Suannon Board

You are not logged in.

#1 2009-01-08 22:27:43

TAKESHI
สมาชิก
Registered: 2008-12-25
Posts: 3

ค่านิยมเป็นสิ่งที่คิดไปเองหรือ..????????????..............

แพทย์จุฬา ---เจ๋งสุดยอด เก่งมากมาย คะแนนไฮโซ เพอร์เฟ็ก

แพทย์ศิริราช---- ก้อเจ๋งสุดยอดแต่ไงๆคะแนนต่ำสุดจุฬาก็สูงกว่า(ทั้งที่อันดับ1ของสายหมออยู่นี่)

แพทย์รามา--- ก็ไม่แพ้ศิริราชนะ แต่คะแนนก็ต่ำกว่า งุงิๆ

แพทย์ มช---ก็เจ๋งแต่บ้านนอกหว่ะ ไปอยู่คณะอื่นแถว กทม.ก็ได้ฟระ

----------------

วิศวะ จุฬาฯ--- เก๋งโคตรๆ ได้ที่3ของโลกในการแข่งหุ่นฟุตบอลจิ๋ว ข่าวลงให้เยอะ

วิศวะ ลาดกระบัง--- ปฏิบัติก็ดี แต่จุฬาเจ๋งกว่า คะแนนไฮโซกว่า

วิศวะ พระนครเหนือ---ปฏิบัติเยี่ยม(ได้ที่1การแข่งหุ่นยนต์กู้ภัยระดับโลก2สมัยซ้อนและแชมป์หุ่นยนต์ระดับนานาชาติ แต่ข่าวน้อยกว่าจุฬาเพราะว่าอะไร???)

--------------------

นิติ จุฬา----เจ๋ง คะแนนสูง

นิติ มธ.-----มีอันนี้แหละวะที่มานไม่น้อยหน้าจุฬา

นิติ รามฯ----ทางเลือกของคนที่เอนท์ไม่ติด เข้าง่ายออกยาก ถ้าออกภายใน4ปีมีงานแน่

---------------------------

เตรียมอุดม----แหล่งรวมเด็กเก่ง เชิดหน้าชูตา เด็กโอลิมปิกหาได้ที่นี่

มหิดล----ก็เก่ง แต่คนเก่งสุดในประเทศจะอยู่เตรียม แต่คะแนนเฉลี่ยโอ-เน็ตออกมาแล้ว คงไม่ต้องพูด 555+

เตรียมทหาร----เท่ สมาร์ท แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กกลาง-เก่ง เพราะเก่งที่สุดจะไปเตรียมอีกนะแหละ(ยกเว้นคนที่อยากเปนทหาร)

เตรียมวิศวะพระนครเหนือ---ไม่รู้จัก เด็กกลางกะพวกอยากเรียนวิศวะจะไปกาน แต่เงินเดือนจะเยอะกว่าจุฬานะ(กรณีที่จบป.ตรี หุหุหุ)

สวนกุหลาบนนท์----ถึงไม่เจ๋งเมือนที่กล่าวมา แต่ก็เจ๋งสุดสำหรับพวกเราแล้ว จิงไหมเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ
----




นี่เป็นค่านิยมที่เกิดจากเด็กหรือผู้ปกครองอ่า ลองคิดกานนะ
บางคนคะแนนถึงแพทย์ ตจว.แต่ไม่เอาอยากอยู่ในกรุงเทพ

บางคนก็ยึดติดกับสถาบัน

คิดว่าไงคับ

ขออนุญาติอ้างอิงจากกระทู้เก่า aerodyne  นะครับ

Last edited by TAKESHI (2009-01-08 22:30:26)

Offline

#2 2009-01-09 18:23:22

Tangmae*
Suannonweb Team
From: จากเกาะ CJR
Registered: 2005-03-15
Posts: 5,327

Re: ค่านิยมเป็นสิ่งที่คิดไปเองหรือ..????????????..............

ความคิดเรานะ

ค่านิยม คนที่สร้างมาตั้งแต่ต้นคือสถาบัน  เขาสามารถสร้างคนดีๆ โดดเด่น ขึ้นมาได้ ทำให้คนที่อยากจะเข้าบ้าง ก็เลือกสถาบันนี้ให้มากมาย
จนเรียกได้ว่า  กระแสนิยม

แน่นอนว่า คนพอมาสมัครกันมากมาย ก็ย่อมเกิดการคัดสรร สถาบันมีสิทธิ์เลือกผู้เรียนที่ดีที่สุด ทำให้สถาบันำด้กำไรจากกระแสนิยมนี้ได้

บริษัท คนภายนอก รับรู้ว่า คนจบจากสถาบันนี้มันเก่งนะ ก็ต่างอยากได้มาทำงาน จนเกิดกระแส ดูมหาลัยเกิดขึ้น

เหมือนกับ  ตระกร้าคัดผลไม้ ตระกร้านี้เกรด A ดีทุกผล รับได้เลยไม่ต้องคิดมาก  ใครๆก็อยากได้ของเกรด A ทั้งนั้น จริงไหม

ดังนั้นค่านิยมไม่ได้เกิดจากใครคนใดคนหนึ่ง แต่เกิดจากคนทุกคน มีความคิดเห็นในทางเดียวกัน ในเมื่อเห็นจริง

แต่ก็ไม่ใช่ว่า ตระกร้า B C จะมีแต่ผลไม่ดีเสมอไป เพราะในตระกร้านั้นอาจจะมีผลที่ดีสวย เหมือนในตระกร้า A ก็ได้ เผลอๆดีกว่าตระกร้า A เสียอีก

สถาบันถึงจะไม่ใช่ จุฬา ธรรมศาสตร์ ก็ไม่ใช่ว่าเราอับจนแล้วจริงๆ แต่เราจะมีคุณค่าได้ ถ้าเราสร้างเอง :d

ตอนนี้เราก็ว่า การเรียนเอกชน ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เนื้อหาดีเหมือนกัน ได้วิชาชีพ เพียงแต่ค่าเทอมแพงโพดๆ เท่านั้นเอง


โรงเรียนเราก็เรียกได้ว่ากระแสนิยมนะ

เมื่อก่อน ตอนเราประถม เพื่อนๆก็ชวนกันไปสอบเข้าสวนกุหลาบนนท์ เพราะคนที่จบจากสวนนนท์ ได้มหาวิทยาลัยดีๆ มีอาชีพดีๆ เรียนเก่ง ทั้งนั้นเลย

ซึ่งเราก็ไปถามแม่ แม่ก็เชียร์ให้ไปสมัครเหมือนกัน แถมยังยกกตัวอย่างลูกคนที่ทำงานที่จบจากสวนนนท์อีกต่างหาก ว่าได้ดิบได้ดี

เราเลยตัดสินใจเลือกเข้าโรงเรียนนี้ ด้วยคำว่าค่านิยมน่ะแหละ

แต่ตอนนี้เราว่า โรงเรียนเราชื่อเสียงตกลงเยอะ เพราะอะไรก็คงรู้ๆกันน่ะนะ เห็นๆกันทุกวัน

ถ้าไม่ได้อยู่ข้างในรั้วโรงเรียนไม่เห็นจริงๆ ว่า

มีของเสีย ก็มีของดีเหมือนกัน แค่อยู่ปะปนกันเท่านั้นเอง


Red-Airi.png
โลกของใคร โลกของมัน    Tangmae's เอ็กตีน
ตัดให้ขาดเลยฉับๆ ตัดให้ขาดเลยฉับๆ อย่ามัวเสียดาย ร้องไห้อยู่เลย
SKN ,#28  Generation

Offline

#3 2009-01-09 19:00:45

Sinner
สมาชิก
From: Deep Dark Damn
Registered: 2006-06-25
Posts: 145
Website

Re: ค่านิยมเป็นสิ่งที่คิดไปเองหรือ..????????????..............

อ่านแล้วเห็นด้วยเลยแฮะ=w="

ส่วนเราเข้าสวนนนท์...ตามเพื่อนมั้ง อยู่ประถมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเหมือนกับตอนนี้นั่นแหละ

(วิ่ง)


Daemonian.gif
ยามพระเยซูสิ้นลมบนไม้กางเขน...พระองค์ทรงกลับสู่สรวงสวรรค์ที่จากมา...แต่เมื่อมนุษย์ผู้นี้สิ้นลมบนไม้กางเขน...ทูตสวรรค์กลับมาเยือนยังโลกมนุษย์...

Offline

#4 2009-01-09 19:51:33

siwon313
สมาชิก
Registered: 2007-08-03
Posts: 247

Re: ค่านิยมเป็นสิ่งที่คิดไปเองหรือ..????????????..............

เข้าสวนนนท์เพราะใกล้บ้านอ่ะ !

ไม่ใช่ค่านิยมแต่ประการใด ..

นิติธรรมศาสตร์ก็คิดจะเข้า

ไม่ใช่จะเข้าเพราะค่านิยมอ่ะ

คิดว่าเป็นเรื่องความถนัดและความชอบของเรามากกว่า lol


f89f422022.jpg

Offline

#5 2009-01-09 20:08:45

praew6139
สมาชิก
Registered: 2009-01-06
Posts: 33

Re: ค่านิยมเป็นสิ่งที่คิดไปเองหรือ..????????????..............

มันก้อมีส่วนอ่านะ ค่านิยมอ่ะ

เพราะเค้าก้อสามารถสร้างคนที่มีคุณภาพได้
พอได้รับความนิยมมากๆก้อเหมือนกับกระแสนิยมแหละ
แต่สถาบันก้อต้องดีไม่งั้นคงไม่เป็นกระแสนิยมหรอ
แต่อะไรๆก้อต้องขึ้นอยุกะตัวเราด้วย


17page4.jpg

Offline

#6 2009-01-09 20:09:18

Junno
สมาชิก
From: skn.27 - - GE20 E65 KU69 *
Registered: 2005-03-12
Posts: 5,119
Website

Re: ค่านิยมเป็นสิ่งที่คิดไปเองหรือ..????????????..............

ค่านิยมแบบนี้
มันเปนกันซะทุกคนไง

ไม่งั้นเราจะอยากเข้าที่นั่นที่นี่
เรารู้ได้ไง ว่ามันดีจริง
ยังไม่เคยเข้าไปลองนั่งเรัียนซะหน่อย..
คิดไปเองล้วนๆ

มันแล้วแต่คณะ อะนะ
บางคณะก็แบบ ชิวๆ ไม่เปนไร เรียนที่ไหนก็ไม่ได้เกี่ยงมาก
แต่บางคณะ มันก็วัดกันตรง สถาบัน จริงๆอะ
พวกรับเข้าทำงาน เค้าก็ไปรอรับ จุฬาก่อนบ้าง ฯลฯ ก็แล้วแต่คณะ...

แต่สุดท้ายแล้ว
จบดีๆมาที่ไหนก็ตาม ทำงานแย่ๆ ก็โดนไล่ออกได้หมดอะ   lol
แค่ใช้สถาบันเปนใบเบิกทาง รึป่าว ?


sikd1.gif bbchan3.gif
»»» พีจุนโนะ 우영               :: I AM HOTTEST VIP. !
. ♥i want you  . .   Why do you HESITATE ? *

Offline

#7 2009-01-09 21:32:18

• Musiclover •
สมาชิก
From: 304/514 #30
Registered: 2006-04-20
Posts: 1,089
Website

Re: ค่านิยมเป็นสิ่งที่คิดไปเองหรือ..????????????..............

^
เห็นด้วยกับพี่พี ค่ะ


มันอยู่ที่คนนะ  จบที่ดี มันสำคัญแค่ตอนรับเข้าทำงาน พอเข้าทำงานถ้าทำไม่ดีก็โดนเด้งได้

เหมือนที่ทำงานแม่ มีคนจบinter จากมหาลัยอันดับต้นๆของไทย แล้วมีคณะรัฐมนตรีจากต่างประเทศมาประชุม

ในส่วนแม่ มีแต่คนพูดอังกฤษแบบงูๆปลาๆ  เลยจะให้เจ๊แกไปช่วย แต่เจ๊แกก็ไม่ไป เพราะไม่ใช่งานเจ๊แก

เอาเข้าไป  ที่ทำงานแม่ เลยเข็ดขยาดคนมหาลัยนี้ไปเลย (ให้เก่งงงให้ตายเหอะ เห็นแก่ตัวก็จบกัน)


สร้างแต่ค่านิยม คนเก่ง  ไม่สร้างค่านิยม คนดีมั่งล่ะ

ค่านิยม ไม่มีคำว่าผิดว่าถูก  มีแต่คำว่า สังคมยอมรับ กับไม่ยอมรับ

แล้วเซ็งมากๆๆๆๆๆ  กับพวกที่แค่ ฟังเขาเล่ามา แล้วมาทำอิน -*- ยังไม่ทันได้เข้าไปสัมผัสอะไร



ส่วนตัว ตอนนี้อยู่กับค่านิยมของตัวเอง -*- อะไรที่ดีที่สุดสำหรับคนอื่น มันอาจจะไม่ดีที่สุดสำหรับเราก็ได้

แล้วอย่างนี้ ใครจะมากำหนดล่ะ ก็ต้องตัวเราสิ  ไม่ใช่สังคม


♥♥♥♥♥♥♥♥♥

Offline

#8 2009-01-09 21:42:03

Heineken
สมาชิก
Registered: 2008-04-10
Posts: 390

Re: ค่านิยมเป็นสิ่งที่คิดไปเองหรือ..????????????..............

ผมว่าค่านิยมมันก็มาจากตัวบุคบากรแหละครับมันคล้ายๆกับว่าในที่ๆนั้นพอมีบุคลากรดีๆซักคน

สร้างชื่อเสียงให้กับสถาบันซักครั้งผู้คนเกิดสนใจจนมันกลายไปเป็นค่านิยมประมาณนั้นกระมัง

ครับ แต่ทุกสถาบันย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี คนเก่งและคนไม่เก่งรวมกันอยู่ทั้งนั้นแหละครับ

สถาบันที่มีแต่เด็กเก่งอาจจะมีจิตใจคนละแบบกับสถาบันที่เด็กไม่เก่งก็ได้ครับ

มันแล้วแต่ลักษณะเฉพาะของคน


ชมพู-ฟ้า Suannon#30
2429_sk4.jpg

Offline

#9 2009-01-10 07:46:38

<BeaR>
สมาชิก
From: 4405 / 2547
Registered: 2005-03-12
Posts: 3,635
Website

Re: ค่านิยมเป็นสิ่งที่คิดไปเองหรือ..????????????..............

สุดท้ายแล้ว ...  จบมหาลัย ก็ไม่ได้หมายความ ว่าจะต้องมีงานทำเสมอไป





ค่านิยม ...  หรือในบางครั้งอาจใช้คำว่า คุณค่า

หมายถึง สิ่งที่กลุ่มบุคคลเชื่อและยึดถือ  สำหรับการตัดสินใจ  กำหนดการกระทำของตนเอง  ซึ่งการตัดสินใจและการกระทำเหล่านั้นอาจไม่มีอรรถประโยชน์ ในการใช้สอยแต่อย่างไร  แต่เชื่อว่าสิ่งนั้นมีประโยชน์กับตน


ที่มา ... สังคม   ม.6


PLFC  .."  311 Up To  ...  602

ขอบคุณ ..      311  สำหรับ  บทเริ่มต้น ...    &    602 .. สำหรับ  บทส่งท้าย  .. 18111   .. !?!

Offline

#10 2009-01-10 22:25:32

The Ghost
สมาชิก
Registered: 2005-04-13
Posts: 280

Re: ค่านิยมเป็นสิ่งที่คิดไปเองหรือ..????????????..............

ความรู้ ไม่ใช่ตัวชี้วัดทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต

ความสำเร็จของมนุษย์ มี 3 แบบด้วยกัน
1. ประสบความสำเร็จด้านการศึกษา - มหาวิทยาลัยชื่อดัง inter เกียรตินิยมอันดับ 1 IQ1000
2. ประสบความสำเร็จด้านการงาน - ได้ทำงานในตำแหน่งสูงๆ ได้เงินจำนวนมาก รับผิดชอบลูกน้องเป็นร้อยเป็นพัน แต่ความสำเร็จชนิดนี้ ยิ่งมีมาก ยิ่งไม่มีเวลาให้ตัวเองและครอบครัว เพราะหน้าที่ค้ำคอ
3. ประสบความสำเร็จด้านชีวิต - มีชีวิตที่สุขสบาย ไม่ต้องผูกติดเวลาและชีวิตของตัวเองกับหน้าที่การงาน อยากเที่ยวเมื่อไรก็เที่ยวได้โดยไม่กังวลค่าใช้จ่าย ไม่มีปัญหาการดำเนินชีวิตกับผู้คนรอบตัว กตเวทีตอบแทนผู้มีพระคุณ(กตัญญูกันทุกวันอยู่แล้ว แต่มีใครสอนให้กตเวทีบ้าง เรียนกัน20ปี ไม่มีทางได้ยินคำนี้หรอกหลังจบประถมมา เชื่อเถอะ อ. ที่สอนอยู่ทุกวันน่ะ ยังกตเวทีแบบจริงๆจังๆต่อผู้มีพระคุณไม่ได้เลย...)

มีเรื่องเล่าของเพื่อนที่เคยเล่าให้ฟัง ใจความว่า มีวันนึงย่าของเพื่อนคนเนี๊ย ป่วยและเสียชีวิตในที่สุด ก็จัดงานศพกันตามปกติของคนจีน แต่ เพื่อนคนนี้ก็ไม่เคยเห็นพ่อของเขาเสียน้ำตากับการจากไปของย่าเขาเลย เพื่อนก็อยากจะถามแต่ไม่กล้า จนล่วงไป 2 เดือน ถึงได้ถามจริงๆจังๆ "พ่อไม่เสียใจหรือที่ย่าจากไป" พ่อเขาตอบว่า "พ่อไม่เสียใจหรอก เพราะพ่อรู้ว่า พ่อตอบแทนเขาไปหมดแล้ว"

ที่เล่าเนี่ย อยากให้ถามตัวเองดู คนรอบๆตัวที่กล้าคิดแบบนี้ได้โดยไม่หลอกตัวเองน่ะ "มีกี่คน"??? แค่กตัญญู เรียนเก่งๆ หางานดีๆ ไม่สามารถคิดแบบนี้ได้หรอก ไม่มีทางเลย ต้องกตเวทีอย่างสุดความสามารถเท่านั้น

ให้เลือก ข้อ1 ถึง ข้อ3 อยากเลือกข้อไหน? ข้อไหนสำคัญที่สุดในความคิดคุณ?

ถามจริงๆ เคยได้หยุดเคลื่อนตามกระแสแล้วมองดูมุมมองไกลๆบ้างไหมว่า การศึกษาเดี๋ยวนี้ที่มุ่งให้คนมีความรู้เยอะๆ เอาไปเพื่ออะไร ในเมื่อไม่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวันได้ (ยกเว้นนำไปขายให้เจ้าของบริษัทเป็น"วินาที" เพื่อแลกเงิน"เดือน")

มีเยอะแยะ ที่จบมาทำงานไม่ตรงสายกับกระดาษใบบางๆที่เผาก็ใหม้เป็นเถ้าธุลี

จบมาจากสถาบันดีๆ คณะดีๆ ก็มีข้อดีตรงที่ว่า เรามีทางเลือกมากกว่าคนอื่นเขา แต่ทางเลือกที่ดีกว่าคนอื่นที่ว่า สามารถทำให้ความฝันของเราให้เป็นจริงได้หรือไม่?

เคยเห็นคนจบสูงๆ มีเงินเป็นร้อยล้านไหม? ตั้งแต่ผู้เขียนเกิดมา ไม่เห็นมีสักคน

10 อันดับเศรษฐีของไทย จบสูงสุดคือ ป.ตรี ที่ไม่ใช่สายงานของตัวเองทั้งนั้น

ไม่ใช่ว่าพวกเขาเหล่านี้ไม่ฉลาด แต่เขาฉลาดพอจะมองออกว่า การศึกษาที่สูง ไม่ใช่คำตอบที่ทำให้ชีวิตเขาสุขสบายได้เสมอไป

ตัวอย่างอื่นๆ

bill gates ลาออกจาก harvard มาเปิด microsoft

mark zuckerberg ลาออกจาก harvard ตอนปี 3 มาเปิด facebook.com ตอนนี้มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 390 ล้านเหรียญ U.S. อายุ 24 ปี (อายุเท่าผู้เขียนเลย แต่รวยกว่าผู้เขียน....... มากๆ)

แล้วคนเรียนจบสูงหายไปไหน?? มากกว่า 95% ของจำนวน PHD.(คนจบดอกเตอร์) ทั่วโลก ก็ยังต้องวิ่งเต้น ยังต้องดิ้นอยู่ทุกวัน เพื่อแลก "เงินปลายเดือน" เอามาจุนเจือชีวิต ให้รอดไปวันๆ หรือถึงเอาตัวเองรอด เลี้ยงดูเมียและลูกได้ มีกี่คนที่เลี้ยงดูพ่อแม่ได้ โดยที่ไม่ต้องให้พ่อแม่หางานทำเพิ่มหลังเกษียณอาชีพ แล้วถ้าเลี้ยงดู ดูแลคนรอบตัวที่รักและเป็นห่วงได้ มีกี่คนที่สามารถ "เอาใจใส่" ได้จริงๆ

ดูแลเอาใจใส่ - "ดูแล" ใครก็ดูแลได้ แค่มีเงินส่งให้ แต่ "การเอาใจใส่" ไม่สามารถนำเงินไปแลกได้ การเอาใจใส่ ต้องการสิ่่งแลกเปลี่ยนเป็น "เวลา" เวลาที่ได้อยู่ด้วยได้ใช้ร่วมกัน เวลาที่ได้ communicate กันระหว่างทานข้าวเย็นครบหน้าทั้งครอบครัว ซึ่งข้อนี้ แค่การประสบความสำเร็จด้านอาชีพ ไม่เพียงพอจะให้ได้

แต่คน 95% บนโลก กลับเห็นชีวิต คือการประสบความสำเร็จด้านการศึกษา และ ด้านอาชีพ เท่านั้น โดยลืมนึกไปถึง
-หน้าที่กตเวทีต่อผู้มีพระคุณ ที่ไม่ใช่ร้องห่มร้องให้น้ำตาท่วมทุ่ง เคาะโลงเอาของต่างๆไปวางให้ หรือพร่ำบ่นถึงสิ่งต่างๆที่ผู้มีพระคุณอยากให้ปฏิบัติตอนที่เขาเหล่านั้นยังมีชีวิต แล้วเราก็หลอกตัวเองด้วยคำว่า "ทำดีที่สุดแล้ว" ถ้าทำไม่ได้อย่างกรณีพ่อของเพื่อนที่เล่าไปข้างต้น คุณไม่มีสิทธิ์บังอาจใช้คำว่า "ทำดีที่สุดแล้ว" เป็นอันขาด
-หน้าที่เอาใจใส่ลูกหลานผู้สืบสกุล ให้สามารถพาตนเอง ออกจากกรอบความคิดเดิมๆ ของคน 95% บนโลกที่คิดเหมือนๆกัน แล้วอุปทานหมู่เอาว่าเป็น "ค่านิยมที่ใครๆก็ทำกัน ทำแล้วประสบความสำเร็จ"

แล้วก็ตายจากโลกนี้ไป โดยไม่เคยแม้จะรู้จักกับความหมายที่แท้จริงของคำว่า ประสบความสำเร็จด้านชีวิต เลยแม้แต่น้อย และไม่หลงเหลือเผื่อแผ่ความสำเร็จให้ลูกหลานเลย

สำหรับใครที่คิดว่า เรายังเด็กอยู่ ต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ เขาบอกให้เรียนๆ ก็เรียนๆๆๆให้มันผ่านๆจบๆไป เรื่องงาน เรื่องชีวิตไว้คิดอีกที ปล่อยให้เป็นไปตามกระแสของนายจ้าง ก็ไม่ต่างจาก ไปตายเอาดาบหน้า

เด็กต่างประเทศ อายุ 15 เขาเริ่มมองหาวิธีการจะเป็น "เจ้าของธุรกิจ"หรือ"เจ้าของทรัพย์สิน"กันแล้ว ในขณะที่บ้านเรา จบ ป.ตรี อายุ 23 ยังคิดได้แค่ "สมัครงานที่ไหน" "เรียนต่อดีไหม" "เรียนต่อเพื่อไปรับตำแหน่ง ป.ตรีก็ยังดีวะ ไม่เสี่ยงดี" บ้านเมืองเราถึงยังไม่เจริญกันสักที เพราะความคิดแบบนี้ที่สืบทอดกันมาเรื่อยๆ ความคิดที่นำไปสู่การประสบความล้มเหลวในชีวิต

ไม่ได้จะบอกว่า การศึกษาไม่ดี หรือให้ดื้อแพ่งต่อผู้ใหญ่ แต่อยากให้หยุดเพื่อคิดในแนวทางที่แตกต่าง อยากให้เอะใจ ลองศึกษาวิถีของโลก"ปัจจุบัน"ดู เลือกศึกษาข้อมูล และนำไปปฏิบัติ

การศึกษามีข้อดี ตรงที่เราสามารถนำไปคุยกับกลุ่มคนกลุ่มเดียวกันกับเราได้
สถานศึกษามีข้อดี ที่ทำให้เราได้สายสัมพันธ์กับหลายๆบุคคล ที่สามารถช่วยเราและเราสามารถช่วยเขาได้ในภายหน้า

แต่การศึกษาในระดับสูงที่แท้จริง ไม่ใช่การศึกษาเพื่อความรู้ แต่เป็นการศึกษาเพื่อหาสายสัมพันธ์ น้อยคนนักที่จะตระหนักได้ในข้อนี้

อยากให้เข้าใจอะไรหลายๆอย่างให้ถูก จะได้ไม่หลงไปกับ"กระแสความคิด กระแสวิบัติ" ที่ปฏิบัติตามๆกันมาหลายรุ่น แต่ก็ยังหน้ามืดตามัวไม่ยอมรับรู้ความจริงกันต่อไป

ป.ล. รู้ตัวว่าใส่รุนแรงมาก ขอให้เข้าใจว่า มีเจตนาดี
ป.ล.2 เนื้อหาเกือบทั้งหมด มาจากหนังสือ richdad poordad
ป.ล.3 คำบางคำ อาจไม่คุ้นตา เช่นคำว่า สายสัมพันธ์ ฯลฯ นั่นเป็นเพราะ อ. ก็สอนคุณไม่ได้ เพราะท่านก็ไม่รู้จัก

Last edited by The Ghost (2009-01-10 22:32:28)


----------
"Don't ever let somebody tell you... You can't do something, You got a dream... You gotta protect it. People can't do something themselves, they wanna tell you you can't do it. If you want something, go get it." - Christ Gardner (The Pursuit of Happiness)

Offline

#11 2009-01-10 23:16:10

GUEN SK131
สมาชิก
Registered: 2008-07-21
Posts: 58

Re: ค่านิยมเป็นสิ่งที่คิดไปเองหรือ..????????????..............

ผมยอมรับนะว่า เป็นพวกค่านิยม

ที่เข้าสวนฯเพราะชื่อเสียงและค่านิยม

ต่อไป เรียนมหาลัย ผมตั้งใจเข้ามหาลัยรัฐบาลอันดับต้นๆของประเทศญี่ปุ่น คณะที่ดัง คนจบมีชื่อเสียง ทำงานบริษัทใหญ่ๆของญี่ปุ่น

แต่เห็นด้วยว่า เรียนจบดีดี เก่งๆมา แล้วจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ยังต้องมีอีกหลายอย่างประกอบ

ถ้าไม่ได้อย่างที่หวัง ก็คงทำใจ อยู่กับสิ่งที่ได้ก็พอ

Offline

#12 2009-01-10 23:47:56

MiyaCatZ
ผู้ดูแลบอร์ด
From: OSKN 605#27
Registered: 2006-05-09
Posts: 3,856
Website

Re: ค่านิยมเป็นสิ่งที่คิดไปเองหรือ..????????????..............

ตอนนี้ไม่สามารถประสบผลสำเร็จด้านการเรียนได้ -*- เนื่องจากผลการเรียนห่วยแตกอย่างมากค่ะ ไม่อาจเป็นที่ยืดดด...แก่วงศ์ตระกูล 55+

ว่าแต่เราคงจะมองโลกในแง่ร้ายมากเกินไป เพราะคนที่รู้จักกันแทบทุกคนเก่งกว่าเยอะอ่ะ เลยไม่มีตัวเปรียบเทียบที่เก่งน้อยกว่า

ส่วนเรื่องอาชีพและชีวิต อยากจะทำให้สำเร็จควบคู่กันนะคะ ^^

สำหรับใครที่คิดว่า เรายังเด็กอยู่ ต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ เขาบอกให้เรียนๆ ก็เรียนๆๆๆให้มันผ่านๆจบๆไป เรื่องงาน เรื่องชีวิตไว้คิดอีกที ปล่อยให้เป็นไปตามกระแสของนายจ้าง ก็ไม่ต่างจาก ไปตายเอาดาบหน้า...

อูยยย แอบโดน ที่บ้านอยากให้เรียนวิศวะก็เรียน ยังไงก็เฉยๆแล้วค่า เพราะเรื่องชีวิตตัวเองก็มีสิ่งที่อยากทำไว้แล้ว โชคดีมากที่สิ่งที่อยากทำไม่จำเป็นต้องใช้ปริญญาบัตร ดังนั้นเลยวางแผนว่าถ้าจบมาแล้วเตะฝุ่นล่ะก็ จะเขียนนิยายขาย ทำงานฟรีแลนซ์มันซะเลยดีไหม?

แต่ก็มีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้อนาคตตัวเองนะคะว่าตัวเองชอบอะไรกันแน่ เอาเข้าจริงคนประเภทนี้มีเยอะมากเลย อยากรู้จังว่าระบบแนะแนวในไทยเรามันมีประสิทธิภาพแค่ไหน = =" (หรือมันขึ้นอยู่กับบุคคลเนี่ย?)

เอาเข้าจริง บางครั้งความฝันมันดูยิ่งใหญ่ แต่ก็อาจดับดิ้นอย่างง่ายดายด้วยค่านิยม = ="


*She's Miyacatz :: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยังคงเหมือนวันเก่าๆ ที่เคยอยู่เสมอ XD
  สถานะ :: ❤ หนุ่มแว่นค่ะ.....

Offline

#13 2009-01-11 06:35:29

The Ghost
สมาชิก
Registered: 2005-04-13
Posts: 280

Re: ค่านิยมเป็นสิ่งที่คิดไปเองหรือ..????????????..............

การที่เรา ยอมรับอยู่กับสิ่งที่ได้ และ ไม่กล้าฝันใหญ่ เพียงเพราะเราไม่รู้จัก"เครื่องมือ"ที่ถูกต้องในการดำรงชีวิตให้ได้ตามความฝันของเราหรือเปล่า?

ความฝันใหญ่ ไม่เคยทำร้ายใคร(ยกเว้นคุณนำไปแชร์กับคนที่รักรอบๆตัวคุณ แล้วคุณทำไม่ได้ กรณีนี้ความฝันอาจทำให้คนที่คุณรักเจ็บตัวได้ เป็นประสบการณ์ตรงของผู้เขียน)

ทำไมตอนเด็กๆเล็กๆเรากล้าที่จะฝัน เชื่อว่าหลายๆคนเคยฝัน อยากเป็นนักบินอวกาศ นายพลของกองทัพ หรือมีเจ้าชายมาสู่ขอให้เป็นเจ้าหญิง แล้วเราเคยใส่ใจไหมว่า ถ้าไม่เป็นจริงขึ้นมา เราจะอยากฆ่าตัวตาย

แต่ทำไม ยิ่งเติบโตขึ้น คำที่เราจะได้ยินน้อยลงคือ "ความฝันของคุณคืออะไร??" กลับกัน คำถามที่จะได้ยินบ่อยขึ้นทุกทีคือ "จะไปสมัครงานบริษัทไหน??" ทุกคนต้องการทำงานให้บริษัทใหญ่ๆเงินดีๆ เพราะทุกคนคิดเหมือนกัน มันถึงทำให้เป็นจริงได้ยาก พอเราทำความฝันที่จะทำงานให้บริษัทยักษ์ใหญ่ไม่ได้ แล้วเราเคยสนใจไหมว่า เราต้องฆ่าตัวตายที่ไม่ได้ทำงานที่นี่? ในเมื่อมันไม่ต่างจากตอนเด็กๆเลย แล้วทำไม เราถึงทิ้งความฝันยิ่งใหญ่ในตอนเด็กไป แล้วไปไล่ตามความฝันที่มีคนคิดเหมือนๆกัน ตกลงแล้ว มันเป็นความฝันของคุณ หรือเป็นความฝันของใคร??? และ คุณจำเป็นต้องนำความฝันของคุณ ไปฝากไว้กับใครที่เราก็ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า มีชื่อตำแหน่งว่า "เจ้าของบริษัท" เช่นนั้นหรือ?

เหตุที่มนุษย์ 95% ในโลก ไม่สามารถมีความฝันได้ เพียงเพราะว่า เขาเปลี่ยนความฝันของตัวเองใช่ไหม? เปลี่ยนความฝันตามวิธีการที่กระแสโลกพาไป เหมือนการนั่งแพในกระแสน้ำ โดยไม่สนใจจะหยิบพายขึ้นมาแล้วพาตัวเองเข้าเทียบฝั่ง

หากคุณมีความคิด อยากจะทำ อยากจะมี หรืออยากจะเป็นสิ่งใด นั่นเรียกว่า"ความฝัน"

และหากคุณกำหนดระยะเวลาลงไปด้วย นั่นเรียกว่า"เป้าหมาย" (เช่น อยากเลี้ยงดูพ่อแม่ ไม่ต้องให้ท่านทำงานอีก ก่อนท่านอายุ 60)

เมื่อเรามีเป้าหมาย สิ่งจำเป็นต่อมาคือ "เครื่องมือ" ถ้าเครื่องมือนี้ไม่ใช่ เราก็น่าจะเปลี่ยนเครื่องมือดู เผื่อมันจะใช่ (ทางแถบอเมริกา ถึงเปลี่ยนงานกันบ่อยมาก)

แล้วใช้เครื่องมือ เป็นสิ่งที่นำพาไปสู่ความฝัน ถ้าคุณอยากสร้างปราสาทหลังโต แต่คุณดันทุรังใช้แต่ทรายเพื่อสร้างปราสาท แค่ลมพัด กองทรายคุณก็หายไปแล้ว ถ้าลองเปลี่ยนเครื่องมือ ใช้เหล็กและคอนกรีตสร้าง จากนั้นนำทรายไปแปะหน้าคอนกรีต เท่านี้ ปราสาทคุณก็ดูเหมือนปราสาททรายได้ โดยไม่โดนพัดหายไปไหน

แต่ทำไม เราถึงเลือกจะเปลี่ยน "ความฝัน" แทนที่จะเปลี่ยน "เครื่องมือ" หรือเพียงเพราะความฝันคือ "การทำได้แค่คิด" ไม่ใช่ "การลงมือทำ" เช่นนั้นหรือ?

หากเป้าหมายคุณยิ่งใหญ่ และ ชัดเจนจริง ถ้าไม่ชิงด่วนตายไปเสียก่อน คุณหาเครื่องมือของคุณได้แน่ แต่คุณต้องไม่ไปเกาะเครื่องมือเดิมๆเป็นเวลานานๆ ต้องไม่หยุดกาารค้นหาเครื่องมือที่ถูกต้อง และคุณต้อง"บ้า"กับเป้าหมายของคุณจริงๆ(เหมือนบ้าเกมน่ะ เล่นวันละหลายชั่วโมงแล้วไปลงแข่ง)

สุดท้าย อยากฝากนิทานไว้ 1 เรื่อง ชื่อเรื่อง "คนบ้า"

ในโรงพยาบาลบ้าแห่งหนึ่ง ขณะที่หมอหนุ่มหน้าตาดีเดินผ่านหน้าห้องคนไข้ห้องหนึ่ง เขาก็บังเอิญเหลือบไปเห็นว่า คนบ้าในห้องนี้นั่งเอาหูแนบฟังที่กำแพงอยู่อย่างจดจ่อ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ "ก็คนบ้านี่" เขาคิด

วันต่อมา เขาก็ยังเห็นคนบ้า นั่งแนบหูฟังที่เดิม ไม่ต่างจากวันก่อนเลย แต่เขาก็ยังไม่สนใจ "ก็คนมันบ้าน่ะ"

จาก 2 วัน เป็น 1 สัปดาห์ที่เขาเห็นคนบ้าคนนี้นั่งแนบหูฟังกำแพงที่เดิมในท่าทางเดิม "เอ๊ะ ไอ้นี่มันนั่งฟังอะไร???" แต่กระนั้นก็ยังไม่สนใจเดินผ่านไปเช่นเดิม

จนล่วงไป 2 สัปดาห์ หมอหนุ่มเริ่มไปถาม แพทย์ พยาบาล ยาม คนอื่นว่า คนบ้าห้องนี้นั่งฟังอะไรอยู่ แต่ก็็ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครตอบได้

จนในที่สุด เข้าสัปดาห์ที่ 3 หมอหนุ่มเริ่มทนความอยากรู้ไม่ไหว เลยเข้าไปนั่งเอาหูแนบฟังกำแพงบ้าง แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย จึงถามคนบ้าคนนั้นว่า "นั่งฟังอะไรอยู่เนี่ย ไม่เห็นได้ยินอะไรเลย??"

คนบ้าตอบว่า "ชู่ว เบาๆหน่อยหมอ ผมก็ฟังอยู่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรไหม??? เพราะผมก็ไม่ได้ยินอะไรเหมือนกัน"

หมอหนุ่มทำหน้าเหรอหรา O.O "ไอ้นี่มันบ้าจริงๆนี่หว่า" แล้วก็จากไป

ที่เล่านิทานเรื่องนี้ให้ฟัง อยากให้จับใจความสำคัญว่า
- คนบ้า ยังทำให้หมอที่มีความคิดสมบูรณ์ทำตามคนบ้าได้ เพียงเพราะเขามุ่งมั่นที่จะทำมันซ้ำๆ
- การที่หมอจากไปโดยทิ้งความคิดแบบนั้นไว้ เพียงเพราะเขาไม่เข้าใจว่า ที่คนบ้าทำซ้ำๆนั้นมันได้อะไร สิ่งที่มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่รู้ สิ่งที่คนบ้าได้รับ อาจเป็นสมาธิ ที่ไม่ทำให้เขาอาละวาดก่อความไม่สงบเหมือนคนบ้าคนอื่นๆ ก็เป็นได้



อยากให้ทุกคน ยึดความฝันและเป้าหมายของตัวเองไว้ให้มั่น แล้วคุณจะทำตามความฝันของคุณได้

ป.ล. rep นี้อาจดูรั่วและมั่วไปมากจนออกทะเล แต่อยากให้คิดตามเรื่อง เครื่องมือ ความฝัน และ การมุ่งมั่นทำอะไรซ้ำๆ เป็นหลักสำคัญ
ป.อ. เมื่อยก้น นั่งพิมพ์ตั้งนาน
ป.ฮ. เช้าต้องไปเก็บข้อมูลงาน TGS 2009 มาเขียนข่าวอีก
ป.ฮ.ฮ. ง่วงเว้ย

Last edited by The Ghost (2009-01-11 06:41:13)


----------
"Don't ever let somebody tell you... You can't do something, You got a dream... You gotta protect it. People can't do something themselves, they wanna tell you you can't do it. If you want something, go get it." - Christ Gardner (The Pursuit of Happiness)

Offline

#14 2009-01-11 10:23:18

• Musiclover •
สมาชิก
From: 304/514 #30
Registered: 2006-04-20
Posts: 1,089
Website

Re: ค่านิยมเป็นสิ่งที่คิดไปเองหรือ..????????????..............

ขอคาระวะ พี่ The Ghost    อ่านแล้วซึ้งถึงแก่นแท้เลยค่ะ -*-

ค่านิยมทำอะไรฉันไม่ได้หรอก เชอะ mad
สิ่งที่เรามีคือ ความฝัน ถึงแม้ใครจะมองว่ามันเป็นไปได้ยาก แต่เราก็กล้าที่จะฝัน
ถ้าไม่มีคน ฝัน ว่าซักวันนึง มนุษย์จะบินได้  ก็คงไม่มีเครื่องบิน เครื่องร่อน
บางทีค่านิยม มันก็ต้องประกอบกับ ความถูกต้องเหมาะสมด้วย

ไม่ใช่ว่า ค่านิยมของแบรนด์เนม  ก็แห่กันไปซื้อ (ทั้งๆที่ตัวเองก็มีภาระทางการเงินเยอะแยะ)
อ้อ ค่านิยมนี้ มันระบาดมาถึงเด็กมัธยมแล้ว

เราจะเรียนภาษาฝรั่งเศส มีแต่คนบอกว่าเป็นภาษาตาย อย่าไปเรียนเลย ไม่ได้ใช้หรอก
รุ่นพี่มีประสบการณ์ จบมาก็ไม่ได้ใช้  เราก็ดื้อพอตัวเลย ไม่ได้ใช้ฉันก็จะเรียน
เพราะความสุขของเรา ความสำเร็จที่เราตั้งเป้าหมายไว้  ไม่ใช่จบมามีงานดีๆ มีหน้ามีตา ได้เงินเยอะๆ
ความสุขของเรา คือการได้พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น กับคน หลายๆ ประเทศ


ค่านิยมที่พ่อแม่ปลูกฝังมา

มันก็มีทั้งดีและไม่ดี  แต่ไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอกที่ไม่หวังดีกับเรา แต่บางอย่างท่านก็ไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง

เป็นเพียงค่านิยม ที่ได้ยินได้ฟังมาเท่านั้น  เคยอ่านบทความนึงในนิตยสาร (จำชื่อไม่ได้) เป็นบทความที่ดีมาก

เกี่ยวกับการ "ส่งลูกเข้าประกวด"  เค้าว่า ความฝันของเด็กสมัยนี้ ส่วนใหญ่มักจะมีเค้ามาจากพ่อแม่ ปลูกฝังไว้

เช่น ให้ลูกเรียนดนตรี เพื่อจะให้เป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียง

(บางทีเด็กก็ไม่ได้ชอบเองหรอก เพื่อนเราหลายคน ก็ถูกพ่อแม่ให้เรียนดนตรี โดยที่ไม่ได้ขอ 
แต่บางคนที่ชอบจริงๆ ขอเรียนแต่กลับไม่ได้เรียน เพราะพ่อแม่ไม่สนับสนุน)

พอพ่อแม่เริ่มตั้งความหวัง นั่นเท่ากับ พ่อแม่เตรียมพร้อมส่งเราเข้าประกวดแล้ว สเต็ปแรก คือให้เราไปเรียน

สเต็ปที่สอง คือการแข่งขัน (แข่งขันกันตั้งแต่อนุบาล ยันทำงาน คุณเหนื่อยบ้างไหมล่ะ?) เมื่อมีการแข่งขัน

พ่อแม่ก็ต้องหวังให้ลูกตัวเองชนะอยู่แล้ว และก็มีวิธีการหลากหลาย ที่จะหลอกล่อ  วิธีอันดับต้นๆ คือ

"ถ้าลูกชนะ  แม่จะให้ .. . .. ."    เมื่อมีการติดสินบนกันตั้งแต่เด็กๆ  โตมา เมื่อต้องทำอะไรที่ตัวเองไม่ได้ผลประโยชน์ก็ไม่ทำ

อาสาสมัครเดี๋ยวนี้ถึงหายาก   ขนาดแสดงละครลูกเสือนะ  ยังมีคนถามเลย "ชนะได้อะไร"   ห่านนนจิต -*-

ออกทะเลแว้ว ว ว กลับฝั่งก่อน  ค่านิยม(บางอย่าง)  ถูกปลูกฝัง พูดต่อ มาหลายๆ รุ่น จนถ้าคิดจะเปลี่ยนก็คงแก้ไขได้ยากแล้ว

ความคิดของคนไทย มันต้องตามระเบียบแบบแผนทุกอย่าง  ใครผิดแปลก คนนั้นก็ผิด ทั้งๆที่บางทีมันไม่ใช่สิ่งที่ผิด (เพียงแค่สังคมยังไม่ยอมรับ)  สิ่งที่อยากจะให้เด็กไทยมี ก็คือ

- คิดก้าวหน้า  ไม่ใช่คิดอยู่กับที่ คิดแต่ว่า วันนี้ฉันจะทำอะไรเพื่อหาความสุขใส่ตัวเอง

- การศึกษาประเทศไทย สมัยก่อน เลือกได้ 6 คณะ  สมัยนี้ 4 (ป้ะ)  แต่ถ้าเป็นเด็กฝรั่ง จะสอบเข้า

ต้องเขียนเรียงความ  มุ่งเป้าหมายไปเลยว่าจะเข้าอะไร นี่คือปัญหาของเด็กไทย ที่ รู้จักแต่เรื่องคนอื่น แต่ กลับไม่รู้จักตัวเอง

- คนเรา คิดดี ทำดี พูดดี  ค่านิยมทำอะไรเราไม่ได้ เราไม่สวยไม่หล่อ ไม่ตามค่านิยม ไม่เป็นปัญหา

เราไม่เรียนตามค่านิยม ไม่เป็นปัญหา  เราไม่รวยตามค่านิยม  ไม่เป็นปัญหา  แต่ปัญหามันจะเกิดขึ้น

เมื่อคุณเอาชีวิต ไปแขวนอยู่กับ คำว่า "ค่านิยม"



ปล. ย้ำอีกครั้ง ค่านิยม ทำอะไรเราไม่ได้


♥♥♥♥♥♥♥♥♥

Offline

#15 2009-01-12 21:20:37

LagooNz
สมาชิก
Registered: 2006-08-08
Posts: 3,631

Re: ค่านิยมเป็นสิ่งที่คิดไปเองหรือ..????????????..............

เรายังเด็กอยู่ ต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ เขาบอกให้เรียนๆ ก็เรียนๆๆๆให้มันผ่านๆจบๆไป

ตรงใจเลย โดนมาตามนี้ แต่พอดีผมก็ตามนะแต่ถ้าตามไม่ไหวก็จะหยุด ไม่ทนไว้เป็นเวลานาน
ในที่สุดจึงโดนแนวคิดใหม่

เรียนๆไปเถอะ เด็กแค่นี้ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอะไร ช่างเหอะ เด๋วมันก็ตามๆเพื่อนไป

ด้วยความขี้เกียจเจอแนวคิดใหม่ แต่ละแนวน่าปวดหัวทั้งนั้นจึงแสร้งแนวนี้ไป
แต่ความจริงน่ะเหรอ เครียดจะตาย ต้องหาสิ่งที่เราชอบให้เจอ แล้วแบบความฝันเหรอ มันไม่มีอ่ะ
เพราะไอ่ประโยคบนสุดมันคือสิ่งที่ครอกงำไว้ตอนเด็ก เพิ่งมาหลุดคำสาปได้ไม่นาน
แต่เรื่องนี้มันก็โทษใครไม่ได้จริงๆ ต้องโทษตัวเองที่เคยเผลอเอาชีวิตไปยึดติดกับค่านิยมนั่นแหละ:/

Offline

#16 2009-01-13 21:31:04

balacez
สมาชิก
Registered: 2009-01-09
Posts: 6

Re: ค่านิยมเป็นสิ่งที่คิดไปเองหรือ..????????????..............

แล้วไงอ่ะคับ



แต่ร.ร.คำนิยมดีแต่นร.ไม่ตั้งใจเรียนจะมีประโยชน์อะไร


....

Offline

Board footer

Powered by FluxBB