Suannon Board

You are not logged in.

#1 2009-04-23 18:58:45

kiwy
สมาชิก
Registered: 2009-04-23
Posts: 8

พี่รอผมอยู่.......ที่อาคาร สธ.2

ผมได้อ่าน หัวข้อเรื่องลึกลับในโรงเรียนของเรา  ซึ่งมีทั้งหมด7เรื่อง ที่กล่าวถึงสถานที่ต่างๆในโรงเรียน ที่มีคนสงสัยหรือพบเห็นเรื่องลี้ลับแปลกๆ อ่านไปทีละเรื่อง ก็ยังไม่พบเรื่องของรุ่นพี่คนหนึ่ง .......
       มันนานมาเเล้วก็จริง เเต่เขาก็คือรุ่นพี่ที่รักโรงเรียนมากคนหนึ่ง........

  เมื่อก่อน ย้อนไปเมื่อปี2529 ผมอยู่ชั้น ม.3/11 ห้องผมอยู่ชั้นสาม ตึก สธ.2 ช่วงนั้น สภาพอากาศของจังหวัดนนท์มีความเป็นธรรมชาติกว่าทุกวันนี้มาก หน้าหนาวก็หนาวจริงๆ
เราใส่เสื้อกันหนาวมาโรงเรียนกันหลายอาทิตย์ ลมพัดเเรงจนนักเรียนที่เรียนอยู่ชั้นสาม เเละสี่ ต้องปิดหน้าต่าง มองออกไปนอกห้องเรียน จากอาคาร สธ.2 ยังเป็นที่ว่างคล้ายทุ่งนา
สวนกุหลาบนนท์ เป็นโรงเรียนที่มีอาคารเรียนหลักๆเพียง4อาคาร สธ.1,  สธ.2 ,(หอประชุม เพิ่งสร้างเสร็จ เเละด้านล่างจัดเป็นห้องเรียนเเละห้องสมุด ), อีกอาคารที่อยู่ด้านหน้ารั้วโรงเรียนเป็นอาคาร ศิลปะ ซื่งเป็นอาคารเดียวที่เป็นอาคารไม้ , เเละที่จะกล่าวถึงต่อไปคืออาคารหลังหอประชุม นั่นเเหละคือที่มาขอเรื่องนี้    อาคารนั้นคืออาคารเรียนวิชาอุตสาหกรรม  มีสองชั้น สอนวิชางานหนัง วิชาเชื่อมโลหะ เเละวิชาอื่นๆเช่นไฟฟ้า เครื่องยนต์  นักเรียน ม.ต้นจะเรียนพื้นฐานของงานพวกนี้ ส่วนนักเรียน ม. ปลาย ก็จะเรียนวิชาที่เรียกได้ว่าเอาไปประกอบอาชีพช่างได้เลยทีเดียว   ในตอนนั้น  เด็ก ม.ต้นห้องหนึ่งมีไม่เกิน50คนมี 12ห้อง ส่วน ม. ปลายยิ่งน้อยกว่า มีประมาณ20-30คนต่อห้องเเละมีเเค่8ห้อง
เมื่อคนน้อยมันก็ทำให้เรารู้จักเเละสนิทกับรุ่นพี่ๆหลายคน        แต่ละคนจะมีจุดเด่นเป็นของตัวเอง ทำให้จำง่าย  เช่นเรื่องดนตรี อย่างพี่ฟอร์ต พี่โก้ เออ ต้องเรียกว่าไอ้โก้ เพราะมันเป้นเพื่อนห้องเดียวกับผมเอง  บางคนเล่นกีฬาเก่งมาก  และบางคนก็คลุกคลีกับงานที่เขารัก เก่งจนใครๆก็รู้จัก   ....พี่หนึ่ง เป็นคนที่สนใจงานช่างยนต์อย่างมาก เรามักจะคุยกันเรื่องเครื่องยนต์ เเละหาอะไหล่จากเครื่องที่พังเเล้วมา ยำรวมกันให้มันกลายเป็นเครื่องมือหรืออะไรหลายๆอย่างที่ใครเห็นเเล้วทึ่ง       ช่วงนั้นเป้นช่วงเดือนกรกฏาคม  เรากำลังจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อเอามาจัดเเสดงในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ ซึ่งจะมีในเดือนสิงหา   เราตกลงกันว่าจะสร้างรถโกคาร์ด  เรามีกันทั้งหมด6คน พี่ ม.6สองคน ที่เหลือคือ ม.3 ตอนเเรกพี่เค้าจะทำกันสองคน  เเต่พวกเราอีก4คนอยากทำด้วย เลยมาเเบ่งงานกันทำ มันน่าสนุกมากเลย เพราะว่าจะเอาไปโชว์ในงาน เเละที่สำคัญ "รงเรียนต่างๆในละเเวกนั้นก็จะมาชมงานที่โรงเรียนเราจัด เช่น ชลประธาน  ปากเกร็ด อัมพร  โอเคเลยหนุกแน่ๆ  รถโกคาร์ด ในความคิดของเราจะเป็นรถที่บรรทุกของได้ไม่ได้เอาไว้ขับสนุก ๆ  มันต้องมีเครื่องยนต์เเรงๆหน่อย เเละต้องเร็วด้วย ถึงจะมัน  สมัยนั้นโรงเรียนเราซึ่งอาจจะไม่ได้เป็นโรงเรียนที่เก่าเเก่ที่สุก เเต่เรามีความเจริญเร็วที่สุด นักเรียนส่วนใหญ่จะหัวสมัยใหม่ ไม่บ้านนอกเหมือนบางโรงเรียน  วงโยของเราอาจจะก่อตั้งไม่นาน เเต่พอมีปุ๊บ มันก็ดูดีกว่าโรงเรียนอื่นที่มีมานานเเล้ว สนามบอลของเรา อาจไม่มีหญ้าเหมือน รร.ปากเกร็ด เเต่พอพัฒนาปุ๊บ ก็สวยกว่าทุกโรงเรียน อย่างนี้เป็นต้น  นักเรียนที่นี่ จึงมักคิดใหญ่ทำใหญ่ เเละรักชื่อเสียงของโรงเรียนสวนกุหลาบนนท์มาก     

          อีกสองอาทิตย์จะถึงวันงาน โครงรถก็สร้างเสร็จเเล้ว  ถ้าเอาเครื่องมาประกอบเเล้วพ้นสี ก็ขับได้เลย ช่วงนั้นฝนตกทุกวัน น้องๆลองนึกภาพโรงเรียนตอนฝนตก เเล้วเป็นตอนเย็นดูนะ  โรงเรียนกำลังจะเลิก อากาศเย็นๆ ระหว่างตึก สธ.1 เเละ สธ.2 ไม่มีหลังคาเเบบที่เห็นในภาพปัจจุบัน  อนุสาวรีย์ รัชการที่5 ก็ยังไม่มี
          ถ้าใครหิวก็ต้องเดินไปซื้อของที่โรงอาหารมากิน ของก็มีไม่เยอะหรอก  พวกที่ทำงานต่อตอนเลิกเรียน ก็ต้องซื้อมาตุน เช่นพวกวงโย พวกวอลเล่ย์ บาส  รวมทั้งพวกเรา 6 คน
เกือบสี่โมงเย็นเเล้ว หลายห้องปล่อยก่อนเวลาเลิกเรียน เพราะนักเรียนขอให้อาจารย์ปล่อยเร็ว  ฝนตกเเล้ว จะกลับลำบาก   พี่หนึ่งไปรอที่อาคารหลังหอประชุม ซึ่งเป็นที่เราสร้างรถกันที่นั่น เเล้วพี่ ม.6 อีกคนก็มาตามพวกเรา  หนึ่งในพวกเรามีรถมอเตอร์ไซค์  นั่นก็คือผมเอง พี่เค้าจะยืมรถเอาไปปากเกร็ด ไปเอาเครื่องมอเตอร์ไซค์ที่ซื้อเอาไว้เพื่อเอามาประกอบใส่ในรถโกคาร์ด  ผมก็ให้กุญเเจรถยืมไป    ......เครื่องของรถโกคาร์ด เราก็ได้มาจากเพื่อนของพี่หนึ่ง ซื่งเขาขายให้ในราคาถูก จิงๆเเล้วมันเคยอยู่ในมอเตอไซค์คันหนึ่ง เจ้าของเป็นตำรวจจราจรที่ปากเกร็ด  เเต่ประสพอุบัติเหตุ ตาย  ตรงห้าเเยกปากเกร็ดนั่นเเหละรถพังยับเยิน เเตเครื่องยังดีอยู่สภาพยังใหม่อยู่เลย  โรงพักปากเกร็ดเอามาขายให้กับร้าน เราจะไปเอาเครื่องของรถคันที่ว่า   ที่ร้านนี้แหละ     นั่นก็ประมาณห้าโมงเเล้ว ก็เดินลงมาที่โรงอาหาร ยังเห้นพี่หนึ่งกับเพื่อนเค้าเดินไป  ที่ริมรั้ว คงต้องปีนรั้วออกไปเพื่อไปเอารถ รถจอดอยุ่หลังอาคารสธ.1  ด้านข้างร้านขายน้ำ  ก็ได้ยินเสียง มอเตอร์ไซคืตัวเอง ขับออกไป แต่ดูที่ทางจะรีบเหลือเกิน ......

       เกือบหกโมงเย็น  พวกกีฬาก็เลิกซ้อมเเล้ว นักดนตรีก็จะกลับเเล้ว ขนมก็หมดเเล้ว พี่หนึ่งก็ยังไม่มา  เลยจะกลับบ้านก่อน ก็เเต่ก่อนไม่มีโทรศัพท์ เลยจะต้องฝากบอกพี่หนึ่งว่า
เอารถผมกลับบ้านไปเลย เเล้วพรุ่งนี้เอามาให้ด้วย จะกลับบ้านก่อน  ก็เดินขึ้นไปบนอาคารอุตสาหกรรม เเล้วเจอเพื่อนสองคนนั่งทำรถอยู่ เลยจะชวนกันกลับ ว่าเเล้วก็เขียนใส่กระดาษแผ่นโตๆเป็นจดหมายวางพิงรถโกคาร์ดไว้   ว่า  ''กลับก่อน แล้วพรุ่งนี้เอารถมาให้ด้วย จอดไว้ที่เดิม''   เเล้วก็เดินออกทางหน้าประตุโรงเรียนกับเพื่อนอีกสองคน    ....  น้องคงไม่รู้จัก ลุงอาจ มั้ง เค้าขายของอยู่หน้ารั้วโรงเรียน  เป็นร้านขายของชำ เราก็เดินผ่านร้านเเกทั้งโรงเรียนมาหลายปี  ผมเดินผ่านร้านเเก ประโยคเเรกที่ผมทักเเกก็คือหวัดดีลุง   เห็นพี่หนึ่งมั้ย   แกมองผมแบบที่ไม่รู้จะอธิบายยังไงถูก  ตาเเกดูเศร้าๆ เเกรู้จักนักเรียนเยอะ เเกจะจำได้หลายคน โดยเฉพาะ ม.6 ที่ชอบนั่งกินน้ำขวดร้านเเกประจำ  แกตอบมาว่า  .''หนึ่งมันรถชนอยู่หน้าโรงเรียน.''  ......ผมกับเพื่อนรีบวิ่งไปดูหน้าโรงเรียน คิดว่าไม่เป็นไรมาก  จำได้ว่ายิ่งวิ่งไปก็เห็นคนมุงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ  วิ่งจากป้อมยามริมรั้วโรงเรียน ไปถึงริมถนน ติวานนท์ ที่จะเลี้ยวซ้ายไปปากเกร็ด   ตรงริมถนนจะมีเสาไฟฟ้าต้นหนึ่ง ติดกับป้ายชื่อโรงเรียนปากทางเข้านั่นเเหละ   คนมุงเยอะมาก ตำรวจเพิ่งมา  รถมูลนิธิ กำลังยืนรอตำรวจถ่ายรูป  พี่ ม.6 เป็นคนขับ ตัดหน้ารถตู้เพื่อจะเข้าโรงเรียน ตัวเขาพ้นเเต่พี่หนึ่งไม่พ้น ถูกรถตู้ชน กระเด็นไปกระเเทกเสาไฟฟ้า คอหัก เลือดเต็มตัว  ...  ภาพที่น่าเวทนาก็คือ แฟนของพี่หนึ่งที่อยู่ ม.6 เรียนห้องเดียวกัน  วิ่งเข้าไปกอดศพอยู่ในพงหญ้าคาทั้งชุดนักเรียน ร้องไห้เสียใจ ตะโกนเสียงดังได้ยินแต่ไกลเลย ว่า ''  ไม่จริง  '' ติดกันหลายครั้ง  ผมจำได้ว่า ภาพที่เห็น คือ ทั้งพี่ที่วิ่งไปกอดพี่หนึ่งเเละตัวพี่หนึ่งเอง เลือดเปื้อนเต็มเสื้อ  สีเเดงตัดกับสีเสื้อนักเรียน มันดูน่ากลัวมาก   เเละเสื้อนั้น มันเป้นเสื้อนักเรียนโรงเรียนเรานั่นเอง     ความรู้สึกผมแย่มากไม่รู้ทำไงดีกว่านี้ เลยเดินลุยเข้าไป พร้อมตำรวจ เเล้วไปพยุงพี่เขาออกมา พอพี่ผู้หญิงเค้ายืนขึ้นได้ ก็ เป้นลมอีก แทนที่เปลของมูลนิธิ จะใช้กับศพของพี่หนึ่ง  ก็ต้องมาใช้กับ พี่ผู้หญิงคนนี้เเทน   ....... วันรุ่งขึ้น  ข่าวพี่หนึ่งเเพร่กระจายทั่วโรงเรียน ก็เป็นเรื่องธรรมดา รถตู้เขาก็ไม่หนี เเล้วยังชดใช้ค่าศพด้วย  มันก็ดูจะจบลงง่ายๆ

                             เเต่มันไม่ใช่อย่างนั้น  ...........พี่ม.6 เรี่ยรายเงินค่าทำศพ  กันทุกห้อง ครูอาจารย์ ก็ช่วยกัน วันนี้จะเป้นวันสวดศพวันเเรก  งานจะมีที่วัดแห่งหนึ่งที่ จ. ปทุมธานี ห่างจากโรงเรียนไปประมาณ 60 กิโล   คืนเเรก ผมไม่ได้ไป  ....พวกเราจะไปกันวันรุ่งนึ้น                 
                             ในคืนนั้น เพื่อนผมชื่อ สุชีพ ที่มีบ้านใกล้พี่หนึ่ง เห้นเหตุการณ์บางอย่างเเถวบ้านตอนสี่-ห้าทุ่ม  เขาเอามาเล่าให้ฟังตอนเช้า ว่ามีญาติๆ หลายคนรวมทั้งตัวเขาเอง เห็น    พี่หนึ่ง เดินวนเวียนไปมาอยู่เเถวบ้าน ใส่ชุดนักเรียนเเต่ไม่ใส่เสื้อนักเรียน  มีเเต่เสื้อยืดสีขาวที่อยู่ด้านใน เดินไปมาเเถวบ้าน  เเล้วก็ไม่คุยกับใคร   ผมกับเพื่อนได้ฟังก็รู้สึกกลัว เเล้วอีกอย่างผมไม่สบายใจที่เค้าตายโดยที่นั่งรถของผม รุ้สึกต่างๆนาๆ ไม่ใช่เพราะเสียดายรถ  เเต่โรงเรียนห้ามเอารถมาใช้ เเล้วมาตายอย่างนี้ผมก็เสียรถไปฟรีๆ เพราะถ้าบอกใครไปผมก็จะมีโทษด้วย ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย   ......วันที่สอง โรงเรียนเป็นเจ้าภาพ ผมก็ไม่ได้ไปอีก เพราะว่าย่าผมสั่งห้าม ก็เสียรถไปคันนึงเเล้ว ถึงรถตู้จะจ่ายให้เเต่เรื่องเพิ่งเกิด ผู้ใหญ่เค้าก็ไม่ยอมเป็นเรื่องธรรมดา  วันนั้นเพื่อนไปกันหลายคน  สุชีพ เป็นคนที่บ้านใกล้ เค้ารู้จักทางไปวัด เลยต้องพาอาจารย์เเละเพื่อคนอื่นไปด้วย วันนั้นเขาไปด้วยรถของอาจารย์ท่านหนึ่ง ขออนุญาตเอ่ยชื่อ  อ.พลศิลป์ สอนบาส เเละเสียงดังๆ ชอบใส่กางเกงขาบาน ขับรถฟอร์ดรุ่นเก่าๆรถของเเกสีทอง  ลองถามอาจารย์ครรชิตดูว่ารู้จัก  อ. พลศิลป์ มั้ย  สมัยนั้นมี อ. วิรัช เป็น หน. ฝ่ายปกครอง  อ.อัมพา เเสนทวีสุข เป้น ผอ.โรงเรียน  ทั้ง อ. พลศิลป์  เเละ อ. ครรชิต เป็น ฝ่ายปกครองเหมือนกัน  .......วันนั้นเป้นวันที่สามเเล้วที่พี่หนึ่งจากไป 

                              เช้าขึ้น เพื่อนที่นั่งรถ อ .พลศิลป์   ไปงานศพ มีเรื่องมาเล่า  .....ว่าเห้นพี่หนึ่งมายืนชี้ทางเข้าวัด ตรงสามแยกเล็กๆหน้าซอยเข้าวัด   ยืนนิ่งๆมือขวาชี้ทางเข้าวัด เเขนขนานกับพื้นนิ่งๆ เเขนอีกข้างปล่อยลงมาตรงๆ   .......ทางตรงนั้นมืด มาก เเสงของรถสาดไปก็ต้องหยุดเพราะเป้นทางเลี้ยว ซ้าย เเละขวา เเกมายืนตรงกลางพอดี ....โห .....

                      ยังไม่ทันไร ตอนเที่ยงกินข้าวเจอเพื่อนเเก ที่เป้นคนขับพาเเกไปตายนั่นเเหละ  เดินมาบอกกลางวงข้าวเลย  " เฮ้ย หนึ่งมาเข้าฝันพี่ บอกว่าเครื่องรถที่ซื้อมา จมอยู่ในพงหญ้า หน้าโรงเรียน เเล้วสร้างรถให้เสร็จด้วย  ก่อนวัน งาน......"
                     
                       เย็นวันนั้น ผมนี่เเหละ ที่เดินไปหา ถอดโรงเท้าริมถนน เเล้วเดินลุยไปหา  น้ำนองพื้นเลย มันเป้นพงหญ้าคา สูงเท่าเอวบ้าง  เท่าหัวบ้าง  เดินไปซักแป็บ ก็ปเหยียบสิ่งที่หาอยู่  ก็เลยยกขึ้นมา ยกไม่ไหว หนัก เลยเรียกเพื่อนมาช่วย เพื่อนก็เดินลุยเข้ามา ตอนเพื่อนช่วยยก ก็เดินไปเหยียบอะไรสักอย่าง  เลยเดินกลับมาดู อ้าว กระเป๋าตัง  ของพี่หนึ่ง มีเงินอยู่ พันกว่าบาท เลยเอาไปกะจะให้ไอ้ สุชีพ เพื่อเอาไปฝากให้แม่พี่หนึ่ง   เเต่ไอ้ชีพมันกลับไปเเล้ว  เราเลยช่วยกันเอาเครื่องมอเตอร์ไซค์ที่งมขึ้นมาได้ไปไว้ที่ โรงฝึกงานชั้นบนตรงที่เราประกอบรถ  วางไว้ก่อนไม่ต้องทำอะไร  เเล้วปิดประตูโรงฝึกงานเเล้วรีบกลับบ้าน คงไม่ต้องบอกนะว่าทำไมต้องรีบ 

                              คืนนั้นสวดศพคืนที่เท่าไหร่นับดูเองเเล้วกัน แต่ตอนกลางคืนก็ถึงตาผมบ้าง     ......ผมฝัน  .......ฝันว่าพี่หนึ่งมาหา สั่งให้ เอาเงินที่เจอ ไปใช้ทำรถไม่ต้องคืน เเล้วเอากระเป๋าตังไปให้แฟนเค้าที่โรงเรียน  เเละบอกว่า ข้างในมีรูป      ..................
                       ผมตื่นมาเกือบตี4 นอนไม่หลับอาบน้ำ เเต่งตัวจะไปโรงเรียน  บ้านผมอยู่เลยเมืองทองไปหน่อยเดียว ตรงหมู่บ้านมิตรประชา  เเต่ไปโรงเรียนตั้งเเต่ตี 5 ย่าถามว่าทำไมรีบไปผมก็บอกว่าวันนี้เค้ามีทำบุญที่โรงเรียน เเล้วพอมาถึงโรงเรียนเชื่อมั้ย ยังไม่ถึงตีห้าครึ่งเลย รถไม่ติดหรอกตอนนั้นน่ะ  ยังกับมีคันเดียวในโลกเลย พอถึงหน้าโรงเรียนรถจอดตรงเสาที่พี่หนึ่งตาย ผมไม่กล้ามอง เเต่กอดกระเป๋าวิ่งเข้าโรงเรียนไปเลย แป็บเดียวถึงหน้าร้านลุงอาจ   เวร ยังไม่เปิดร้าน  ยืนรอจนเจอยามหน้าโรงเรียน ยามอยู่ที่ป้อม เลยเดินไปหาบอกว่าวันนี้พ่อมาส่งเช้าเกินไป ขอนั่งด้วยคน คือจริงๆอ่ะมันน่าจะสว่างเเล้ว เเต่ฝนมันทำท่าจะตก เลยดูมืด เเละวังเวง ผมเลย ขอนั่งกับยาม ยามบอกว่ากำลังจะไปเปิดตึกเรียน
เดี๋ยวเดินไปด้วยกัน  อ้าว  ทำไมยามก็ทำท่ากลัวๆอย่างงั้น  ......." พี่ พี่เจอ อะไรมาเหรอทำไมถึงดูตื่นๆอย่างนั้นล่ะ "    " เมื่อคืน ผมเดินเปิดไฟตามจุด เเล้วเดินไปถึงข้างอาคาร สธ.1 สวนกับ นักเรียนคนหนึ่ง ผมถามว่าทำไมไม่กลับบ้าน จะสองทุ่มเเล้ว เขา บอกผมว่า หาของ ของหาย   แล้ว หาอะไร เขา บอกว่า กระเป๋าเงิน  ผมบอกว่า ทำหายแถวไหน เขาบอกว่า ไม่รู้  เเล้วเขาก็เดินไป ทาง สธ.2" เเล้วยามเดินไปตรงข้างหอประชุม   เปิดไฟตรงเรื่อนเพาะชำ ตอนกำลังจะเดินไปที่โรงฝึกงาน ได้ยินเสียงดังมาจากชั้นบนของโรงฝึกงาน
เป็นเสียงดังเหมือนรถตัดหญ้า เเต่มันดังขึ้นเรื่อยๆ เเล้วเร่งเครื่องได้อีก เหมือนรถเวลาเหยียบคันเร่ง  เเล้วดังอยู่นาน  ยามจะเดินเข้าไปดูก็ต้องตกใจ เพราะบานเหล็กโรงฝึกงานใส่กลอนเเล้ว   ยามเลย เดินกลับ เขาเล่าให้ภารโรงฟัง ภารโรงบอกว่าเด็กนักเรียน ม.6 จะสร้างรถ เเล้วยังสร้างไม่ทันเสร็จก็มาตายซะก่อน  เสียงที่ดังมานั้นไม่มีใครพูดถึงว่ามันเป็นเสียงอะไร      ..................    ผมไม่เดินไปด้วยเเล้ว ผมนั่งอยู่ที่หน้า สธ.1 ตรงโคนต้นปาล์มหันหน้าไป สธ.2 มันหน้ากลัวมาก   ผมยังสร้างรถไม่เสร็จ เเล้วผมเพิ่งฝันถึงเเกเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง   คืนเเรกๆ แกอยู่แถวบ้านของเเก  ตอนนี้เเกเข้ามาในโรงเรียนเเล้ว ......  ฟ้าวันนี้สว่างยากจัง  ไม่มีใครเลย จะหกโมงเเล้ว  หันไปเจอใครไม่รู้ขับรถมาส่งลูก  เลยเดินตามรถไป   ถึง สธ.2 ตรงบันไดฝั่งซ้ายรถก็วนกลับไป    อ้าว ไม่มาส่งใครนี่หว่า  ไม่มีใครลงมาเลย ผมจะเดินกลับ ไปสธ.1 จะนั่งมันอยู่อย่างนั้น จะกว่าจะมีคนมาเยอะๆ

                         จะไม่เข้าเเถวร้องเพลงชาติก็ให้มันรู้ไปสิวะ       ...........จะเจ็ดโมง  น้องๆเชื่อมั้ย มีคนมาจริงเเต่เ

Offline

#2 2009-04-26 17:32:18

palm_
สมาชิก
Registered: 2006-12-16
Posts: 747

Re: พี่รอผมอยู่.......ที่อาคาร สธ.2

T0t
น่ากลัวคะ


6640_s.gif
2DT!!!

Offline

#3 2009-04-26 20:51:34

Bai'เตย
สมาชิก
Registered: 2009-03-28
Posts: 10
Website

Re: พี่รอผมอยู่.......ที่อาคาร สธ.2

หือๆ น่ากลัวจังเลย
ร.ร.เรามีเรื่องที่เราไม่รู้อีกเยอะ
>,<

Offline

#4 2009-04-27 12:07:06

godome
สมาชิก
From: ดาดฟ้า
Registered: 2006-03-03
Posts: 6,035

Re: พี่รอผมอยู่.......ที่อาคาร สธ.2

มันมาอีกแล้ว - -"


SKN#28 NO.18428 17/05/2004 - 22/02/2010

Offline

Board footer

Powered by FluxBB