You are not logged in.
พอดีได้อ่านเจอบทความในสกู๊ปนี้ของ ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ในหนังสือมติชน สุดสัปดาห์มา
เลยอยากให้ใครหลายๆคนอ่านและพิจารณากับคำว่า"เรารักในหลวง"ให้ดี
________________________________________________________
เรื่องที่ ๑. เรารักในหลวง (นิธิ เอียวศรีวงศ์)
เรื่องที่ผมจะคุยต่อไปนี้ล้วนลอกขี้ปากของครูผมคนหนึ่งมา ผมพบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในการสนทนากันนี้น่าสนใจ และเกินสติปัญญาที่ผมจะคิดได้เอง จึงอยากนำมาเล่าต่อ
ผมคิดอยู่นานว่าจะอ้างชื่อของครูดีหรือไม่ ในที่สุดก็ตัดสินใจว่าไม่อ้างดีกว่า ตัวท่านเองก็เขียนหนังสือมาก จนผมตามอ่านไม่หมด ฉะนั้น ถ้าท่านเขียนไว้แล้ว คนที่เคยอ่านก็คงรู้แล้วว่าผมลอกเขามา ถ้าท่านยังไม่ได้เขียนสักวันหนึ่งท่านก็คงเขียน และก็รู้กันว่าผมลอกเขามาอยู่นั่นเอง
ที่ต้องออกตัวเป็นจ้าละหวั่นแต่ต้นนั้น ไม่ใช่เพราะเรื่องมันน่ากลัวหรืออันตรายอะไรหรอกนะครับ อันที่จริงครูผมท่านพูดไว้นิดเดียว แต่ผมเอามาขยายความเอาเอง เพื่อให้เข้าใจง่ายแก่คนที่ไม่ได้อยู่ในวงสนทนา แถมยังเติมอะไรลงไปตามใจชอบเสียอีก ฉะนั้น ถึงอย่างไรผมก็ต้องรับผิดชอบเต็มประตูอยู่นั่นเอง
คงเคยเห็นป้ายที่ติดหลังรถยนต์ - ซึ่งน่าสังเกตด้วยนะครับว่าเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล - หรือบางครั้งก็บนแผ่นหลังของหญิงชายที่สวมเสื้อยืดสีเหลือง ข้อความมีว่า "เรารักในหลวง" หรือบางแห่งก็รู้ขนบธรรมเนียมดีกว่านั้น กลายเป็น "เรารักพระเจ้าอยู่หัว" คำว่า "รัก" บางทีก็ไม่เป็นตัวอักษร หากเป็นรูปหัวใจสีแดงแทน
ย้อนไปเพียงร้อยปีที่แล้ว คนไทยสมัยนั้น ไม่ว่าจะมีความรู้สึกต่อพระเจ้าอยู่หัว คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ อย่างไรก็ตาม คงไม่กล้าใช้คำกริยาว่า "รัก" กับพระเจ้าอยู่หัว เป็นอันขาด เพราะคำว่า "รัก" เป็นทั้งกริยาและความรู้สึกที่มีต่อคนเสมอกับเรา... ถ้าเชื่อเหมือนผมว่าความรักไม่ได้เป็นธรรมชาติ หากเป็นวัฒนธรรม ฉะนั้น ความรู้สึกรักในแต่ละวัฒนธรรมและยุคสมัยจึงต่างกัน... และคำนี้ในภาษาไทยอย่างน้อยนับตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์เป็นต้นมา หมายถึงกิริยาและความรู้สึกที่เราอาจมีต่อคนที่เท่าเทียมกับเรา
แล้วทวยราษฎรจะไปมีกิริยาและความรู้สึกที่เท่าเทียมกับพระเจ้าอยู่หัวได้อย่างไร
จริงอยู่หรอกครับว่า คนขับรถเจ้าคุณอาจไป "รัก" กับลูกสาวเจ้าคุณได้ในนวนิยายรุ่นแรกๆ ของไทย แต่นั่นหมายถึงความรู้สึกระหว่างมนุษย์ที่ถอดเอาสถานภาพออกไปแล้ว และกลับมาเป็นมนุษย์ซึ่งล่อนจ้อนจากสังคมเท่ากัน อันเป็น "สาร" สำคัญที่นวนิยายสื่อให้แก่ผู้อ่าน
แม้ผู้ตั้งพระสมัญญานามแด่พระพุทธเจ้าหลวงจะใช้คำว่า พระเจ้าอยู่หัว เป็น "ที่รัก" ของราษฎร แต่ไม่มีใครกล้าใช้คำนี้กับพระเจ้าอยู่หัว ที่ใกล้ที่สุดที่จะเปล่งออกมาในภาษาไทยได้ก็คือ "พระปิยมหาราช"... เป็นเสียงแขกที่สลัดนัยะสำคัญแห่งความเท่าเทียมของคำว่า "รัก" ในภาษาไทยออกไปเสีย
ยังมีอีกคำหนึ่งที่ไม่ค่อยได้ยินใครใช้กับพระเจ้าอยู่หัวบ่อยนัก นอกจากพวกผู้ดีเก่าหรือผู้ดีใหม่ที่มีอำนาจทางสังคมและการเมือง นั่นคือ "สงสาร" เช่น คุยการเมืองกันแล้วพูดถึงการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการแย่งอำนาจกันทางการเมืองว่า "สงสารพระเจ้าอยู่หัว" หรือ "สงสารในหลวง"
คำนี้ยิ่งแล้วใหญ่นะครับ เพราะกิริยาและความรู้สึกอย่างนี้เป็นสิ่งที่คนไทยสมัย ร.5 คิดไม่ถึงว่า เราจะมีต่อพระเจ้าอยู่หัวได้อย่างไร เพราะสงสารมักเป็นความรู้สึกที่มีต่อคนที่ด้อยกว่า ราษฎรทำได้แค่ "เห็นพระทัย" พระเจ้าอยู่หัว แต่ไม่ถึงกับ "สงสาร"
แม้แต่คำว่า "ในหลวง" แต่ก่อนก็ไม่ใช่คำที่ราษฎรจะใช้เรียกพระเจ้าอยู่หัว เพราะเป็นคำที่เฉพาะข้าราชบริพารใกล้ชิดเท่านั้นใช้เรียก แต่เวลานี้ คำว่า "ในหลวง" กลับเป็นคำที่ผู้คนใช้มากกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ยังมักเรียกสมเด็จพระศรีนครินทราฯ ว่า "สมเด็จย่า" มีเพลงร้องที่อ้างถึงพระเจ้าอยู่หัว ว่า "พ่อ" ได้เต็มปากเต็มคำ
การนับญาติกับพระเจ้าอยู่หัวเป็นสิ่งที่คนไทยไม่เคยคิดแม้แต่เป็นพระญาติจริงๆ ก็ไม่พึงเรียกพระเจ้าอยู่หัวว่าน้อง, ว่าหลาน, ว่าเขย ฯลฯ แต่คนไทยปัจจุบันกลายเป็นเจ้ากันไปทั้งเมือง ความรู้สึกผูกพันกลายเป็นความรู้สึกของเครือญาติ
ในญี่ปุ่น เจ้าฟ้าหญิงอาจเษกสมรสกับชายสามัญชนได้เป็นครั้งแรก แม้ต้องทรงสละอิสริยยศก็ตาม แต่ถ้ามองย้อนกลับไปยังขนบธรรมเนียมอันเคร่งครัดของราชบัลลังก์ดอกทานตะวัน ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก หากชาวญี่ปุ่นกลับต้อนรับการเษกสมรสอย่างราบเรียบ ไม่รู้สึกสะดุ้งสะเทือนอะไรเลย...เหมือนลูกสาวของคนที่เราเคารพแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาไปเท่านั้น
ในอังกฤษ ข่าวอื้อฉาวของเจ้าฟ้าชายและหญิง กลับทำให้คนอังกฤษกลุ่มที่ไม่นิยมสถาบันกษัตริย์ และพลอยไม่ชอบพระบรมราชินีนาถ หันกลับมา "รัก" และ "สงสาร" พระองค์มากขึ้น (แม้ว่าบางคนยังอาจรังเกียจสถาบันกษัตริย์เหมือนเดิมก็ตาม) คือรู้สึกเห็นใจในความทุกข์และความเดือดร้อนพระทัยของพระองค์ เหมือนที่ผู้คนอาจรู้สึกอย่างนั้นได้กับ "สุภาพสตรีบ้านถัดไป" ซึ่งประสบชะตากรรมเดียวกันนั่นเอง
สังเกตนะครับว่านี่เป็นความรู้สึกแบบ "กระฏุมพี" คือคนชั้นกลางในเมืองนั่นเอง มองมนุษย์เหมือนกันหมด ต่างกันก็แต่ฐานะทางเศรษฐกิจเท่านั้น ฉะนั้น ไม่ว่าเลือดจะสีอะไร ก็อาจมีความรู้สึกต่อคนคนนั้นได้ไม่ต่างจากรู้สึกต่อคนเลือดอีกสีหนึ่ง ความผูกพันที่กระฏุมพีมีต่อพระเจ้าแผ่นดินไม่ใช่ความผูกพันอย่างข้าทาสกับนาย แต่เป็นความผูกพันกับคนที่ถือว่าเป็นหัวหน้าของกลุ่มกระฏุมพีด้วยกัน
กระฏุมพีมองเจ้านายเป็นหัวหน้าของตน และคาดหวังพฤติกรรมของเจ้านายอย่างเดียวกับที่ตัวคาดหวังจากคนที่ตัวรัก และศรัทธาในหมู่กระฏุมพีด้วยกัน ฉะนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า เจ้านายทั้งโลกถูกทำให้เป็นกระฏุมพีไปหมด. เราอาจเรียกความรู้สึกอย่างนี้ว่า ความ "จงรักภักดี" ได้หรือไม่ ผมคิดว่าได้ เพราะความจงรักภักดีก็เหมือนความรู้สึกอีกหลายอย่างของมนุษย์ คือเป็นวัฒนธรรม ฉะนั้น จึงแปรเปลี่ยนเนื้อหาไปได้เรื่อยๆ และผมคิดว่าเป็นความรู้สึกที่แตกต่างจาก "ความจงรักภักดี" ที่คนโบราณมีต่อกษัตริย์ของตัวด้วย
ฉะนั้น กระฏุมพีเป็นคนเปลี่ยนเจ้านายให้เป็นพวกเดียวกับตัว หรือเจ้านายเปลี่ยนเองจึงไม่สำคัญนัก เพราะเจ้านายย่อมต้องการความจงรักภักดีจากราษฎร และกระฏุมพีหรือคนชั้นกลางเป็นส่วนสำคัญที่สุดของราษฎรทั้งหมด จึงเป็นธรรมดาที่เจ้านายกลายเป็นหัวหน้าของกระฏุมพีไปโดยปริยาย ไม่ว่าจะพอพระทัยหรือไม่ก็ตาม
ในฐานะหัวหน้าของกระฏุมพีนี่แหละครับ ที่ผมคิดว่าทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬาร โดยเฉพาะด้านที่ถูกเรียกกว้างๆ ว่า "ศีลธรรม" เพราะศีลธรรมซึ่งเป็นหนึ่งในฐานอำนาจของเจ้านายคือ "ศีลธรรม" แต่สมัยก่อนนี้ เจ้านายมี "ศีลธรรม" ชุดหนึ่ง ในขณะที่ประชาชนอื่นๆ มีศีลธรรมอีกชุดหนึ่ง ผมขอยกตัวอย่างสุดโต่งเลย
พระเจ้าฮายัม วูรุค ในตำนานเรื่องหนึ่งของชวา ทรงหักหลังคนมาเนืองนองก่อนขึ้นครองราชสมบัติ เป็นชู้เมียเขาจึงเป็นฆาตกรฆ่าผัวเสียด้วยเลย เป็นกษัตริย์แล้วก็ทรงมีสนมนับไม่ถ้วน ไม่ทรงซื่อสัตย์ต่อใครจริงสักคน ทั้งหมดเหล่านี้นักวิชาการเขาอธิบายว่า เนื้อเรื่องเช่นนี้ทำให้ชาวชวาเชื่อว่า พระองค์เป็นอวตารของพระผู้เป็นเจ้า ฉะนั้น จึงทรงอยู่เหนือศีลธรรมของมนุษย์
ความรู้ประวัติศาสตร์อังกฤษของผมไม่พอจะรู้ได้ว่า ราษฎรในสมัยพระเจ้าเฮนรีที่เจ็ดรู้สึกอย่างไรต่อการเปลี่ยนพระราชินีและสำเร็จโทษพระราชินีถึง 7 พระองค์ ตอนองค์แรกราษฎรไม่พูด องค์ 2 ก็ไม่พูดอีก องค์ 3 ก็ยังเฉย แล้วสี่ห้าหกเจ็ดล่ะครับ? ผมสงสัยว่า อาจไม่ถึงขนาดชาวชวาโบราณแต่ก็คงเห็นว่าเจ้านายใช้ศีลธรรมคนละชุดกับตัว ฉะนั้นจึงไม่ใช่ธุระ
แต่เมื่อเจ้านายกลายเป็นหัวหน้ากระฏุมพี ศีลธรรมก็กลายเป็นชุดเดียวกับของกระฏุมพี ความประพฤติที่สอดคล้องกับอุดมคติทางศีลธรรมของกระฏุมพีจึงกลายเป็นความคาดหวังของผู้คน
ผมใช้คำว่า "อุดมคติ" เพื่อจะบอกว่า ในความเป็นจริงนั้นกระฏุมพีไม่ได้ประพฤติตามอุดมคติอย่างนั้นหรอกครับ แต่เขาอยากให้หัวหน้าของเขาประพฤติสิ่งที่เขาไม่ได้ประพฤติ เช่นกระฏุมพีอาจจะมากชู้หลายเมีย แต่อุดมคติของเขาคือเมียเดียวและความซื่อสัตย์ต่อเมียอย่างไม่บกพร่องใดๆ เจ้านายที่จะได้รับความ "จงรักภักดี" จากกระฏุมพีอย่างเต็มหัวใจต้องทำอย่างนั้นได้
กรณีอื้อฉาวของมกุฏราชกุมารอังกฤษนั้น ถ้าท่านทรงเป็นแค่ประธานบริษัทสักแห่ง ก็เรื่องเล็กนะครับ แต่เพราะท่านทรงเป็นมกุฎราชกุมาร จึงทำให้คนอังกฤษกลืนไม่ค่อยลง
โอรสของราชาธิบดีประเทศเพื่อนบ้านของเราแห่งหนึ่ง ถูกนินทาว่าแอบขนรถหรูเข้าประเทศโดยไม่เสียภาษี ทั้งๆ ที่นักการเมืองของเขาก็มักทำอย่างนั้นอยู่เสมอ และใครๆ ก็ลือกันให้แซดไป แต่ถ้าเป็นเจ้านายแล้ว จะลือและนินทากันมากกว่าหลายเท่านัก
พระสวามีของพระราชินียุโรปอีกประเทศหนึ่ง แอบกินสินบนบริษัทเครื่องบินอเมริกัน ก็นินทากันจนแทบจะไม่อยากให้ใครเห็นพระพักตร์ อันที่จริงเรื่องการกินสินบนก็เป็นสิ่งที่กระฏุมพีปฏิบัติกันแพร่หลายพอสมควร แต่อุดมคติของศีลธรรมไม่อนุญาตให้ทำได้ เจ้านายจึงทำไม่ได้ ส่วนกระฏุมพีทำได้บ้างถ้าแน่ใจว่าไม่มีใครจับได้
เรื่องอุดมคติของศีลธรรมกระฏุมพีจะเป็นการท้าทายครั้งใหญ่ของชนชั้นเจ้านายทั้งโลก เพราะกลายเป็นกระฏุมพีแล้วไม่ได้เป็นกระฏุมพีธรรมดา แต่กลับถูกบังคับให้เป็นอุดมคติที่ไม่มีใครทำได้เลย
Offline
แอ๊กเยอะมาก -*- เดี๋ยวมาอ่านต่อให้จบ
Offline
เยอะจัง ยังอ่านไม่จบเรยนะเนี่ย
S K N ต้องไม่เป็นสองรองไค
เราจะทำเพื่อ S K N ของเรา
Offline
ลองอ่านกันให้จบสิ น่าคิดมาก
ปล.โดนพ่อบังคับให้อ่านให้จบมา
Offline
อืมเพิ่งรู้แฮะ ว่า สงสาร กับ รัก ใช้กับ พระเจ้าอยู่หัวไม่ได้อ่ะ
Offline
กระฏุมพี คืออะไรอ่ะค่ะ
---------------------
งั้นแสดงว่าคำว่า เรารักในหลวง ใช้ไม่ได้สิเนี้ย
ปล.ยาวมั่กๆแต่ก้ออ่านจบด้วยดี
Last edited by ~ผักบุ้ง~ (2006-03-03 13:00:17)
๛I LoVe SKN.๛
|‼"[P][a][K][b][u][N][g]"‼|
Offline
"กระฏุมพี" คือคนชั้นกลางในเมือง
ใช่แล้วใช้ไม่ได้ และไม่สมควรใช้
ถ้าเป็นสมัยโบราณป่านนี้เรื่องใหญ่โตไปมากแล้ว
Offline
^^
^^
ไม่รุเหมือนก่นอะ
แต่รุว่ายังอ่านไม่จบเหมือนเดิม
S K N ต้องไม่เป็นสองรองไค
เราจะทำเพื่อ S K N ของเรา
Offline
"รัก" กับ ปิยมหาราช ที่จริงคามหมายใกล้เคียงกัน ผมคิดว่าเหมือนการใช้ราชาศัพท์ทับศัพท์ปกติในการกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ถ้าใช้คำว่า รัก ในภาษาไทยกับกษัตริย์อาจจะฟังแล้วแปลกๆ แต่ในภาษาอังกฤษไม่มีราชาศัพท์จึงไม่แปลกเท่าไหร่
คำกล่าวอื่นที่เคยได้ยินคือ "เราจะจงรักภักดี ต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์" ไำม่เคยได้ยินว่า เราจะรัก...
ถึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ประชากรจะมีความรู้สึกรัก แต่การแสดงออกควรจะให้เหมาะสมตามสถานภาพของบุคคล
ในอีกเรื่องหนึ่ง ผมคิดว่า การที่สนธินำ "เรารักในหลวง" มาใช้เป็นการไม่เหมาะสม และนำมาใช้ในเรื่องทางการเมือง แม้ผมจะไม่เห็นด้วยกับกรณีทักษิณที่เป็นเรื่องกัน แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีประท้วงของสนธิเช่นกัน
Offline
Offline
ในโรงอาหารก้อติดสติ๊กเกอร์กันทุกร้านเลยนิ ว่า "เรา(รูปหัวใจ)ในหลวง"
Offline
นั่นแหละ คนไม่รู้เรื่องเค้าทำกัน
ไม่รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ
Offline
ทุกวันที่ 5 ธันวา ที่พระเจ้าอยู่หัวมาพูด ท่านเคยเรียกตัวท่านเองว่า ในหลวงไหม ถามหน่อย??
ไม่เคย ท่านแทนตัวเองว่าพระเจ้าอยู่หัวทุกคำ จริงไหม...?
แค่คำว่า"เรารักพ่อ เป็นการแสดงความจงรักภักดีแล้วรึ"
คนไทยปัจจุบันอยากจะกลายกันไปเป็นเจ้าทั้งเมืองนั่นแหละ
อยากจะเป็นญาติกับพระเจ้าอยู่หัว ทั้งๆที่เป็นสิ่งไม่สมควร
ประเทศไทยน่ะนะ มีอยู่2ประเภท เท่านั้น รู้มั้ยว่าอะไรบ้าง
ก็ เจ้า กับ ขี้ข้ายังไงเล่า
มันมีอยู่แค่นี้เอง เจ้าก็คือพระเจ้าอยู่หัว ขี้ข้าก็คือพวกเรา ประชาชน
ปล.สั้นๆง่ายๆได้ใจความพอไหม ไม่อธิบายยาวเยื้อยย....ไม่มีทั้งทำนองและสร้อย
จำไว้ประเทศไทยมีแค่เจ้ากับขี้ข้า
ปล.2 ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ เป็นคนที่มีความคิดดีมาก เขียนบทความนี้ออกมาได้เจ็บสุดๆ
Offline
หู...เยอะจัง จะพยายามอ่านนะ (ลายตา)
... ♪♫
Offline
ยาวเหยียดอย่างแรงงงง..
อ่านไม่จบงะ
!!~> ขอให้รักต่อจากนี้ ให้รักเราผลิบาน ให้ฟ้าช่วยประทานพร
ดลบันดาลต่อจากนี้ ให้สองเราผูกพัน เกิดเป็นความทรงจำที่ดี<~!!
ลูกชิ้นหมู* ..zpi_tgz@msn.com.. (http://loogchin_moo.storythai.com )
Offline
Ferrari Lamborghini wrote:แม้แต่คำว่า "ในหลวง" แต่ก่อนก็ไม่ใช่คำที่ราษฎรจะใช้เรียกพระเจ้าอยู่หัว เพราะเป็นคำที่เฉพาะข้าราชบริพารใกล้ชิดเท่านั้นใช้เรียก แต่เวลานี้ คำว่า "ในหลวง" กลับเป็นคำที่ผู้คนใช้มากกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ยังมักเรียกสมเด็จพระศรีนครินทราฯ ว่า "สมเด็จย่า" มีเพลงร้องที่อ้างถึงพระเจ้าอยู่หัว ว่า "พ่อ" ได้เต็มปากเต็มคำ
การนับญาติกับพระเจ้าอยู่หัวเป็นสิ่งที่คนไทยไม่เคยคิดแม้แต่เป็นพระญาติจริงๆ ก็ไม่พึงเรียกพระเจ้าอยู่หัวว่าน้อง, ว่าหลาน, ว่าเขย ฯลฯ แต่คนไทยปัจจุบันกลายเป็นเจ้ากันไปทั้งเมือง ความรู้สึกผูกพันกลายเป็นความรู้สึกของเครือญาติ
แล้วสมัยสุโขทัยล่ะ เขาก็เรียกกษัตริย์ว่า"พ่อขุน"นะ การปกครองก็แบบ "พ่อปกครองลูก" จริงๆแล้วนะ ผมว่าการที่เราจะพูดว่า"รัก"กับพระเจ้าอยู่หัว หรือเรียกพระองค์ท่านว่า"พ่อ" มันไม่ได้ทำให้ความเป็นพระเจ้าอยู่หัวของพระองค์ท่านลดน้อยลงแต่ประการใด และไม่ได้หมายความว่าประชาชนบังอาจไปนับญาติกับพระองค์ท่านด้วย แต่มันเป็นการแสดงความรู้สึกอย่างหนึ่งที่เข้าใจได้ง่ายกว่าการพูดว่า"จงรักภักดี"หรือ"เห็นพระทัย"
การพูดว่า"รัก"กับพระเจ้าอยู่หัว หรือเรียกพระองค์ท่านว่า"พ่อ" เป็นการใช้ภาษาในระดับไม่เป็นทางการ แต่เวลาพูดกับพระองค์ท่านต่อหน้าพระพักตร์ก็ต้องเรียก"ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท"และต้องพูดว่า"มีความจงรักภักดี" หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ เป็นการพูดกันในระดับชาวบ้าน คงไม่มีชาวบ้านคนไหนพูดกันหรอกนะว่า"ข้าพเจ้ามีความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัวฯเป็นล้นพ้น"เพราะเขาไม่ชิน การเปรียบพระองค์ท่านว่า"พ่อ"หรือ"พ่อหลวง"จริงๆแล้วหมายถึง"พ่อของชาวไทยทุกคน" คำนี้ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่น้อยกว่าคำว่า"ในหลวง"เลยนะ
ในอีกมุมมองหนึ่ง ถ้าเราจะมองว่าการใช้คำว่า"รัก"หรือ"พ่อ"กับพระองค์ท่านมันไม่เหมาะสมก็ได้ แต่ทังนี้และทั้งนั้น การที่ใครสักคนหนึ่งจะพูดว่า"เรารักในหลวง" หรือ "เรารักพ่อ" มันก็เป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งแล้วไม่ใช่หรือว่า คนๆนั้น มีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯมากแค่ไหน
คือขอขุดหน่อยนะ เห็นมีคนขุดขึ้นมา พอดีได้ไปถามพ่อเรื่องนี้มา
คือสมัยสุโขทัยน่ะนะมันเป็นสมมุติเทพไม่มีจริงๆ ไม่มีหรอกพ่อปกครองลูกไรนั่นอ่ะ
แล้วการที่พูดคำว่ารักกับพระเจ้าอยู่หัวเราก็ยังคิดว่ามันไม่ควรอยู่ดีนั่นแหละ
Offline
ไม่ได้อ่านเลย
เหนตัวหนังสือแล้วท้อ 55+
Offline
ตกลงสมันสุโขทัยเปนไงอ่าครับ งง
ปล.พี่เตย ฮาตรง ท้อ อ่ะ 555+
Offline
จริงๆใช้คำไหนก็ไม่สำคัญ มันสำคัญที่ ความหมายที่เราต้องการจะสื่อไม่ใช่เรอะ
มัวแต่คิดเล็กคิดน้อย เมื่อไหร่ปีเทศมันจะเจริญ -*-
Last edited by godome (2006-04-03 01:19:38)
SKN#28 NO.18428 17/05/2004 - 22/02/2010
Offline
ข้างบนขอทำความเข้าใจหน่อยนะ ที่คุณพูดมาแบบนี้ แสดงว่าคุณยังไม่ได้อ่านเนื้อหาข้างบน คุณอ่านแค่หัวข้อ
คุณบอกว่า
"จริงๆใช้คำไหนก็ไม่สำคัญ มันสำคัญที่ ความหมายที่เราต้องการจะสื่อไม่ใช่เรอะมัวแต่คิดเล็กคิดน้อย เมื่อไหร่ปีเทศมันจะเจริญ -*-"
แสดงว่าคุณยังไม่รู้ว่าการที่จะสื่ออะไรต่อพระเจ้าแผ่นดินน่ะควรใช้คำพูดอย่างไรควรทำอย่างไร
แล้วขอถามหน่อยซิ๊ การที่พูดว่า "เรารักในหลวงน่ะนะ"เป็นการทำให้ประเทศมันเจริญด้วยเรอะ
จะบอกให้นะ ตราบใดที่ไอ้ทักษิณอยู่น่ะ ประเทศไทยไม่มีวันเจริญหรอก เป็นประเทศที่ด้อยพัฒนาอีกด้วย ไม่ใช่กำลังพัฒนา
ทรัพยากรบุคคลก็ต่ำช้า ยกตัวอย่างเช่น ครูใน ร.ร.ที่ทำตัวไม่เหมาะสมเป็นต้น
การเป็นครูเนี่ยไม่ใช่จะเอาใครมาเป็นก็ได้ แต่ต้องเป็นคนที่สอนคนให้เป็นคน ไม่ใช่สอนคนให้เป็นหมา
ครูที่ทำตัวไม่เหมาะสมและไม่น่าเคารพยังมีอีกเยอะแยะค่ะ ในร.ร.เราก็มี
เมื่อไม่กี่วันมานี้ได้ไปทดลองเรียนสายที่ร.ร.มา 10 วันก็ยังเจอเลย เข้าไปถึงก้อเจอพูดว่า
"คิดยังไงใส่ชุดพละมา" (มีอีกแต่ไม่ขอกล่าว) พอครูคนนั้นว่าเราทุกคนในห้องก็หันมามองหน้า
แต่นึกว่าคนอย่างเราจะอายหรอ ไม่มีทาง อะไรที่ไม่ได้ทำผิด ไม่มีทางยอม แค่ใส่ชุดพละมาเรียนเสริม ไม่ได้แก้ผ้ามานิ
แล้วยังจะด่าหยาบๆ ปนลามก พูดเปรียบเทียบบอกว่าน.ร. ญ ไม่ทำตัวเป็นอีตัวในตู้ก็พอแล้ว เป็นไงล่ะได้ฟังเเล้วสะอึกไหม
แต่แทนที่เด็กในห้องซึ่งมีน.ร.ชายอยู่3คน นอกนั้นผู้ ญ หมดจะไม่ชอบคำพูดนั้นๆ น.ร. ญ
เกือบทั้งห้องกลับหัวเราะอย่างชอบใจเข้าไปใหญ่และบอกว่าครูคนนี้สอนสนุก รวมทั้งเพื่อนเราด้วย
นี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็กๆน้อยๆของทรัพยากรบุคคลในอนาคต ต่อไป ถ้าคนที่สอนคนยังเป็นแบบนี้ แล้วคนในอนาคตจะเป็นแบบไหนคิดกันเอาเอง
ปล.อย่ามาเถียงเราเลนยเรื่องประเทศจะเจริญไม่เจริญ เพราะมันไม่มีวันเจริญ
ปล.2 ขอโทดที่พร่ามที่ออกนอกเรื่องไปเยอะหน่อย ที่พูดมาแบบนี้คือไม่อยากเสเเสร้งอยากสื้อให้คนอื่นรู้ความคิดจิงๆ
Offline
แรงไปมั้ย??
ป.ล. ประเทศ จะเจริญไม่เจริญ นั้นมันเป็นเรื่องของอนาคต อย่ามองโลกในแง่ร้ายจนเกินไป
ป.ล.ล. ส่วนเรื่องที่โรงเรียนนี่น่าคิด จริงๆ ครูที่ใช้คำหยาบอาจต้องการที่จะ เข้าให้ถึงตัวเด็กก็ได้เพราะ คงไม่มีใครอยากเจอครูเนี๊ยบๆ โหดๆหรอก เค้าอาจจะต้องการที่จะพูดให้ดูเป็นกันเองกับเด็กก็ได้ (เรื่องนี้เป็นการมองโลกด้วยสีชมพู โปรดใช้วิจารณญาณ)
ป.ล.ล.ล. สุดท้าย มองคนละด้านเถียงไงให้ตายก็ไม่จบ เลิกเหอะ เหนื่อย
Last edited by godome (2006-04-07 01:30:10)
SKN#28 NO.18428 17/05/2004 - 22/02/2010
Offline
ไม่อยากอ่านเลยอะ เยอะเกิน
Offline
เราก็คน กษัตริย์ก็คน ต่างกันตรงไหน??
แรงไปมั้ย??
ที่ผมเขียนมาเพราะจะหาเรื่องเถียงไปงั้นเองแหละ ไม่ได้ติดใจไรมากหรอก 555 ลองหาเรื่องทำที่มันน่าตื่นเต้นดู เล่นกระทู้อื่นๆ น่าเบื่อ
ป.ล. ประเทศ จะเจริญไม่เจริญ นั้นมันเป็นเรื่องของอนาคต อย่ามองโลกในแง่ร้ายจนเกินไป
ป.ล.ล. ส่วนเรื่องที่โรงเรียนนี่น่าคิด จริงๆ ครูที่ใช้คำหยาบอาจต้องการที่จะ เข้าให้ถึงตัวเด็กก็ได้เพราะ คงไม่มีใครอยากเจอครูเนี๊ยบๆ โหดๆหรอก เค้าอาจจะต้องการที่จะพูดให้ดูเป็นกันเองกับเด็กก็ได้ (เรื่องนี้เป็นการมองโลกด้วยสีชมพู โปรดใช้วิจารณญาณ)
ป.ล.ล.ล. สุดท้าย มองคนละด้านเถียงไงให้ตายก็ไม่จบ เลิกเหอะ เหนื่อย
ตลกดีนะหาเรื่องเถียงเล่นๆ แต่เล่นผิดคนแล้วแหละ กระทู้นี้เอาจริง อยากจะเล่นไปที่อื่นไปไกลๆ
ตอบปล. ไม่มองในแง่ร้ายมองตื้น ก็ควาย
ตอบป.ล.ล.เข้าถึงตัวเด็กด้วยวิธีนี้น่ะนะ คุณใช้อะไรคิดไม่ทราบที่บอกว่าเป็นกันเองคนมันคิดกันแบบนี้น่ะสิ
ขอใช้คำว่า "มันถึงระยำกันทั้งเมือง"
ตอบป.ล.ล.ล ก้อดีเลิกก้อดีเพราะพูดกับคนอย่างคุณไปก้อเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปออกหูหมาหมด เปลืองเวลาที่เอามาพร่ามให้ฟัง
ปล.ล.ล.ล.ล.ล.ล.ล -- -------->>> ระวังนกเอี้ยงเกาะหลังนะ
ป.ล.ล.ล.ล.ลล..ล.ล.ล.ล.ล---------------->>> ตื่นเต้นพอไหมล่ะ
Last edited by Ferrari Lamborghini (2006-04-03 12:36:31)
Offline
ใจเย็นค้าบ ใจเย็น
ไม่ให้ใช้รัก กับพระเจ้าแผ่นดิน ก็จริง แต่ยังไงก็รู้สึกว่า "รัก" อยู่ดีอ่านะ
ปล.แรงกว่ากระทู้ทักษิณอีกแฮะ:P
ปลอล. ไอ่โมเดี๋ยว ตร.ก็ได้ไปต้อนรับที่บ้านหรอก- -'' คำพูดไม่ควร
โลกของใคร โลกของมัน Tangmae's เอ็กตีน
ตัดให้ขาดเลยฉับๆ ตัดให้ขาดเลยฉับๆ อย่ามัวเสียดาย ร้องไห้อยู่เลย
SKN ,#28 Generation
Offline
นี่ผมพยายาม ลบอุณหภูมิ แล้วนา แต่ดันเล่นมุขแป๊กซ่ะงั้น
อารายก๊านน
อารมณ์ร้อนจริงๆ
ผมก็แค่ลองมองจากมุมอื่นดูก็แค่นั้น ถ้ามองจากมุมของคุณมันอาจเป็นอย่างนั้นจริง แต่ถ้าลองมองให้มันดีมันก็จะอยู่ในโลกอย่างสบายใจน่ะคับ
จริงๆ คุณก็น่าจะพยายามเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างน่ะ อย่าคิดว่าคุณถูกฝ่ายเดียว ผมก็อาจจะผิดก็ได้ ซึ่งผมก็ยอมรับว่า ที่ผมเขียนไปมันผิดในมุมของคุณ ถ้าคุณเป็นกลาง ก็น่าจะยอมรับได้น่ะ เพราะถ้าพูดกันคนละด้านงี้ ไงๆก็ไม่รู้เรื่อง
คุณควรจะรู้น่ะครับว่า นี่มันเป็นการแสดงความคิดเห็น มันจะต้องมีทั้ง คล้อยตาม และขัดแย้ง ต้องยอมรับให้ได้น่ะครับ มันเป็นสิทธิส่วนบุคคล ผมมีสิทธิที่จะคิดนอกกรอบ แต่อย่างนี้กลายเป็นว่า ผมคิดไม่เหมือนคนอื่นแล้วจะกลายเป็นควาย ไม่ใช่แล้วละครับ
โอเค ใจเย็นขึ้นยัง ถ้าเป็นสมัยโบราณผมถูกตัดหัวไปนานแล้วเนี่ย
Last edited by godome (2006-04-03 12:57:58)
SKN#28 NO.18428 17/05/2004 - 22/02/2010
Offline