You are not logged in.
คือพอดีต้องใช้ข้อมูลน่ะจ่ะ
จะถามว่า
จากที่เตรียมตัว แอดมิชชั่น ต้องเปลี่ยนเป็น GAT PAT มีปัญหาไรป่าว
แล้วคิดไงกะระบบนี้อ่ะ
ช่วยตอบหน่อยนะจ๊า
you know, exactly why we do here...
Offline
จากที่เตรียมตัว แอดมิชชั่น ต้องเปลี่ยนเป็น GAT PAT มีปัญหาไรป่าว
การเตรียมตัว ก็ต้องเพิ่มแนวอ่าน อย่างGAT ก็ต้องฝึกทำข้อสอบแพทย์ แล้วยิ่งมี PAT แยกอาชีพ บางคนคงต้องอ่านเจาะเยอะเลยครับ หลายๆคนสอบหลายวิชาเพื่อเป็ฯทางเลือกก็คงเหนื่อย ปัญหาหลักๆก็คงอยู่ที่สอบเยอะล่ะมั้งครับ
แล้วคิดไงกะระบบนี้อ่ะ
ระบบนี้เหมือนให้โอกาสเยอะ แต่ก็เท่ากับสอบบ่อยขึ้น เหนื่อยเพิ่มขึ้น(?) อย่างครั้งที่2 ที่ผ่านมา ก็สอบในช่วงที่เด็กสอบกลางภาคของโรงเรียน เรียกว่าอ่านกันตายไปข้างเลย ต้องเตรียมโน่นเตรียมนี่ ถ้าเทียบกับ A-Net ง่ายขึ้นรึเปล่า ผมก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกัน
เอาเป็นว่าผมเฉยๆแบบเอียงไปทางลบกับระบบนี้อ่ะครับ
Offline
ดูแล้วเหมือนไปสอบเล่นมากกว่า สอบหลายครั้ง วุ่นวายเกิน ไม่ชัดเจนเหมือน Entrance
เรื่องการเตรียม แอดมิชชั่น ก็ไม่มีปัญหาอะไร ผมว่าดีขึ้นซะอีก เพราะ แอดมิชชั่นแบบเก่า เนี่ย มันเป็น สอบแยก วิชา สังคม ไทย วิทย์ ฯลฯ อะไรพวกนี้ ใช่มั๊ยครับ มันจะต้องท่องจำไปด้วยใช่มั๊ยล่ะครับ อย่างน้อยก็สังคมแหละ เด๋วจะบอกว่ามันดีขึ้นยังไง
ตอนสอบ GATPAT แรก ๆ ก็มีปัญหาเรื่องเนื้อหาที่สอบที่ไม่เคยเจอบ้าง แต่พอครั้งที่สองก็คุ้นเคยขึ้น
ใครจะคิดเหมือนผมรึเปล่าไม่รุ้นะ แต่ผมว่า GAT เนี่ยเป็นข้อสอบที่ดีมากอันนึงเลยล่ะ เพราะไม่ได้เน้นให้เด็กท่องจำ เหมือนแอดมิชชั่นแบบเก่า แต่เป็นการวัดสมองของเด็กตรง ๆ เลย ดีมาก ๆ
เพราะคนที่จะเข้ามหาลัยดี ๆ ได้เนี่ย ถ้าท่องจำมาสอบ พอสอบเสร็จก็ไม่ได้ใช้อะไร ใช่มั๊ยครับ ที่คะแนนเยอะ ก็เพราะ จำเก่ง อย่างงี้พอมาเรียนในมหาวิทยาลัย มันก็จะ ไม่ค่อย ประสบ ความสำเร็จ เพราะเก่งแต่ท่อง คิดไม่เป็น
ดังนั้นข้อสอบ ก็ควรเป็นข้อสอบที่วัดความสามารถในการวิเคราะห์ ของเด็ก ที่วัดสมองจริง ๆ น่ะครับ
ซึ่ง GAT ก็ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดี แล้วคนที่สอบแทบจะไม่ต้องอ่านหนังสือท่องจำอะไรไปเลย ตรงนี้เองที่ทำให้ผมคิดว่า GAT ดีกว่า แอดมิชชั่นแบบเก่า
แต่ไม่เกี่ยวกับ PAT นะครับที่ชมเนี่ย คือ ผมไปสอบ PAT1 กะ PAT6 มา คือ คณิต กับ ศิลปกรรม
คณิตเนี่ยไม่รู้ครับเพราะทำไม่ได้ แต่ศิลปกรรมเนี่ยครับ คือ ต้องเข้าใจว่า ศิลปกรรม มันแยกเป็น 3 ส่วน
พูดภาษาชาวบ้านก็มี วาดรูป ดนตรี และ การ เต้น ๆ
ซึ่งไอ PAT6 เนี่ยมันก็มีหมดเลยครับ แต่ .. คนที่จะใช้คะแนนตัวนี้เข้าจริง ๆ เค้าจะเก่ง เฉพาะทางครับ ไม่มีทางทีคนที่ทำส่วนวาดรูปได้หมดจะทำดนตรีได้หมดครับ ไม่มีทาง เพราะเนื้อหามันลึกมากเลย อย่างที่ผมรู้เนี่ย คือดนตรี คือทำไม่ได้เลยครับ ให้พวกเรียนมหาลัย มาทำ ยังไม่รู้เลยว่าจะทำได้รึเปล่า มันยากมากจริง ๆ
ดังนั้นไอการที่ PAT6 มันมีทุกเรื่องเลยเนี่ยมันกลายเป็นปัญหาครับ ต้องทำแยก ถ้าจะให้มหาลัยต่าง ๆ เค้ายอมรับ วิธีนี้
แต่คนที่จะเข้าคณะด้านศิลปกรรมส่วนใหญ่ ก็จะสอบตรงเข้าไปกันหมด ตรงนี้ ก็เลยพอรับได้
ปัญหาใหญ่ที่สุดคือค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงเลยครับ แถมยังยกเลิกให้คืนเงินไม่ได้อีก พวกสอบครั้งแรก เค้าประกาศออกมาว่าให้จ่ายทีเดียว สมัครครั้งเดียว ก็จ่ายเงินรวดเดียว ตอนหลังไปยกเลิกก็ไม่ได้ แต่ สทศ.กลับประกาศมาทีหลังว่าสามารถสมัคร ทีละรอบ ได้ . . ปัญหาคือ คนที่อยากจะยกเลิก ไม่สอบบางวิชาในครั้งหลัง ๆ ก็ทำไม่ได้ ขอคืนเงินไม่ได้ คือมันไม่ชัดเจน ไม่แน่นอนอะครับ ซึ่งมันควรจะมี ตรงนี้ นี่คือข้อเสียครับ
Offline
เจ๊แมงปอเคอะ
นู๊รุสึกว่ามานวุ่นวายมากมาย
มานไม่ได้ทำให้ นร เรียนพิเศษลดลงแต่ประการใด
เนื่องจากสถานกวดวิชา ก็สามารถที่จะเปิดหลักสูตรการเตรียมความพร้อม
ให้ตรงกับยุค กับสมัยได้อยู่ดี
แม้ผู้จัดสอบจะอ้างด้วยเหตุผลข้างต้น และเหตุผลอีกประการหนึ่งที่เขาเหล่านั้นอ้าง คือ
เปิดโอกาสให้เด็กได้มีตัวเลือกมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงมิได้เป็นเช่นนั้น
เนื่องจากการการสอบหลายครั้งทำให้เด็กที่ทางครอบครัวค่อนข้างขาดแคลนทุนทรัพย์
ไม่สามารถที่จะมีโอกาสไปสอบได้เท่ากับคนที่มีฐานะค่อนข้างดี
และถ้าหากมองในมุมมองของกระผมนั้นมันเป็นการหาผลประโยชน์จากเด็ก ในด้านการจัดสอบด้วย
เพราะการสอบหลายครั้งทำให้มีเงินหมุนเวียนเข้ามากับระบบสอบมาก
แม้คนเหล่านั้นจะอ้างว่าเงินที่ได้มานำไปใช้จัดสอบหมดทุกครั้ง
แต่เมื่อเรามองตามราคาต้นทุนต่างๆแล้วมันเป็นการกล่าวที่ไม่ค่อยจะสมเหตุสมผล
ทำให้คนเหล่านั้นสามารถหาประโยชน์ได้จาก"ส่วนเกินทางเศรษฐกิจ"
ด้วยเหตุประการฉะนี้(ชะนี) เปลี่ยนไปสอบแบบเก่าเถอะลุก
= =
Offline
เราว่าเราชอบข้อสอบ แกท นะ
มันแบบได้ใช้ความคิดจริงๆอะ (คิดเหมือน กัน)
สรุปว่าก็โอเคแหละ
ก็ไม่ได้ต่างจากระบบเดิมมากเท่าไหร่นัก
ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเท่าไหร่ด้วย
แค่ทำความเข้าใจนิดนึงก็โอเคแล้วละ
Offline