Suannon Board

You are not logged in.

#126 2008-08-22 17:37:26

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

23 มกราคม 63
ถึงพี่บลู...
ตอนนี้เป็นช่วงปี 2563 แน่นอนว่าพิ้งค์สบายดี ^^ ตอนนี้เค้าอายุ 27 แล้วนะคะ!! เป็นสาวเต็มตัวเลย และคบกับพี่แซนด์ แฟนคนใหม่ของพิ้งค์... คนที่พิ้งค์เล่านั่นแหละ

แต่พิ้งค์ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯมาตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ เพราะย้ายกลับไปเชียงใหม่แล้วถึงเทียวไปเทียวมาระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ สายการบิน+บริษัทรถทัวร์+การรถไฟเลยมีรายได้จากพิ้งค์ไม่มากก็น้อย แซนด์ก็อยู่เชียงใหม่เหมือนกันเลยตัดสินใจอยู่ที่นั่น แต่เราไม่อยู่ก่อนแต่งอย่างแน่นอนนะคะพี่บลู เราย้ายมาอยู่กันจนไม่รู้ว่าควีนเริ่มมีปัญหากับทางบ้านพี่ต้น...

เพราะพี่ต้นอยู่ต่างประเทศ และญาติควีนกับพี่ต้นก็มีบางคนไม่ถูกกัน หนึ่งในนั้นคือญาติที่มีพระคุณมากกับพี่ต้น ดังนั้นควีนเลยถูกใส่ไฟและถูกกล่าวหา แต่พิ้งค์ก็ไม่รู้อยู่ดีนะคะ เพราะเธอไม่ยอมบอกกันเลยว่าเกิดอะไรขึ้น

และพิ้งค์ก็เพิ่งลงกรุงเทพฯมาสองสามวันแล้วค่ะ ^^ มาอยู่กับแอ๋มไปก่อน กะว่าจะให้ ควีนเก็บบันทึกนี้ไปตลอด เพราะมันคงไม่จำเป็นกับพิ้งค์แล้ว พิ้งค์รักพี่แซนด์ เรากำลังจะแต่งงานกันแล้วค่ะในต้นปีหน้า บอกไปแล้วยัยควีนเลยยินดีช่วยเก็บ เพราะทุกคนรู้ดีว่าพิ้งค์ไม่ยอมโยนบันทึกนี้ทิ้งไปหรอก พี่บลูอุตส่าห์เขียนด้วยใจนะ

อีกไม่กี่วันพิ้งค์ก็จะกลับไปอยู่เชียงใหม่แล้ว พรุ่งนี้กะจะไปเยี่ยมพี่แพม ที่บ้านของพี่ตอนนี้ก็แฮปปี้ดีนะคะ อย่าห่วงไปเลย แม่กับป้านภาตอนนี้ก็สามัคคีกันดี แต่อาจจะมากกว่านี้ถ้ามีพี่บลู 55+ นี่ก็ผ่านไป 11 ปีแล้ว พิ้งค์ก็โตขึ้นมาก ขอบคุณความรักของพี่ที่เป็นบทเรียนที่ดีและร้ายกับพิ้งค์นะคะ

ถ้าเราจะมีวันได้พบกันอีกครั้ง... พิ้งค์ก็อยากจะเจอพี่บลูนะคะ แต่ถ้าเลือกได้พิ้งค์อยากจะแต่งงานกับพี่บลูมากกว่า ซึ่งพี่ก็ไม่อยู่แล้ว มีเพียงแซนด์ที่มีจิตวิญญาณคล้ายกับพี่ นั่นคงทำให้พิ้งค์รักเขาได้ค่ะ และก็รักจริงๆนะ ^__^

นับตั้งแต่นี้ไป... พิ้งค์จะลืมอดีตทุกอย่าง และเริ่มต้นชีวิตใหม่ค่ะ

ลาก่อนนะคะพี่บลู เรามาพบกันใหม่ในชาติหน้านะคะ...
                                                                                                        พิ้งค์ (พัชราภา เศวตไชยชาญ)



ปล.บันทึกนี้ชื่อว่า... Pink&Blue ปาฏิหาริย์รักรั้วสวนนนท์ นะคะ ^_^
+++++++++++++++++++


22 กุมภาพันธ์ 63
พี่บลู...
ฉันเสียใจนะคะ แต่จะมาบอกว่ายัยพิ้งค์ตายแล้วค่ะ

ในวันที่ 31 มกราคม 2563 เวลา 20.53 นาฬิกาตามข่าวที่พาดหัวในเช้าวันรุ่งขึ้น เช้าวันนั้นพิ้งค์เอาสมุดมาให้ฉัน ก่อนจะรีบไปยังสถานีขนส่ง ขณะที่ขับมาถึงลำพูนรถก็เกิดเสียหลักเพราะความสะเพร่าของคนขับหรืออะไรไม่ทราบ ทำให้รถตกเหวผู้โดยสารเสียชีวิตทุกคน รวมถึงพิ้งค์... ที่กำลังจะได้เริ่มชีวิตใหม่โดยที่ตัดใจจากพี่บลูได้อยู่ น่าแปลกที่ว่าสภาพศพของเธอ... กลับดูเหมือนนอนหลับสบาย ราวกับสุขใจในอะไรบางอย่าง ทั้งที่พิ้งค์ก็รักพี่แซนด์คนนั้นนะ รายนั้นร้องไห้เสียใจอย่างแรง น่าสงสารที่ต้องสูญเสียเหมือนกับพิ้งค์

ตอนนี้ฉันก็มีปัญหากับต้น เขามีพระคุณกับญาติคนนั้นมากซึ่งฉันเข้าใจดี แต่มันทำให้ความสัมพันธ์ของเราร้าวลงไปเกินกว่าจะสมานได้ ฉันตัดสินใจหย่ากับเขาแล้ว... โดยที่ยังไม่ได้พูดว่ามีเด็กตัวน้อยอยู่ในครรภ์อีกคน แต่ช่างเถอะ เพราะเขาอาจจะคิดว่าฉันท้องกับผู้ชายคนอื่นตามคำยุยงนั่น เลยเก็บของออกมาแล้วล่ะ พร้อมกับลูกสาวที่ชื่อชล

ต้องขอบคุณแม่ของพี่ ที่เสียสละบ้านที่พี่เคยอยู่ตอนม.ปลายในเมืองทองธานีซอย 12 ให้โดยไม่คิดมูลค่า ฉันก็ยังพอมีเงินเก็บที่จะซื้อต่อได้ แต่แม่ของพี่กลับปฏิเสธ ก่อนจะบอกว่า "แค่ดูแลเจ้าตัวเล็กในท้องให้โตมาเป็นคนดีเท่านี้ป้าก็พอใจแล้วลูก..."

น่าแปลกนะคะ ที่แม่ของพี่บลูสามารถเห็นได้ว่าฉันกำลังท้อง...

และก็ขอสัญญาว่าจะดูแลเจ้าตัวเล็กที่ยังไม่รู้ว่าเป็นชายหรือหญิงให้ดีที่สุดแล้วกันค่ะ
                                                                                                        ควีน (ขนิษฐา บวรไชยกานต์)




ปล.ฉันขอเก็บสมุดบันทึกนี้พร้อมภาพพิ้งค์ พี่บลู และนิยาย "ปาฏิหาริย์รักเคียงรั้ว" ไว้ในกล่องนะคะ เพราะมันคงไม่มีประโยชน์ที่จะอ่านเรื่องของพวกเขาสองคน ที่เคยรักกันมานักหนาก่อนจะตายจากกัน... ขอให้ทั้งสองคนกลับมารักกันใหม่นะ อย่างต้องเป็นแบบฉันเลย


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#127 2008-08-22 19:07:48

dadawizard
สมาชิก
From: Thailand
Registered: 2006-12-27
Posts: 583

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

><

ทำไมเปนงี้~

แอบเส้านะเนี่ย


จะอยู่ไหนหนใดให้รู้ค่า                          พระคุณที่ได้รับมาอย่าลืมได้
ถิ่นกุหลาบนนท์งามล้วนชวนยวนใจ           หรือพระเกี้ยวอันยิ่งใหญ่บนอกเรา
สุวิชา โนภวังโหติมั่น                           ความรู้นั้นจงเชิดชูอย่าขลาดเขลา
กตัญญูกตเวทิตาเอา                           เป็นหลักเสายึดมั่นในแนวทาง

Offline

#128 2008-08-22 22:03:48

LagooNz
สมาชิก
Registered: 2006-08-08
Posts: 3,631

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

เศร้าได้อีกเนาะ

Offline

#129 2008-08-23 17:25:43

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ขณะนี้... เรากำลังจะขึ้นศักราชใหม่นะจ๊ะ 2580 หรืออีก 29 ปีหลังจากนี้

และถ้ามีเหตุที่เขียนถึงอนาคตไม่พอใจ ไม่ดูสมจริง อีก 29 ปีจะมาแก้ให้นะจ๊ะ 555+ (แบบในช่วงแรกที่ต้องตามแก้เพียบ หลังจากเปิดเทอม)

ป่านนั้นแก่แล้วมั้งเหอะ -*- กร๊ากกก

เป็นเรื่องราวของพระนางที่กลับมาอีกครั้งแล้วว >.< ติดตามกันต่อได้

++++++++++++++++++++++++++++++


- Chapter 38 : Let's Begin -


"ทำไมข้าวของมันเยอะอย่างนี้นะ" แม่บ่นพึมพำขณะที่เราสองคนกำลังวุ่นอยู่กับการจัดของ ในตู้เก็บของ แน่นอนว่าเมื่อเปิดตู้มา สิ่งที่พบเห็นเป็นอย่างแรกนั้นไม้แก่บรรดาข้าวของเครื่องใช้ที่ผมไม่เคยพบเจอ และเราก็เพิ่งจัดของกันแบบนี้ครั้งแรกในรอบ 17 ปีนั่นแหละ เพราะตั้งแต่จำความได้ เจ้าตู้นี้ก็ปิดตายไปแล้ว...


"ผมจะไปรู้มั้ยคร้าบบบ... ก็แม่ปิดตู้ตั้งแต่ผมยังจำความไม่ได้เลยมั้ง" เมื่อพูดจบก็ต้องรีบหลบมะเหงกจากแม่ทันที "แล้วไงล่ะ ก็ของในนี้ไม่ใช่ของที่แม่เอามาด้วยสักหน่อย ของๆเจ้าของเก่านู่น" แม่อธิบายทำให้ผมยิ้มแหยๆ


ตั้งแต่จำความได้... ผมก็อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้แล้ว มีเพียงแม่ และพี่สาวที่ทั้งสุดสวยสุดฉลาดนามว่าพี่ชลอยู่ร่วมชายคาบ้านเท่านั้น ส่วนใครจะถามว่าพ่อของผมอยู่ไหนกัน? ก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ เพราะแม่ไม่เคยแม้จะเล่าเลยแม้แต่ครั้งเดียว ถามแล้วท่านก็ยังไม่ตอบ ตอนกลางคืนก็ยังได้ยินเสียงร้องไห้ดังขึ้นมาเบาๆอีกด้วย ซึ่งทำให้ผมรู้สึกผิดจนไม่กล้าถามอีกเลย


และผมก็ยังอยู่ได้อย่างมีความสุข แม้จะไม่มีพ่อก็ไม่รู้สึกว่าขาดอะไรเลย อีกทั้งแม่ยังเป็นคนที่เก่งมากๆ ถึงขั้นเป็นหัวหน้าวิศวกรไปแล้ว ด้วยดิกรีที่จบมาจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศนั่นเอง ซึ่งความเก่งนี้ยังส่งผลมาถึงพี่ชลกับผม... หรือนายวาโยด้วยนั่นเอง


ในวันนี้เป็นวันหยุด แม่เลยมาจัดบ้านแก้เบื่อ ด้วยที่ไม่ค่อยมีเวลาว่างแบบนี้สักเท่าไรนัก พร้อมกับเรียกผมให้มาเป็นผู้ช่วยกิตติมศักดิ์ด้วยอีก เพราะพี่ชลออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆเสียแล้ว ผมเลยต้องมาจับเจ่าอยู่บ้านแบบนี้นั่นแหละ


ผมจัดการช่วยยกของหนักๆ ที่ผู้หญิงร่างบางวัยกลางคนอย่างแม่ยกไม่ไหวอาทิเช่นจักรเย็บผ้า โต๊ะเขียนแบบ และกล่องใบใหญ่ที่มีข้าวของบรรจุอยู่เต็มไปหมด แต่ในใจผมแอบลิงโลดเมื่อเห็นโต๊ะเขียนแบบ เนื่องจากผมมีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นสถาปนิกอยู่พอดี


แม่จึงจัดการเช็ดฝุ่นออกจากสิ่งของเหล่านี้ ก่อนจะพูดกับผม "นี่โย จักรเย็บผ้านี่ก็ยังสภาพดีอยู่นะลูก ผลิตตอนสมัยแม่ยังเด็กๆอยู่เลย ปี 42 เองมั้ง" แน่นอนว่ามันทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่ามันช่างเก่ามากๆ ถึงที่สุดเลย... เพราะมันผ่านมาถึงสามสิบกว่าปีแล้วนี่สิ


"ส่วนโต๊ะเขียนแบบ... เดี๋ยวลูกเอาไปแล้วกันนะ เพิ่งลงเรียนเขียนแบบไว้นี่ น่าจะจำเป็นเหมือนกันนะ ดีเสียอีกที่ไม่ต้องซื้อใหม่" แม่หันมาทางผม เรื่องประหยัดนี่ต้องยกให้ท่านเลย แม้ว่าจะพอรู้ว่าเงินเดือนที่แม่ได้มาต่อเดือนมันจะปาไปถึงหกหลักต้นๆแล้วก็ตาม แต่การประหยัดก็ไม่เสียหายนี่นะถ้าไม่ถึงขั้นตืดน่ะ


ผมจึงหันไปเก็บของในตู้ที่เหลือออกมา ก่อนจะสะดุดตากับกล่องคุกกี้รูปดอกกุหลาบที่ดูไม่เก่ามากเท่าไรนัก ไม่เหมือนกับของในนี้ที่สุมๆกันไว้ จึงหยิบมันออกมาวางพร้อมกับกล่องอื่นๆ


ไม่นานก็ได้ยินเสียงแม่อุทาน "ตายจริง... กล่องนี่?"


"ทำไมเหรอฮะ?" ผมหันไปถาม ก็แค่กล่องคุกกี้ ทำให้ผมเดินไปทางแม่ที่เช็ดกล่องนั้นด้วยอารมณ์ที่ผมบรรยายออกมาไม่ถูกเลยว่าท่านคิดอย่างไร


แม่ยิ้มเศร้าๆ "กล่องนี่มันเป็น... กล่องความทรงจำของแม่น่ะ ความทรงจำที่หายไป ลูกน่าจะรู้ใช่ไหมว่าเพื่อนสนิทของแม่คือใคร?" ผมพยักหน้า "ก็ต้องรู้สิครับ ลุงโต้งกับน้าแอ๋มไง" ทั้งสองคนนี้เป็นเพื่อนของแม่สมัยมัธยมปลาย ที่แต่งงานหลังจากแม่ ปัจจุบันมีลูกสองคน กำลังจะขึ้นม.4 และม.2 และเป็นรุ่นน้องของผมที่สวนนนท์เลยนะเนี่ย ขณะที่ผมกำลังจะขึ้นม.5 แล้ว


แม่พยักหน้า "ใช่ แต่แม่ก็ยังมีเพื่อนอีกหนึ่งคน เธอคนนี้น่าสงสารนะ ต้องสูญเสียเพื่อนที่ดีที่สุดไปตอนขึ้นม.3 มาเสียคนที่รักมากที่สุดไปตอนม.5 และจบชีวิตลงก่อนลูกจะเกิดไม่นาน หลังจากที่ทำใจกับการสูญเสียของคนที่รักไปได้แล้วน่ะ" ประโยคนั้นทำให้ผมรู้สึกชาวูบ เหมือนกับถูกสะกิดเข้าที่หัวใจยังไงยังงั้น ทั้งที่เพื่อนแม่คนนั้นก็แค่น่าสงสารเท่านั้นเอง ที่ต้องเสียเพื่อนเสียแฟน และตายไปน่ะ?


(มีต่อ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#130 2008-08-23 17:29:08

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

แม่เปิดกล่องออก มีสมุดบันทึกเล่มสีฟ้าหนึ่งเล่ม อยู่บนหนังสือนิยายปกการ์ตูนน่ารักที่ดูเก่า แม่หยิบสมุดบันทึกขึ้นมา ก่อนจะเริ่มเล่า "นี่เป็นเรื่องของเพื่อนแม่คนนี้แหละ... และก็เรื่องราวของแม่ส่วนหนึ่งด้วย" ประโยคหลังท่านนิ่งอึ้งไป ก่อนจะเริ่มพูดอีกครั้งราวกับตัดสินใจบางอย่างได้


"บางที... ลูกน่าจะรับรู้เรื่องของพ่อได้บ้างแล้วนะโย ลูกก็ขึ้นม.5 แล้วปลายปีนี้จะมีเลือกตั้งกน.ไม่ใช่เหรอ?" ผมพยักหน้า ก็ใช่แหละที่ม.5 จะมีการเลือกตั้งกน.ในเทอมสอง และผมก็มีความต้องการอยู่ลึกๆในใจว่าอยากจะลองลงสมัครดูบ้าง


ว่าแต่มันเกี่ยวอะไรกับพ่อของผมนะ? ผมก้มลงมองดูปกสมุดนิยายภายในกล่อง ...Love To Heaven ปาฏิหาริย์รักเคียงรั้ว...


"พ่อของลูก... เคยเป็นประธานนักเรียนในปีการศึกษา 2551 ในขณะที่แม่เป็นรุ่นน้องหนึ่งปี และเราก็เริ่มต้นกัน ณ จุดนั้นแหละ" แม่ผมพูดออกมา... น้ำเสียงดูสั่นเครืออย่างประหลาด? เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องพบกับหยาดน้ำตาที่อาบแก้มแม่ ท่านยิ้มอย่างเศร้าๆ ราวกับเคยมีความทรงจำอันปวดร้าวมาก่อน ทำให้ผมต้องเข้าไปกอดท่านอย่างปลอบใจ เวลาเห็นแม่เสียใจแบบนี้ทำให้ผมใจเสียไม่ใช่น้อยเลย


แม่กอดผมกลับ "ลูกรู้มั้ย? ว่าแม่เคยชอบพ่อมาตั้งแต่แม่ยังไม่ขึ้นม.ปลาย ตอนนั้นแม่หกล้มแล้วพ่อก็เข้ามาช่วย หลังจากนั้นเลยตามสืบว่ารุ่นพี่คนนั้นคือใคร จนกระทั่งพ่อเขาลงสมัครประธานนักเรียน ก็ช่วยเลือกจนได้ตำแหน่งกน. และแม่เลยรีบลงสต๊าฟรับน้องม.1 ด้วย เพื่อที่จะได้รู้จักกันจริงๆสักที และก็ได้ผลด้วย เพราะพ่อเขาก็ชอบแม่มาตลอดเหมือนกัน..."


ผมยิ้ม น่ารักน่าดูเลยนะ... เรื่องราวของพ่อและแม่น่ะ


แต่แม่ก็เล่าต่อไป "หลังจากแม่ขึ้นม.5 และพ่อขึ้นม.6 ก็คบกันเป็นแฟน จากนั้นก่อนที่พ่อจะได้สอบเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อนของพ่อที่เป็นเจ้าของบันทึกก็ตายไปเสียก่อน เพื่อนสนิทแม่ที่เป็นคนรักเขาเลยเสียใจมาก แต่ก็ฮึดสู้จนพวกเราเข้ามหาวิทยาลัยดีๆกันทุกคน แม่เข้าวิศวะไฟฟ้าตามพ่อเขาด้วยแหละ จากนั้นเราก็รักกันยาวเรื่อยมา จนถึงงานแต่งงานในวันที่คบกันครบ 9 ปี นับตั้งแต่ตอนม.5" ผมพยักหน้าอย่างตั้งใจ ทั้งที่ยังกอดแม่แน่นแบบนี้แหละ สังเกตได้ว่าแม่ยิ้มอย่างมีความสุขเชียวนะ...ขณะที่เล่าอยู่น่ะ


ก่อนจะรู้สึกเศร้าแทนเมื่อผ่านมาหลังจากนั้น... "หลังจากแต่งงาน ญาติที่มีพระคุณกับพ่อก็มาผิดใจกับฝ่ายของแม่ ด้วยที่ไม่พอใจจึงใส่ร้ายต่างๆนาๆ พ่อของเราก็ทำอะไรไม่ได้เพราะต้องทำงานเทียวไปเทียวมาระหว่างไทยกับอเมริกา จนถึงจุดแตกหักหลังจากเพื่อนของแม่ที่ชื่อว่าพิ้งค์ตายไป แม่จึงตัดสินใจหย่ากับพ่อ เขายอมบินมาไทยเพื่อเซ็นใบหย่าเลยนะ ก่อนจะแยกกันไปตลอด แม่ต้องหาบ้านอยู่เองเพราะย้ายของมาแล้ว ยังดีที่มีผู้ใจบุญยกบ้านให้กับแม่ เขาเป็นแม่ของเพื่อนพ่อที่ตายไปนั่นแหละ เป็นเศรษฐีนีที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพยากรณ์เลยทีเดียว"


"เหรอครับ..." ผมถอนหายใจหลังจากฟังจบ รู้สึกสับสนไปหมดในสิ่งที่แม่เล่าให้ฟังครั้งนี้ ทั้งเรื่องของพ่อผู้ให้กำเนิด เรื่องของเพื่อนแม่ เรื่องของบ้านหลังนี้ และปริศนาในบันทึกนั้นอีกเล่า ทำให้รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที ก่อนจะกุมขมับอย่างหมดแรง


เพราะจากที่ผมไม่รู้อะไร ก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างที่อยากรู้ก็ดันประทังเข้ามาทีเดียวเสียอย่างนั้น ทำให้สมองล้าเกินกว่าจะรับไหว แม่รีบเข้ามาจับใบหน้าผมเพื่อดูอาการทันที "โย! เป็นอะไรมั้ยลูก?" ผมส่ายหน้าเบาๆ


"ไม่เป็นไรครับ คงมีเรื่องเข้ามาเยอะหน่อย ปวดหัวเลย" ทำเอาแม่หันมาเพ่งผมทันที "เนี่ยนะไม่เป็นอะไร ไปนอนก่อนสิลูก กว่าแม่จะเช็ดฝุ่นออกหมดคงอีกนานแหละ เอานี่ไปด้วยแล้วกัน แม่ให้ลูกไว้เลย" ผมรับกล่องคุกกี้ลายกุหลาบที่มีบันทึกสีฟ้านั่นไว้อย่างงงๆ แต่ก็รับแต่โดยดีก่อนจะขึ้นห้องไปนอน ขณะที่ขึ้นบันไดก็รู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงจะมลายหายไปหมด


เวลาที่ผมมีเรื่องเครียดมากๆ หรือเรื่องที่ไม่คาดฝันว่าจะเจอเข้ามาประดังแบบนี้จะทำให้ปวดหัวมาก อีกทั้งยังหมดแรงแบบนี้ด้วย ซึ่งไม่ทราบได้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่มักจะแก้ได้ด้วยการนอนเสมอ


ดังนั้นเมื่อขึ้นมายังห้องนอนแล้ว ผมจึงวางกล่องนั้นไว้บนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะล้มนอนลงบนเตียงทันที และหลับตาลงเสีย
แต่คราวนี้มันกลับผิดปกติ... เพราะปกติผมจะต้องนอนพลิกตัว กลิ้งไปมาอยู่หลายครั้งถึงจะหลับลงได้ แต่พอผมหลับตาลง สติก็พลันหลุดลอยไปทันที


โดยมีเสียงเพลงมาร์ชที่จะเปิดเวลาเช้าแถว พร้อมกับเสียงเรียกบางอย่างที่ผมไม่คุ้นเคยเอาเสียเลยดังขึ้นมาแว่วๆในโสตประสาท
"พี่บลู... กลับมาแล้วใช่ไหมคะ?"


ผมรู้สึกนึกสงสัย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจมดิ่งลงไปในห้วงนิทราที่ลึกดั่งมหาสมุทร


+++++++++++++++++++++++++++++

เรื่องของความเศร้าหมดวาระไว้แค่นี้ 555+

เรากำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง..ครั้ง..ครั้ง (เอคโค่)

และแน่นอนว่าจะแฮปปี้นะจ๊ะ อย่าเลิกอ่านเพราะตอน 37 ซะก่อนล่ะ ^__^ วันนี้มาลงช้าเพราะตอนบ่ายไปนอนมา เจ็บคอด้วย -*- ดีว่าตุนยาอมไว้เพียบเลย ไม่งั้นก็ไม่ไหวแน่ ยาน้ำไม่เคยช่วยอะไรเลย


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#131 2008-08-23 19:28:38

LagooNz
สมาชิก
Registered: 2006-08-08
Posts: 3,631

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ติดตามๆ

Offline

#132 2008-08-23 20:59:00

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

พิเศษ!!

เขียนใกล้จบแล้ว ดังนั้นต้องรีบลง >.<

คนเขียนเลยเพิ่มให้อีก 1 ตอนในคืนนี้ 555+ เพราะจะเลื่อนเป็น 2 ตอนต่อวันเนื่องจากใกล้สอบไฟน่อลแล้ว -*-

(ยังเคลียร์งานไม่เสร็จเลย ฮือออ~ เลยต้องรีบลง จุใจกันแล้วนะคะ 55+)

+++++++++++++++++++++++++++++++++++


- Chapter 39 : Welcome to Suannon -


"น้องๆครับ! มารวมกันตรงนี้นะครับ" เสียงจากโทรโข่งดังขึ้นมาเพื่อให้เสียงจ้อกแจ้กจอแจของเด็กม.4 หมาดๆที่เพิ่งสอบเข้ามาได้จำนวน 38 ชีวิตที่ยืนอยู่บนลานกว้างซาลงได้บ้าง ก่อนจะทำตามหน้าที่ของตนนั่นคือการปฏิบัติตามคำสั่งรุ่นพี่นั่นเอง


"มากันเร็วข้าวปั้น" มีมือหนึ่งฉุดฉันให้รีบออกไปทางพี่ๆสต๊าฟทั้งหลาย เธอคือเฟย์เพื่อนรักของฉันนั่นเอง ใบหน้าไร้เดียงสากับผมแกละยาวทำให้เธอดูสดใสขึ้นมาก จากที่เคยผูกเปียธรรมดา เพราะเธอบอกว่าจะต้องขอปฏิวัติตัวเองใหม่เพื่อการใช้ชีวิตในโรงเรียนใหม่อย่างสมบูรณ์แบบนั่นเอง ส่วนฉันเหรอ? ก็รวบหางม้าสูงเหมือนเดิมแหละดีแล้ว เพราะผมที่ยาวถึงเอวของฉันมันไม่เอื้ออำนวยต่อการทำทรงใหม่ๆที่หวือหวาสักเท่าไรนัก


ฉันนั่งลง มีเฟย์นั่งข้างหลังฉันอีกที ทำให้เพื่อนใหม่อีกหลายคนเริ่มเดินเข้ามานั่งตามพวกเราบ้างแล้ว ด้วยที่เห็นว่ามีแบบอย่างล่ะมั้ง?
หลังจากทุกคนนั่งลงกันครบแล้ว พี่สต๊าฟหนุ่มคนหนึ่งก็พูดผ่านโทรโข่ง "สวัสดีครับน้องๆ ยินดีต้องรับสู่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรีนะครับ กับการก่อตั้งที่ยาวนานถึง 59 ปีตั้งแต่รุ่นแรกจวบจนรุ่นปัจจุบัน อย่างพวกเราทั้งหลาย ก็ขอให้ทำตัวดีๆ เป็นศรีแก่โรงเรียนกันนะครับ"


ฉันยังคงจ้องพี่สต๊าฟคนนั้นอย่างตั้งใจ เขาคงเป็นประธานของงานนี้อย่างแน่นอน และฉันก็เดาไม่ผิด!! เมื่อพี่คนนี้ประกาศต่อว่า "พี่ชื่อพี่แพทนะครับ จะขึ้นม.6 แล้ว เป็นประธานนักเรียนครับน้องๆ อย่าถือสาเรื่องชื่อที่มันดูเหมือนผู้หญิงเลยนะครับ แม่ตั้งให้ก็งี้" เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างครื้นเครง พี่แพทจึงหันมาแนะนำต่อ


"ในวันนี้... เราจะมีฐานหลายฐานมาก เริ่มจากฐานแนะนำตัว เพราะการทำกิจกรรมคงไม่สนุกนะครับน้องถ้าไม่มีการทำความรู้จัก ส่วนฐานที่สองเป็นของกรรมการนักเรียน จะแนะนำกฎของโรงเรียน และสิ่งที่ควรปฏิบัติในโรงเรียนนะครับ ฐานที่สาม เป็นฐานวัฒนธรรม ที่จะสอนเกี่ยวกับเรื่องราวในโรงเรียนกับน้องๆ และหัดร้องเพลงประจำสถาบันของเรา อันนี้มีพี่ๆศิษย์เก่าหลายคนแนะนำมาครับ เพราะสมัยที่รับม.4 รุ่นแรกๆ มีหลายคนบ่นมามากมาย ส่วนฐานสุดท้าย เป็นของชุมนุมเชียร์และแปรอักษร เดี๋ยวอันนี้ต้องรอดูกันเองนะครับ และจะมีกิจกรรมสนุกๆให้มากมายเลย"


พี่แพทยังคงพูดต่อไป ส่วนฉันก็ฟังด้วยความตะลึง... ก็แหม โรงเรียนนี้สุดยอดเหลือเกิน มีสิ่งที่น่าสนใจอีกเยอะแยะมากมาย อะไรจะขนาดนี้นะ สมกับเป็นโรงเรียนที่เฟย์อยากจะมาสอบเข้าเลยจริงๆ ซึ่งเธอเคยมาบอกฉันเมื่อปลายปีก่อนนี่เอง ก่อนที่เราจะหยุดปีใหม่ว่าจะมาสอบเข้าสวนนนท์ตอนม.4


แน่นอนว่าเราเป็นเพื่อนซี้กันมาตั้งแต่จำความได้ บ้านก็อยู่ติดกัน ดังนั้นฉันเลยต้องตามเฟย์มาด้วย ทั้งตกใจที่ไม่รู้ว่าตัวเองสอบติดเข้ามาได้ยังไง ฝ่ายแม่เองก็สนับสนุนอยู่เหมือนกัน เพราะโรงเรียนรัฐบาลก็ค่าเทอมถูกกว่า แถมยังมีชื่อเสียงมาหลายสิบปี อีกทั้งยังใกล้บ้านแบบนี้ด้วย


"น่าสนุกเนอะแก แม่ฉันเคยเล่าเกี่ยวกับที่นี่มาเยอะมากเลย" เฟย์หันมาพูดกับฉัน ซึ่งมองไปยังบรรดาสต๊าฟที่สวมเสื้อขาวเพ้นท์ลายและกางเกงยีนส์ มีป้ายชื่อติดอยู่ คราวนี้มีพี่ที่ดูอายุน้อยกว่าพี่แพทเข้ามา รูปร่างสูง ใบหน้าขาวใส ผมรองทรง ดูน่ารักไม่ใช่น้อย เข้ามาเคาะโทรโข่งเบาๆ ฉันเหลือบมองไปยังป้ายที่เขียนว่า "P'Yo" เขาชื่อพี่โยนี่เอง


เขาเริ่มพูด "น้องๆครับ เดี๋ยวฐานแรกเราจะอยู่กันตรงนี้เลยนะครับ ฐานนี้ให้แนะนำตัวเฉยๆครับ และมีเกมส์ให้เล่นอีกด้วย อันนี้ต้องวัดดวงกันเองนะครับ...หึหึ" แรกๆพี่เขาก็ดูจะดีนะ แต่มาถึงประโยคหลังนี่ฉันชักไม่แน่ใจแล้วอ่ะ... น่ากลั๊ว...น่ากลัว


ฉันลืมเล่าไปค่ะ วันนี้เป็นวันรับน้องใหม่ม.4 ที่สอบเข้ามาได้จำนวน 38 คน จัดโดยรุ่นพี่ที่เสียสละเวลานอนตีพุงอยู่บ้านเข้ามาจัดงานดีๆให้กับรุ่นน้องที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้


และฉันกับเฟย์ก็มาด้วยกัน โดยมีลุงของเธอเป็นสปอนเซอร์หลักในการขับรถมาส่ง นามว่าลุงกฤษณะหรือลุงต้น เนื่องจากบ้านเราอยู่ติดกัน จะมาก็ต้องมาทางเดียวกันอยู่แล้ว จากสี่ไชยทองสามมายังห้าแยกปากเกร็ดก็นับว่าเปลืองพลังงานอยู่นะ


ลุงคนนี้ใจดีมาก และเพิ่งอยู่อาศัยกับที่บ้านของเฟย์ชั่วคราวเพื่อตกแต่งบ้านใหม่ให้เสร็จสมบูรณ์ เพราะลุงเขาเป็นถึงวิศวกรฝีมือดีในอเมริกาเชียวนะ มีรายได้ต่อเดือนเยอะมากๆอย่างน่าตกใจ แถมยังไม่มีลูกเมียอีกด้วย เฟย์บอกมาอย่างนี้


"แต่แหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายล่ะ?" ฉันเถียง เพราะเห็นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของ "ลุงต้น" จริง ทำให้เกิดการเถียงกันจนลุงต้นต้องเข้ามาบอกว่า "เด็กๆนี่เถียงกันแรงจัง ลุงเคยแต่งงานแต่หย่ามาหลายปีแล้ว ตอนนั้นหนูเฟย์ยังไม่เกิดหรอก" ทำให้เฟย์ยิ้มแหยๆ
"แหะๆ ก็พวกหนูไม่รู้นี่นาลุง"


(มีต่อ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#133 2008-08-23 21:00:36

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ฉันจึงนั่งมองคุณพี่โย สต๊าฟหนุ่มที่น่ารักจนยัยเฟย์ต้องแอบเหล่อย่างปลงในชีวิต เพื่อนของฉันก็เป็นแบบนี้แหละนะ เห็นหนุ่มหล่อๆทีไรเป็นแบบนี้ทุกที แต่เธอก็ยังไม่มีแฟนและคนที่ชอบอย่างจริงจังสักที ซึ่งสร้างความสงสัยให้กับหลายคนมาก


"ไม่รู้สิ... ฉันคงยังไม่เจอคนที่ใช่มั้ง? เลยยังไม่คิดจะมีแฟนสักที ได้แค่มองแบบนี้แหละ" เธอตอบ ซึ่งทำให้ฉันพยักหน้าอือออรับคำไปอย่างนั้น ส่วนตัวฉันชอบใครก็เป็นแฟนได้เลยนะ ไม่มีมาแค่มองๆแบบนี้หรอก ซึ่งส่วนตัวตอนนี้ฉันเพิ่งเลิกกับแฟนคนที่สามมาได้ไม่นานเอง ก่อนจะเอาแต่พร่ำบ่นว่าผู้ชายดีๆหายไปไหนหมด


ฉันมัวแต่คิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ตามประสา จนกระทั่งมีเสียงเรียก "น้องข้าวปั้นครับ! น้องข้าวปั้น ลุกขึ้นได้แล้วนะ" อีตาพี่โยนั่นเอง โอ๊ย... เขาเรียกฉันจนได้ คนอื่นไม่มีมาเรียกฉันซะงั้น


ฉันจึงรีบลุกขึ้นทันที "ค่ะพี่" ก่อนจะออกมาเมื่อเห็นเขากวักมือเรียกให้ออกมา


เขายิ้มให้ฉัน แวบหนึ่งรู้สึกได้ว่ารอยยิ้มนั้นดูคุ้นเคย และดูอบอุ่นเสียจริง ก่อนจะสะบัดเอาความคิดนั้นออกไปอย่างเร็ว ฉันเพิ่งเคยเห็นหน้าพี่โยเป็นครั้งแรกก็เมื่อกี๊เองนะ


"เอาล่ะ ภารกิจแรกคือน้องๆจะต้องตอบคำถามพี่สต๊าฟ เช่นถามว่าชื่ออะไรก็ตอบชื่อจริงนะครับ และพี่ก็จะตอบส่วนของพี่ให้อีกทีเพราะชื่อเล่นก็มีป้ายกันหมดแล้ว และน้องๆมีถึง 38 คนดังนั้นสต๊าฟจากฐานอื่นจะมาช่วยแนะนำตัวเหมือนกัน จะได้รู้จักกันอย่างทั่วถึงนะครับ" พี่โยประกาศก่อนจะหันมาทางฉัน ก่อนจะถาม "น้องชื่อจริงชื่ออะไรครับ?"


ฉันตอบ "ปวริสาค่ะ ขึ้นม.4/5" ทำเอาพี่โยหัวเราะทันที "น้องครับ ไม่ต้องช่วยตอบเพิ่มก็ได้นะ แต่ตามกฎแล้วถือว่าพี่ต้องตอบน้องด้วยเหมือนกัน พี่ชื่อวาโย ขึ้นม.5/5 ห้องเดียวกันเลยนะครับ" ทำเอาฉันยิ้มแหยๆ เราอยู่ห้องเดียวกันหรอกเหรอเนี่ย ถึงเขาจะแก่กว่าปีนึงก็ตาม


เขาหันไปประกาศ "เดี๋ยวพี่สต๊าฟหลายๆคนที่ไม่ได้ประชุมกับฐานนี้ช่วยดูด้วยนะครับ เพราะต้องถามน้องๆแบบนี้ด้วย... แล้วชื่อเล่นนี้ได้มายังไงเหรอครับ?"


ฉันยิ้ม น่าสนุกเหมือนกันนะเนี่ย โดยเฉพาะกับการที่พี่โยยื่นโทรโข่งมาจ่อปากฉัน "แม่ตั้งให้ค่ะ บอกว่าตอนท้องไม่รู้เป็นอะไรอยากกินข้าวปั้น แหะๆ"


พี่โยพยักหน้า "ชื่อเล่นพี่มาจากชื่อจริง เพราะชื่อจริงพี่สาวพี่ก็แปลว่าน้ำ ของพี่เลยต้องแปลว่าลม เอาล่ะ... แล้วเราสอบเข้าม.4 มาได้ยังไงเอ่ย?"


"เพื่อนข้าวปั้นจะมาสอบค่ะ เลยตามมาด้วย อีกใจก็อยากย้ายมาพอดีเลยค่ะ"


พี่โยจึงตอบบ้าง "ของพี่ต้องพูดว่าตอนม.1 สินะ ตอนนั้นพี่สาวพี่เข้ามาแล้ว แม่เลยให้สอบเข้าด้วย โชคดีที่เข้ามาได้เหมือนกันแหละ" น่าแปลกนะที่ขณะที่ตอบเราต่างก็หันหน้าไปทางคนอื่น แต่มันดูเหมือนเราคุยกันเพียงสองคนเท่านั้น...


"ว่าแต่... มีคำถามอะไรอีกบ้างคะ?" ฉันหันไปถามบ้าง ทำเอามีเสียงหัวเราะดังขึ้น แต่ก็ไม่ได้สนใจ พี่โยยิ้มมาทางฉันก่อนจะถามว่า "น้องดีใจมั้ยครับที่เข้ามาได้ มีรุ่นพี่ที่นิสัยดี และหล่ออย่างพี่ด้วยน่ะ"


เท่านั้นแหละ เสียงโห่แซวก็ดังขึ้นทันที ซึ่งทำให้ฉันหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าลูกตำลึงสุก พี่แพทยังถือโทรโข่งแซวเลย "ไอ้โย!! จะถามก็ถามได้ แต่อย่ามาจีบเด็กสิเว้ย"


"แหะๆ ขอโทษครับพี่" พี่โยตอบกลับ ก่อนจะหันมาทางฉันเพื่อขอคำตอบ ฉันจึงหัวเราะเบาๆก่อนจะตอบ "ดีใจที่เข้ามาได้ค่ะ แต่อาจจะไม่ดีใจนะคะที่ได้เจอพี่โย" ก่อนจะหัวเราะก๊ากอย่างขบขัน เขาเล่นมุกมาก็ขอเล่นกลับบ้างสิ


พี่โยหันมาพึมพำใส่โทรโข่ง "เดี๋ยวก็ไม่ปล่อยกลับเลยนี่ ปากดี" ก่อนจะหันมาทางฉัน "ผ่านปฐมนิเทศมาแล้ว ดีใจมั้ยครับที่เจอเพื่อนใหม่อีกหลายคน"


ฉันยิ้ม ก่อนจะตอบ "เพื่อนๆน่ารักทุกคนเลยค่ะ" พี่โยจึงยิ้ม และผายมือไปยังเพื่อนๆที่นั่งดูอยู่ ไชโย... กลับไปนั่งได้สักที "งั้นเดี๋ยวกลับไปนั่งได้แล้ว พี่ก็ดีใจเหมือนกันแหละที่รู้จักน้องๆแบบนี้"


++++++++++++++++++++++++++++++

นายโยนี่ออกแนวน้ำเน่านะเนี่ย =__= เขียนไปๆมาๆเพิ่งรู้ได้ - -""

แล้วเขากับข้าวปั้นจะต้องเกี่ยวพันกันไปถึงไหน ติดตามได้เรื่อยๆค่ะ ^^


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#134 2008-08-24 10:23:04

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ไชโยๆ เขียนจบแล้วว ^o^ เมื่อเที่ยงคืนครึ่งที่ผ่านมา

แต่ก็ดันป่วยหนักขึ้นมาพร้อมๆกันซะงั้น -*- มันคงรอให้เราเขียนจบก่อนมั้ง ถึงจะป่วยหนักได้เลยน่ะ 55+

ตอนนี้แทบไม่มีแรง แต่ก็อยากลงนิยายนะคะ T^T

++++++++++++++++++++++++++++++


- Chapter 40 : Cruel Truth -


ผมมองไปยังน้องข้าวปั้นที่เข้าไปนั่งยังแถวตามเดิม รู้สึกมีความสุขอย่างประหลาดเมื่อได้เห็นเด็กสาวคนนี้แฮะ... ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เวลาเจอผู้หญิงคนอื่นก็ไม่เคยเป็นแบบนี้


ก่อนจะยื่นโทรโข่งจ่อปาก "เดี๋ยวขอเชิญพี่แพทเรียกน้องมาหนึ่งคนนะครับ ตาพี่แล้ว" ทำเอาพี่แพทตีหน้ายักษ์ใส่ทันที แต่ก็ยิ้มแย้มขึ้นได้เมื่อเห็นเด็กสาวที่มัดผมแกละยาว ใบหน้าขาวใส และน่ารักมากด้วย "น้องเฟย์ใช่มั้ยครับ เราน่ะลุกเลย" เธอลุกขึ้นอย่างเหนียมอาย ผมจึงเดินหลบฉากไปเพื่อให้คนทั้งสองเข้ามาแทนที่


แต่ก็กลับสะดุดล้มลงเมื่อลืมคิดไปว่าตรงนี้ผมผูกเชือกกับเก้าอี้ ซึ่งสูงห่างจากพื้นราวหนึ่งฟุตล้อมน้องๆและสต๊าฟเอาไว้ ทำให้เกิดเสียงฮือฮาจากน้องๆทันที และรู้สึกเจ็บแปลบๆที่ข้อมือซ้าย ราวกับข้อมือจะซ้นเลยแฮะ เพราะเจ็บจนขยับมือแทบไม่ได้


ผมพยายามพยุงตัวขึ้น มีเพื่อนๆสต๊าฟช่วยกันพยุงผมขึ้น พี่แพทถึงกับโทรโข่งถามเลยทีเดียว "โยเป็นอะไรมั้ย?" ผมส่ายหน้า "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวไปห้องพยาบาลก่อนดีกว่า"


ก่อนจะเดินออกไป โดยบอกกับเพื่อนๆว่าผมไปเองได้ และให้การดำเนินกิจกรรมเป็นไปตามปกติจะดีกว่า ผมเลยเดินไปทางโรงอาหารใต้ตึกหนึ่งที่ติดแอร์เย็นสบาย และเตรียมคำถามตอบแม่ไว้ในใจ เพราะท่านนั่งรออยู่ในโรงอาหารด้วยที่อยากจะดูกิจกรรมของผมนั่นเอง


และแม่ก็เคยรับน้องรุ่น 32 และ 33 มาก่อนด้วยนะ


เมื่อเข้าไปในโรงอาหารที่มีประตูกระจกเปิดอัตโนมัติ ทางขวาเป็นห้องสุโขสโมสรหรือห้องอาหารของอาจารย์ ก็มองหาแม่ไปรอบๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงคนเถียงกันอยู่ที่ชานพักบันไดที่จะขึ้นชั้นสองนั่นแหละ


"นี่คุณจะกลับมาทำไมกันแน่ ฟังเรื่องของคุณป้าไปจนครบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับฉันแล้วนี่ ไม่ต้องมาหาคำอธิบายอีกหรอก" ผมสะดุ้งวาบ... นี่เสียงของแม่นี่นา และก็มีเสียงของผู้ชายโต้ตอบกลับมา


"ไม่ใช่นะควีน คุณเข้าใจผิดแล้ว อีกอย่างคือป้าผมก็ตายไปหลายปีแล้วด้วย และติ๋มก็บอกผมว่าคุณถูกใส่ร้ายด้วย ผมเพิ่งมารู้เดี๋ยวนี้นี่เองตอนที่เพิ่งย้ายกลับจากนิวยอร์ค" ผมจึงรีบย่องไปสังเกตการณ์ทันที ด้วยที่ว่ามีประตูกระจกใสแบบผลักเข้าออกกั้นไว้ระหว่างโรงอาหารกับบันได (แต่เสียงก็ยังดังออกมาอยู่ดี)


ก็พบกับแม่และชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ผมเริ่มมีสีเทาแซมอยู่ และแต่งตัวภูมิฐาน ใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่สวมแว่นตากรอบใสดูคลับคล้ายคลับคลาอย่างประหลาด แม้จะเริ่มเข้าสู่วัยกลางคนแบบนี้ แต่ผมแน่ใจได้ว่าไม่เคยเห็นเขามาก่อนอย่างแน่นอน


แม่หันมาโต้ตอบกับชายคนนั้นต่อไป "อ๋อ... ใช่สินะ คุณคงเห็นฉันเป็นอีตัว คบชู้สู่ชายมาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมานี่ล่ะสิ ทั้งที่ความจริงฉันก็ต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงลูกถึงสองคนอย่างยากลำบาก สายตัวก็แทบจะขาด ขณะที่คุณก็ไม่มีภาระอะไรเลย ได้แค่ทำงาน และไปสังสรรค์เฮฮาอีกด้วย คงจะมีใครคนใหม่แล้วด้วยสินะ ผู้ชายน่ะ... ไม่น่าจะปิดกั้นตัวเองมาได้ถึงสิบเจ็ดปีอย่างนี้หรอก"


(มีต่อ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#135 2008-08-24 10:25:24

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ประโยคหลังนี้น้ำเสียงของแม่เริ่มสั่นเครือ แต่ชายคนนั้นก็มีทีท่าตกใจด้วยเช่นกัน


"นี่ควีน!! คุณมีลูกอีกคนอย่างนั้นเหรอ? ใครเป็นพ่อเด็กกันน่ะ?" เขาหันไปถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าตกใจ แม่พยักหน้า "ใช่ แต่คนเป็นพ่อที่แท้จริงคงไม่รู้มาก่อนหรอก เพราะฉันไม่เคยมีโอกาสแม้แต่จะอธิบาย และบอกข่าวนี้เลย เพราะเขาที่ลาฉันไปตลอดกาลก็หนีหายไปต่างประเทศแล้ว ฉันเองก็ต้องเนรเทศตัวเองออกมาพร้อมลูก ถ้าป้านภาไม่ยกบ้านให้ฉัน คงจะลำบากยิ่งกว่านี้อีกนะ" ผมถอนหายใจเบาๆ รู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินแบบนี้


ชายคนนั้นถอนหายใจด้วยเช่นกัน "ควีน... ผมขอโทษ ผมไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ได้" แม่ทำสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่ต้องการรับรู้อีกต่อไป ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ


"คุณคะ... แค่คำนี้มันยังไม่เพียงพอหรอกนะ" เขาจึงหันมามองแม่ด้วยสีหน้าเศร้าทันที "แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะ... อย่างน้อยแค่ที่ต้องรับรู้ว่าต้องทิ้งลูกทิ้งเมียไปด้วยความเข้าใจผิดที่ไม่เคยรับรู้มาตลอด 17 ปีผมก็เสียใจเกินพอแล้วนะ" ก่อนจะเข้ามาจับมือของแม่ซึ่งมีสีหน้าตกใจในทันที


มันจึงทำให้ผมรู้สึกฟิวส์ขาด นี่เขากล้าดียังไงถึงมาทำกับแม่ของผมแบบนี้ จึงรีบผลักประตูเข้าไปอย่างแรง ก่อนจะนึกได้ว่า... ผมข้อมือซ้นอยู่นี่หว่า แล้วมือที่ผลักก็เป็นมือข้างซ้ายเสียด้วย


"โอ๊ย!!" ผมรีบใช้มือข้างที่ยังใช้การได้กุมไว้ แต่ก็ทำให้ทั้งแม่และชายปริศนาที่อาจจะเป็น...พ่อบังเกิดเกล้าของผมหันมาด้วยเช่นกัน แม่อุทานอย่างตกใจ "โย! มาได้ยังไงลูก?" ก่อนจะรีบลงบันไดมาทางผมอย่างเร็ว โดยไม่ระมัดระวังตัวจึงสะดุดเสียหลักลงมา


"แม่ครับ!!" ผมรีบพุ่งเข้าไปทางแม่ ก่อนจะรับร่างบางที่โผเข้ามาหาผมเต็มๆ แน่นอนว่าขั้นที่แม่สะดุดนั้นเป็นขั้นสุดท้าย ทำให้ไม่เป็นอะไรหรอก แต่ผมสิ นอกจากจะเสียหลักหงายไปชนประตูจนล้มลงแล้ว ยังเผลอใช้มือซ้ายยันพื้นจนยิ่งเจ็บตรงที่ซ้นมากขึ้นกว่าเดิม


แม่ที่ทรงตัวยืนได้ก่อนที่ผมจะเสียหลักมองอย่างตกใจ "โย... เป็นอะไรมั้ยลูก?" ก่อนจะเข้ามาช่วยพยุงตัวผมให้ลุกขึ้น แน่นอนว่าข้อมือซ้ายเจ็บปวดสุดขีดเลยในตอนนี้ เจ็บจนน้ำตาเริ่มเอ่อขึ้นที่ขอบตาทันที "ข้อมือผมซ้นครับ... กะจะไปห้องพยาบาลสักหน่อย"


"เจ็บมากเลยสิลูก... ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวแม่จะไปห้องพยาบาลด้วย" แม่เข้ามากอดซึ่งทำให้ผมหน้าแดงด้วยความอาย ที่อายก็เพราะสายตาของผู้ชายคนนั้นที่มองมาทางแม่กับผมต่างหาก เขามีรอยยิ้มน้อยๆผุดขึ้น บ่งบอกถึงความเอ็นดู…


แต่แม่ไม่หันไปสนใจเขาอีกเลย กลับช่วยฉุดผมให้ลุกขึ้น "ไปห้องพยาบาลกัน แม่หวังว่ามันจะไม่เป็นมากกว่าซ้นนะลูก สงสัยต้องพันผ้าทายากันอีกนานเลย เพราะแม่แท้ๆ"


ผมยิ้มแหยๆ คงอีกนานกว่าผมจะได้ใช้มือทั้งสองข้างอย่างเต็มที่อีกครั้ง โชคดีที่ไม่ใช่มือข้างที่ใช้เขียนหนังสือนะ ไม่อย่างนั้นคงแย่น่าดูที่อาจจะวาดรูปไม่ได้ แค่คิดก็สยองแล้ว


+++++++++++++++++++++

โปรดติดตามตอนต่อไป~


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#136 2008-08-24 10:26:55

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

รู้สึกช่วงท้ายนี้ยังกะแนวดราม่า เหอๆ

แต่โยและข้าวปั้นก็กำลังจะรับรู้ความจริงในอีกไม่นานนี้แล้ว

+++++++++++++++++++++++++++


- Chapter 41 : Mystery Diary -


ราวกับหัวใจจะวูบตกไปอยู่บนตาตุ่มทันทีเมื่อมีเสียงโหวกเหวกจากทางพี่ๆสต๊าฟ... พี่โยสะดุดเชือกล้มลงไปนั่นเอง เห็นได้ยินว่าข้อมือซ้นอีกด้วยนะ น่าสงสารพี่เขาเสียจริง


ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกว้าวุ่นอย่างบอกไม่ถูก มันก็เป็นมาตั้งแต่เห็นหน้าเขาครั้งแรกด้วยแหละ ไม่ทราบได้ว่าเป็นเพราะอะไร ยิ่งดูเหมือนตอกย้ำความฝันประหลาดเมื่อหลายวันก่อนเลย


วันนั้นฉันเพิ่งรู้ผลว่าสอบเข้าสวนนนท์ได้ และเอาเอกสารผลการเรียนไปยื่นในวันนั้นเลยด้วย ก่อนจะกลับบ้านแล้วหลับไปอย่างอ่อนเพลีย วูบนั้นฉันฝันถึงริมถนนอันรกร้าง มีรถสองคันที่ดูเหมือนเป็นรถยุคเก่าจอดอยู่ และเด็กผู้ชายที่หน้าตาดีคนหนึ่งถูกยิงล้มลงไปกับพื้น


ในความฝัน ฉันรีบเข้าไปหาเขาทันที ก่อนจะร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างตกใจ และหวาดกลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน... จนกระทั่งสะดุ้งตื่นมาทันที ภาพที่ฉันจำได้ติดตา คือเด็กผู้ชายคนนั้นสวมเครื่องแบบนักเรียน มีเสมาและชื่อย่อส.ก.น. ปักอยู่แม้จะเปื้อนเลือดจนแทบมองไม่เห็นแล้วก็ตาม ซึ่งน่ากลัวมากเพราะเลือดท่วมย้อมเสื้อจนเปียกโชกไปหมด กระสุนคงทำลายอวัยวะข้างในเสียหายน่าดู แค่เห็นก็พอรู้แล้วล่ะ


ก่อนจะเริ่มฝันถึงเหตุการณ์ประหลาดทุกคืนๆ แม้จะแน่ใจว่าไม่ใช่ฝันร้าย แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดีว่ามันคืออะไร เพราะฉันมักจะฝันถึงยุคก่อนซึ่งน่าจะอยู่ในราวๆ 20-30 ปีก่อนอยู่เสมอ โดยเฉพาะในโรงเรียนใหม่ที่ฉันเพิ่งสอบเข้ามาได้ ทำให้ฉันเริ่มรู้ว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน โรงอาหารก็ยังเล็ก แคบ แถมยังอึดอัดอยู่เลย ไม่เหมือนกับตอนนี้ที่ยกเพดานสูงขึ้น ติดแอร์และสบายราวกับฟู้ดคอร์ท


อันเป็นผลมาจากการทุบตึกเพื่อสร้างใหม่เมื่อราวสิบกว่าปีก่อนนี่เอง เพื่อสร้างตึกใหม่ที่สูงชั้นขึ้น มีลิฟต์และยกระดับเพดานโรงอาหารไม่ให้อึดอัด ตึกเก้าที่เคยสร้างเมื่อหลายสิบปีก่อนก็บูรณะใหม่ ตกแต่งด้วยกระเบื้องและวอลเปเปอร์ ติดแอร์น่าอยู่มากมาย รวมถึงการจัดระเบียบนักเรียนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น คือจะเหลือนักเรียนไว้แค่ 40 คนต่อห้องเท่านั้น


ซึ่งเฟย์เป็นคนบอกข้อมูลนี้มากับฉัน เพราะแม่ของเธอก็เคยเรียนที่สวนนนท์ เหมือนกับลุงต้นนั่นแหละ ทำให้เราสองคนพอรู้เรื่องโรงเรียนในอดีตมาไม่มากก็น้อย


"เอาล่ะ... พี่แพทมาแล้วครับน้องๆ นายโยเขาไปห้องพยาบาลแล้ว งั้นเราเริ่มกิจกรรมแนะนำตัวกันต่อ น้องเฟย์ครับ ลุกขึ้นเร็ว" พี่แพทที่มาจากไหนไม่รู้ถือโทรโข่งเดินเข้ามาทางฉัน เฟย์ลุกขึ้น ก่อนจะเดินออกไปอย่างมั่นใจ อันเป็นลักษณะนิสัยประจำตัวของเธอนั่นเอง
และทำการแนะนำตัวตอบคำถามจากพี่แพท ซึ่งมองเธออย่างสนใจอย่างออกนอกหน้า นี่อย่าบอกนะว่า... แค่วันรับน้อง ยัยเฟย์ก็จะมีคนมาชอบแล้วเหรอเนี่ย โอวก้อด!!


ฉันจึงนั่งดูอย่างสนใจ ซึ่งก็ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น จนกระทั่งต้องย้ายไปนั่งกันในโรงอาหาร มีพี่กน.เข้ามาพูดเรื่องกฎระเบียบ ทำให้รู้สึกเบื่อเล็กน้อย แต่ก็กลับมาคึกคักได้ดังเดิมเมื่อถึงเวลาอาหาร


เพราะภายในโรงอาหารจัดโต๊ะใหม่ ไฉไลกว่าเดิม นั่นคือโต๊ะที่จัดไว้โดยเฉพาะสำหรับพวกเราทั้ง 38 ชีวิตจะมีผ้าปูโต๊ะสีขาวปูไว้ มีอยู่หนึ่งโต๊ะที่จัดเป็นบุฟเฟ่ต์ มีกับข้าวมากมายหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นรวมมิตรกะเพรา มีทั้งกุ้ง ปลาหมึก ไข่เยี่ยวม้าไว้ให้เติมตามใจชอบ อีกทั้งยังมีแกงน่ากินอีกหลายอย่าง ทั้งแกงเขียวหวาน แกงส้มชะอมไข่ น่ากินทั้งนั้นเลย


"น่ากินจังเลยเนอะ" ฉันพึมพำ ซึ่งทำให้เฟย์หัวเราะคิกคัก "นี่เธอ สนใจแต่อาหารเชียวนะ ไม่สนใจรุ่นพี่กันบ้างรึไง ลืมคำทำนายของแม่หมอตอนงานโรงเรียนปลายปีก่อนแล้วเหรอ" คำพูดนั้นทำให้ฉันนึกอะไรบางอย่างออก


เมื่องานโรงเรียนปลายปีก่อนนั้น... เฟย์ชวนฉันไปซุ้มพยากรณ์ที่มียายแก่ๆคนหนึ่งนั่งอยู่ ก่อนจะตกใจเพราะหญิงคนนั้นคือคนในแวดวงไฮโซที่นานๆจะได้เห็นในภาพข่าว และก็ทำให้ฉันรู้ว่าท่านคือหมอดูที่แม่นมากๆคนหนึ่งเลยทีเดียว


คำทำนายของเฟย์ คือการที่เธอจะได้ย้ายโรงเรียนตามความปรารถนา ส่วนฉันก็เช่นกัน แต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่ตามมาด้วยโดยไม่คาดคิด... เมื่อเปิดเจอไพ่เลิฟเวอร์


"หนูกำลังจะเจอคนที่ใช่ และรอคอยมานานแสนนานหลายปีนัก จากการสูญเสียที่ไม่น่าจดจำ แต่ก็จะกลับมาโคจรพบกันได้อีกครั้ง ซึ่งจะไม่มีอุปสรรคใดขวางกั้นอีกแล้ว หนูโชคดีมากเลยนะ" คำพูดนั้นทำให้ฉันรู้สึกขนลุกซู่... และรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของแม่หมอดูเจ็บปวดอย่างประหลาด ในแวบหนึ่งของความรู้สึกลึกๆนะ


(มีต่อ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#137 2008-08-24 10:28:18

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

แต่ฉันก็ลืมไปได้ในเวลาไม่นาน ด้วยความคิดที่ว่ายังไม่ต้องการหาแฟนตอนนี้ (ยกเว้นกรณีเขาเข้ามาเองนะ ฮ่าๆๆ) และชีวิตของฉันก็แสนจะมีสีสันอยู่ทุกวัน ไม่มีใครเข้ามาก็ยังมีความสุข กับการเรียน การเล่น และการเขียนนิยาย เฮ้อ... มีความสุขดีนะ


จนตอนนี้คำทำนายก็เริ่มเข้ามาสะกิดใจฉันขึ้นมาอีกแล้วสิ ด้วยที่ว่าโรงเรียนเก่าเป็นโรงเรียนหญิงล้วนใกล้ๆกันนี่เอง และฉันก็เคยเจอผู้ชายบ่อยเสียเมื่อไหร่กัน เวลาไปกวดวิชาก็เห็นเยอะแหละ แต่อย่างที่ว่า... ไม่มีใครที่ใช่สักคน


"ข้าวปั้นๆ ไปตักข้าวได้แล้ว" เสียงของเฟย์เตือนสติฉันให้กลับมาโดยพลัน ทำให้ฉันรีบลุกขึ้นทันที ก่อนจะรีบคว้าจานแล้วจึงไปตักข้าว วันนี้กินแกงส้มชะอมไข่ของโปรดดีกว่า น่ากินไม่ใช่เล่นเลยนะเนี่ย


แต่ขณะที่กำลังจะเดินกลับโต๊ะ ก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งมีป้ายเขียนว่า N'อั๋น โยนเป้มาทางฉันที่กำลังวางจานลงบนโต๊ะทันที "ว้าย!!" ฉันจึงรีบกระโดดออกจากจุดนั้น ก็กระเป๋ามันไปกระแทกกับจานกับข้าวหกกระจายเลยน่ะสิ ท่ามกลางสายตาของคนครึ่งร้อยในโรงอาหาร


"เฮ้ย!! ไม่เห็นเหรอว่าคนจะเอากระเป๋าวางน่ะ" แทนที่จะขอโทษ เขากลับมาว่าฉันเสียอย่างนั้น ทำให้ต้องมองอย่างงุนงง ฝ่ายพี่โยรีบเข้ามาห้ามทัพทันที ข้อมือซ้ายพันผ้าพันแผลสีขาว แสดงว่าเพิ่งออกมาจากห้องพยาบาล


"แล้วน้องไปว่าเพื่อนแบบนี้ได้ยังไงกันครับ? พี่ก็เห็นอยู่นะว่าเราไม่เห็นน้องข้าวปั้นเอง แล้วนี่... มันกระเป๋าของพี่นะครับ!!!" ประโยคหลังฉันเห็นพี่โยกัดฟันพูดด้วยนะ อุ๊ยตาย... กระเป๋าพี่โย และจานข้าวของฉัน บรรลัยเพราะอีตาอั๋นบ้าคนนี้แท้ๆเชียว


แต่นายอั๋นคนนั้นกลับทำท่าเชิด ทำอย่างกับตนเป็นพระเอกนิยายรักหวานแหววอมตะนิรันดร์กาล "แล้วไงครับ ไม่มีป้ายบอกนี่นา แล้วมันก็เกะกะที่นั่งของผมกับพวกพ้องด้วย ใช่ไหมพวกเรา" เขาหันไปถามกลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่ยังโต๊ะที่ไม่ได้ปูผ้า ซึ่งร้องสนับสนุน "ใช่ๆ"


พี่โยส่ายหน้า "โอเคครับ แล้วแต่น้องละกัน" ก่อนจะหันมาทางฉัน "ข้าวปั้น... เดี๋ยวเราคงต้องย้ายที่แล้วล่ะ แล้วพี่จะเอากระเป๋าไปล้างเอง"


ด้วยที่เห็นว่าข้อมือเขาพันผ้า และโดนน้ำไม่ได้เพราะยาอาจจะละลายหมด ฉันจึงรีบห้ามเขาทันที "ไม่เป็นไรค่ะพี่ เดี๋ยวข้าวปั้นช่วยเอง มือพี่เจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอคะ?"


"ไม่เป็นไร พี่ให้เพื่อนช่วยล้างแล้วกัน เฮ้ยปิ๊ก เอากระเป๋าไปล้างให้หน่อย" สต๊าฟที่ชื่อพี่ปิ๊กเดินมาทันที "โอเคพวก เห็นเจ็บมืออยู่หรอกนะ" ก่อนจะรับกระเป๋าไป พี่โยบุ้ยให้ฉันไปนั่งกับเฟย์ซึ่งย้ายไปนั่งที่อื่นก่อนแล้ว แล้วเขาก็รีบวิ่งตามพี่ปิ๊กไปทันที สงสัยกลัวพี่เขาจะไม่เอาของออกจากกระเป๋าก่อนล้างล่ะสิท่า เหอๆ


ฉันจึงนั่งกินข้าวกับเฟย์ต่อ หลังจากไปตักข้าวมาใหม่ หน้าที่ทำความสะอาดตกเป็นของภารโรงประจำโรงอาหาร ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกผิดเล็กน้อย แค่วันนี้ก็สร้างภาระให้คนอื่นตั้งมากมายแล้วเนี่ย แต่เฟย์กลับปลอบฉัน


"เอาน่า ความผิดเป็นของนายยโสนั่นต่างหาก ไม่ใช่ความผิดเธอเลย และมันก็เป็นงานของภารโรงด้วยนะ" ฉันจึงก้มหน้าก้มตากินต่อไป จนสะดุดตาเข้ากับบางอย่างที่ตกอยู่ใต้โต๊ะกินข้าวที่ฉันเคยนั่งตอนแรก มันมีสมุดบันทึกเก่าๆ ปกสีฟ้าซึ่งมีอายุหลายสิบปี โชคดีที่ไม่เปื้อนน้ำแกงส้มที่หยดลงพื้นในตอนแรก และป้าก็ยังไม่เผลอเก็บไปด้วย ฉันจึงรีบไปคว้าไว้ทันที


ในความคิดแวบแรก มันเหมือนมีภาพบางอย่างซ้อนขึ้นมา แต่ก็รางเลือนลงไปทันทีเมื่อได้จับสมุดบันทึก... และความรู้สึกคุ้นเคยกับมัน ราวกับเคยผูกพันกันมาก่อนยังไงยังงั้น


"สมุดสวยจังเลย ของใครอ่ะ?" เฟย์หันมาถาม ฉันจึงทำได้แค่ส่ายหน้า ก่อนจะเปิดอ่านอย่างพิจารณา ข้อความข้างในดูคุ้นเคยราวกับเป็นเหตุการณ์เดจาวู มันเหมือนกับฉันเคยอ่านมันมาแล้วน่ะสิ!! และก็ทำให้ฉันนึกถึงคำพูดในความฝันที่เคยจำติดหูได้ทันที เพราะมันหลุดออกมาจากปากของฉันเอง "พี่บลู... ทำไม ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย"


และเจ้าของสมุดก็ชื่อบลู... เขาจะใช่คนที่ตายอย่างสยองในความฝันนั้นหรือเปล่านะ?


+++++++++++++++++++++++++++++++++

สมุดบันทึกไปอยู่ที่ข้าวปั้นแล้วว 55+

คนเขียนเพิ่งตื่นแหละ สารภาพ T^T นอนเที่ยงคืนกว่า หมดเรี่ยวหมดแรง ฮือออ~

Last edited by MiyaCatZ (2008-08-24 10:31:13)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#138 2008-08-24 14:42:26

LagooNz
สมาชิก
Registered: 2006-08-08
Posts: 3,631

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ติดตามต่อไปด้วยความตื่นเต้น

Offline

#139 2008-08-25 17:41:21

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

วันนี้ต้องไปหาหมออ่ะ เลยอดขึ้นฟังอ.ชัยติวสังคมเลย T^T (บอกเพื่อนแล้วว่าหาทุกวิถีทางให้เก็บชีทมาให้ได้ เหอๆ เพราะเค้าไม่แจกให้ตอนเซ็นชื่อง่ะ)

ด้วยความที่เจ็บคอราวกับถูกมีดกรีดคอยังไงยังงั้น เวลากลืนน้ำลายน่ะ 55+

ผมคือ... ทอนซิลอักเสบค่ะ >.< ได้ยามาเยอะแล้ว หวังว่าจะหายเร็วๆ ไวๆ มาม่า ยำๆ ฯลฯ 555+

(ขึ้นม.6 ต้องใส่ใจกับสุขภาพนิดนึง แต่คนในห้องพี่ก็เป็นไข้เลือดออกนอนรพ.กันไปสองคนแล้ว - -" ดูแลตัวเองอย่าให้ยุงกัดล่ะ ห้องมืดนี่เสี่ยงหนักเลย อาจารย์พี่ว่ามายังงี้)

+++++++++++++++++++++++++++++


- Chapter 42 : Missing Crazy -


วันนี้รู้สึกละเหี่ยใจอย่างบอกไม่ถูก... สมุดบันทึกของบลูหายไป หายสาบสูญไปเลย


เพราะปกติแล้วผมเก็บมันไว้ในเป้ตลอด ทั้งที่ก็ควรรู้อยู่แหละว่าจะพกไว้ทำไม? แต่ก็อยากจะเก็บติดตัวไว้เสมอ เพราะสมุดเล่มนี้ผมรู้สึกรักมันมาก... ราวกับเคยเป็นเจ้าของมันมาก่อนแล้ว


แต่ถ้าผมเป็นเจ้าของมาก่อน... ก็แสดงว่าผมอาจจะเคยเป็นบลูอย่างนั้นสินะ?


เอาล่ะ วันนี้มีเรื่องหลายอย่าง ตั้งแต่เรื่องข้อมือเคล็ด เรื่องอดีตคนรักของแม่ ยันเรื่องที่มีรุ่นน้องเกรียนๆมาโยนกระเป๋าผมไปโต๊ะอื่น และลงไปในจานข้าวของน้องข้าวปั้นอีกด้วย (ซวยสองเด้ง...) ทำให้ต้องเอากระเป๋าไปล้าง ในตอนนั้นแหละที่ผมสังเกตได้ว่าสมุดบันทึกหายไป!!


"เฮ้ยปิ๊ก!! แกเอาสมุดบันทึกข้าไปรึเปล่าวะ" ปิ๊กหันมาทางผมด้วยสายตาที่ว่าไม่รู้เรื่องทันที


"สมุดอะไรของแกวะ ไม่เห็นเลย ความจริงไม่มีใครเปิดกระเป๋าแกด้วยซ้ำหรอก ขนาดเปิดซิปไว้นะ" ผมเริ่มเครียด กระเป๋าตอนที่วางผมก็เปิดซิปไว้ เนื่องจากไม่มีของมีค่าเช่นกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือไว้ข้างใน เนื่องจากเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงเรียบร้อยแล้ว


แต่ก็ไม่มีเวลาแล้ว เพราะพี่กน.เรียกพวกผมไปประชุมกัน และสอบสวนเรื่อง(ไอ้)น้องอั๋นอะไรนั่นอีกด้วย เด็กเกรียนเอ๊ย... ทำเอาผมเดือดร้อนจนได้นะ ถ้าไม่ติดว่าเป็นรุ่นพี่และตำแหน่งสต๊าฟค้ำคอนะ ผมจะถอดรองเท้าไปโปะจมูกมันเลย เพราะไม่ได้ซักมากว่าสองเดือนแถมยังใส่เกือบทุกวัน วันละ 8 ชั่วโมงอีก


ดังนั้น กว่าจะมีเวลาตามหาสมุดสีฟ้าก็เป็นเวลาสี่โมงเย็น ที่น้องๆกลับบ้านไปแล้ว แน่นอนว่าการค้นหาของในโรงอาหารอันกว้างใหญ่เพียงคนเดียวนั้นยิ่งตอกย้ำความรู้สึกแย่ที่สมุดบันทึกหายมากกว่าเดิม และแน่นอนว่ามันหายไปเลย ไม่เจอแม้แต่ร่องรอย


ซึ่งแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรที่ผมทำอนุสรณ์วัตถุแห่งความรักของเพื่อนแม่หาย แต่กลับพาไปเลี้ยงข้าวแทน โดยไปรับพี่ชลที่เรียนปรับพื้นฐานที่มหาวิทยาลัยด้วย


"วันนี้มีอะไรคะแม่ ถึงพาเราไปเลี้ยงข้าวน่ะ" พี่ชลถามหลังจากขึ้นรถได้แล้ว แม่กลับยิ้มอย่างมีเลศนัย "วันนี้เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่ง เงินเดือนก็มากขึ้นด้วย แต่แม่ขอตัวมาฉลองกับลูกน่าจะดีกว่า...เพราะเราอยู่กันแค่นี้เอง ทุกคนก็รู้ดี"


ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกว่ามันคงมีอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น... หวังว่าคงจะไม่ใช่เรื่องอดีตคนรักของแม่คนนั้นอีกนะ


แต่บรรยากาศการกินข้าวเย็นนอกสถานนี้เย็นนั้นก็ผ่านไปได้ด้วยดี... ไม่มีอะไรที่ผมควรจะกังวลเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเลยคือแม่เริ่มกลับมาสนุกสนานมากกว่าเดิม และคุยกับพี่ชลเรื่องการเรียนวิศวะอย่างเฮฮามากด้วย เพราะเรียนเหมือนกันนี่เอง


"เฮ้ยโย เราน่าจะเรียนวิศวะนะ ได้เป็นทั้งบ้านนี่เท่ออก" พี่ชลถามซึ่งทำเอาผมส่ายหน้า


"ไม่เอาๆ ผมจะเรียนสถาปัตย์ พี่เก่งคนเดียวแล้วอย่ามายัดเยียดผมสิ" แม่หัวเราะอย่างเอ็นดู "นั่นสิ โยเค้าชอบวาดรูปกับออกแบบนะ คนละทางกับชลเลย" ผมยิ้มแหยๆ


หลังจากกลับบ้าน ผมก็รีบขึ้นไปทาบน้ำทันที ส่วนพี่ชลก็นั่งดูทีวีอยู่ก่อน ไม่วายแซวผมอีกด้วยตามประสาพี่สาวที่ดี(เหลือเกิน...) "นายโย!! อนามัยจริงนะเรา รีบอาบน้ำเป็นคนแรกเลย"


ผมค้อนควับ "ก็วันนี้ผมเป็นสต๊าฟรับน้องนี่นะ เหนื่อยแถมเหนียวตัวอีก" ก่อนจะรีบขึ้นไปทันที ดูสิครับ...มีพี่ชอบแกล้งก็แบบนี้


หลังจากอาบน้ำและสวมชุดนอนอันประกอบด้วยเสื้อยืดขาวและกางเกงแพรสีน้ำเงินแล้วก็ลงมานั่งดูทีวีต่ออย่างสบายอารมณ์... อ๊ะๆ!! แฟชั่นกางเกงแพรนี่เพิ่งนิยมกันเมื่อไม่กี่ปีนี้เองนะ หลังจากรุ่นทวดนิยมใส่อยู่บ้านกันเมื่อหลายสิบปีมาแล้วน่ะ


(มีต่อ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#140 2008-08-25 17:42:38

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ก่อนจะหาวอย่างเบื่อหน่ายเพราะเนื้อหาละครน้ำเน่าที่พี่ชลตามดูอย่างลุ้นระทึก เพราะเป็นฉากที่นางร้ายท้านางเอกแข่งขันทำอาหารมัดใจพระเอกปากตะไกรโรงพยาบาล ที่ไม่รู้จะกัดนางเอกไปถึงไหน แน่นอนว่ายุคสมัยของการใช้กำลังและเสียงกรี๊ดมันหมดไปแล้ว หลังจากที่สมัยผมยังเด็กๆ แม่เล่าให้ฟังว่าในตอนนั้นละครไทยเสื่อมความนิยมลงมาก เพราะกระแสซีรี่ส์เกาหลีที่มาแรงเกินไปมาหลายปีเบียดละครน้ำเน่าตกขอบ


ละครก็เลยกลายมาน้ำเน่าแบบร้ายลึกยังไงล่ะครับ เฮ้อ... เอาของต่างชาติมาอีกจนได้


ผมจึงเอาหนังสือนิยายของแม่มาอ่านฆ่าเวลา เพราะไม่ใช่นิยายรักหวานแหววนะ แต่มันเป็นหนังสือชุดรวมเรื่องเฮฮาในวัยเรียนจากนักเขียนชื่อดังนามว่าหยาดน้ำฟ้า ซึ่งเคยเป็นรุ่นพี่ของแม่สมัยม.ปลายด้วย


แน่นอนว่ามันคงดีกว่าการทนดูละครน้ำเน่าแบบนี้เป็นกอง แต่ผมไม่อยากพูดด้วยที่ไม่อยากมานั่งทะเลาะกับพี่อีก เราก็โตๆกันแล้วนี่นะ อีกอย่างคือเมื่ออ่านแล้วทำให้นึกถึงบรรยากาศโรงเรียนสมัยก่อนได้ทันที กับจำนวนนักเรียนที่เยอะแถมชอบการคุยเป็นชีวิตจิตใจจนอาจารย์ยังส่ายหน้า


แต่สมัยผมคงไม่มีบรรยากาศแบบนั้นอีกแล้ว เพราะนักเรียนต่อห้องมีแค่ 40 คนเท่านั้นเอง


ผมหันไปทางหน้าบ้านเพราะมีเสียงหมาเห่า และเสียงรถที่แล่นเข้ามาด้วย เสียงของมันดูไม่คุ้นหูเอาเสียเลย เนื่องจากไม่ใช่รถของเพื่อนบ้านละแวกนี้แน่ๆ


"มีใครมาหาหรือเปล่าน่ะ?" พี่ชลละสายตาจากจอโทรทัศน์ก่อนจะหันมาถามผมที่ส่ายหน้าอย่างไม่รู้เรื่อง "ไม่รู้สิฮะ"


แล้วก็ได้คำตอบเนื่องจากเสียงกริ่งที่ดังขึ้น แม่จึงลุกขึ้น "ใครกันนะ?" ก่อนจะออกไป และไม่นานนักแม่ก็กลับมา ด้วยสีหน้าเรียบพร้อมชายคนหนึ่งที่เดินตามมาด้วย... คนที่ผมเห็นเมื่อตอนกลางวันนี่นา!!


"โย ชล... พวกเราขึ้นบ้านไปก่อน เดี๋ยวแม่มีเรื่องต้องคุยกับแขกนะ" แม่กล่าวขึ้นหลังจากเราสองคนไหว้ชายคนนั้นตามมารยาทแล้ว
ส่วนผมกับพี่ชลเมื่อขึ้นบันไดแล้วก็ยังไม่กลับเข้าห้องของตน แต่กลับแอบฟังด้วยความสนใจใคร่รู้ หรือที่เรียกกันว่าส.ใส่เกือกนั่นแหละ ก็คนมันอยากรู้นี่นา


"คุณมาที่นี่ได้ยังไงกัน?" แม่ถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ซึ่งผมรู้ได้แม้จะไม่ต้องดูสีหน้าท่าทาง


"คุณเคยบอกว่าแม่ของบลูยกบ้านให้ไม่ใช่เหรอ? นี่ผมก็เกือบลืมแล้วนะว่าบ้านนี้อยู่ไหน ไม่ได้เข้าไปอย่างน้อยก็ยี่สิบเก้าปีแล้ว คุณไม่ได้ต่อเติมอะไรเลยด้วยนี่"


"ใช่ ฉันตัดสินใจอยู่ที่นี่เพราะคุณคงคาดไม่ถึงหรอกว่าจะมาอยู่ในบ้านของเพื่อนที่ตายและสนิทที่สุดอย่างพี่บลูได้สักวัน อย่าลืมล่ะว่าเขาตายอย่างน่าเจ็บปวดที่สุด... และฉันเองก็เสียใจพอกันแหละตอนที่พิ้งค์ตายตามหลังจากนั้น และยังมีเรื่องของคุณเข้ามาอีก" ผมเริ่มรู้สึกเหมือนมีบางอย่างจุกที่ลำคอ ในตอนที่แม่พูดถึงคนที่ชื่อบลู และยังมีคนที่ชื่อพิ้งค์อีก


"ผมก็เสียใจ..." เสียงของเขาเริ่มมีทีท่าอ่อนลง แต่แม่ก็ได้ทีโวยกลับอีก "คุณรู้มั้ย? ตั้งแต่ที่ต้องจากมาอยู่คนเดียว โดยที่คุณยังทิ้งยัยชล แล้วก็นายโยที่ยังไม่รู้ว่าเขาเพิ่งปฏิสนธิได้ไม่นานไปแบบนี้ ฉันต้องเจอกับอะไรบ้าง ทั้งหางานไม่ได้ ยังต้องลำบากญาติพี่น้องที่ไม่ค่อยมีใครเต็มใจช่วยอีก แล้วนี่จะกลับมาในวันที่ฉันสบายดีแล้วอย่างนั้นเหรอ? ถ้ารู้ว่าจะต้องเป็นแบบนี้ รุ่นน้องอย่างฉันคงจะไม่อยากจะรักคนที่ชื่อต้นและยังเป็นรุ่นพี่ที่เคยทั้งเก่งและมีน้ำใจช่วยฉันแบบนี้หรอก!!"


ผมนิ่งอึ้งไป... นี่เขาคือพ่อของผมอย่างนั้นเหรอ? เมื่อหันไปทางพี่ชลก็เห็นเธอซึมลงไป ทำให้ผมต้องเข้าไปปลอบ "เอาน่าพี่..."


พี่ชลยิ้มเศร้าๆ "รู้มั้ยโย... ตลอดชีวิตที่ผ่านมา พี่ยังเคยมีพ่อในความทรงจำอยู่เสมอ แต่ไม่คิดว่าท่านทั้งสองจะเกิดปัญหากันแบบนี้ มันน่ากลัวนะ"


"แต่มันก็คงเป็นกรรมที่ลิขิตเรายังไงล่ะครับ บางคนอาจจะรักกันมา เป็นเนื้อคู่มาหลายชาติ แต่อาจจะต้องพรากจากกันแบบนี้ ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว...ถ้ามันเป็นของเราจริงๆ ยังไงก็ต้องกลับมาครับ" ผมพูด โดยที่ยังไม่รู้ว่าเรื่องที่พูดนี้ผมทราบมาได้จากไหน? แต่มันแวบมาในสมองเองนะ


พี่ชลยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัวผม "แหมนายโย โรแมนติกซะไม่มีเชียวนะ เหมือนนิยายที่แม่เพิ่งเก็บเข้าชั้นนี่เอง อะไรปาฏิหาริย์รักนะ?" ผมร้องอ๋อทันที นิยายที่มากับสมุดบันทึกนั่นเอง... ปาฏิหาริย์รักเคียงรั้ว ที่ผมยังไม่เคยอ่าน และมัวแต่อ่านเรื่องปาฏิหาริย์รักรั้วสวนนนท์ของบลูและพิ้งค์ที่ตายจากไปอยู่นั่นแหละ ซึ่งตอนนี้มันก็หายไปแล้ว


ก่อนจะเงี่ยฟังเสียงของพ่อและแม่ต่อ รู้สึกไม่ชินกับคนที่เป็นพ่อแท้ๆที่ผมไม่เคยเจอหน้ามาก่อนเลยแบบนี้ ตลอด 16 ปีที่ผมถือกำเนิดมาเลยเชียวนะ… คราวนี้พ่อเป็นฝ่ายพูดบ้าง


"ควีน... ผมรู้ว่าคุณไม่อยากต้องเจ็บอีก แต่ลูกๆควรจะมีพ่อของเขานะ"


++++++++++++++++++++++++++

โปรดติดตามตอนต่อไป (เลื่อนลงไปสิจ๊ะ 55+ ใจดีในโค้งสุดท้ายเลยนะเนี่ย)

สังเกตได้ว่าคนเขียนมันเอาตัวเองมาเอี่ยวอีกแย้ว =w="" ในฐานะนักเขียนชื่อดัง เหอๆ


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#141 2008-08-25 17:46:45

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

- Chapter 43 : Favorite Novel -


"เฮ้ยข้าวปั้น บ้านฉันกำลังมีข่าวใหม่แหละ" เฟย์พูดขณะที่เรากำลังเดินอยู่บนบาทวิถีเพื่อไปเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ และเพื่อไปซื้อของใช้จำเป็นก่อนเปิดเทอม


"เรื่องอะไรเหรอ? พ่อแม่แกมีแผนไปฮันนีมูนรอบที่สิบรึไง" ฉันหันไปกัด เนื่องจากพ่อแม่ของยัยเฟย์ที่รักกันยาวนานกว่ายี่สิบปีก็มีแผนฮันนีมูนได้หลายครั้งแล้ว แน่นอนว่าเธอค้อนฉันควับๆทันที "บ้าเรอะ เรื่องของลุงฉันย่ะ เขากำลังไปเคลียร์กับอดีตป้าสะใภ้ แล้วลูกชายลุงฉันก็คือพี่โย สต๊าฟที่น่ารักของฉันนั่นแหละ เฮ้อ... เป็นญาติกันแบบไม่คาดคิดซะงั้น"


ฉันหัวเราะ แต่ก็รู้สึกสะกิดใจชอบกลที่เฟย์พูดถึงพี่โย หวังว่าพี่เขาจะหายเจ็บมือเร็วๆนะ และฉันก็ไม่แน่ใจด้วยว่าสมุดบันทึกเล่มนี้มันจะใช่ของเขาด้วยหรือเปล่า เพราะไม่เห็นตอนที่มันตกออกมาจากกระเป๋า แต่มาเห็นตอนที่มันตกอยู่ใต้โต๊ะแล้ว


เมื่อมาถึงเซ็นทรัลแล้ว เราสองคนก็เดินไปยังบีทูเอส เพื่อซื้อปากกาสีและลิควิด รวมถึงสมุดจดงานน่ารักๆสักเล่ม ก่อนจะแวบไปดูหนังสักเรื่อง แล้วจึงไปกินไอศกรีมกัน


และที่ร้านไอศกรีมนั่นเอง... เราสองคนก็เจอพี่โยที่หน้าร้านก่อนจะเข้าไปพอดี "อ้าว! พี่โย" ยัยเฟย์รีบทักทันที สายตาเป็นประกายที่เคยมองเขาในตอนนี้ไม่เหลือแล้ว เพราะเป็นญาติกันนั่นเอง


เขายิ้มอย่างดีใจ "น้องข้าวปั้นนี่นา หวัดดีครับ แล้วก็น้อง...เอ่อ..." คราวนี้เขาจำเฟย์ไม่ได้ ก็สมควรแหละเพราะเขาดันไปห้องพยาบาลตอนเธอออกมาแนะนำตัว เธอหัวเราะคิกคักก่อนจะเฉลย "เฟย์ค่ะ หลานลุงต้น พ่อพี่ยังไงล่ะคะ"


พี่โยพยักหน้า "ครับ พ่อพี่บอกมาแล้ว ไม่คิดว่าจะเป็นเรานี่เอง เพิ่งรู้ว่ามีญาติก็วันนี้แหละนะ แหะๆ" ฉันยิ้มแหยๆ ด้วยที่ไม่สามารถเข้าไปแทรกได้เลย ซึ่งทำให้รู้สึกคิดถึงบันทึกของบลูขึ้นมาทันที...


หลังจากที่ฉันอ่านในวันที่เก็บมาได้แล้ว ในคืนนั้นก็ยังคงฝันประหลาดเช่นเคย แต่ยิ่งกว่านั้นคือฉันฝันว่าตัวเองนั่งรถบัส ทิวทัศน์รอบนอกเป็นภูเขาในเวลากลางคืน น่าจะอยู่ในแถบภาคเหนือ และจู่ๆ... ก็เกิดไถลตกข้างทางซึ่งเป็นเหว ท่ามกลางเสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัวของผู้โดยสาร แต่ฉันกลับไม่เกรงกลัวแม้แต่อย่างใด ก่อนจะไม่รู้สึกตัวอีกเลยจนกระทั่งสะดุ้งตื่นขึ้นมา


ยิ่งทำให้นึกถึงหน้าสุดท้ายของบันทึก... คนชื่อพิ้งค์ก็ตายเพราะรถทัวร์ตกเหวนะ และจากเหตุการณ์ที่ฝัน มันก็ดูแปลกๆ แล้วบันทึกก็ไม่ได้มีรายละเอียดอะไรมากเลย น่าจับคนชื่อบลูมาคาดคั้นเป็นยิ่งนักว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้น!!


วันต่อมาฉันจึงไปหอสมุดแห่งชาติเพื่อหาข่าวเกี่ยวกับการตายของคนในบันทึก ตั้งแต่ข่าวของบลูที่ตายและลงข่าวเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2552 มีใจความว่าตายเพราะถูกมือปืนตามประกบและยิงจนได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะไปสิ้นใจที่โรงพยาบาล... เหมือนกับความฝันของฉันเลย ภาพที่เกิดเหตุนั่นก็ใช่อีก


ส่วนข่าวของพิ้งค์ในอีก 11 ปีถัดมา เธอตายเพราะรถทัวร์เสียหลักตกเหวจริง มีชื่อของพัชราภา เศวตไชยชาญจริงด้วย... คนทั้งสองคงตายไปแล้ว ตั้งแต่ฉันยังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ แต่มันเหมือนกับปริศนาบางอย่างที่ฉันรู้สึกว่าจะต้องไขให้ได้ว่ามันคืออะไร


"ข้าวปั้นๆ เข้าไปกันได้แล้ว" เฟย์หันมาเรียกฉันซึ่งมัวครุ่งคิดอยู่กับเรื่องพิ้งค์และบลู ก่อนจะต้องรีบตามเธอเข้าไปโดยพลัน โดยมีพี่โยตามไปติดๆ เพราะเขาอาสาเลี้ยงไอศกรีมพวกเรา ในฐานะที่เป็นพี่ชาย(ไม่แท้)คนใหม่ของยัยเฟย์น่ะสิ เพราะเธอก็มีพี่ฟิล์มอยู่แล้ว พี่ชายแท้ๆน่ะนะ


เรานั่งลงยังโต๊ะของตนเอง มีบริกรสาวยื่นเมนูมาให้เราเลือก แน่นอนว่าระหว่างเลือกก็คุยกันไปด้วย "พี่โยคะ ขึ้นม.4 แล้วงานจะเยอะมั้ย? เห็นเขาว่าขึ้นม.ปลายลำบากกว่าม.ต้นอีกนะ" เขาหัวเราะอย่างเอ็นดู "ใช่เลย ลำบากกว่าม.ต้นแน่ๆ แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ เดี๋ยวก็ชินไปเองแหละ ส่วนพี่สิ ม.5 งานคงเยอะน่าดู พี่แพทก็ไซโคมาอีก"


เฟย์ทำหน้าแดงเมื่อได้ยินคำว่าพี่แพททันที ส่วนพี่โยก็หันมาสัพยอกฉัน "นี่พี่ก็เจอน้องข้าวปั้นบ่อยแล้วนะ อะไรบันดาลให้รู้จักกันเนี่ย?" ฉันหัวเราะทันที


(มีต่อ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#142 2008-08-25 17:52:16

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

"ก็พี่โยนั่นแหละ ดันเลือกข้าวปั้นมาแนะนำตัวซะงั้น เลยได้เจอกันบ่อยไง สม!!" ฉันหันไปแซวกลับ ก่อนจะรีบยุติศึกเมื่อไอศกรีมมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ มีสองถ้วยที่เป็นแบบเดียวกันเลย แน่นอนว่าอันหนึ่งเป็นของฉัน ส่วนพี่โยก็อุทาน


"แหม กินเหมือนพี่เลยแฮะ ไอศกรีมชุดโปรดของพี่นะเนี่ย" ฉันหน้าแดง "ข้าวปั้นก็ชอบเหมือนกันแหละค่ะ อะไรจะใจตรงกันขนาดนี้" และฉันก็ใช้ช้อนตักไอศกรีมเข้าปากอย่างสุขใจ จนลืมหันไปร่วมวงสนทนากับเฟย์และพี่โยที่คุยกันอย่างสนุกสนาน


ก่อนจะเงยหน้าขึ้นได้เพราะโดนเผา "ยัยข้าวปั้นน่ะ เวลากินแล้วลืมคุย ลืมทุกอย่างเลยล่ะค่ะ ต้องทำใจนะคะแต่เฟย์ชินแล้ว" และกระแอมสักสองที ถ้าไม่ติดว่ามีพี่โยอยู่นะจะตักไอศกรีมเข้าปากเธอแทน ดังที่ชอบทำเวลาอยู่ในโรงเรียน(เก่า) เพราะบางวันจะมีพวกบางอย่างในกับข้าวที่ไม่ชอบ เช่นก้านคะน้าอันขมปี๋ หรือกุนเชียงที่หวานเกินไป แน่นอนว่าพอฉันกินและเขี่ยกับข้าวไปด้วย พอเฟย์ขัดฉันก็จะจัดการตักใส่ปากเธอแทน เพราะเห็นกินได้ทุกอย่างนะ


พี่โยหัวเราะ "เอาน่า เวลากินน่ะตั้งใจกินมันก็ถูกอยู่แล้ว คุยไปกินไปก็เคี้ยวข้าวไม่ละเอียดพอดี ไม่ดีต่อกระเพราะอาหารนะ" โอว...ขอบคุณค่ะพี่โยที่ช่วยปกป้องข้าวปั้น ฉันล่ะชักชอบเขาขึ้นมาเสียแล้วสิ ชอบแบบพี่ชายนะ ไม่ใช่มากกว่านี้


และฉันก็เป็นลูกคนเดียวด้วยแหละ มีพี่ชายสักคนก็ท่าทางน่าสนุกดีนะ


"เออใช่ เดี๋ยวจะมีโครงการนิยายรักรางวัลเด่นไม่ใช่เหรอข้าวปั้น? เห็นต้องมีขั้นตอนสมัคร แล้วด่านแรกยังต้องมีเขียนถึงนิยายที่ประทับใจสุดๆอีกด้วยนะ เพิ่งเจอในเว็บไซท์นี่เอง ไปดูในเว็บหยาดน้ำฟ้าออนไลน์สิ" เฟย์หันมาเล่า ทำให้ฉันหันไปฟังอย่างสนใจ... ฉันรักการเขียนมากเลยนะ แต่มันต้องมีนิยายที่ประทับใจสุดๆด้วยอย่างนั้นเหรอ?


"เหอ... นิยายที่ชอบที่สุดเหรอ ฉันไม่มีเลยอ่ะเฟย์" ฉันสารภาพเสียงอ่อย ก่อนจะก้มหน้ากินไอศกรีมต่อไป มันเป็นความจริงนี่นาที่ฉันยังไม่เคยรู้สึกชอบนิยายเรื่องไหนมากๆมาก่อน มีแค่ความอยากอ่าน ความน่าอ่านเท่านั้น


แต่การเขียนนิยายก็เป็นสิ่งที่ฉันเคยใฝ่ฝันมานี่นา?


ก่อนจะรู้สึกนึกชื่อหนึ่งออก... "ปาฏิหาริย์รักเคียงรั้ว" มันแวบขึ้นมาในหัวสมอง ซึ่งทำให้ฉันนึกออกได้โดยพลัน นิยายเรื่องนี้ถูกตีพิมพ์มาเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน และเป็นที่นิยมมากจนเคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ด้วย ในสมัยของบลูและพิ้งค์แน่ๆ


นั่นไง!! มันต้องมีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสองคนนั่นแน่ๆ ฉันคงต้องรีบไปตามหามันเสียแล้ว และฉันก็ลุกขึ้น "ข้าวปั้น มีอะไรเหรอ?"


ฉันยิ้ม ก่อนจะตอบเฟย์ที่ถามเมื่อสักครู่ "อืม... เพิ่งนึกได้ว่ามีธุระด่วน ขอตัวกลับก่อนนะ บ๊ายบายจ้าเฟย์ พี่โยด้วยค่ะ" และรีบออกไปจากร้านอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายตาพิศวงของคนทั้งสอง และคนอื่นๆในร้านด้วย


ฉันออกจากห้างและข้ามสะพานลอยเพื่อรอรถสาย 166 เพื่อไปยังอนุสาวรีย์ชัยซึ่งมีร้านหนังสือเก่าเจ้าประจำ แม่ของฉันชอบไปดูอยู่บ่อยๆ แต่ฉันว่ามันคงต้องหลงเหลืออยู่บ้างแหละนะ


เมื่อขึ้นรถได้ก็นั่งดูวิวไปเรื่อยๆ เนื่องจากรถแล่นอยู่บนทางด่วน ตึกรามบ้านช่องสูงตระหง่านมากมายดูธรรมดาเสียจริง... แต่เมื่อสามสิบปีก่อนนั้น ไม่ทราบได้เลยว่ามันเคยเป็นมาอย่างไรก่อนบ้าง


และเมื่อถึงจุดหมายปลายสาย ฉันก็รีบเดินฝ่าฝูงชนเพื่อไปตามทางที่คุ้นชิน จนกระทั่งเจอร้านหนังสือเก่าที่เคยมาบ่อยๆนั่นเอง มีป้าคนหนึ่งเป็นเจ้าของร้าน


"สวัสดีหนู ต้องการอะไรเอ่ย?"


"นิยายเก่าเรื่องปาฏิหาริย์รักเคียงรั้วค่ะ ไม่รู้จะยังหลงเหลืออยู่อีกมั้ยคะ?" ป้ายิ้มทันทีราวกับระลึกได้ "แหม... นิยายเกาหลียุคก่อนนี่เอง สมัยป้าเนี่ยก็ฮิตๆกันอยู่เลยนะ เนื้อเรื่องซับซ้อนและซึ้งเหนือคำบรรยาย มีเก็บไว้อยู่สองเล่มน่ะ อยู่ที่ป้านี่เอง" ก่อนจะก้มลงยังใต้โต๊ะเพื่อหยิบหนังสือที่ฉันต้องการ หน้าปกหวานเป็นรูปชายหญิงยืนพิงรั้วคนละด้าน สภาพไม่เก่านัก คงจะถูกเก็บรักษามาเป็นอย่างดี


"ร้อยบาทจ้ะ ถูกกว่าราคาเดิมนะ" ฉันหยิบกระเป๋าสตางค์เพื่อหยิบเงินจ่ายป้าจนครบจำนวน ก่อนจะรับหนังสือมา รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้เห็นหนังสือเล่มนี้


และท่ามกลางท้องฟ้าอันมืดครึ้มและบรรยากาศยามเย็นนั่นเอง ก็ทำให้รู้ว่าถึงเวลาจะต้องกลับบ้านแล้ว ฉันจึงรีบวิ่งไปขึ้นรถสาย 166 ทันทีอย่างไม่รีรอ


+++++++++++++++++++++++++++++++++

ทั้งสองกำลังตามหาชิ้นส่วนของความทรงจำในชาติภพก่อนที่หายไป (แล้วมันไปไหน?)

ส่วนจะเจอได้เมื่อไหร่นั้น ตามอ่านได้ทุกวันเลยค่ะ ^__^ หุหุ

อีกไม่กี่ตอนก็จะรู้แล้วค่ะ ละก็ถึงจุดจบ เอ๊ย!! ตอนจบสักที 55+



ปล.เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะตอนนี้ยังสร้างไม่เสร็จอะนะ =w="" เสร็จปีหน้านู่น (ในเรื่องมันปาไป 29 ปีแล้วไง) แต่ในอนาคตอาจเป็นที่เที่ยวของชาวสวนนนท์ 55+ เรื่องมีแหล่งกวดวิชาอาจเอี่ยวกันไม่มากเมื่อเทียบกับการไปเดอะมอลล์

แต่ถ้ามีรถจากติวานนท์ไปแจ้งวัฒนะหรือเปิดประตูหลังอีกครั้ง คงมีคนยอมไปเยอะขึ้นนะ หุหุ ^__^ (โปรดดูเซ็นลาดเป็นตัวอย่าง... เอ่อ นั่นมันแค่ข้ามถนนจากโรงเรียนของสุดที่รักคนเขียนก็ถึงแล้วอ่ะ ไม่นับแล้วกันนะ 555+)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#143 2008-08-26 17:43:23

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

วันนี้หลังจากไปหาหมอ ได้ยามาเป็นกระบุง ก็ดีขึ้นแล้วค่ะ lol

กลับมากินน้ำเย็นได้เหมือนเดิม ถึงจะยังมีเจ็บคออยู่นิดๆก็ตาม - -""

แล้วก็... มีคนๆนึงประสงค์อยากแฮคเว็บไซท์พี่ในอนาคตด้วยแหละ 555+ ยังมาบอกตอนอยู่ร้านถ่ายเอกสารเล้ย ใครหว่าๆ?

(วันนี้เพื่อนอยู่ด้วย เลยถูกทักว่าหน้าเหมือนกัน โฮกกก ไม่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดเล้ยย =__= ดันเหมือนได้อีก 55+)

++++++++++++++++++++++++++++


- Chapter 44 : In My Memory -


หลังจากเหตุการณ์ของคนที่ผมจะต้องเรียกว่า "พ่อ" มาหาแม่ถึงบ้านแบบนี้ แม่ก็ดูจะมีทีท่าอ่อนลงไปเลย เมื่อการคุยจบสิ้นลงแล้วในคืนนั้น ผมกับพี่ชลก็ลงมาหาแม่ในตอนที่พ่อกลับไป


แม่ยิ้ม "อ้าวชล โย ยังไม่ไปนอนอีกเหรอ?" พี่ชลเข้าไปกอดแม่และสะอื้นทันที "แม่ขา... นี่พ่อมาหาพวกเราจริงๆเหรอคะเนี่ย?" ส่วนผมทำได้แค่มองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งมืดสนิทไม่มีอะไรเลย ฝ่ายแม่ก็ทำได้แค่ปลอบพี่ชล ด้วยที่อย่างน้อยก็ยังเคยมีความผูกพันกับพ่อมาบ้าง ไม่เหมือนผมที่ไม่เคยรู้ว่าพ่อมีตัวตนอยู่เลย


"เอาน่า ตอนนี้พ่อก็เข้าใจพวกเราแล้ว แต่แม่ก็ยังไม่อยากรีบกลับไปหาหรอก คนที่อยู่มาได้ด้วยตัวเองตั้ง 17 ปี จะรีบกลับไปหาหลักปักฐานแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำใจได้ง่ายๆนะ"


พี่ชลปาดน้ำตา "แต่... พวกหนูก็ลำบากใจนี่คะ ตลอดเวลาตั้งแต่ประถม ถึงงานวันพ่อทีไรเราก็ต้องอึ้งเพราะหาคำตอบเกี่ยวกับพ่อไม่ได้อยู่ดี แล้วนามสกุลที่พวกหนูใช้ก็ไม่ใช่ของแม่ด้วย แถมยังมีคนมาทำท่าแปลกๆเมื่อได้ยินอีก" ผมถอนหายใจ ผมว่าผมรู้ความจริงนี้นะ


"เพราะพ่อเคยเรียนที่สวนนนท์ และเคยเป็นประธานนักเรียนไงพี่ชล ไม่แปลกหรอกที่ใครๆจะมองเรากันอย่างนั้น โดยเฉพาะพี่ที่เคยเป็นกน.ด้วย" ผมหันไปอธิบายให้พี่ชลฟัง เธอยิ้มออกมาได้ "มิน่าล่ะ... ดีนะที่ไม่ใช่ประธานด้วย ไม่อย่างนั้นคงลำบากใจน่าดู โดนว่าอีกว่าเคยมีพ่อเป็นถึงประธานแล้วไม่รู้ได้ยังไงขึ้นมาก็แย่สินะ"


แม่หัวเราะเบาๆ "นั่นสิ แม่ขอโทษจ้ะลูกที่ไม่เคยเล่าเลย เพราะทิฐิทำแม่แท้ๆ ถึงต้องให้ลูกๆต้องลำบากใจกันแบบนี้" พูดจบก็เข้ามากอดผมและพี่ชล ก่อนจะยิ้มอย่างเศร้าๆ


หลังจากวันนั้นผ่านไป ผมก็รู้สึกได้ว่าแม่กับพ่อก็เริ่มกลับมาคุยกันได้อีกครั้ง ดังนั้นผมจะเห็นแม่โทรศัพท์คุยกับพ่อแทบจะทุกคืน "ใช่ๆ นายโยเขาน่ะเหรอ? วาดรูปเก่งนะ ชอบมาตั้งแต่เด็กๆ จนตอนนี้เห็นอยากเป็นสถาปนิกด้วย"


ผมที่เดินเอาเสบียงยามดึกมาเผื่อพี่ชลที่นั่งดูละครอยู่ในห้องนั่งเล่นถึงกับเกือบสำลักคุกกี้ที่เคี้ยวอยู่ในปากเลยทีเดียว ระหว่างที่เดินผ่านห้องทำงานของแม่ แอบเผาผมกันหรือเนี่ย?


ก่อนจะต้องเงี่ยหูฟังเพราะคำพูดหนึ่งที่แม่อุทาน... "จริงเหรอคุณ! เขาเหมือนพี่บลูอย่างนั้นเหรอ?" ผมยังจำได้นะว่าในบันทึก บลูเขียนว่าเขาก็อยากเรียนสถาปัตย์ แต่มันเกี่ยวกับผมที่ชอบอะไรๆเหมือนกันตรงไหนเนี่ย


"ตอนเด็กๆเหรอ? โยเขาชอบวาดรูปพวกบ้านอะไรแบบนี้แหละ ชอบเอาไปอวดคนโน้นคนนี้ ยังมีภาพนึงนะที่เขาบอกว่ามันเป็นภาพบ้านในฝัน ฉันเก็บไว้ด้วยแหละ แล้วก็ยังมีภาพเด็กผู้หญิงชุดสีชมพูอีก อันนั้นมันดูเหมือนพิ้งค์ด้วยนะเท่าที่เห็น... อ่าฮะ ไว้พรุ่งนี้คุณมาบ้านสิ ยัยชลเขาอยากเห็นคุณนะ เธอต้องการพ่อ แต่นายโยดูจะเฉยๆ คงไม่แปลกหรอกเพราะไม่เคยรับรู้ว่ามีพ่อ ไม่เหมือนพี่เค้า"


ผมเดินออกไปด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก จะว่าเฉยๆก็เฉยนะที่แม่ควรจะเล่าเรื่องพวกเราให้พ่อฟัง แต่การที่พวกเขาพูดถึงเรื่องพิ้งค์กับบลูมันก็ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ


ตอนเด็กๆ ผมเคยฝันเห็นเด็กสาวในชุดสีชมพู ยิ้มให้ผมอย่างเอ็นดู ผมหยักศกสีเข้มนั้นทำให้ผมรู้สึกชอบนะ เธอเป็นเหมือนพี่สาวที่น่ารัก แต่เสียดายที่ตอนนี้ไม่ได้ฝันถึงเธอแล้ว


และก็จำได้เมื่อเห็นรูปของเธอในกล่องขนมลายดอกกุหลาบนั่น!! เธอคือพิ้งค์ คนที่เขียนบันทึกในช่วงหลังนั่นเอง แล้วเธอก็ตายไปตอนก่อนที่ผมจะเกิดมา


เสียดายที่ผมไม่สามารถรักษาบันทึกนั่นไว้ได้ แม้เหตุการณ์จะผ่านมาหลายวันแล้ว อีกอย่างนึงคืออีกสองวันจะเปิดเทอมแล้วด้วย ชีวิตของเด็กม.5 อย่างผมคงต้องดำเนินต่อไป


หลังจากที่ผมเอาขนมให้พี่ชลแล้ว ก็ตัดสินใจขึ้นห้องไป ก่อนจะหยิบกล่องขนมใบนั้นออกมาเปิดดู นอกจากรูปของคนทั้งสอง ยังมีหนังสือนิยายอีกหนึ่งเล่มที่ผมหยิบมาจากชั้นล่าง... ปาฏิหาริย์รักเคียงรั้ว แน่นอนว่าผมยังไม่เคยเปิดอ่าน แต่วันนี้กลับรู้สึกอยากอ่านขึ้นมาทันที


ผมตัดสินใจเปิดหน้าหนังสือ มีกระดาษหนึ่งแผ่นตกลงมา มันดูเก่ามาก... และเหลืองกรอบตามกาลเวลา แต่ข้อความนั้นยังคงไม่รางเลือนและเก่าไปด้วยเลย


"...Is it love? Why I care her so much..."


"...กลับไปคิดให้ดีก่อนนะ อย่ามาซื่อบื้อเลย เดี๋ยวมารู้ตัวสายไปก็น้ำตาตกใน แล้วก็จะมาเขียนระบายอีก แบร่ๆ tongue..."


(มีต่อ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#144 2008-08-26 17:45:06

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

หมึกที่เคยเป็นสีชมพูในข้อความที่สองนั้นถูกกาลเวลาทำให้กลายเป็นสีคล้ำๆ เมื่อเพ่งอ่านไปสักพักก็รู้สึกว่าหมึกเริ่มมีสีสดใสขึ้น กระดาษก็เริ่มขาวตาม และผมก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงจ้อกแจ้กจอแจไปด้วย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องพบกับห้องเรียนห้องหนึ่งที่มีโต๊ะนั่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 6 คนโดยประมาณ ข้างตัวผมมีบุรุษนายหนึ่งชอบจ้อ


พอหันไปดูเท่านั้นแหละ... นี่มันพ่อของผมนี่นา!! ในตอนนั้นยังดูเป็นหนุ่มม.6 อยู่เลย และผมก็พลิกมือขึ้นดู นาฬิกาสายหนังสีดำ และริสแบนด์ชมพูฟ้าที่ผมไม่คุ้นตา ในมือมีกระดาษที่เพิ่งเขียนด้วยหมึกปากกาน้ำเงินสดๆร้อนๆ "...Is it love? Why I care her so much..."


ก่อนจะขยุ้มกระดาษแล้วยัดไว้ใต้โต๊ะ มีอาจารย์สอนอยู่หน้าห้อง เมื่อดูจากความรู้บนกระดานก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นวิชาเคมี
และผมก็ได้สติอีกครั้งหนึ่ง... ผมยังคงนั่งอยู่บนเตียงในห้องนอนของตัวเอง มือหนึ่งถือกระดาษแผ่นนั้น ข้างตัวมีหนังสือนิยายปาฏิหารย์รักเคียงรั้ววางไว้ กระดาษนั้นยังคงมีสภาพเหลืองเก่า แล้วภาพที่ผมเห็นเมื่อสักครู่นั้นคืออะไรกันนะ?


ผมจึงหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอีกครั้ง นึกสงสัยว่าทำไมแม่ถึงเอามันมารวมไว้กับบันทึกและรูปภาพของคนทั้งสอง คำนำของคนเขียน อุทิศถึงฮันยาและซุนโย(นามสมมติ)ที่เป็นต้นแบบและทุกเรื่องราวของนิยายเล่มนี้


ทั้งหมดนี้...เป็นเรื่องราวของคนสองคนที่ฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างจนรักกันได้ แต่ฝ่ายชายดันตายไปเสียก่อนท่ามกลางความเสียใจของฮันยา นางเอกเรื่องนี้ และพบกันใหม่ในภพต่อมา ซึ่งผมเริ่มรู้สึกสะกิดใจในช่วงท้าย


...เซเคียวหันไปมองยังบุรุษที่ช่วยเธอไว้ ก่อนจะรู้สึกสะกิดใจบางอย่าง เขาช่างดูคุ้นเคยเสียนี่กระไร โดยเฉพาะเสียงทักทายของเขาที่เอ่ย "เป็นยังไงบ้างครับ ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม?" ทำให้เธอรู้สึกราวกับมีอัศวินม้าขาวเข้ามาช่วยยังไงยังงั้น


ชายหนุ่มเองก็รู้สึกถึงความผูกพันนี้ ซึ่งไม่เคยพบได้เลยว่ามันมาจากไหน กับหญิงคนอื่นที่เขาเคยคบหาก็ไม่เป็นเช่นนี้ แต่รู้สึกเลยว่าเธอคนนี้แหละคือคนที่ใช่...


ในตอนที่ซุนโยและฮันยากลับชาติมาเกิดใหม่แล้วพบกัน จะมีความยาวอยู่หลายตอน เพราะพระเอกในภพใหม่ที่เป็นรุ่นพี่แสนดี ก็มีแฟนและเคลียร์กันได้ กว่าจะกลับมารักกันใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ผมชอบไพ่ที่นางเอกเจอแล้วระลึกถึงชาติภพก่อนได้เลยนะ


ผมปิดหน้าหนังสือก่อนจะถอนหายใจ แล้วจึงร้องเฮ้ยออกมาเมื่อดูนาฬิกา ตีสี่แล้วนี่หว่า!! สิ่งที่ผมตัดสินใจทำตอนนี้คือการนอนนี่แหละ เพราะพรุ่งนี้ต้องเตรียมของเพื่อจะไปโรงเรียนแล้วนะ เรื่องตามหาอดีตชาติแบบฮันยาและซุนโยในชาติภพใหม่คงต้องพักไว้ก่อน ว่าแต่ชาติภพก่อนผมมันมีอะไรนะ ถึงทำให้ตอนนี้ต้องมีแต่เรื่องที่ต้องพบเจอ


หรือว่า... ผมจะเคยเป็นบลูมาก่อน??


ความคิดนี้แวบขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ผมจะหลับลงไป...


เมื่อรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองอยู่ในโรงเรียน แต่บรรยากาศมันไม่ใช้ยุคของ 2580 ในตอนนี้อย่างแน่นอน ตึกใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จก็ยังไม่มีอะไรตกแต่ง บรรยากาศก็ดูเก่าๆ และผมก็ยืนอยู่ที่หลังสแตน มองไปทางขวาก็เป็นห้องกน. มีเด็กสาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาทางผม ส่วนผมก็เข้าไปหาเธอแล้วเราก็กอดกัน ผมหยักศกของเธอ และหน้าตาใสๆ ตาโตๆแบบนี้ทำให้ผมนึกได้ทันที...เธอคือพิ้งค์!!


"พี่บลู..." เธอเรียกผมพร้อมกับสะอื้น มันทำให้รู้สึกใจวูบลงไปโดยพลัน "พี่คิดถึงพิ้งค์มากนะรู้มั้ย... เห็นเราร้องไห้ทุกวันแบบนี้แล้วไม่เคยสบายใจสักวันเลย" ผมรำพัน คำพูดนั้นมันทำให้ผมรู้สึกว่าผมเคยพูดมันมาก่อนแล้ว


ผมเอาคางเกยไหล่เธอไว้ รู้สึกถึงกลิ่นหอมๆจากตัวเธอ ทำให้รู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก อยากจะได้กลิ่นนั้นอีกครั้งถ้ามีโอกาสเจอ ทั้งที่รู้ว่าเธอตายไปตั้ง 17 ปีแล้ว...


แล้วก็ผละออกมาเพื่อปาดน้ำตาของเธอ "อีกแล้วนะ... พิ้งค์ร้องไห้แล้วไม่สวยทุกทีเลย" และผมก็บ่นไปด้วย เวลาเห็นน้ำตาของเธอคนนี้มันทำให้รู้สึกหวั่นไหวทุกที ก่อนจะหันมามองหน้าพิ้งค์อีกครั้ง เธอคือคนที่ใช่จริงๆด้วยแหละ


และก็รู้สึกแปลกๆ เมื่อมีเงาของใครสักคนซ้อนทับหน้าเธอ... เงานั้นคือน้องข้าวปั้น!!


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#145 2008-08-26 17:47:27

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ตอนใหม่แล้ววว~

อย่าอ่านเพลินก่อนล่ะ 555+

++++++++++++++++++++++++++++


- Chapter 45 : He's Right -


หลังจากเปิดเทอมมาไม่กี่วัน ฉันก็รู้สึกแปลกๆทันทีเมื่อเจอพี่โยเสมอ เพราะหลังจากที่ฉันอ่านนิยาย "ปาฏิหาริย์รักเคียงรั้ว" ที่ซื้อมาแล้ว ก็ทำให้ฝันแปลกๆในคืนนั้นทันที สองวันก่อนนั่นแหละ


ในความฝันคืนนั้น... ฉันฝันว่าอยู่ที่หลังสแตน และก็เข้าไปลาคนที่ชื่อบลู ในความฝันนั้นฉันทั้งดีใจและเสียใจพร้อมกัน เพราะรู้ว่าเขาตายไปแล้วแต่ก็เข้ามาลา


เหมือนกับในนิยายเรื่องนี้เป๊ะๆเลย... แต่ฉันก็กลับไม่กลัวและไม่สงสัยเลยด้วยซ้ำ แถมยังกล้าเข้าไปกอดแบบแนบชิดอีกต่างหาก ซึ่งฉันยังไม่เคยกอดผู้ชายคนไหนนอกจากพ่อเลยนะ


และเมื่อเขามาปาดน้ำตาให้ฉัน ก่อนจะบ่นอะไรสักอย่างก็ทำให้ฉันตกใจ เมื่อมองหน้าเขาแล้วเกิดเงาซ้อนทับขึ้น เงานั้นคือพี่โย... ไม่นะ!! เขาเป็นบลูกลับมาเกิดอย่างนั้นเหรอ?


ซึ่งทำให้ฉันไม่อยากเจอหน้าพี่โยอีกเลย ด้วยที่ว่ากลัวจะทำตัวไม่ถูก และฉันก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟังด้วย เพราะเรื่องแบบนี้อธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ไม่ได้... ไม่ได้เลยสักนิด


ส่วนบันทึกเล่มนั้น ฉันตัดสินใจพกติดตัวไว้ตลอด ทั้งที่รู้ว่ามันน่าจะเป็นของพี่โย แต่ฉันกลับไม่รีบไปคืน จะฝากเฟย์ไปด้วยก็คงไม่ได้ เพราะเธอไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระลึกชาติคนอื่นได้แบบนี้หรอก


และเมื่อเปิดเทอมผ่านมาแล้ว ระบบการเดินเรียนก็ช่วยเอื้ออำนวยให้ฉันยังไม่ต้องเจอพี่โย และยัยเฟย์ก็สนิทกับพี่แพทมากขึ้นแล้วด้วย การเรียนม.4 ในช่วงแรกแบบนี้ก็นับว่าแปลกใหม่อยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะการเดินเรียนซึ่งมีเวลาเบรกให้ 5 นาทีเพื่อไปห้องเรียนใหม่ในแต่ละคาบ ส่วนวิชาไหนเรียน 2 คาบติดกันก็สบายแฮ เพราะมีเวลาเพิ่มอีก 5 นาทีเชียวนะ


และเฟย์ก็มีข่าวความคืบหน้าของพี่โยมาฝากกันอีกแล้ว "นี่ข้าวปั้น ตอนนี้ลุงฉันกำลังจะขอคืนดีกับป้าสะใภ้แล้ว โอกาสดีกันได้สูงเหมือนกัน แต่ต้องค่อยๆเป็นค่อยไปแหละ" พูดจบเธอก็หัวเราะคิกคัก


"แล้วไงล่ะ" ฉันหันไปถาม


เธอยิ้ม "พี่โยจะได้มีพ่อสักทีไง น่าสงสารนะ เพราะเขาไม่เคยมีพ่อมาตลอดชีวิตของเขา ลุงฉันจากไปตอนที่เขายังไม่เกิดเลย" ฉันรู้สึกสงสารเขาขึ้นมาทันที ไม่เหมือนฉันสินะที่เกิดมามีพ่อมีแม่ และยังรักกันดีด้วย


แล้วความคิดฉันก็เปลี่ยนไป จากที่ไม่เจอก็เริ่มอยากจะเจอเขาและทำความรู้จักกันจริงๆบ้าง แต่ทำไมดูเหมือนโชคชะตาจะเล่าตลก ทำให้ฉันและเขาคลาดกันเสมอก็ไม่ทราบ


จนกระทั่งวันหนึ่ง ฉันตัดสินใจเดินเล่นอยู่แถวหลังสแตนใหม่ ในมือถือบันทึกไว้ในมือ ส่วนเฟย์ก็วิ่งนำไปห้องกน.ก่อนเพื่อพบพี่แพท เมื่อมองไปยังบริเวณรอบๆ ก็ทำให้คิดถึงความฝันขึ้นมาในทันที พิ้งค์เจอบลูที่เข้ามาลา ก่อนจะต้องพรากจากกันไปตลอดกาล


และถ้าฉันเป็นพิ้งค์จริง ก็ขอให้เจอบลูหน่อยเถอะ... ฉันอธิษฐานในใจ ก่อนจะต้องหันไปอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงทัก "น้องข้าวปั้น!!"
ตรงมุมเสาที่เคยเป็นตำแหน่งของบลู กลายเป็นพี่โยยืนอยู่แทน


แต่สีหน้าของเขากลับดูมีทีท่าไม่พอใจเสียอย่างนั้น...นี่คำอธิษฐานของฉันมันมีอะไรผิดพลาดอย่างนั้นเหรอ?


ฉันถอยหลังไปหนึ่งก้าว พี่โยมองมาทางสมุดบันทึกในมือของฉัน "น้องครับ... นี่เป็นสมุดบันทึกของพี่นะ" ฉันตกใจทันที สมุดของเขาจริงด้วย!!


"ขอโทษค่ะ... ข้าวปั้นเก็บได้วันที่นายกักขฬะนั่นโยนกระเป๋าของพี่ลงมา แต่ข้าวปั้นไม่รู้นะคะว่ามันเป็นของพี่" ฉันอธิบาย ความจริงพี่โยไม่น่าจะโมโหได้แบบนี้นะ แต่เขากลับถอนหายใจ นี่เกิดอะไรขึ้นกับบลูนะ เขาถึงต้องมาเพี้ยนๆและเจ้าอารมณ์แบบนี้ในภพปัจจุบันน่ะ


ก่อนจะเข้ามาหยิบสมุดบันทึกไปจากมือ "มันเป็นสมบัติที่พี่รักและหวงแหนมากนะ คราวหน้าคราวหลังอย่างทำแบบนี้อีก" เสียงต่ำๆเย็นชาแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกเกลียดมันขึ้นมาในทันที


ฉันจึงตวาดกลับไปบ้าง มาแนวโหดก็ต้องโดนโหดบ้างเถอะ "แล้วไงล่ะคะ ไม่ได้มีชื่อเขียนไว้สักหน่อย แล้วข้าวปั้นไม่ได้ฉกไปจากเป้พี่โยนะยะ!! แต่มันตกค่ะ!! มันตกอยู่!! ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องก็ไปตายอีกรอบซะเถอะ แบบนายบลูไง เผื่อชาติหน้าจะได้ไม่ต้องมาเจ้าอารมณ์แบบนี้" ก่อนจะหันหลังกลับไปด้วยอารมณ์ฉุน น้ำตามากมายไหลพรูออกมาจากตาราวเขื่อนแตก ทำไมนะ...เขาถึงเป็นคนแบบนี้ได้


(มีต่อ)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#146 2008-08-26 17:53:47

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

พี่โยคนเก่าที่ฉันเจอ ก็ดูเหมือนบลูนะ แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นตัวประหลาดที่ชอบหยาบคายเสียอย่างนั้น ไม่เอานะ ผีที่ไหนเข้าสิงเขาน่ะ


แต่คราวนี้เสียงของฉันคงจะทำให้เขากลับมาเป็นปกติแล้ว (เสียงตวาดสิบหลอดของปวริสา สามารถไล่ผีได้ โฮะๆๆ) เขาจึงหันมาเรียกฉันแทน "ข้าวปั้นๆ พี่ขอโทษที่ใช้อารมณ์ แต่เรารู้เรื่องของบลูด้วยเหรอว่าเป็นยังไง"


ฉันหันมาทางเขา สีหน้าของเขาดูตกใจเมื่อเห็นน้ำตาของฉัน แต่ฉันไม่สนใจแล้ว "เขาเป็นลูกเศรษฐีตระกูลอัครมณีชัย และตายเพราะความขัดแย้งในตระกูล และกลับมาเกิดเป็นพี่โยนั่นแหละ แต่ถึงข้าวปั้นจะใช่หรือไม่ใช่พิ้งค์..." ฉันหยุดพูดเพราะสูดน้ำมูก ก่อนจะเล่าต่อ "...ยังไงข้าวปั้นก็ไม่น่าจะต้องเกี่ยวกับพี่อีกอยู่ดี" และฉันก็วิ่งจากไป


แต่ฉันก็หนีเขาไม่ทัน พี่โยเข้ามาคว้าข้อมือฉันไว้ได้ "พี่ขอโทษ!!" เขาทำสีหน้าเสียใจ "พี่เสียใจที่ทำให้ข้าวปั้นร้องไห้ อย่าร้องอีกเลยนะ" ฉันรู้สึกใจอ่อนทันทีเมื่อได้ยินคำนี้ ในความฝันบลูก็เคยบอกฉันแบบนี้


แต่คนอย่างปวริสา... ไม่ต้องการอ่อนแออย่างนั้นหรอกนะ ฉันจึงสะบัดมือออกจากเขาทันที "ปล่อยข้าวปั้นนะ!! แล้วจะแน่ใจได้ยังไงว่าข้าวปั้นจะไม่มีวันร้องไห้เพราะพี่อีกน่ะ"


พี่โยยืนนิ่ง "เพราะพี่รักข้าวปั้นไง... ถึงส่วนหนึ่งจะเกิดจากการระลึกได้ว่าข้าวปั้นคือพิ้งค์ที่กลับมาเกิด และพี่ก็คือบลู แต่ในใจแล้วพี่ก็ยังรักเรานะ"


ฉันยืนนิ่งด้วยความตกใจเช่นกัน ให้ตายเถอะ...นอกจากผีไอ้อั๋นที่เคยสิงเขาแล้ว ยังมีผีซุนโย(ในชาติภพใหม่)เข้ามาสิงอีกได้เนอะ รู้สึกได้เลยว่าประโยคนี้น้ำเน่าน่าดู


แต่ฉันกลับซึ้งไปกับคำพูดนั้นได้ยังไงก็ไม่ทราบ... แถมยังเผลอยิ้มออกมาอีกด้วยแน่ะ ฉันแค่สงสารเขาที่ไร้พ่อเท่านั้นนะ!! แค่สงสารน่ะ อ๊ายยย!!!


"เอ่อ... แล้วเรื่องพ่อของพี่ล่ะคะ เป็นยังไงบ้างแล้ว" ฉันถามหลังจากเราต่างยืนนิ่งอยู่นาน และเพื่อต้องการเบี่ยงประเด็น แสงแดดยามเที่ยงร้อนดังแผดเผาโลก โดยปกติแล้วแม้จะอยู่ในที่ร่มอย่างหลังสแตนก็ยังร้อนอยู่ดี แต่คราวนี้กลับดูเย็นสบายอย่างบอกไม่ถูก


พี่โยยิ้ม "พ่อกับแม่พี่คืนดีกันได้แล้ว แต่แม่บอกต้องคอยดูพฤติกรรมพ่อนิดนึงว่าจะไม่หูเบาเชื่อใจคนอื่นมากกว่าแม่อีก ถ้าผ่านการประเมินสิ้นปีนี้ จะยอมแต่งงานด้วยในวันที่ 16 มิถุนายนปีหน้านี้เลย วันที่แม่กับพ่อพี่คบกันวันแรกนั่นแหละ ในบันทึกบลูก็เคยเขียนไว้"


"เย้! ดีใจด้วยนะคะ ข้าวปั้นฟังจากเฟย์แล้วสงสารพี่โยจังที่เคยไม่มีพ่อ" ฉันหันไปแสดงความยินดี ทำให้เขายิ้มกว้างขึ้นอีก "ถ้างั้นข้าวปั้นก็จะได้ยินดีกับเพื่อนเก่านะ เพราะข้าวปั้นคือพิ้งค์ และเคยเป็นเพื่อนแม่พี่เมื่อชาติก่อน" เท่านั้นแหละฉันจึงหยุดเย้ทันที... เพราะสำลักน้ำลายเสียแทน ทำให้พี่โยต้องเสียเวลาตบหลังฉันอีก


ก็จริงแหละเพราะเพื่อนพิ้งค์ชื่อควีน... แต่เธอเป็นแม่ของพี่โยหรอกเรอะ!! ให้ตายเถอะ และเขาก็มีพี่สาวด้วย


ฉันเงยหน้าขึ้น ตอนนี้เราอยู่แถวห้องสีแล้ว และกำลังเดินหลบสายตาพี่โยที่มองมาอย่างเอ็นดู ไม่รู้ทำไมมันถึงทำให้ฉันรู้สึกหน้าร้อนผ่าวได้นะ ก่อนจะต้องตกใจเพราะฉันเสียหลักล้มลงไป!! เหตุมาจากเปลือกกล้วยที่นักกีฬาทิ้งไว้แท้ๆ ฮ่วย...


"ข้าวปั้น!!" พี่โยตามมารับตัวฉันไว้ได้ก่อนที่จะล้มลงกับพื้น ฉันล้มด้วยท่าหงาย เขาจึงเข้ามารับฉันด้วยลักษณะกอดจากทางด้านหลัง ศีรษะของฉันพิงบ่าขวาของเขาไว้พอดี รู้สึกถึงวงแขนที่แข็งแรงตรงบริเวณเอวและหน้าท้อง ซึ่งยังดีเพราะถ้าสูงกว่านี้ก็โดนหน้าอกฉันพอดีน่ะสิ และจะได้มีรายการตบรุ่นพี่ได้ก็งานนี้ ในข้อหาแต๊ะอั๋งโดยไม่เจตนา


สายตาของเราประสานกันพอดี ใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงครึ่งฟุต สัมผัสถึงลมหายใจอุ่นๆได้เลย ในสายตาของเขาราวกับมีบางอย่างดึงดูดให้น่ามอง และทันใดนั้นเองก็เหมือนกับมีภาพต่างๆเข้ามาซ้อนทับกันมากมาย


ภาพของอดีต... ที่มีภาพของคนที่ไม่คุ้นเคยประดังเข้ามา ความทรงจำมากมายที่เลือนไปตามกาลเวลา แต่กลับถูกฝังไว้ภายใต้จิตสำนึกของจิตวิญญาณที่จะไม่ลืมเลือนแม้เวลาจะผ่านไปอีกสักกี่ชาติภพได้ถูกฉายขึ้นมาจนฉันระลึกถึงมันได้อย่างสมบูรณ์


นั่นจึงทำให้รู้ว่า... พี่โยนั่นแหละคือคนที่ฉันรอคอยจริงๆ เขาคือบลูและฉันคือพิ้งค์!!


+++++++++++++++++++++++++

เร็วจังเล้ยยย~

พรุ่งนี้จะได้ลงตอนจบบทส่งท้ายแล้วว ^__^


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#147 2008-08-26 20:29:05

dadawizard
สมาชิก
From: Thailand
Registered: 2006-12-27
Posts: 583

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ว่าว - -

ลื่น กล้วย

ฉากนี้คุ้นๆนะ

แต๊ะอั๋งไม่เจตนา 55+


จะอยู่ไหนหนใดให้รู้ค่า                          พระคุณที่ได้รับมาอย่าลืมได้
ถิ่นกุหลาบนนท์งามล้วนชวนยวนใจ           หรือพระเกี้ยวอันยิ่งใหญ่บนอกเรา
สุวิชา โนภวังโหติมั่น                           ความรู้นั้นจงเชิดชูอย่าขลาดเขลา
กตัญญูกตเวทิตาเอา                           เป็นหลักเสายึดมั่นในแนวทาง

Offline

#148 2008-08-26 20:57:35

LagooNz
สมาชิก
Registered: 2006-08-08
Posts: 3,631

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

มาติดตามต่อไปด้วยความตั้งใจและต้องเตรียมตัวอ่านตอบจบในวันพรุ่งนี้

Offline

#149 2008-08-27 14:13:25

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

ตอนจบแล้ว ^__^

ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ อิอิ

+++++++++++++++++++++++++++


- Chapter 46 : At the Beginning -


ผมรู้สึกได้เลย... ว่าการรอคอยถึงเวลาสิ้นสุด


และพิ้งค์กับบลู ก็ไม่พรากจากกันอีกแล้ว เพราะเขาทั้งสองจะได้รักกันต่อไป จากที่พรากกันมานานถึง 29 ปี หลังจากความตายของบลูที่ถูกยิงจนเสียชีวิต


ก็เขาทั้งสอง เป็นผมกับข้าวปั้นยังไงล่ะครับ... และเมื่อผมรู้สึกตัวอีกครั้ง ก็รับรู้ถึงน้ำหนักของข้าวปั้นที่พิงผมอย่างหมดแรง ตาของเธอจ้องมาที่ผมด้วยความห่วงหา และบ่งบอกว่าเธอรอผมมานาน อีกทั้งยังได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคยอีกด้วย... มันคือกลิ่นของพิ้งค์ในความฝันครั้งสุดท้าย


และข้าวปั้นก็ยังมีกลิ่นหอมแบบที่ผมชอบ เธอคือพิ้งค์จริงด้วย


ในที่สุดเราก็ได้พบกันอีกครั้งหนึ่งแล้ว หลังจากที่ผมเกือบจะหาว่าเธอเป็นคนขโมยบันทึกที่หวงแหนไว้ และทำให้เธอร้องไห้ มันบีบคั้นหัวใจผมจนเกือบจะตายลงไปได้เลย ณ ตรงนั้น


"พี่บลู..." เธอพึมพำ ทำให้ผมต้องหันไปยิ้มกับเธอ "ไม่ใช่แล้ว ตอนนี้พี่เป็นพี่โยต่างหาก เราก็ชื่อข้าวปั้น ไม่รู้เรื่องเลยนะ" ทำให้เธอหัวเราะอย่างขบขัน


"ค่าๆ ก็แหม...เค้าแค่ล้อเล่นหรอก" ก่อนจะทำสายตากวนๆใส่ผม ทำให้ต้องแกล้งโน้มหน้าเข้าไปอีก ข้าวปั้นรีบหลับตาปี๋ทันทีด้วยความตกใจ "พี่โย! อย่านะ"


ผมหัวเราะ "ล้อเล่นหรอกน่า" ก่อนจะปล่อยตัวเธอออกมาอย่างเสียดายลึกๆ เอาน่า เรายังอยู่ในโรงเรียนแถมอยู่ในเครื่องแบบอีก ไม่ดีแน่ถ้าจะเข้าไปจูบเธอจริงๆ


ข้าวปั้นทำสีหน้าเขินอาย ใบหน้ามีสีชมพูระเรื่อ อาจเป็นเพราะใบหน้าที่ขาวอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และหันมาโวยวายใส่ทันที "พี่โยอ่ะ จะรับผิดชอบข้าวปั้นยังไงเนี่ย ถ้าเผลอจูบจริงๆน่ะ"


ผมยิ้มหวาน "ก็ขอเป็นแฟนไง อย่างที่บลูเคยใช้ขอพิ้งค์ในตอนนั้น" แน่นอนว่าไม่ทำเปล่า แต่เข้าไปจุ๊บด้วยจริงๆเสียเลย แม้จะได้สัมผัสริมฝีปากเธอเพียงแค่เสี้ยววินาที และรู้ทั้งรู้ว่าไม่เหมาะสมแล้วยังจะทำอย่างนั้นอีก แต่ก็รู้สึกได้ว่ามันนุ่มอยู่ดี และท้ายที่สุด...ผมก็ได้ข้าวปั้นเป็นแฟนจริงๆสักที


แม้จะต้องอ่วมเล็กน้อยที่ไหล่ขวา เพราะโดนเธอไล่ตีเอาๆด้วยความเขินนั่นแหละ


จากนั้นเราก็ขอเบอร์โทรศัพท์และอีเมล์ จากวันนั้นเองที่ความสัมพันธ์ของเราเริ่มต้นขึ้นได้อีกครั้ง... รวมถึงการได้บันทึกคืนมาอีกด้วย ไชโย!!




หนึ่งปีต่อมา


"เป็นไงพี่โย วันนี้เรียนเยอะเหรอ?" ข้าวปั้นถามผมขณะที่เดินออกมาจากโรงเรียน ตอนนี้ผมเป็นถึงประธานนักเรียนแล้ว และแน่นอนว่ามันเหนื่อยน่าดู ก็ผมอยู่ม.6 แล้วนี่นะ ส่วนข้าวปั้นก็อยู่ม.5 เราคบกันมาหนึ่งปีพอดี


และผมก็จะไปส่งเธอที่สี่ไชยทองสาม ก่อนจะนั่งรถไปทางเมืองทองแล้วต่อรถสองแถวเข้าไปยังบ้านอีกที ตอนนี้ผมยังได้อยู่บ้านเดิม ส่วนพ่อก็แวะมาหาทุกวัน เราจะได้ย้ายบ้านกันอีกไม่กี่วันนี้แล้ว บ้านใหม่ผมอยู่ใกล้ๆกันนี่เอง และอยู่ซอย 11 ด้วยนะ?


"นี่มันบ้านเก่ายัยพิ้งค์นี่!!" แม่อุทานเมื่อทราบพิกัดบ้าน แน่นอนว่าผมยิ้มแหยๆทันที เพราะบ้านที่ผมอยู่ตอนนี้ก็เคยอยู่มาเมื่อสมัยที่ยังเคยเป็นบลู แล้วเราจะย้ายบ้านไปอีกหนึ่งซอยด้วยเนี่ยนะ?


แต่ก็สมควรย้ายอยู่แล้ว เพราะพ่อเพิ่งสร้างบ้านใหม่ไว้เลย ส่วนบ้านผมก็โทรมกำลังดี ตลอดอายุสามสิบกว่าปีที่สร้างมานั่นแหละ ดังนั้นสิ่งของที่จำเป็นก็ย้ายไปที่นั่นเยอะแล้ว เหลือแค่วันแต่งงานของแม่ที่ใกล้จะมาถึงในอีกไม่กี่วันนี้เท่านั้น หลังจากการประเมินของแม่ผ่านไป แม่ก็ตกลงในวันขึ้นปีใหม่ เวลาเที่ยงคืนพอดี ทั้งที่เปิดทีวีชมการนับถอยหลังเข้าปีใหม่ และผมก็กำลังนั่งนับกับข้าวปั้น(ทางโทรศัพท์)อยู่นั่นแหละ


"นี่คุณ ฉันตกลงให้คุณผ่านการพิจารณาของฉันแล้วล่ะ" แม่หันไปพูดกับพ่อที่นั่งดูถ่ายทอดสด แน่นอนว่าท่านต้องหันไปอย่างดีใจ "จริงเหรอควีน?"


แม่พยักหน้า และพ่อก็หยิบแหวนแต่งงานออกมาสวมให้ "เอาล่ะ งั้นคุณก็ตกลงแต่งงานกับผม...อีกครั้งใช่ไหม?" แม่ยิ้มอย่างดีใจ ก่อนจะตอบรับ "ตกลงค่ะ แต่งวันเดิมนะคะคุณ วันที่เราเคยคบกันครั้งแรกเมื่อ 30 ปีที่แล้ว พอดีเลยนะเนี่ย"


ก่อนจะกอดกันสองคน พี่ชลที่นั่งดูเหตุการณ์ก็ยิ้มอย่างปลาบปลื้ม ผมเองก็อดยิ้มไม่ได้ ในที่สุดครอบครัวของเราก็จะพร้อมหน้ากันได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว!!


(มีต่อ)

Last edited by MiyaCatZ (2008-08-27 14:14:11)


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#150 2008-08-27 14:14:53

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: [Novel] Pink&Blue ปาฎิหารย์รักรั้วสวนนนท์

แน่นอนว่าผมยังไม่ได้กดวางสาย ดังนั้นพยานอีกราย ณ ที่นี่ก็จะเป็นน้องข้าวปั้นด้วย


(พี่โย... พี่โย!! ยังมีชีวิตอยู่มั้ย? อย่าตายเพราะพ่อแม่แต่งงานกันนะ)


ผมหัวเราะ "เอาน่า พี่จะไม่ด่วนตายเหมือนบลูเขาหรอก" ก่อนจะยิ้มแหยๆอีกครั้ง พ่อกับแม่จับได้แล้วสิว่าผมรู้เรื่องของบลู... ทำให้ผมได้ฟังเรื่องราวของเขาอีกจนได้ แน่นอนว่าไม่น่าเบื่อหรอก เพราะมันเป็นเรื่องในอดีตชาติของผม


ก่อนจะนึกถึงนิยายเรื่อง "ปาฏิหาริย์รักเคียงรั้ว" ซึ่งพิ้งค์เคยเขียนไว้ในบันทึกว่ามันควรจะชื่อว่า... ปาฏิหาริย์รักรั้วสวนนนท์ แน่นอนว่ามันเหมาะสมกันที่สุดแล้ว


และสมบูรณ์มากด้วย เพราะผมกับข้าวปั้นก็ได้เจอกันแล้วยังไงล่ะ…


"พี่โย..." เสียงของข้าวปั้นดังขึ้นอีกครั้ง เป็นคำเตือนว่าถ้าผมยังทำตัวเหม่อลอยแบบนี้ จะโดนทุบบ่าอีกแน่ๆ เป็นรุ่นน้องประสาอะไรเนี่ย ผมเป็นถึงประธานนักเรียนนะ!! บวรไชยกานต์รุ่นที่ 2 ด้วยแหละ


แต่ผมรักเธอนี่นา ยกประโยชน์ให้จำเลยแทนแล้วกัน


"ขอโทษๆ พี่มัวเหม่อน่ะ เดี๋ยวก็จะถึงวันแต่งงานของพ่อแม่พี่ละ ตรงกับวันพุธแบบนี้พี่เลยไม่ได้ดูพิธีช่วงเช้าเลยเนื่องจากเรียน บ่ายก็ด้วยอีกเพราะเรียนรด." ข้าวปั้นหัวเราะเสียงใส


"เลยต้องมาได้แค่งานเลี้ยงสินะ เดี๋ยวข้าวปั้นช่วยงานพิธีบ่ายแล้วกัน ไปกับยัยเฟย์ รายนั้นกำลังจะเป็นบก.ส่วนตัวให้แหละ เพราะนิยายของข้าวปั้นชนะเลิศแล้ว" ผมยิ้มหวานให้เธอ ข้าวปั้นมีความใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นนักเขียน ซึ่งพิ้งค์ในตอนนั้นไม่คิดจะเป็น น่าแปลกดีนะ


และหลังจากลงแข่งขันการเขียนนิยายชิงรางวัล เธอก็เขียนโดยเรื่องราวของเราสองคนตั้งแต่สมัยเป็นพิ้งค์และบลู แน่นอนว่าเราอิงถึงสถาบันไม่ได้ และมันอาจจะซ้ำกับปาฏิหาริย์รักเคียงรั้ว เธอเลยต้องดัดแปลงให้พิ้งค์กับบลูสมหวังกันแทน รวมถึงเปลี่ยนชื่อด้วย


"คิดว่าถ้าพิ้งค์กับบลูไม่ตายก่อนแบบนี้ พวกเขาจะรักกันยาวแบบข้าวปั้นและพี่มั้ยคะ?" เธอหันมาถาม ตอนนี้เราอยู่ที่ป้ายรถเมล์แล้ว และรถก็ยังไม่มาจึงยืนคุยกันไปก่อน ท่ามกลางนักเรียนนับหลายสิบชีวิต


ผมครุ่นคิดก่อนจะตอบ "พี่ว่าขนาดพ่อกับแม่พี่รักกันจะตายยังหย่ากันได้ ลุงโต้งกับน้าแอ๋มก็เคยเลิกกันตอนอยู่มหาวิทยาลัยแล้วถึงแต่งงานกันได้ทีหลัง พี่ว่าอาจจะมีเลิกไม่ก็หย่ากันไปก่อนแหละนะ เหอๆ ดูนิสัยบลูสิ ขี้เบื่อขนาดนั้น และยังคบกับพิ้งค์ไม่นานด้วย ส่วนเธอเองก็ดื้อดึง พี่ว่าบางครั้งความตายก็ทำให้เหตุการณ์ไม่เลวร้ายไปกว่านั้นแล้วล่ะ"


ข้าวปั้นพยักหน้า "จริงด้วยสินะ ชาตินี้ข้าวปั้นกับพี่โยเลยเพอร์เฟกต์แบบนี้ใช่มั้ยคะ?"


ผมหัวเราะเมื่อได้ยินคำว่าเพอร์เฟกต์ "จริงเหรอ? วันก่อนที่จัดของย้ายบ้าน เปิดตู้เก็บของมาพี่ก็เจอแมลงสาบสองตัว หนูหนึ่งตัว เลยฆ่าแมลงสาบแล้วโยนหนูไปบ้านข้างๆแบบที่ชอบโยนเลย ป้าข้างบ้านมาฟ้องแม่พี่อีกว่าทำไมหนูถึงมาตกอยู่ในบ่อปลาคาร์พบ้านเค้าได้ ฮ่าๆ"


ข้าวปั้นทำท่ากลัว "หึยย... เนี่ยนะประธานนักเรียนแห่งสวนนนท์ น่ากลัวชะมัด โยนหนูลงบ่อปลาคาร์พบ้านคนอื่นน่ะ" ผมจึงหันไปลูบหัวเธอ "เอาน่า ไม่รู้จะโยนไปไหนนี่นา แต่กับข้าวปั้นแล้ว โยนหัวใจมาพี่ก็รับได้เสมอนะ"


"แหวะ... น้ำเน่า" เธอทำท่าคลื่นไส้ เฟย์ที่เดินตามมาทีหลังหัวเราะทันที "พี่โยคะ ทำอะไรข้าวปั้นเนี่ย โอ้กอ้ากซะแบบนี้" มีสายตาของเพื่อนนักเรียนหลายคนมองมาทางผม จ๊าก...เดี๋ยวพวกเขาก็นึกว่าผมทำข้าวปั้นท้องหรอก ยัยเฟย์เอ๊ย เสื่อมเสียถึงตำแหน่งแน่


"บ้าเรอะ! เล่นมุกน้ำเน่าอยู่ต่างหาก" ผมอธิบาย เฟย์แลบลิ้นก่อนจะหนีขึ้นรถเมล์ แน่นอนว่าผมกับข้าวปั้นต้องตามขึ้นไปด้วย เพราะเป็นสายที่เรานั่งกลับบ้านกันนั่นเอง


เราสองคนนั่งลงบนเบาะโดยสาร ผมมองข้าวปั้นแล้วก็ยิ้มออกมาได้ ชีวิตของผมตอนนี้คงไม่ต้องการอะไรมากอีกแล้วล่ะ พิ้งค์กับบลูก็กลับมารักกันได้อีกครั้ง หลังจากพรากจากกันมานานหลายสิบปี ส่วนพ่อก็กลับมาอยู่กับพวกเราแล้ว ครอบครัวของเราก็สมบูรณ์แบบสักที


และเรื่องราวของ Pink&Blue ปาฏิหาริย์รักรั้วสวนนนท์ ก็คงต้องจบลงแค่นี้แล้วล่ะ...


+++++++++++++++++++++++++++++++

อ๊ะๆ ยังมีบทส่งท้ายอีกนะคะ ^o^

และคำพูดจากใจของคนเขียน


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

Board footer

Powered by FluxBB