You are not logged in.
สวัสดีชาวสวนนนท์บอร์ดทุกคนนะคร้าบ
ปีนี้ผมก็ขึ้นม.4แล้ว= = ยังไม่เคยคิดถึงเรื่องเรียนพิเศษเลยซักกะต๊อยเดียวในขณะที่เพื่อนรอบ
ข้างเรียนกันอย่างขยันขันแข็งเลยมีคำถามเกิดขึ้นมาครับ
ชีวิตมัธยมปลายไปถึงรั้วมหาลัยจะพบความสำเร็จที่ดีจำเป็นต้องมีการเรียนพิเศษเป็นส่วนประกอบ
ไหมครับ???
แล้วพี่ๆเพื่อนๆน้องๆชาวสวนนนท์บอร์ดคิดยังไงกับเรื่องนี้ครับ?
ปล.ไม่ได้สร้างกระแสให้เกิดความขัดแย้งอยากถามความเห็นเฉยๆนะครับ^^
ปล.2 ขอขอบพระคุณทุกๆความเห็นครับ
ชมพู-ฟ้า Suannon#30
Offline
ส่วนตัวว่าแล้วแต่คนนะ ถ้าถามว่าจำเป็นมั้ย, ถ้าอยากจะอยู่รอดติดมหาลัยดังๆคงน่าจะจำเป็น (โดยเฉพาะพวกเรียนสายวิทย์นี่น่าจะจำเป็นอยู่) เท่าที่ดูรอบข้างผมเรียนกันหมด อันที่จริงน่าจะอยู่ที่วิธีศึกษาเพิ่มเติมของแต่ละคนมากกว่า ถ้าขยันหาหนังสือไรมาดูอาจจะไม่ต้องเรียนก็ได้
Offline
เราว่าจำเป็นนะ
อย่างน้อยก็เพิ่มเกรดในโรงเรียนอ้ะ (ตอนแอด มันใช้ Gpax ใช่มะ)
คือ ตอนม.ต้น เราก็ไม่เรียนเลยเหมือนกันจ้า
เก็บตังไว้เรียนตอนม.ปลาย (ตอนนี้ก็เริ่มไปลงเรียนแล้ว ตื่นเต้นเหมือนกัน ไม่เคยเรียนเลย)
แต่เราก็ไม่เห็นด้วย ถ้าคิดแต่จะพึ่งที่เรียนพิเศษ
เราต้องมีวินัยในตนเองด้วย เรียนพิเศษไป ไม่กลับมาทวน
เหนื่อยเปล่า เสียเวลาเดินทาง เสียเงินทั้งค่าเรียน ค่ากิน ค่ารถ
ปล. แต่บางคนเค้าก็มีแนวคิดที่ว่า การเรียนพิเศษเป็นการดูถูกตัวเองอย่างหนึ่ง
เหมือนกับ รอแต่ให้คนอื่นป้อน ไม่ขวนขวายเอง (แล้วแต่คนจะคิดนะ)
ไอ้สูตรลัดต่าง ๆ ในที่เรียนพิเศษ เราว่า มันมาจากพื้นฐานที่แน่น
ถ้าในโรงเรียนสอนพื้นฐานแน่น ก็ไม่ต้องแห่กันปเรียนแบบนี้หรอกมั้ง
เข้ามาเพิ่มเติม ยาวหน่อยนะ ๆ อย่าถือสานะจ๊า ชอบแพร่มยาวๆแบบนี้แหละ
ที่เจ้าของกระทู้บอกว่า จะพบกับความสำเร็จที่ดีในรั้วมหาลัยได้มั้ย?
ต้องถามกลับว่า จขกท.ตั้งเป้าหมาย เอาคำว่า "ความสำเร็จ" แขวนไว้กับอะไร
- เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
- เกรดไม่ต่ำกว่า 3
- เรียนอย่างมีความสุข พร้อมทั้งเก็บเกี่ยวประสบการณ์ จากการทำกิจกรรมในรั้วมหาลัย
- ขอแค่เรียนจบ
- จบแล้วมีงานทำ
คือทั้งหมดทั้งมวลเนี่ย การจะประสบความสำเร็จ มัน"ไม่ได้อยู่ที่เรียนพิเศษหรือไม่เรียน" เลย
มันอยู่ที่ วินัย ความรับผิดชอบ การใช้ชีวิตในรั้วมหาลัย ที่มีอิสระภาพ(มากกว่ามัธยม) มีสิ่งยั่วยุ เยอะ เราจะผ่านตรงนั้นไปอย่างไร?
Last edited by • Musiclover • (2009-04-20 16:58:09)
♥♥♥♥♥♥♥♥♥
Offline
แล้วแต่อะค่ะ
ดูตามวิชาเอา
บางวิชา เราไหว เนื้อหาเปนอ่านๆ เราก็น่าจะอ่านเอาเอง
อันไหนไม่เก็ทจริงๆ อ่านเองยังไงก็ไม่เข้า ค่อยไปหาที่เรียน
แต่ถ้ารู้ตัวว่า เรียนพิเศษเพื่อบันเทิง ก็ไม่ต้องเรียน
มันเปลืองเงิน เปลืองเวลา - -'
ถ้าคิดจะเรียน ก็ต้องไม่ให้เสียเปล่า ต้องตั้งใจเรียนให้ได้ผลที่คาด
และห้ามมองข้าม การเรียนที่โรงเรียน
เพราะมันเป็นพื้นฐาน ที่กวดวิชาไม่ได้สอน !
สรุปสั้น ๆ
ไม่เรียนก็ได้ แต่เรียน ก็ไม่ผิด
เพิ่มเติม *
ฟิสิกส์ ต้องเรียนจริงๆหว่ะ อย่าหวังกับ ร.ร.
ไม่ได้พูดเกินจริง บอกเตือนไว้ก่อน = =
Last edited by Junno (2009-04-21 00:39:18)
Offline
Offline
ไปเรียนก็ดีนะคะ ไปทบทวน
เพราะเนื้อหาของที่โรงเรียนกับของติวเตอร์มันไม่เหมือนกันซักเท่าไร
รู้ไว้เยอะๆก็ดีนะ เวลาสอบเข้ามหาลัยจะได้ทำได้
แต่ก็ขึ้นอยู่กับคนด้วยจริงๆนะ
http://lifeplus.hi5.com
cenozel@hotmail.com
am a big big girl in the big big world
Offline
เรียนก็ดีนะอย่างที่คนอื่นเค้าว่ากันแหละ
เรียนแล้วน้องตั้งใจหรือเปล่า
ถ้าน้องตั้งใจแล้วเรียนที่ไหนก็เหมือนกันแหละ
ปล.ย้กเว้นบางวิชาในร.ร.เราหุหุ
Offline
ชีวิตมัธยมปลายไปถึงรั้วมหาลัยจะพบความสำเร็จที่ดีจำเป็นต้องมีการเรียนพิเศษเป็นส่วนประกอบ ไหมครับ???
น้องคิดถึงแค่จบหมาวิยาลัยเองหรือ
แล้วหลังจากจบมา น้องไม่อยากประสบความสำเร็จกับชีวิตน้องหรือ?
ประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความรู้ทางการศึกษาเลย (ไม่มีเลยจริงๆ) ใช้แค่ "ประสบการณ์"
ปริญญา มันก็แค่กระดาษ 1 ใบ ที่ตกน้ำมันก็เปื่อย ตกไฟมันก็ใหม้ แทบจะเรียกได้ว่า ระยะเวลา 4 ปี ถ้าเอาแต่เรียน มันไร้ค่าสิ้นดี
เรียนพิเศษ ไปเรียนเพื่อเพิ่มเพื่อน เพิ่มสายสัมพันธ์ ทำความรู้จักคนให้มากๆ "เรียนคนจะเจริญ เรียนความรู้จะยิ่งจน"(คิดได้ไงวะเนี่ย ตูข้า, สงวนสิทธิ์น่อ) ยุคนี้ไม่ใช่ยุคของคนเก่งวิชาที่มีความขยัน แต่เป็นยุคของเครื่องมือที่เลือกใช้
เพื่อนพี่ จบ ป.โท ม.เกษตร มา ค่าเทอมปีละ 2 แสน พ่อแม่ออกให้หมด จบมา รับราชการ start "8พัน5" พี่ถามมันตรงๆเลยว่า "กี่ปี เอ็งจะคืนพ่อแม่เอ็งหมดวะ?"
ข่าวล่าสุด เห็นบอกจะไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม จบมา เพิ่มเดือนละ 5ร้อย.... (พี่):เช็ดเป็ด
รุ่นน้องพี่ที่ทำงานด้วยกัน จบ วิศวกรรมศาสตร์ SIIT(ศูนย์เทคโนโลยี นานาชาติ ศิรินธร) ธรรมศาสตร์ เงิน start เดือนแรก หมื่น2 ตอนเรียนต่อเทอม 7หมื่น (กี่ปีใช้คืนหมด?)
สิ่งที่น้องควรจะเริ่มคิด ไม่ใช่ว่าจะจบจากที่ไหนเกรดเท่าไหร่ พาตัวเองไปเป็นทาสให้บริษัทไหน
แต่เป็นทำยังไงถึงมีเงินพอใช้จ่ายโดยไม่ต้องลงแรงและถูกกฏหมาย
เปิดประเด็นแบบนี้มาทีไร มันขึ้นวุ้ย เบื่อเซ็งรำคาญ ความคิดเก่าแก่คร่ำครึ ที่ว่า "เรียนให้เก่ง สอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง จบมาทำงานบริษัทใหญ่ๆมั่นคงๆ เก็บเงินได้ก้อนนึงก็สร้างครอบครัว ซื้อรถ ซื้อบ้าน มีลูก เลี้ยงดูส่งลูกเรียนจนจบ พอลูกแยกครอบครัว ก็หาซื้อที่ซื้อบ้านปล่อยให้เช่า เก็บเงินเก็บดอก เที่ยวรอบโลกสัก1รอบ แล้วค่อยมานอนตายประเทศเกิด" ไปถามคนรอบตัว แล้วดูได้เลยว่า 9ใน10 คิดแบบนี้ ถ้าคนที่เราไปถาม ทำงานแล้ว ก็ถามไปด้วยว่า "แล้วเมื่อไหร่จะมีเงิน" ทุกคนจะตอบ "ไม่รู้", "แล้วแต่อนาคต", "เดี๋ยวก็ได้ขึ้นเงินเดือน" หรือคำตอบอะไรที่มันดูโง่ๆ
ที่จริง pattern "เรียนเก่ง"นี้ คนฉลาดๆกำหนดไว้ แต่คนโง่ๆอย่างพี่ก็คิดได้ตั้งแต่เด็กโดยไม่เคยได้ยินจากใคร แล้วมันก็ไม่เวิร์ก เพราะมัน "จน"(คนฉลาดที่คิดนั่นแหละ มันจน)
อย่าสำคัญผิดกับวิชาการให้มันมากนัก อยากทำอะไร อยากเข้าสังคมไหนก็ทำไป แต่ทำแล้วให้ได้ สายสัมพันธ์ ไม่ใช่ได้ วิชา
แมร่ม ขึ้นเว้ย
ถ้าอยากได้ความรู้นะ อ่านไปเหอะ พวกหนังสือธุรกิจน่ะ คนที่บอก อ่านหนังสือธุรกิจแล้วทำให้ระแวง มัน"จน"กันทั้งนั้น
Last edited by The Ghost (2009-04-20 21:13:03)
----------
"Don't ever let somebody tell you... You can't do something, You got a dream... You gotta protect it. People can't do something themselves, they wanna tell you you can't do it. If you want something, go get it." - Christ Gardner (The Pursuit of Happiness)
Offline
บอกน้องไว้ก่อนว่า วิชาที่ควรลงคือ ฟิสิกส์!!!! (หน่วยกิตเยอะสุด ยากสุด และ...... ห่วยสุด)
วิชาไหนน้องคิดว่าไม่ไหว ก็ควรจะลง (แต่ก็คิดด้วยว่า มีทางอื่นนอกจากเรียนพิเศษไหม)
วิชาไหนที่น้องคิดว่าอ่านเองได้ น้องก็ควรอ่านเอง อย่าลงตามเพื่อน ชนิดลงดะไปหมด
ให้บอกตรงๆเลยก็ ถ้าจะลงเรียนกับเพื่อน น้องเลือกเพื่อนที่เรียนด้วย ไม่งั้นจะกลายเป็น โดดเรียนเหอะ เพื่อนมันยังโดดเลย
ซึ่งมันแย่มากๆ ค่าเทอมโรงเรียนก็จ่าย ไม่ตั้งใจเรียน มาเรียนพิเศษ แพงกว่าค่าเทอม ยังจะโดดกันอีกเหรอ(วะ)
เดี๋ยวมาต่อ
โลกของใคร โลกของมัน Tangmae's เอ็กตีน
ตัดให้ขาดเลยฉับๆ ตัดให้ขาดเลยฉับๆ อย่ามัวเสียดาย ร้องไห้อยู่เลย
SKN ,#28 Generation
Offline
ส่วนตัวผมว่าไม่จำเป็นนะ
แต่ตัวผมเลือกที่จะเรียน เพราะ ถ้าให้อ่านเองก็คงไม่อ่านหรอก [อ่านการ์ตูนสนุกกว่าตั้งเยอะ]
แต่พี่ๆที่ผมรู้จัก ประสบความสำเร็จ ไม่เรียนพิเศษก็มีเยอะอยู่นะ
แต่ถ้าเลือกเรียนพิเศษแล้วก็ต้องตั้งใจนะ ถ้าเบื่อแล้วเริ่มโดด มันจะติดนิสัยเบื่อการเรียนมาที่ รร ด้วย
เด๋วจะเสียเอา
Offline
เรียนพิเศษ
จำเป็น สำหรับคนขี้เกียจครับ (รวมถึงตรูด้วย T _________________t)
สำหรับคนขยัน ให้ จำเป็น 50% แล้วกัน (เพราะบางอย่างมันหาได้จากห้องเรียนพิเศษจริง ๆ)
' ' Bring us to the glory ,
Fernando Torres ~* •
Offline
ขอบคุณทุกๆความเห็นนะคร้าบ
ปล.พี่Ghostครับพี่อย่าพึ่งขึ้นนะครับใจเย็นๆครับพี่ผมกลัวครับT-T แต่ขอบคุณพี่มากๆนะคร้าบ^^
ชมพู-ฟ้า Suannon#30
Offline
เอ่อ เราก็เพิ่งมาเริ่มลงคอร์ส เรียนพิเศษก่ะเขาก็คราวนี้แหละ
แต่ก่อนก็ไม่ได้เรียนเลยเหมือนกัน
Offline
เราก็เรียน เพราะมีอยู่ช่วงนึงเราเคยคิดว่า เราจะไม่เรียน เราจะอ่านหนังสือเอง
สุดท้ายแล้วเราก็ไม่อ่าน ฮ่าๆ
ไปนั่งเรียนพิเศษได้ความรู้กว่านั่งอยู่บ้านเฉยๆ
เรียนเสร็จกลับมาก็มานั่งทบทวน ก็จะปึ้กๆ
ถ้าจะเรียนก็ต้องเอาให้คุ้ม
คอร์สนึงแพ๊งแพง
เค้าสั่งการบ้านก็ต้องทำ เรียนเสร็จก็ต้องทวน
เรียนวันนั้นทวนวันนั้น ไม่งั้นมันจะหมักหมม กลายเป็นขี้เกียจทวนไปเลย
ถ้าทำแล้วจำได้แม่น
มันจะจำได้ตลอดไปเลยนะจริงๆ
แต่ก็อย่าให้การเรียนพิเศษมารบกวนการเรียนที่โรงเรียนนะ
ยังไงโรงเรียนสำคัญที่สุด
วิธีการเรียนพิเศษให้ได้ผล
ไปเจอมาค่ะ คิดว่าน่าจะช่วยได้
Last edited by wunMapraw (2009-04-21 16:31:13)
Offline
ไม่น่าจำเป็นกระมัง เราไม่เรียนยังมีเกรดเท่ากับคนที่เรียนเยอะจนหัวโตเลย
... ♪♫
Offline
สิ่งเดียวที่ตอบคำถามได้ว่า จำเป็นหรือไม่
คือ
ต้องการรึเปล่า!!!!
ลองเราไม่อยากเรียนซะอย่าง อะยำหมาแมวก็ไม่เข้าหัวร้อกกก
---------------------------------------------------------------------
ประสบความสำเร็จ?
ความสำเร็จของเราคือเป็นนายก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
(ฝันไปเหอะ ไอ้บ้า - -)
จะอยู่ไหนหนใดให้รู้ค่า พระคุณที่ได้รับมาอย่าลืมได้
ถิ่นกุหลาบนนท์งามล้วนชวนยวนใจ หรือพระเกี้ยวอันยิ่งใหญ่บนอกเรา
สุวิชา โนภวังโหติมั่น ความรู้นั้นจงเชิดชูอย่าขลาดเขลา
กตัญญูกตเวทิตาเอา เป็นหลักเสายึดมั่นในแนวทาง
Offline
^^^^
เอ๊ะได้ไงๆ มาแข่งเรอะ ห๊ะ
Offline
คุณ The Ghost ครับ
กรุณาอย่าเอาตรรกะส่วนตัวของตัวเองมาตัดสินแทนน้องเขาสิครับ
น้องเขาแค่ต้องการถามว่าเรียนพิเศษจำเป็นไหมมันก็เท่านั้นเอง
ส่วนหลักการที่คุณว่ามานั้น ผมยอมรับนะครับว่ามันโอเคถูกต้อง
การเรียนไม่ใช่ส่วนสำคัญที่สุดของชีวิต แต่ผมมองว่า เงินเองก็ไม่ใช่ส่วนสำคัญของชีวิตเช่นกันครับ
จากที่ผมเห็นคุณใช้วิธีพูดโดยยกเรื่องของเงินเป็นสำคัญ และเรื่องเรียนเป็นเรื่องไม่สำคัญนั้น
ผมกล้าพูดเลยครับว่าไม่จริง
จริงอยู่การเรียนไม่สำคัญที่สุด แต่มันก็สำคัญในระดับที่คุณ ๆ จะเพิกเฉยต่อมันไม่ได้
เพราะมันแสดงให้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง ทั้ง ความอดทน (ที่คุณจะต้องท่องหนังสือทั้งวันทั้งคืน) , ความพยายาม (ที่คุณจะต้องขวนขวายหาความรู้จากสถานที่ต่าง ๆ) , ฯลฯ
เพื่อนพี่ จบ ป.โท ม.เกษตร มา ค่าเทอมปีละ 2 แสน พ่อแม่ออกให้หมด จบมา รับราชการ start "8พัน5" พี่ถามมันตรงๆเลยว่า "กี่ปี เอ็งจะคืนพ่อแม่เอ็งหมดวะ?"
ข่าวล่าสุด เห็นบอกจะไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม จบมา เพิ่มเดือนละ 5ร้อย.... (พี่):เช็ดเป็ด
รุ่น น้องพี่ที่ทำงานด้วยกัน จบ วิศวกรรมศาสตร์ SIIT(ศูนย์เทคโนโลยี นานาชาติ ศิรินธร) ธรรมศาสตร์ เงิน start เดือนแรก หมื่น2 ตอนเรียนต่อเทอม 7หมื่น (กี่ปีใช้คืนหมด?)
ผมอยากรู้ครับ ว่าคนรู้จากของคุณเหล่านี้นั้น เค้าเข้าข่ายคำว่า "เรียนเก่ง" พอที่คุณจะเอามาตัดสินตรรกะที่ว่า
ที่จริง pattern "เรียนเก่ง"นี้ คนฉลาดๆกำหนดไว้ แต่คนโง่ๆอย่างพี่ก็คิดได้ตั้งแต่เด็กโดยไม่เคยได้ยินจากใคร แล้วมันก็ไม่เวิร์ก เพราะมัน "จน"(คนฉลาดที่คิดนั่นแหละ มันจน)
ผมถามคุณจริง ๆ เถอะ
คุณคิดว่าพวกที่เค้าประสบความสำเร็จทั้งหลายแหล่ เค้าไม่ผ่านการเรียนมาเลยหรือ ?
ผมถามจริง ๆ อีกสักครั้งนะ
ถ้าเรื่องเรียน เรื่องวิชาการมันไม่สำคัญ คงไม่มีบุพการีท่านใด ส่งคุณเข้าโรงเรียนหรอก ...
' ' Bring us to the glory ,
Fernando Torres ~* •
Offline
ปล. คนไม่เรียนแล้วรวยมันก็มีครับ ..
แต่ อัตราส่วนของคนที่เรียนเก่งแล้วรวย มันมีเยอะกว่ามาก ๆๆๆๆ ก็เท่านั้นเอง
อยากรวย อยากจน เชิญตามสบายครับ
เป็นคนรวย ๆ เงินเดือนละ หลายแสน แต่ได้เงินมาโดยไม่สุจริต
หรือเป็นข้าราชการทำงานเดือนละ 8,500 บาทเหมือนเพื่อนคุณ แต่ถ้าเงินนั้นมันได้มาโดยสุจริตจริง ๆ
ผมว่าอย่างหลังมีความสุขกับชีวิตมากกว่าครับ
' ' Bring us to the glory ,
Fernando Torres ~* •
Offline
วิธีการเรียนพิเศษให้ได้ผล
ไปเจอมาค่ะ คิดว่าน่าจะช่วยได้
ลิ้งที่พี่อ้อให้มา ดีมากๆ
ส่วนของพี่ไตร (ขอโทษจขกท.ไว้ก่อนนะคะ ถ้าเบี่ยงเบนประเด็น)
หนูว่า ไม่ใช่ทุกคนแน่นอนค่ะ ที่จะทำธุรกิจแล้วรวย ถ้าทำอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วรวย
คนก็แห่ไปทำหมด อย่างขายหวยแล้วรวย คนก็แห่กันขาย สุดท้ายไม่มีคนซื้อ แล้วจะรวยได้ไง
เข้าใจนะคะ ว่าพี่ได้ไปรับรู้อะไรมา ก็อยากจะบอกต่อน้องๆ
แต่ถ้าสื่อสารกันในทำนองนี้ มันเหมือนกับว่า "ต้องทำธุรกิจเท่านั้นนะ ถึงจะรวย" ซึ่งจริงๆมันไม่ใช่เลย
ซึ่งหนูก็ไปเสียมารยาทเถียงเรื่องนี้กับพี่หลายรอบเลย ต้องขอโทษด้วยค่ะ ถ้าล่วงเกิน
แต่พี่ขึ้น บางทีหนูอ่าน หนูก็ขึ้นเหมือนกันนะ มันเหมือนกับ
เรามองโค้กขวดเดียวกัน แต่พี่เห็นฉลากที่เป็นภาษาอังกฤษ หนูเห็นในด้านที่เป็นภาษาไทย
แล้วเราก็มานั่งเถียงกัน ว่า โค้กขวดนี้ มีฉลากเป็นภาษาอังกฤษ เพียงแค่เพราะว่า เราไม่หมุนดูให้รอบไงคะ
แต่หนูว่าคห.ของพี่ให้ความสำคัญกับ "เงิน" และ "ความรวย" มากไปจริงหน่อยค่ะ (ในวิจารณญาณของหนู)
ปล. ไม่ได้ว่าตามน้ำนะเออ
ปล.2 ถึงแม้การเรียนจะไม่สำคัญที่สุด แต่เวลาไปเรียน มันได้อะไรมากกว่า 1+1 =2 (ถึงแม้เราจะเรียนแค่นี้)
แต่ได้วิธีการคิด เรียบเรียงให้เป็นระบบระเบียบ การแก้โจทย์แต่ละข้อ การจับerror แกรมม่าแต่ละตัว ต้องใช้กระบวนการ
คิดเป็นขั้นเป็นตอนซึ่งสามารถมาประยุกต์ใช้ในชีวิตได้
ปล.3 การจะประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเหมือนในนิยาย หรือแค่คิดว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ก็สำเร็จแล้ว
โลกของความจริงมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ มันยากพอๆกับ การเรียนให้ดี จบมามีงานทำดีๆ
นั่นแหละ หนูไม่ได้ไปรู้ถึงแก่นแท้อะไรของคำว่า ธุรกิจนักหรอก หนูรู้แค่ว่า อาชีพนี้ก็พอๆกับนักการเมือง ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร (ซึ่งเดี๋ยวนี้ทุกอาชีพก็คงเป็นแบบนี้หมดแล้วมั้ง) การที่เราไปนั่งฟังคนที่เค้าทำสำเร็จ แล้วคิดว่าเราก็ต้องมีวันนั้น แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก แต่ไม่ได้ว่า ให้ไม่มีความหวัง ไม่มีเป้าหมายในชีวิต แจมันเหมือนกับว่า เราลืมอีกด้านของมันไปรึเปล่า คนที่ไม่ประสบความสำเร็จล่ะ อัตราส่วนต่างกันเท่าไหร่ บางที การสื่อสารออกมา มันยากที่จะทำ ถ้าทำให้ได้แล้วค่อยมาพูดจะดีกว่า
Last edited by • Musiclover • (2009-04-22 00:14:04)
♥♥♥♥♥♥♥♥♥
Offline
ของที่พี่ไตรพูดมา มันยังมีอะไรแปลกๆอยู่นะครับ
จริงที่คนจบแค่ป.4บ้างอะไรบ้างมาทำธุรกิจแล้วรวยอย่างพวกตามรายการสู้แล้วรวมทางไอทีวีเมื่อก่อนน่ะ (เดี๋ยวนี้มีมั้ยไม่รู้)
แต่!!!!
การเรียนมันก็ได้อะไรหลายๆอย่าง ได้วิชาความรู้ ได้ประสบการณ์ ได้เพื่อนฝูง
จะพูดถึงวิชาความรู้และประสบการณ์พร้อมกันก่อนนะครับ ถ้าคุณไม่มี2อย่างนี้ หรือมีแต่ไม่มีคุณภาพเพียงพอ
ผมถามหน่อย เวลาคุณทำธุรกิจน่ะ มันจะสบายรับนับเงินนับทองตลอดไปเลยฤ
โลกเรามันมีอะไรแน่นอนบ้าง เศรษฐกิจมันก็มีขึ้นมีลง ดูเอาอย่างน้ำมันเอง ทองเอย ค่าเงินเอย หุ้นเอย มันคงที่อยู่ตลอดเหรอ
ใครจะไปรู้ พรุ่งนี้ เงินบาทอาจจะร่วงลงเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาเมื่อหลายปีก่อนอ่ะ เศรษฐกิจกำลังล่มสลายอ่ะงี้อ่ะ
ถ้าคุณไม่มีวิชาควาามรู้ที่แน่น กอปร กับประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน
คุณมั่นใจเหรอว่าคุณจะดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงถ้าคุณไม่มีความรู้?
หรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเร่งด่วนได้อย่างราบรื่นถ้าคุณไำม่มีประสบการณ์อ่ะ?
ถ้าคุณคิดแต่ว่าธุรกิจจะประสบความสำเร็จแต่ด้านเดียว แล้วถ้ามันไม่เป็นแบบนั้นขึ้นมาคุณจะเตรียมการรับมือยังไง?
เอ้า ว่ากันมามากพอแล้วสำหรับ2อันแรก คราวนี้จะพูดถึง เรื่องเพื่อนฝูงบ้าง
ตลอดวัยเรียนที่คุณไม่ต้องไปดำเนินธุรกิจของคุณน่ะ นอกจากเรียนได้ความรู้แล้ว คุณได้อะไร ไอ้ที่นั่งอยู่ข้างคุณน่ะ
"เพื่อน"ไงล่ะ
หลังจากเวลาว่างแล้วที่ครูอาจารย์ไม่ได้เข้าสอน คุณก็ยังมีเวลาไปเลือกคบเพื่อน ได้รู้จักมองคน ว่าใครนิสัยเป็นอย่างไร
ใครดีใครชั่ว ใครเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โอบอ้อมอารีย์ หรือเห็นแก่ตัว ชอบนินทาว่าร้าย ก็ว่ากันไป
การมองคนให้ออกก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการดำเนินธุรกิจ การที่คุณได้ไปเห็นคนนิสัยต่างๆกัน วิถีชีวิตที่ต่างกัน
มันได้อะไรล่ะครับ มันก็ได้ทำให้เรารู้ยังผู้คนหรือที่เรียกว่าเพื่อน และยังเชื่อมโยงไปถึงประสบการณ์อีกด้วย
สมมุติคุณไปพบปะเจรจากัน คุณดูคนดูสีหน้าท่าทางหรือแม้กระทั่งแววตาแล้ว บางทีเราอาจจะเห็นอะไรที่มากกว่า
หน้าคน 2 ตา 2รูจมูก 1 ปาก 2หู ก็ได้นะครับ มันทำให้คุณได้ระมัดระวังตัว ว่าใครโกงไม่โกง ไงล่ะครับ
แล้วอีกอย่างถ้าคุณยังไม่มีเพื่อนเลยจากระยะเวลาการศึกษาที่ยาวนานนั้น แต่คุณจะมาทำธุรกิจ คุณจะไปทำกับใครล่ะครับ
บางทีอาจจะบอกว่าทำคนเดียว แต่ก็นั่นแหละ ทำคนเดียวจริงในบริษัทกู แต่เวลาออกไปค้าขาย หรือรับงาน
นั่นคุณรับจากคนหรือว่ายุ่นยนต์ล่ะครับ?
นี่นั่นแหละ คือความสำคัญของการศึกษา มันไม่ใช่แค่เรียนไปวันๆ แล้วเอาไปใช้อะไรไม่ได้หรอกครับ
บางที มันอาจจะกำลังถูกใช้อยู่โดยที่คุณไม่รู้ตัวก็เป็นได้
Offline
ก็อย่างที่บอกไง
ไปโรงเรียน ไปมหาวิทยาลัย "ไปสร้างสายสัมพันธ์ ไปรู้จักคน ไปหาประสบการณ์ ความรู้คือผลพลอยได้"
ไม่ได้บอกสักหน่อยว่า จะมีรายได้ ต้องมาจากธุรกิจเท่านั้น
คนที่ทำธุรกิจ เขาไม่ต้องรู้นี่ว่า ไอ้ที่เขาจะผลิต มันต้องใส่สารอะไร กี่%mol ใช้ความร้อนเท่าไหร่ วัดมุมตกกระทบกี่องศา (บิล เกตส์ เขาไม่เคยบอกนะว่า เขาเขียน source code ได้)
คนทำธุรกิจ(ไม่ใช่กิจการส่วนตัวที่ตัวเองต้งอไปนั่งเฝ้าหน้าร้าน) เขาไม่สนหรอก เขารู้แค่ว่า "จะจ้างใครมาทำหน้าที่ไหน" แค่นั้นพอ
สำหรับที่ว่าเห็นเงินสำคัญนั้น ถามจริงๆ ถ้าวันพรุ่งนี้ พ่อแม่ เกิดโคม่า ต้องเข้าโรงพยาบาล จะเอา รถ บ้าน ทีวี ตู้เย็น วัว ควาย ไปให้หมอ เขาจะยอมรับรักษาไหม??? ถ้าถึงเวลานั้น "เงิน" จะมีความสำคัญหรือยัง??
หรือว่ารอให้ถึงเวลาเขาป่วยเข้าโรงพยาบาลไปก่อน ค่อยให้ความสำคัญกับเงิน หรือจะพอใจกับแค่ 8พัน5 แล้วปล่อยให้พวกท่านตายไป
จำนวนคนจบมาเก่ง เรียนสูง ร่ำรวยเยอะกว่าเรียนไม่เก่งจริงหรืิอ เห็นเดินกันเกลื่อน bts mrt ขสมก จบป.โทกันทั้งนั้น
2 คนที่ยกตัวอย่างไป คนป.โท เกรดก็ไม่ขี้เหร่ คนจบวิศวกรรม เกียรตินิยมอันดับ1 เหรียญทอง เกรด4.00 หล่อเหลา... เฮ้ยไม่เกี่ยวกัน ยังออกมายืนยันค่าจ้างกันเอง ไม่ใช่นึกขึ้นมาลอยๆ
ข้าเจ้าไม่ได้ดูถูก "การเรียนรู้" เพราะตัวข้าเจ้าเองก็ รักการเรียนรู้ แต่ในเรื่องที่สนใจ และเป็นประโยชน์ เพียงแค่ "ระบบการศึกษา" มันยังสร้างให้คนจบมาเป็นแค่ลูกจ้างเหมือนเมื่อยุคอุตสาหกรรมยุคที่ใช้แรงแลกผลผลิตเมื่อ 60 ปีที่แล้วอยู่ แล้วจะไปตามโลกทันได้ยังไง? เรียนรู้ให้ถูกเรื่อง ไม่ใช่เรียนอะไรก็ตามแต่เขาจะยัดให้ สมัยนี้ บริษัทใหญ่ๆที่อยากจะเข้ากันนักหนา เขาไม่ต้องการแรงงานคนแล้ว เขาใช้เทคโนโลยีแทนหมด
ถามจริงๆ differential integrate ที่เรียนตั้งแต่ม.5 ไปยัน ป.เอก จบมาทำงาน ได้ใช้จริงกี่คน? มันไม่ถึง10% แน่ๆ
แถมให้อีก ไว้เปิดหูเปิดตา
Thailand's salary guide แม้ว่าจะผ่านมา 2 ปีแล้ว แต่ค่าเฉลี่ย ยังคงเดิม หรือลดลงตามสภาพเศรษฐกิจ
Thailand's salary guide credit: thaiadmin
แล้วสังเกตด้วยนะว่า ตำแหน่งที่ได้ 5หมื่นขึ้นไปน่ะ ต้องใช้ประสบการณ์กี่ปี แข่งขันกับกี่คนจากที่จบใหม่ 1 ล้านคน + ตกงาน 1 ล้านคน เมื่อปลายปีที่แล้ว
อัพเดทข่าววงในให้ standard charter ภูมิภาค asia-pacific พร้อมจะ lay-off พนักงานทั้งหมด ได้ทุกเมื่อ ถึงแม้ว่าจะยังเป็นแค่ข่าวลือ แต่มันก็เป็นข่าวที่ร่ำลือกันในวงพนักงานของบริษัท
ปอลิ่ง: ขออภัย จขกท. ที่ลากยาวออกทะเล
ปอปอลิ่ง: เรียนพิเศษ ถ้าเรียนเพื่อเพิ่มเพื่อน เรียนเพื่อได้สังคมใหม่ ก็เรียนๆไปเถอะ ความรู้ก็แล้วแต่จะอยากได้มากน้อย แต่เพื่อนๆ สร้างไว้เยอะๆก็ดี
แองเจลลิ่ง:
ถ้าเรื่องเรียน เรื่องวิชาการมันไม่สำคัญ คงไม่มีบุพการีท่านใด ส่งคุณเข้าโรงเรียนหรอก ...
เพราะพวกท่านไม่เคยจะได้เรียนรู้วิธีการทำเงินวิธีอื่นนอกจากเอาเวลา9-12ชั่วโมงต่อวัน เอาพลังสมอง เอาพลังชีวิต ไปให้คนอื่นเช่ารายเดือนแล้วหากำไรจากพวกท่านเป็นวินาที ยังไงล่ะ พวกที่เอาเวลาทั้งวันไปนั่งเฝ้าร้านตัวเอง หรือไปเที่ยวเป็นเดือนโดยปิดมือถือไม่ได้ ก็นับรวมด้วย
Last edited by The Ghost (2009-04-22 02:07:53)
----------
"Don't ever let somebody tell you... You can't do something, You got a dream... You gotta protect it. People can't do something themselves, they wanna tell you you can't do it. If you want something, go get it." - Christ Gardner (The Pursuit of Happiness)
Offline
เอ่อ= = ใจเย็นๆครับพี่ๆ ไม่เครียดนะครับไม่เครียดt-t
กระทู้ฉันทำให้ชาวบ้านเครียดt-t ขอโทษด้วยคับt-t
ชมพู-ฟ้า Suannon#30
Offline
คนที่ทำธุรกิจ เขาไม่ต้องรู้นี่ว่า ไอ้ที่เขาจะผลิต มันต้องใส่สารอะไร กี่%mol ใช้ความร้อนเท่าไหร่ วัดมุมตกกระทบกี่องศา (บิล เกตส์ เขาไม่เคยบอกนะว่า เขาเขียน source code ได้)
คนทำธุรกิจ(ไม่ใช่กิจการส่วนตัวที่ตัวเองต้งอไปนั่งเฝ้าหน้าร้าน) เขาไม่สนหรอก เขารู้แค่ว่า "จะจ้างใครมาทำหน้าที่ไหน" แค่นั้นพอ
คนมีความคิด ก็ต้องฟังความคิดของคนอื่นบ้าง
อย่างน้อยคุณก้ต้องหาคนที่ "มีความรู้" ถ้าคุณไม่มีคนที่มี"ความรู้" ธุรกิจของคุณก็ไม่ประสบความสำเร็จหรอกนะ
ในความคิดคุณคงเถียงอยู่ในใจสิว่า "ก็คนมีความรู้มันก็เป็นได้แค่ลูกจ้างไง"
แต่ทุกคน มีเป้าหมายต่างกันแน่นอนค่ะ ไม่ได้มีใครอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ เป็นคนจ้างทุกคนหรอกนะคะ
เค้าพอใจที่จะทำงานตรงนั้น ไม่ต้องไปแบกรับปัญหาหนักๆ แล้วคุณจะไปด่าเค้าโง่ป้ะ
สำหรับที่ว่าเห็นเงินสำคัญนั้น ถามจริงๆ ถ้าวันพรุ่งนี้ พ่อแม่ เกิดโคม่า ต้องเข้าโรงพยาบาล จะเอา รถ บ้าน ทีวี ตู้เย็น วัว ควาย ไปให้หมอ เขาจะยอมรับรักษาไหม??? ถ้าถึงเวลานั้น "เงิน" จะมีความสำคัญหรือยัง??
หรือว่ารอให้ถึงเวลาเขาป่วยเข้าโรงพยาบาลไปก่อน ค่อยให้ความสำคัญกับเงิน หรือจะพอใจกับแค่ 8พัน5 แล้วปล่อยให้พวกท่านตายไป
อย่างน้อยบริษัทก็มีสวัสดิการแน่นอน มีประกันชีวิต (คุณก็อาจจะยกประเด็นที่ว่า บริษัทจะเตะส่งออกเมื่อไหร่ก็ได้)
แต่ขอโทษ ถ้าคุณเป็นสมองของบริษัท เนื่องจากผลของการที่คุณเป็นคน "มีความรู้" ใครจะเอาคุณออก
คุณไม่เคยเห็นบุคคลที่บริษัท ไปรอรับตัวมาทำงานตั้งแต่มหาลัยเหรอ?
ข้าราชการ (เรื่องของความมั่นคง ถ้าคุณไม่ไปฆ่าใครตาย เค้าก็ไม่ไล่คุณออก)
ก็เบิกได้ไงพี่ ฟรีอีกตั้งหาก พ่อแม่ป่วย ลูกป่วย
ลูกเข้าเรียน ข้าราชการเบิกได้ ลดหย่อนได้ ประกันสังคมก็มี หรือคุณต้องเลือกโรงพยาบาลที่หรูที่สุด เอกชนอีกล่ะ
เอออันนั้นก็แล้วแต่วิจารณญาณแล้วนะ หมอเอกชนก็ใช่ว่าจะดีกันทุกราย
สมัยนี้ บริษัทใหญ่ๆที่อยากจะเข้ากันนักหนา เขาไม่ต้องการแรงงานคนแล้ว เขาใช้เทคโนโลยีแทนหมด
แล้วเทคโนโลยีพวกนี้ไม่ได้มาจาก "คนที่มีความรู้" หรือไงคะ แล้วคนที่มีความรู้ เค้าไม่ได้อะไรตอบแทนเหรอคะ?
(ได้ข่าวว่าพัฒนาโปรแกรม ได้เป็นล้าน หรืออาจจะเกิน)
ถามจริงๆ differential integrate ที่เรียนตั้งแต่ม.5 ไปยัน ป.เอก จบมาทำงาน ได้ใช้จริงกี่คน?
อย่างน้อยคุณก็ได้กระบวนการในการคิดไงคะ ทุกอย่างมันต้องรู้จักประยุกต์ใช้อย่างลงตัว
พี่ไตรคะ หนูไม่ได้เถียงนะคะ เพียงแค่เสนออีกแง่มุมนึง ไอเรื่องที่พี่คิด ไม่มีใครไปว่าผิดว่าถูกหรอก
หรือพี่จะคิดว่า "หนูกำลังแถ" ให้คนอื่นมาเชื่อตามหนู มองสิ่งที่หนูคิดว่าดีที่สุดแล้ว ก็แล้วแต่ค่ะ
ปล. สิ่งที่ดีที่สุด แต่อาจจะไม่เหมาะกับเราที่สุด เป็นคำที่ใช้ได้เสมอ และหนูใช้บ่อยที่สุด
ปล. ยังไงๆ หนูก็ให้ความสำคัญกับความรู้มากที่สุดค่ะ ความรู้ขั้นพื้นฐาน คือระดับตั้งแต่มัธยมถึงมหาลัย
ถึงใครจะไม่สนยังไง หนูก็ยังคิดว่ามันจำเป็นอยู่ดี
ปล. อีก และ อีก พี่ไตรกำลังเอาสิ่งที่พี่ไตรคิด มายัดเยียด คนอื่นมากเกินไปนะ
ปล. อีก นะจ๊ะอย่าเพิ่งเบื่อ จขกท. เค้าขอโทษ กราบงามๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
Last edited by • Musiclover • (2009-04-22 10:58:16)
♥♥♥♥♥♥♥♥♥
Offline
กระทู้ฉันทำให้ชาวบ้านเครียดt-t ขอโทษด้วยคับt-t
โอ๋ๆ เปล่าหรอก กระทู้เต้ไม่ได้ทำให้ชาวบ้านเขาเครียดหรอก อย่าเพิ่งเสียใจ เด๋วพัดจะรีบไปปลอบขวัญ:lol:
---------------------------------------------------------------------------------------------
คนที่ทำธุรกิจ เขาไม่ต้องรู้นี่ว่า ไอ้ที่เขาจะผลิต มันต้องใส่สารอะไร กี่%mol ใช้ความร้อนเท่าไหร่ วัดมุมตกกระทบกี่องศา
อันนี้มันก็แล้วแต่มุมมองนะครับ แล้วมันก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณ ทำธุรกิจอะไร?
(บิล เกตส์ เขาไม่เคยบอกนะว่า เขาเขียน source code ได้)
ผมก็ยอมรับว่าเรื่องคอมผมไม่ค่อยรู้ แต่ก็พอจะรู้ว่า ถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง เวลาเราจะทำงานอะไร
ถ้าเราคุยถึงสรรพคุณของผลผลิตมากเกินไป หรือพูดแสดงภูมิปัญญาทางความคิดมากเกินไป
ถ้างานมันออกมาไม่เป็นดังที่พูดไว้ 100% มีข้อผิดพลาดเงี้ย โค้ดอะไรต่อมิอะไร ภาษาซงภาษาซีไรนั่น เขียนผิดเงี้ย
ออพชั่นบางอย่างเลยมีบัคเงี้ย คนเขาก็จะตำหนิได้ อะไรได้
แต่ถ้าเราไม่พูดซะ เงียบ เก็บไว้พัฒนาในรุ่นถัดไป เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มคุณสมบัติใหม่แก่ผลผลิตนั้น
มันก็ทำให้เกิดความหลากหลายได้นี่ครับ? ทั้งที่ความจริง แค่แก้บัค 55+
Last edited by LagooNz (2009-04-22 18:10:00)
Offline