้เป็นกน.แล้วนะ แต่ก็ต้องมาฝึกงานน้องๆอยู่ดี กับพิ้งค์ยังโอเคเพราะเราก็คุยกันทุกวัน ฝึกง่ายหน่อย แต่บันทึกนี้ผมจะเขียนเรื่องตำแหน่งไม่ใช่เรอะ -"- ทำไมต้องมาเขียนเรื่องของพิ้งค์นะ ม่ายยยย >.< ผมคงรักเธอมากเกินไป 55+
ก็จริงแหละ รักมากกว่าพิณกะแอนในสมัยก่อนอีก ตอนนั้นมันแค่หลง แต่นี่รักครับ รักจริงหวังแต่ง กะว่าถ้าเธอจบมหาวิทยาลัยเมื่อไหร่ผมจะไปหมั้นทันทีเลยเอ้า (ไอ้เห่อ...)
แต่ป่านนั้นคงจบพร้อมกันแหละนะ - -" เรียนสถาปัตย์มัน 5 ปีครับพี่น้องงง
(ขึ้นหน้าใหม่)
พิ้งค์... พี่ขอมอบให้พิ้งค์นะเล่มนี้ ^^ เพราะขึ้นมหาลัยคงนอนเฝ้าสตูดิโอจนไม่เป็นอันเขียนบันทึกแหง 55+ วันที่เราจะอ่านเป็นวันปัจฉิม พี่อยากบอกว่าอยู่ที่นี่มา 6 ปีมีแต่อะไรที่น่าประทับใจมาก โดยเฉพาะปีสุดท้ายที่มีพิ้งค์นะ
อยากจะเขียนเพิ่มก็ตามใจเรานะ พี่ไม่ห้าม เพราะมันคือกรรมสิทธิ์ของเรา
แต่ที่แน่ๆ... พี่รักพิ้งค์ที่สุดเลยน้า~
With Love… Honey :: Natheekorn Akaramaneechai
+++++++++++++++++++++++
ตรูจะไม่เขียนให้อะไรในละครวิทย์หายไปอีกแล้วววววว T o T~~ ชาตินี้หรือชาติไหน จะไม่เขียนแล้วววว
เครื่องประดับไม่หาย แต่สูจิบัตร (ที่ต้องแจกอาจารย์) หายแทน แง่งงงง~
ชีวิตคนเขียน - -" เศร้าแท้ โดนแม่เหน็บไปหลายรอบละ ตอนนี้แทบจะเป็นโรคจิต เอาคนเขียนไปช็อตไฟฟ้าเหอะ ใช้เก้าอี้ไฟฟ้าก็ได้
เรื่องทำใหม่ไม่ซีเรียส แต่โดนเหน็บแบบนี้มันเครียดนะ
(ปล.เพราะยังไม่เอาไประบายลงกระทู้ระบายอารมณ์ เลยขอลงในนิยาย -*-)
*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....
Offline
ติดตามต่อไป
รีบๆลงน่อ
Offline
ตอนนี้ไปตามแก้ตอนที่ 9-10 อยู่ได้เยอะแล้วน้า ^^
ตอนที่ 11 กำลังดำเนินการ แต่ตอนนี้ปวดหัว เลยยังไม่แก้นะ (ทิ้งที่ร่างไว้ในหน้านิยาย ลืมเอาแฟลชไดรฟ์มา -*- เลยต้องลงสดแบบนี้)
ละครวิทย์สนุกนะ 55+ เสียดายแทนคนที่ไม่ได้ดู และแอบได้ข้อมูลวันนี้ของ 5/5 มาด้วย (จากต้นแบบอย่างไม่เป็นทางการของน้องพิ้งค์)
ส่วนนิยาย... ใกล้จบละ ^^ (ที่เขียนอยู่นะคะ ไม่ใช่ที่ลง 55+)
+++++++++++++++++++++++++++++++
- Chapter 37 : Pink's Journal -
29 มิถุนายน 53
พิ้งค์เข้าบัญชี จุฬาฯได้ด้วยแหละค่ะพี่บลู ^__^ เป็น Freshy เต็มตัวแล้วนะ สวยด้วยๆ ยัยควีนเรียนวิศวะไฟฟ้า =__=" ด้วยว่าใจรัก (เป็นรุ่นน้องพี่ต้นที่เรียนเหมือนกัน 55+) โต้งเรียนสัตวแพทย์มหิดล แอ๋มเรียนอยู่คณะอักษรฯ กับพิ้งค์และควีนค่ะ ^^ ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะทำได้!! ยัยแอ๋มเอ๊ย~ (อักษรฯจุฬา คะแนนสูงมากกก... ขอบอก)
23 มกราคม 54
พี่บลู... ครบสองปีแล้วนะ ที่พี่ตายไปน่ะ
21 พฤษภาคม 54
แอบเสียใจ T^T ตอนที่รู้จักพี่ก็อยู่ไม่ทันวันเกิด พิ้งค์ขอโทษนะ... วันนี้เจอป้านภาแหละ ท่านมาส่งเบลล์มาเรียนพิเศษ ^^ เบลล์โตขึ้นแล้วสวยด้วยนะคะ อยู่สวนนนท์ด้วยแหละตอนนี้ก็เป็นเด็กเรียนที่ไม่เก่งแพ้พี่เลย
และเบลล์ก็เป็นกน.ด้วยแหละ พี่บลูน่าจะภูมิใจนะคะ
12 กันยายน 57
พี่บลู... ทำไมพิ้งค์ยังตัดใจจากพี่ไม่ได้สักทีนะ ทั้งที่มันก็ผ่านมานานถึง 5 ปีแล้วน่ะ ใครมาจีบก็ไม่อยากสนแล้ว แต่ที่มาเขียนเล่าเพราะตอนนี้พี่แพม พี่สาวพิ้งค์ก็กำลังคบกับพี่ชายพี่อยู่เลย (พี่บีม) มีแววว่าคนที่จะเป็นสะใภ้ของบ้าน "อัครมณีชัย" คือพี่แพมนี่แหละ 555+ ข่าวดีนะเนี่ย
แต่ถ้าพี่บลูยังอยู่... เราคงลงเอยกันได้ใช่มั้ย?
พิ้งค์เรียนจบแล้วค่ะ เพิ่งรับปริญญาไปไม่กี่เดือนนี่เอง และได้งานแรกมาทำด้วย มีเงินแล้วเอาไปให้แม่แทนก็ได้ค่ะ
16 มิถุนายน 60
กรี๊ดกร๊าดดด... ยัยควีนแต่งงานแล้วนะคะ ^^ กับพี่ต้นคนเดิมนั่นแหละ ความรักของสองคนนี่ยืนยาวน่าดูเลยนะคะพิ้งค์ว่า (แม้พี่ต้นแกจะมีงานอยู่ต่างประเทศแล้วต้องเทียวไปเทียวมาก็ตาม) เหมือนเมื่อ 9 ปีก่อนครั้งที่ทั้งสองคบกันมันเหมือนเมื่อวานซืนนี่เอง รวมถึงความรักของพิ้งค์ด้วยนะ
เพราะพี่บลูแท้ๆ... ทำให้พิ้งค์ชอบใส่เสื้อสีฟ้าซะแล้ว ชุดเพื่อนเจ้าสาวเลยกลายเป็นสีฟ้าไปซะงั้น นายโต้งบ่นอีก -*- รายนั้นอยู่กินกับแอ๋มไปแล้วค่ะ หลังจากกลับมาคบอีกครั้งเมื่อสองปีก่อน (เลิกกันไปครั้งนึงตอนเข้ามหาวิทยาลัย...)
P.S. พี่แพมกับพี่บีมแต่งงานกันเมื่อปี 58 นี่เองค่ะ!! ลืมอัพเดตข่าวคราว มีหลานให้เชยชมแล้ว 1 คนนะคะ เด็กผู้ชายซะด้วย ชื่อน้องนัท
14 กุมภาพันธ์ 62
พี่บลูๆๆ พิ้งค์มีคนมาจีบอ่ะ จะทำยังไงดี เขาก็เป็นสถาปนิกฝีมือดีนะ มีส่วนคล้ายพี่เยอะมากๆ นิสัยก็ดีเหมือนพี่แหละ แต่จะเปิดใจดีไหมนะ... เค้าสารภาพรักมาแล้วด้วยอ่ะ หวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูกเลย
ตอนนี้ยัยควีนมีลูกสาวแล้วนะคะ!! ชื่อน้องชล น่ารักซะไม่มี เห็นควีนบอกโตขึ้นจะให้เรียนที่สวนนนท์ด้วย ดูเธอทำ - -""
5 กรกฎาคม 62
ผู้ชายคนนั้นชื่อแซนด์ อายุมากกว่าพิ้งค์สามปี งั้นตอนที่พิ้งค์อยู่ม.5 พี่เค้าก็อยู่ปีสองอะดิ = =" เหอๆ พิ้งค์ตกลงรับเค้ามาไว้ในชีวิตแล้วนะ... พี่บลู พิ้งค์ขอโทษที่ไม่สามารถรักษาคำสัญญาไว้เต็มร้อย แต่พี่คงเข้าใจพิ้งค์ดี
(มีต่อ... หน้าถัดไปค่ะ ^^)
Last edited by MiyaCatZ (2008-08-22 17:41:53)
*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....
Offline