Suannon Board

You are not logged in.

#1 2006-04-12 16:33:08

GunNz~
สมาชิก
Registered: 2005-10-09
Posts: 3,597

มีอะไรดีๆมาให้อ่านครับ

http://www.guitarthai.com/webboard/question.asp?QID=46464

Offline

#2 2006-04-12 16:34:16

GunNz~
สมาชิก
Registered: 2005-10-09
Posts: 3,597

Re: มีอะไรดีๆมาให้อ่านครับ

พอดีตั้งไม่ได้เลยเอาลิ้งค์มาแปะครับ  เนื้อหาข้างในเปนงี้

ความลับในหลวง ที่ชาวไทยอยากรู้


รองราชเลขาธิการเผยความลับในหลวงที่คนไทยอยากรู้
จากพิธีเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในโอกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี

งานเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
เรื่องพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ได้มีการเสวนาเฉลิมพระเกียรติหัวข้อ "เรื่องที่คนไทยอยากรู้" จาก
ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ และนางปิยะนุช นาคคง
ผอ.พิพิธภัณฑ์ของจิ๋ว เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยมี นางอุไรวรรณ เทียนทอง
รมว.กระทรวงวัฒนธรรม และประชาชนกว่า 200 คนร่วมฟัง ณ
หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อเร็วๆ นี้

ผู้ดำเนินการเริ่มโหมโรงที่พระเกศาที่หลายคนสงสัยว่าทรงตัดแล้วจะนำไปไว้ที่ใด
ปรากฏว่าเก็บไว้ที่ธงเฉลิมพลเพื่อมอบให้แก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ

จากนั้นผู้ดำเนินรายการถามว่า พระเจ้าอยู่หัวโปรดรายการโทรทัศน์ช่องไหน
รองราชเลขาธิการตอบว่า ท่านทรงข่าวสัญญาณฝรั่งเศสของยูบีซี
ที่ทราบเพราะก่อนหน้านี้ยูบีซีเคยจะถอดรายการดังกล่าวออก
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ติดต่อไปว่าอย่าพึ่งถอด
เพราะในหลวงโปรด

นอกจากนี้ ท่านยังรับฟังข่าวด้านอื่นๆ ด้วย แต่โทรทัศน์เป็นเรื่องรอง
เพราะให้ความสำคัญกับวิทยุเป็นหลัก
จากที่ทราบมาในหลวงเคยทรงโทรศัพท์รายงานสถานการณ์ต่างๆ ใน กทม. ไปที่ จส. 100
ด้วย โดยใช้พระนามแฝง

ผอ.พิพิธภัณฑ์ของจิ๋วในฐานะผู้ดำเนินรายการถามต่อว่า ท่านโปรดเสวยอะไร
ท่านผู้หญิงบุตรีกล่าวว่า ท่านทรงเพ้อระหว่างประชวร ว่าต้องการเสวยหูปลาฉลาม
และต้องไม่ใส่ผงชูรส เพราะท่านแพ้ แต่ก็ไม่ถึงกับขาดไม่ได้
สมัยก่อนรัฐบาลห้ามนำของดังกล่าวเข้ามา ท่านก็ไม่เสวย
จนกระทั่งปัจจุบันกลุ่มกรีนพีซออกมาต่อต้านว่าปลาฉลามถูกฆ่าจำนวนมาก
ท่านก็เลิกเปลี่ยนไปเสวยปลาแทน

ท่านผู้หญิงบุตรียังกล่าวว่า
ระหว่างที่ท่านทรงรักษาพลานามัยได้ประทับที่พระราชวังไกลกังวล อ.หัวหิน
จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพราะราชดำเนินได้สะดวกในที่ราบ
แตกต่างจากสวนจิตรลดาที่มีนกอีกาจำนวนมาก ประกอบกับมีไข้หวัดนกระบาด
นอกจากสภาพแวดล้อมดีกว่า ยังสามารถเล่นกับสุนัขทรงเลี้ยงได้ด้วย
พร้อมกับคณะแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด

ผู้ดำเนินรายการถามต่อว่า นอกจากคุณทองแดง และลูกๆ
พระเจ้าอยู่หัวทรงเลี้ยงสัตว์อื่นหรือไม่ ท่านผู้หญิงบุตรีกล่าวว่า คิดว่าไม่มี
แต่ก่อนท่านทรงโปรดคุณวานร ซึ่งมีนิสัยดุ เมื่อสิ้นคุณวานร
ท่านก็ไม่ได้เลี้ยงสุนัขกว่า 10 ปี จนมาพบคุณทองแดง ทั้งนี้ หลายคนอาจหมั่นไส้
ว่าทำไมสุนัขต้องเรียกคุณ ตนอยากเรียนว่า ของในวังมีราชาศัพท์หมด
คุณที่ใช้เรียกนำหน้าสุนัขเป็นศัพท์ที่ในวังเรียกกัน

จากนั้นผู้ดำเนินรายการก็เปิดโอกาสให้ผู้ฟังถาม คำถามแรกคือ
พระเจ้าอยู่หัวทรงตักเตือนสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ
สยามมกุฎราชกุมาร หรือไม่ ท่านผู้หญิงบุตรีกล่าวว่า เนื่องจากพระบรมฯ
เป็นพระโอรสองค์เดียว จึงซนมาก
เวลาที่ทำโทษท่านทรงใช้เข็มขัดเฆี่ยนบ้างในบางครั้ง แต่เมื่อพระบรมฯ
อภิเษกสมรสก็ทรงเลิกสั่งสอน พร้อมตรัสว่า
พ่อแม่จะวางมือเพราะถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว

จากนั้นได้ถามต่อว่า ในหลวงทรงเครื่องดนตรีได้กี่ประเภท
ท่านผู้หญิงบุตรีกล่าวว่า ถ้าเป็นดนตรีสากลได้ทุกประเภท
โดยเฉพาะแซ็กโซโฟนเป็นเครื่องดนตรีที่โปรดเป็นพิเศษ ส่วนดนตรีไทย ตนไม่เคยเห็น
แต่ถ้าเป็นพระเทพฯ แน่นอน

ผู้ร่วมงานถามต่อว่า จ.ม.ประชาชนส่งถึงในหลวงถึงมือท่านทุกฉบับหรือไม่
รองราชเลขาธิการกล่าวว่า ส่วนใหญ่ถึงมือทุกฉบับ
แต่ถ้าไม่เหมาะสมก็ไม่นำขึ้นทูลเกล้าฯ

Offline

#3 2006-04-12 16:37:14

GunNz~
สมาชิก
Registered: 2005-10-09
Posts: 3,597

Re: มีอะไรดีๆมาให้อ่านครับ

ยาวหน่อยอ่านกันเพลิน ๆ นะครับ  มีสาระดี


บ่ายวันอาทิตย์วันหนึ่งพระองค์ท่านเคยเสด็จไปทรงซื้อหนังสือที่ร้านดูเหมือนจะห้าง ดิ เอ็มโพเรียม

โดยทรงพระดำเนินจากวังสระปทุมเพื่อมาขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีสยามไปลงที่เอ็มโพเรียม
โดยทรงกดตู้ซื้อบัตรอัตโนมัติเหมือนผู้โดยสารทั่วไป
มีผู้ตามเสด็จเป็นผู้หญิงคนหรือสองคนเท่านั้น ไม่มีการกันคน
ไม่มีการห้ามใคร ไม่มีการปิดขบวนอะไรทั้งสิ้น


เมื่อเสด็จขึ้นรถไฟฟ้าแล้วแต่ปรากฏว่ารถขบวนนั้นที่นั่งเต็ม

พระองค์ท่านก็ทรงยืนเกาะราวรถไฟฟ้าเหมือนสามัญชนทั่วไป

จนกระทั่งมีผู้โดยสารจำพระองค์ท่านได้ก็ลุกขึ้นยืนเพื่อให้ทรงนั่งพระองค์แย้มพระ
รวลและรับสั่งขอบใจก่อนทรงนั่งที่ของคนนั้น คนนั้นก้อนั่งลง

พอมีคนเห็นคนนั่งลงกับพื้น ทุกคนในรถไฟฟ้าจึงรู้ว่าพระองค์เสด็จจึงนั่งกันหมด

ขนาดเด็กวัยรุ่นที่แต่งตัวกางเกงจะหลุดก้นพอเห็นพระองค์ก้อนั่งย่องๆ
กับพื้นแล้วยกมือไหว้กันทุกคนไป
เป็นที่ปลาบปลื้มของผู้ที่อยู่ในรถไฟฟ้าตู้นั้นมาก ทรงแย้มพระสรวลตลอดเวลา


เมื่อทรงซื้อหนังสือเสร็จก็เสด็จพระราชดำเนินกลับด้วยรถไฟฟ้ามาลงสถานีสยาม
แล้วทรงพระดำเนินกลับวังสระปทุม
-- ----------------------------------
เมื่อสมเด็จพระเทพฯทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฏรตามที่ต่างๆ
และได้ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนในตลาดสด
และถามความเป็นอยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาด แต่ก็มาถึงแม่ค้าปลา
ซึ่งพระองค์ทรงตรัสถามว่า "ปลาพวกนี้ขายอย่างไงจ๊ะ"
แม่ค้าตอบว่า " ที่สวรรคตแล้ว กิโลละ 40 บาท
และที่เสด็จไปเสด็จมากิโลละ 80บาทจ๊ะ"
เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพาลที่ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน
------------------------------------------------------------------





---------------------
อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสานเมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้ หนึ่ง
ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูล
ที่คล่องแคล่วและใช้ ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน
เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้

จึงมีคำกราบทูลว่า
"ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่าบัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำ สวนพระพุทธเจ้าข้า.."
มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน
ก็ทรงตรัสถามว่า " เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว.. "
พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า "มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป
ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย
และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว"
เรื่องนี้ดร.สุเมธเล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยก เว้นแม้ในหลวง
------------------------------------------------------------------

Offline

#4 2006-04-12 16:38:32

GunNz~
สมาชิก
Registered: 2005-10-09
Posts: 3,597

Re: มีอะไรดีๆมาให้อ่านครับ

ต่อครับ  ยาวมาก

---------------------
เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษา
มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลายรุ่น
เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขออนุญาตนำ

พระบรมฉายาลักษณ์ของท่าน มาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษ
ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า
"ไปบอกเค้านะเราไม่ใช่มิกกี้เมาส์"
------------------------------------------------------------------





---------------------
มีอยู่ครั้งหนึ่งทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตรให้กับนักศึกษา

ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนในครุย ทรงโปรดสูบมวนพระโอสถ
แต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้
ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อมทูลว่า
"ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า"

ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวลน้อยๆกับอธิการบดี

ว่า"เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก"
------------------------------------------------------------------





--------------------
เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่าในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยม

เยียนราษฎร
มีอยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว
แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า
"ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์"
ในหลวงทรงตรัสว่า "ขอเดชะ พระหมดแล้ว"

------------------------------------------------------------------





--------------------
ครั้งหนึ่งหลายๆ ปีมาแล้ว
พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวี(ผิวหน้า)มีพระอาการ คัน
มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ

เพื่อถวายการรักษาคุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้ เชี่ยวชาญทางราชาศัพท์ก็กราบบังคมทูลว่า

"เอ้อ - ทรง... อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ"
พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัสว่า
"ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่จะท้องได้ยังไง"
แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่าหมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกาย จริงๆ
ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า
" อ้าพูดภาษาอังกฤษกันเถอะ"
เป็นอันว่าก็กราบบังคมทูลซักพระอาการกันเป็นภาษาอังกฤษไป

------------------------------------------------------------------




---------------------
เรื่องนี้รุ่นพี่ที่จุฬาฯเล่าให้ฟังว่า
มีอยู่ปีนึงที่ในหลวงทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร
อธิการบดีอ่านรายชื่อบัณฑิตแล้วบังเอิญว่ามีเหตุขัดข้องบางประการ

ทำให้อ่านขาดตอน ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหนแล้ว
ปรากฏว่าในหลวงท่านทรงจำได้ ท่านเลยตรัสกับอธิการไปว่า

"เมื่อกี้นี้ (ชื่อ....) เค้ารับไปแล้ว"

และมีอีกปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญาบัตรอยู่ดีๆ ไฟดับไปชั่วขณะ
ทำให้บัณฑิตคนหนึ่งพลาดโอกาสครั้งสำคัญในการถ่ายรูป
พอในหลวงทรงพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้ว
ก่อนที่จะให้พระบรมราโชวาท
ท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคนนั้นมารับพระราชทานอีกครั้ง
เพื่อจะได้มีรูปไว้เป็นที่ระลึก ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอประชุม

------------------------------------------------------------------
---------------------

เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวง
ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่นดิน
และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลี

พระบาทถวายรายงาน
ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนมีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูล รายงานว่า

" ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดช
ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตกราบบังคม ทูลรายงาน ฯลฯ "

เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อในหลวงทรงแย้มพระสรวลอย่างมีพระอารมณ์ดี และไม่
ถือสาว่า " เออ ดี เราชื่อเดียวกัน.."

ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัย
เพราะผู้รายงานตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้
------------------------------------------------------------------


---------------------
วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตามปกติที่ต่าง จังหวัด

ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมาย
พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระบาท
ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลงกราบแทบพระบาท
แล้วก็เอามือของแกมาจับ พระหัตถ์ของในหลวง
แล้วก็พูดว่ายายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอในหลวง
แล้วก็พูดว่ายายอย่างโน้น ยายอย่างนี้
อีกตั้งมากมายแต่ในหลวงก็ทรงเฉยๆ มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร
แต่พวกข้าราชบริภารก็มองหน้ากันใหญ่
กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤหัยหรือไม่
แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบว่ากับหญิงชราคนนั้น
ก็ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหวเพราะพระองค์ทรงตรัส! ว่า

" เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อนกว่าแม่ฉันตั้งเยอะ

ต้องเรียกน้าซิถึงจะถูก"
------------------------------------------------------------------





--------------------

เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7 โมงเช้า นางสนองพระโอษฐ์
ของฟ้าหญิงองค์เล็ก ได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย
ขอพูดสายกับฟ้าหญิง ทางนางสนองพระโอฐก็สอบถามว่าใครจะพูดสายด้วย
ก็มีเสียงตอบกลับมาว่า" คนที่แบงค์ "
นางสนองพระโอฐก้อ งง .....งง ว่าคนที่แบงค์ทำไมโทรมาแต่เช้า
แบงค์ก้อยังไม่เปิดนี่หว่า พอฟ้าหญิงรับโทรศัพท์แล้วถึงได้รู้ว่า
คนที่แบงค์น่ะ ก็ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่เชื่อเปิด กระเป๋าตังค์
แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ อิ อิ ขนลุกเลย

------------------------------------------------------------------

Offline

#5 2006-04-12 16:40:41

GunNz~
สมาชิก
Registered: 2005-10-09
Posts: 3,597

Re: มีอะไรดีๆมาให้อ่านครับ

ขอโทษนะครับอาจจาหลายเรปติดกันมากหน่อย 
-----------
เพื่อนผมเคยเล่าให้ฟังว่า สักประมาณ 20 ปีที่แล้ว ขณะที่เขากำลังเดินดูหนังสือในร้านหนังสือดวงกมล สยามแสควร์ ก็มีนิสิตหญิงจุฬาสองสามคนเดินเข้ามาในร้าน นิสิตคนหนึ่งใบหน้า สวยคม จัดว่าสวยน่ารัก แต่ใบหน้าดูคุ้นเหลือเกิน ทันใดเขาก็เห็นคนเริ่มไหว้บ้าง ค้อมศรีษะบ้าง ให้แก่นิสิตคนนั้น แต่ก็มีเสียงเอ่ยขึ้นมาอย่างเกรงใจจากนิสิตคนนั้นว่า "ไม่เป็นไรค่ะขอบคุณค่ะ วันนี้เป็นนิสิต มาหาซื้อหนังสือ เชิญทุกท่านตามสบายค่ะ" ทุกคำที่เอ่ยจะมีคำว่า "ค่ะ" ตลอด แล้วก็หันไปยิ้มแบบเขิน ๆ กับเพื่อนทีมาด้วยกริยาช่างงามน่ารักเหลือเกิน เพื่อนผมย้ำ ทันใดนิสิตกลุ่มนั้นก็หันไปเห็นผู้อาวุโสท่านหนึ่งกำลังเดินดูหนังสืออยู่ในร้านเหมือนกันจึงเดินเข้าไปหาพร้อมยกมือไหว้ผู้อาวุโสท่านนั้น และนิสิตท่านก็เป็นผู้เอ่ยทักว่า"สวัสดีค่ะ อาจารย์ มาหาซื้อหนังสือเหรอคะ" ทันใด ท่านอาวุโสก็สะดุ้ง กำลังจะก้มและย่อตัวลงในท่าทำความเคารพ แต่ความที่อยู่ในวัยชราจึงไม่ค่อยถนัด พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า "อ้าว องค์หญิง กระหม่อมมาหาซื้อหนังสือ พะยะค่ะ" ในตอนนั้นเพื่อนผมก็จำได้ขึ้นมาว่านิสิตท่านนั้นก็คือ สมเด็จพระ เทพฯ นั่นเอง ในตอนนั้นพระเทพก็ทรงเข้ามาประคอง อาจารย์ท่านนั้น พร้อมกับรับสั่ง "ไม่เป็นไรค่ะ อาจารย์ หนูกับเพื่อน มาหาซื้อหนังสือเหมือนกัน ค่ะ" เพื่อนผม บอกว่า ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมรัก และเทอดทูนเจ้าหญิง องค์น้อยเสมอมา ด้วยความที่ท่านไม่ทรงถือพระองค์ ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
ผมเคยอ่านจากหนังสือสกุลไทย ช่วงตอบปัญหาของใครจำไม่ได้แล้วมีคนเขียนไปถามเจ้าของคอลัมภ์ว่าจริงหรือเปล่าที พระองค์เคยเสด็จเป็นการส่วนพระองค์ยังเมืองทองธานีเพื่อเสวยร้านอาหารโต้รุ่ง ก็มีคำตอบว่าจริง พระองค์เคยเสด็จอย่างส่วนพระองค์จริงๆกับคุณข้าหลวงอีก 2 คนไม่มีองครักษ์ติดตาม คือเสด็จยังร้านอาหารตามสั่งทั่วไปริมถนน ตอนแรกไม่มีใครจำพระองค์ได้เลย แต่มี 2 สามีภรรยาคู่หนึ่งเห็นเข้า ฝ่ายสามีบอกว่าไม่ใช่สมเด็จพระเทพหรอกเพราะนี่คือร้านอาหารโต้รุ่งแล้วก็ดึกมาก แล้วด้วย แต่ฝ่ายภรรยาบอกว่าเหมือนมากก็โต้กันไปโต้กันมา จนพระองค์ทรงได้ยินจึงหันพระพักตร์มาทาง 2 สามีภรรยานี้แล้วตรัสว่า"ใช่ แต่ขอให้ทำตัวตาม สบาย"เท่านั้นแหละครับ 2 คนนี้ก็ก้มลงกราบจนคนอื่นๆแปลกใจก็หันมามองกันหมดทั้งร้าน เจ้าของร้านกับเด็กเสริฟก็เพิ่งทราบจึงรีบเข้าไปถวายความเคารพ พวกพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นก็นำอาหารของร้านตนมาถวาย จนกระทั่งเสด็จกลับไป นี่แหละครับเจ้าหญิงในใจประชาชนพระองค์จริงๆ
จำได้ว่าตอนที่พระองค์ท่านเสด็จในงาน concert กาชาดหลายปีแล้วแล้วพระองค์ท่านทรงเป่า trumpet เพลงคู่กัด พอท่านทรงเป่าจบ คนดูก็ตบมือท่านก็ทรงรับสั่งว่า" แปลกจังทำไมไม่มีเสียงกรี๊ดเลย" คนดูก็เงียบกริบ...คงตะลึงมั้งท่านก็รับสั่งย้ำอีกครั้งเท่านั้นแหล่ะ..คนดูกรี๊ดถล่ม
ผมเคยเข้าไปเล่นคอนเสิร์ตหน้าพระที่นั่งศาลาดุสิตาลัย เมื่อสิบห้าปีก่อน พระเทพทรงประชวรหวัดเล็กน้อยแต่ก็ตรัสก่อนพวกผมเล่นกันว่า "วันนี้ไม่มีเสียงกรี๊ดนะเป็นหวัด" พอตอนเล่น ผมเลยบังอาจถวายแซวพระองค์ท่านว่า"ในฐานะรุ่นน้องจุฬาฯ ขอพระราชทานอนุญาต เอ่ยพระนามพระองค์ว่า พี่น้อยก็แล้วกันวันนี้ขอให้พี่น้อย หายหวัดเร็วๆ นะครับ" คนดูในศาลาดุสิตาลัยเงียบกริบ ผมก็ชักหนาวสันหลังว่าเหิมเกริมไปหรือเปล่า เพื่อนร่วมวงรีบชิงพูดต่อว่า มหาดเล็กครับ ช่วยยิงให้ถูกคนด้วยแล้วกันคนเลยฮากันตึง รอดไป มีเพลงหนึ่งชื่อเพลงกล้วยไข่ ผมก็แปลงเป็นว่า แปลกใจจริงพระเทพฯชอบอะไรพระเทพชอบกล้วยไข่ เพราะว่าพระองค์ทรงโปรด ลัล ลัล ลัล ลา ตอนไปรับพระราชทานดอกไม้จากพระหัตถ์ผมไปยกมือไหว้ท่าน ท่านก็ตรัสย้อนผมว่า "ใครเค้าไหว้กัน เค้าโค้งจ้ะ" จากนั้นท่านก็ตรัสว่า"ใครบอกฉันชอบกล้วยไข่ ฉันชอบกล้วยน้ำว่าย่ะ" ผมไม่เคยลืมสักภาพเดียวเลยครับ
ตอนเป็นนักเรียนแถวสามย่านพระองค์ ท่านเป็นนิสิตแล้ว เคยแอบไปเดิน "ส่อง" รถพระที่นั่งซึ่งจอดอยู่หน้าหอประชุมจุฬาเห็นมีขนมขบเคี้ยวสารพัดใส่โหลเอาไว้ 2-3โหล ทุกวัน ตลอด 4 ปีที่ทรงศึกษาอยู่
ผู้คนที่ต้องผ่านสัญจรแถวนั้นไม่เคยต้องเดือดร้อนกับการกั้นรถขบวนเป็นชั่วโมงๆ เพียงรถพระที่นั่ง 1 คันกับรถตำรวจนำอีก 1 ที่ไม่เคยเปิดไซเรน ไม่เคยเปิดโทรโข่ง ไม่เคยฝ่าไฟแดง เห็นพวกนักการเมือง มีตำรวจนำตำรวจตาม วิ่งย้อนศร กั้นรถให้แซงลัดคิวแล้วนึกถึงสิ่งที่พระองค์ปฏิบัติทุกครั้ง
LONG LIVE
OUR BELOVED PRINCESS !

Offline

#6 2006-04-12 17:21:28

Junno
สมาชิก
From: skn.27 - - GE20 E65 KU69 *
Registered: 2005-03-12
Posts: 5,119
Website

Re: มีอะไรดีๆมาให้อ่านครับ

โอย อ่านไปแค่ครึ่งนึงอะนะ = = ปวดตา
แต่ว่า น่ารักมากกๆ เลย roll


sikd1.gif bbchan3.gif
»»» พีจุนโนะ 우영               :: I AM HOTTEST VIP. !
. ♥i want you  . .   Why do you HESITATE ? *

Offline

#7 2006-04-12 21:06:35

[SC]Kelvin
สมาชิก
Registered: 2006-02-07
Posts: 420

Re: มีอะไรดีๆมาให้อ่านครับ

อย่างงี้เรียกข้อความดีคับ แต่ไม่ดีสำหรับผู้อ่าน ข้อความที่ดีต้องดีที่เนื้อหาเข้าใจง่ายและสั้นครับ ไม่งั้นคนขี้เกียจอ่านอย่างผมเหงข้อความยาวๆ แล้วไม่อ่านมันจะไปได้อะไรขึ้นมาระคับ


BBoy Kelvin Soul of Sins Crew

Offline

#8 2006-04-12 21:10:47

GunNz~
สมาชิก
Registered: 2005-10-09
Posts: 3,597

Re: มีอะไรดีๆมาให้อ่านครับ

จะนำไปปรับปรุงในโอกาสต่อไปครับ

Offline

#9 2006-04-12 21:48:17

godome
สมาชิก
From: ดาดฟ้า
Registered: 2006-03-03
Posts: 6,035

Re: มีอะไรดีๆมาให้อ่านครับ

กำ จบแล้วเหรอ นี่รอโพสต่ออยู่ตั้งนาน - -"


SKN#28 NO.18428 17/05/2004 - 22/02/2010

Offline

#10 2006-04-12 21:48:26

Tangmae*
Suannonweb Team
From: จากเกาะ CJR
Registered: 2005-03-15
Posts: 5,327

Re: มีอะไรดีๆมาให้อ่านครับ

แหมอ่านยาวๆก็ไม่ตายหรอก

ทำให้ค่าเฉลี่ยคนไทยอ่านหนังสือ เพิ่มขึ้นไงหล่ะ

เคยอ่านแล้วอ่ะ แต่ก็อ่านอีก มาซาบซึ้งอ่ะนะ big_smile


Red-Airi.png
โลกของใคร โลกของมัน    Tangmae's เอ็กตีน
ตัดให้ขาดเลยฉับๆ ตัดให้ขาดเลยฉับๆ อย่ามัวเสียดาย ร้องไห้อยู่เลย
SKN ,#28  Generation

Offline

#11 2006-04-12 21:55:22

GunNz~
สมาชิก
Registered: 2005-10-09
Posts: 3,597

Re: มีอะไรดีๆมาให้อ่านครับ

ขอโทษทีให้รอคับ  แต่มันมีแค่นี้อ่ะ 
จะเอาที่คนอื่นมาโพสต์ในลิงค์ด้านบนลงให้ละกัน
มันยาวมากเลยต้องขอโทษด้วยนะครับ
--------------------------------

มีอยู่ครั้งนึงในหลวงเสด็จทางเรือไปกับ พลเรือเอกนายหนึ่ง
ระหว่างทาง ในหลวงทรงถาม นายพลคนนั้นถึงชื่อเกาะ ต่างๆ
ทั้งเป็นภาษาท้องถิ่นและภาษา กลาง ด้วยนายพลคนนั้นไม่ถนัดคำราชาศัพท์
จึงทูลพระองค์ว่า " เกาะนี้ทรงพระนามว่าเกาะ ....." ในหลวงทรงแย้มพระสวรล
แล้วตอบว่า "งั้นเกาะนี้ก็เป็นญาติกะฉันนะซี"
-----------------------------
ขอพระองค์ จงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน

และนี่ก้อคือ จดหมาย ที่ในหลวง ทรงเขียน ถึง พระเทพครับ




> > ลูกพ่อ
> > ในพื้นแผ่นดินนี้
> > ทุกสิ่งเป็นของคู่กันมาโดยตลอดมีความมืดและความสว่างความดีและ ความชั่ว
> > ถ้าให้เลือกในสิ่งที่ตนชอบแล้ว ทุกคนปรารถนาความสว่างปรารถนาความดี
> > ด้วยกันทุกคน
> >

>แต่ความปรารถนานั้นจักสำเร็จลงได้จักต้องมีวิธีที่จักดำเนินให้ไปถึงความสว่างหรือ ความดี นั้น
>ทางที่จักต้องไปให้ถึงความดีก็คือรักผู้อื่น
>เพราะความรักผู้อื่นสามารถแก้ปัญหาได้ทุกปัญหา
>ถ้าให้โลกมีแต่ความสุขและเกิดสันติภาพ ความรักผู้อื่นจักเกิดขึ้นได้
> >
> > พ่อขอบอกลูกดังนี้...
> >
> > 1.ขอให้ลูกมองผู้อื่นว่า เป็นเพื่อนเกิด เพื่อนแก่ เพื่อนเจ็บ เพื่อนตายด้วยกัน
> > ทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่ว่าอดีต...ปัจจุบัน...อนาคต

> > 2. มองโลกในแง่ดี และจะให้ดียิ่งขึ้น ควรมองโลกจากความเป็นจริง อันจักเป็นทางแก้
> > ปัญหาอย่างถูกต้องและเหมาะสม

> > 3.มีความสันโดษ คือ มีความพอใจเป็นพื้นฐานของจิตใจพอใจตามมีตามได้
> > คือได้อย่างไร ก็เอาอย่างนั้น ไม่ยึดติดขอให้คิดว่ามีก็ดี ไม่มีก็ได้ พอใจตามกำลัง
>> คือมีน้อยก็พอใจตามที่ได้น้อย
> > ไม่เป็นอึ่งอ่างพองลมจะเกิดความเดือดร้อนในภายหลังพอใจตามสมควร
> > คือทำงานให้มีความพอใจเหมาะสมแก่งาน ให้ดำรงชีพให้เหมาะสมแก่ฐานะของตน


> > 4. มีความมั่นคงแห่งจิต คือให้มองเห็นโทษของความเกียจคร้านและมองเห็นคุณ
> > ประโยชน์ของความเพียรและเมื่อเกิดสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาให้ภาวนาว่า...มีลาภมียศ
> > สุขทุกข์ปรากฎ สรรเสริญนินทา เสื่อมลาภเสื่อมยศเป็นกฏธรรมดา
> > อย่ามัว โศกานึกว่า ' ชั่งมัน
>'
> >
> > พ่อ 6/10/2547
> >
> >
> > **** ฉันหวังว่า
> > คำสอนพ่อที่ฉันได้ประมวลมานี้จะเกิดประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านที่
> > ได้พบเห็น และลูกอันเป็นที่รักของพ่อทุกคน
> >
> > ฉันรักพ่อฉันจัง
> > สิรินธร
---------------------------------------
เป็นที่ทราบกันดีว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเริ่มเสด็จฯพระราชทานปริญญาบัตรตั้งแต่ปี
พ.ศ.2493
และหลังจากนั้นบัณฑิตทุกคนก็เฝ้ารอที่จะได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์อย่างใจจดใจจ่อ
ภาพถ่ายวันรับพระราชทานปริญญาบัตรกลายเป็นของล้ำค่าที่ต้องประดับไว้ตามบ้านเรือน
และเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของหนุ่มสาวและความภาคภูมิใจของบิดามารดา
จน 29 ปีต่อมามีผู้คำนวณให้ฉุกใจคิดกันว่าพระราชภารกิจในการพระราชทานปริญญาบัตรนั้น
เป็นพระราชภารกิจที่หนักหน่วงไม่น้อย
หนังสือพิมพ์ลงว่าหากเสด็จฯพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง
ประทับครั้งละราว 3 ชม. เท่ากับทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทานใบปริญญาบัตร 470,000 ครั้ง
น้ำหนักปริญญาบัตร ฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมดที่พระราชทานมาแล้ว 141 ตัน
ไม่เพียงเท่านั้น ดร.สุเมธ ตันติเวชกุลยังเล่าเสริมให้เห็น
"ความละเอียดอ่อนในพระราชภารกิจ" ที่ไม่มีใครคาดถึงว่า..
"ไม่ได้พระราชทานเฉย ๆ
ทรงทอดพระเนตรอยู่ตลอดเวลา โบว์หลุดอะไรหลุดพระองค์ท่านทรงผูกโบว์ใหม่ให้เรียบร้อย
บางครั้งเรียงเอกสารไว้หลายวัน ฝุ่นมันจับ พระองค์ท่านก็ทรงปัดออก"
ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้กราบบังคมทูลขอพระราชทานให้ทรงลดการเสด็จฯพระราชทานปริญญาบัตรลงบ้างโดยอาจงดเว้นการพระราชทานปริญญาบัตรในระดับป.ตรี
คงไว้แต่เพียงระดับปริญญาโทขึ้นไป
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกลับมีพระราชกระแสรับสั่งตอบว่า
พระองค์เองเสียเวลายื่นปริญญาบัตรให้บัณฑิตคนละ 6-7 วินาทีนั้น
แต่ผู้ได้รับนั้นมีความสุขเป็นปี ๆ เปรียบกันไม่ได้เลย
ที่สำคัญคือ ทรงเห็นว่าการพระราชทานปริญญาสำหรับผู้สำเร็จป.ตรีนั้นสำคัญ
เพราะบางคนอาจไม่มีโอกาสศึกษาชั้นปริญญาโทและปริญญาเอก
ดังนั้น "จะพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตปริญญาตรีไป จนกว่าจะไม่มีแรง.."
---------------------------------------------------------
นี่ก็เป็น อีกเรื่อง อารมณ์ ขัน ของในหลวง ครับ



ขอพระองค์ทรงพระเจริญค่า

+++

ระยะแรกราวปี พ.ศ.2498 เป็นต้นมา
คราใดที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระราชวังไกลกังวลนั้น
จะทรงขับรถยนต์พระที่นั่งไปยังท้องที่ห่างไกลทุรกันดารย่านหัวหิน หนองพลับแก่งกระจาน ด้วยพระองค์เอง
ทำนองเสด็จประพาสต้นของรัชกาลที่ห้า
โดยที่ราษฎรไม่รู้ตัวล่วงหน้าว่าทรงมาถึงแล้ว
วันหนึ่งทรงขับรถยนต์พระที่นั่งผ่านไปถึงยังบริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านหมู่บ้านห้วยมงคล อำเภอหัวหิน
ซึ่งราษฎรกำลังช่วยกันตบแต่งประดับซุ้มรับเสด็จกันอย่างสนุกสนานครื้นเครง
และไม่คาดคิดว่าเป็นรถยนต์พระที่นั่งส่วนพระองค์
"ต้องให้ในหลวงเสด็จฯก่อนแล้วพรุ่งนี้ถึงจะลอดผ่านซุ้มได้..
วันนี้ห้ามลอดผ่านซุ้มนี้ เพราะขอให้ในหลวงผ่านก่อนนะ.. "
ทรงขับรถพระที่นั่งเบี่ยงข้างทางไม่ลอดซุ้มดังกล่าว
วันรุ่งขึ้นเมื่อทรงขับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในหมู่บ้านนี้อย่างเป็นทางการพร้อมคณะข้าราชบริพารผู้ติดตามและทรงมีพระดำรัสทักทายกับชายผู้นั้นที่เฝ้าอยู่หน้าซุ้มเมื่อวันวานว่า
"วันนี้ฉันเป็นในหลวง..คงผ่านซุ้มนี้ได้แล้วนะ.."
+++
อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสาน
เมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่งที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูลที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน
เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า
"ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่า บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวน พระพุทธเจ้าข้า.."
มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว..
พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า "มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว"
เรื่องนี้ ดร.สุเมธเล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง
+++
มีเรื่องนึงเคยฟังจากผู้ใหญ่เล่าเมื่อนานมาแล้ว
มีช่างไปทำฝ้าเพดานในวัง คนนึงกำลังยืนบนบันได ส่วนหัวอยู่ใต้ฝ้า
อีกคนคอยจับบันไดอยู่ด้านล่าง พอดีในหลวงเสด็จมา
คนที่อยู่ข้างล่างเห็นในหลวงก็ก้มลงกราบ คนอยู่ด้านบนไม่เห็น ก็บอกว่า "เฮ้ย จับดีๆ หน่อยสิ อย่าให้แกว่ง"
ในหลวงทรงจับบันไดให้ เค้าก็บอกว่า "เออ ดีๆ เสร็จงานนี้จะให้เป็นช่างจริง" (สงสัยคงจะเพิ่งเข้ามาทำงานยังไม่ผ่านโปร) พอเสร็จก็ก้าวลง พอเห็นว่าในหลวงเป็นคนจับบันไดให้
ถึงกับเข่าอ่อน จะตกบันได รีบลงมาก้มกราบ
ในหลวงทรงตรัสกับช่างว่า "แหม ดีนะที่ชมว่าใช้ได้ แถมจะปรับตำแหน่งให้เป็นช่างอีกด้วย"

***************************************


เรามีเรื่องเล่าเกี่ยวกับท่านให้เพื่อนๆ ฟังตั้งหลายเรื่อง วันนี้เริ่มเรื่องนี้ก่อนแล้วกันนะ เรื่องมีอยู่ว่า เหตุการณ์เมื่อปี 2513 วันนั้นท่านทรงเสด็จไปหมู่บ้านท้ายดอยจอมหด พร้าว เชียงใหม่ ผู้ใหญ่บ้านลีซอกราบทูลชวนให้ไปแอ่วบ้านเฮา ท่านก็ทรงเสด็จ ตามเขาเข้าไปบ้านซึ่งทำด้วยไม้ไผ่และมุงหญ้าแห้ง เขาเอาที่นอนมาปูสำหรับประทับ แล้วรินเหล้าทำเองใส่ถ้วยที่ไม่ค่อยจะได้ล้างจนมีคราบดำๆ จับ ทางผู้ติดตามรู้สึกเป็นห่วง เพราะปกติไม่ทรงใช้ถ้วยมีคราบ จึงกระซิบทูลว่าควรจะทรงทำท่าเสวย แล้วส่งถ้วยมาพระราชทานผู้ติดตามจัดการเอง แต่ท่านก็ทรงดวดเอง กร้อบเดียวเกลี้ยง ตอนหลังทรงรับสั่งว่า "ไม่เป็นไร แอลกอฮอล์เข้มข้นเชื้อโรคตายหมด" ซึ้งไหมหล่ะ
+++
เคยมีคนเล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งพ่อหลวงทรงเสด็จไปทีตลาดสด ทรงแวะไปเสวยก๋วยเตี๋ยว แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว เห็นก็สงสัย จึงทูลถามท่านว่า
"ทำไมหน้า เหมือนในหลวงจัง?"
ท่านไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้มๆ ทรงจ่ายเงินค่าก๋วยเตี๋ยวแล้วตรัสชมว่าก๋วยเตี๋ยวอร่อย ส่วนแม่ค้ามารู้ที่หลังว่าเป็นท่านก็ได้แต่ปลื้ม
+++

พระองค์ท่านเสด็จไปที่จังหวัดสกลนคร เพื่อเยี่ยมเยียนชาวบ้าน
และพระองค์ก็ทรงตรัสถามชายคนหนึ่งที่มาเข้าเฝ้าเพราะแขนเจ็บเข้าเฝือก
ในหลวงทรงรับสั่งถามว่า "แขนเจ็บไปโดนอะไรมา "
ชายคนนั้นตอบว่า "ตกสะพาน"
แล้วในหลวงทรงรับสั่งกลับไปอีกว่า " แล้วแขนอีกข้างหนึ่งละ "
ชายคนนั้นก็ตอบกลับมาอีกว่า "
แขนข้างนี้ไม่ได้ตกลงไปด้วยตกข้างเดียว"
ในหลวงของเราก็ทรงพระสรวล
+++
พระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรที่ ทางภาคใต้
คือจังหวัดนราธิวาส ทางใต้นี้มีปัญหาเรื่องดินเป็นกรดมีความเค็ม
พระองค์จึงทรงรับสั่งถามกับชาวบ้าน ที่มาเฝ้ารับเสด็จว่า
"ดินหลังบ้านเป็นอย่างไร เค็มไหม " ชาวบ้านก็มองหน้ากันแล้วทำหน้างง
ก่อนตอบกลับมาว่า " ไม่เคยชิมซักที "
ในหลวงก็รับทรงสั่งกับข้าราชบริภารที่ตามเสด็จว่า
"ชาวบ้านแถวนี้เขามีอารมณ์ขันกันดีนะ "
มีเรื่องอีกเรื่อง เกิดขึ้นที่ อ.พร้าว พระองค์ทรงเสด็จเยี่ยมราษฎรเผ่าลีซอ พอจะเสด็จกลับ ผู้เฒ่าคนหนึ่งยื่นถุงห่อข้าวให้ท่าน เกรงว่าท่านจะหิวขณะเดินทาง เป็นน้ำพริกตาแดง กับข้าวเหนียวหนึ่งห่อ พร้อมกับบอกในหลวงว่า "หมู่บ้านเฮามันไกล กว่าเฮาจะเดินเข้าเมืองได้ใช้เวลาหลายวัน กลัวว่าท่านจะหิวกลางทาง" ปลื้มไหมครับ
-------------------------------------------------------------
ต่อไปนี้ เป็นของขวัญ ที่ในหลวง มอบให้คิดครับ


1.อย่าทำลายความหวังของใคร ... เพราะอาจเหลืออยู่แค่นั้น...
2.รู้จักฟังให้ดี ... โอกาสทองบางทีมันก็มาถึงแบบแว่วๆ เท่านั้น...
3.จะคิดการใด ... จงคิดการให้ใหญ่เข้าไว้ ...แต่เติมความสนุกสนานลงไปด้วยเล็กน้อย...
4.หัดทำสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่นจนเป้นนิสัย ..โดยไม่จำเป้นต้องให้เขารับรู้...
5.จำไว้ว่าข่าวทุกชนิดถูกบิดเบือนมาแล้วทั้งนั้น...
6.ใครจะวิจารณ์อย่างไรก็ช่าง... ไม่ต้องเสียเวลาโต้ตอบ...
7.ให้โอกาสผู้อื่นเป็นครั้งที่ "2" แต่อย่าให้ถึง"3"...
8.เราไม่ได้ต่อสู้กับ คนโหดร้าย แต่เราต่อสู้กับ ความโหดร้าย ในตัวคน...
9.เมื่อมีใครสวมกอดคุณ ... ให้เขาเป็นฝ่ายปล่อยก่อน...
10.อย่าไปหวังเลยว่าชีวิตนี้จะมีความยุติธรรม...
11.ประเมินตัวเองด้วยมาตรฐานของตัวเองไม่ใช่มาตรฐานของคนอื่น...
12.คงไว้ซึ่งความเป้นคนเปิดเผย ...อ่อนโยนและอยากรู้อยากเห็น...
13.ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายเพียงใดยสุขุมเยือกเย็นเข้าไว้...
14.อย่าวิจารณ์นายจ้าง ... ถ้าทำงานกับเขาแล้วไม่มีความสุข ก็ลาออกซะ...
15.คำนึงถึงการมีชีวิต "กว้างขวาง" มากกว่าการมีชีวิต "ยืนยาว"...

Offline

#12 2006-04-12 21:57:56

godome
สมาชิก
From: ดาดฟ้า
Registered: 2006-03-03
Posts: 6,035

Re: มีอะไรดีๆมาให้อ่านครับ

แนะนำว่า ให้จองโพสไว้ก่อนนะคับ เด็วโดนคนอื่นปาดหน้า
(ตอนแรกผมปาดไปทีนึงละ แต่ลบไปแล้ว)


SKN#28 NO.18428 17/05/2004 - 22/02/2010

Offline

#13 2006-04-12 22:05:28

GunNz~
สมาชิก
Registered: 2005-10-09
Posts: 3,597

Re: มีอะไรดีๆมาให้อ่านครับ

แหะ ๆ จาเก็บไว้ปรับปรุงคับ
รณรงค์ให้คนไทยอ่านมาก ๆ ครับ  อย่ามัวแต่เล่นเกมนะ เหอะๆ

Offline

Board footer

Powered by FluxBB