You are not logged in.
Pages: 1
เป็นบทความที่ตั้งคำถามว่าการปฏิรูปการศึกษาไทยในปัจจุบันกำลังเดินไปในทางถูกต้องหรือ? และ ความเชื่อของผู้เขียนที่เชื่อว่าแนวทางที่การปฏิรูปการศึกษาควรจะเป็นไปสู่ liberal education (การศึกษาแนวเสรี) ยาวมากแต่อ่านแล้วจะได้คิดกันสักหน่อย
การศึกษาแนวเสรี: เป้าหมายในอุดมคติของการศึกษาไทย?
จาก http://www.onopen.com/2006/editor-spaces/423
- สฤณี อาชวานันทกุล -
วิธียกระดับคุณภาพของการศึกษาไทย เป็นประเด็นหนึ่งที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนานและกว้างขวาง ทั้งในแวดวงนักวิชาการ นักการเมือง ผู้ปกครอง และนิสิตนักศึกษา การประกาศใช้ พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 เพิ่มแรงผลักดันให้การปฏิรูปการศึกษาไทยเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมมากกว่าที่ผ่านมาในอดีต
หากมองอย่างผิวเผิน อาจดูเหมือนแวดวงการศึกษาไทยในปัจจุบันกำลังก้าวหน้า เพราะมีทางเลือกที่หลากหลายกว่าเดิม และหลักสูตรวิชาเฉพาะด้านใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นและทันสมัย ในกรุงเทพ โรงเรียนนานาชาติผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด มหาวิทยาลัยหลายแห่งเปิดหลักสูตรปริญญาที่สอนด้วยภาษาอังกฤษล้วน ค่าเล่าเรียนเรือนแสนของสถาบันเหล่านี้ ยิ่งทำให้ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยถอยห่างจากกันขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อมองดูพฤติกรรมฉาบฉวย ขาดสำนึกทางสังคม และบริโภคนิยมสุดขั้วของลูกหลานชนชั้นกลางส่วนใหญ่ ที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของหลักสูตรแพงๆ เหล่านี้แล้ว ก็น่าคิดว่า การปฏิรูปการศึกษาของเรา กำลังเดินมาถูกทางหรือไม่?
การแจกคอมพิวเตอร์ฟรีให้สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ให้ใช้อินเทอร์เน็ตฟรี มีประโยชน์ขนาดไหน ในเมื่อนักเรียนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เก่งภาษาอังกฤษพอที่จะได้รับประโยชน์จากขุมความรู้แห่งนี้ ซึ่งยังมีเว็บไซต์ภาษาไทยดีๆ จำนวนเพียงเศษเสี้ยวของเว็บไซต์ลามก?
การสอนวิชาต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษล้วน มีประโยชน์ขนาดไหน หากวิชาเหล่านั้นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการ "ถอดความ" เนื้อหาที่ "แย่" อยู่แล้ว (เช่น ล้าหลัง ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นกลาง ฯลฯ) จากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษทั้งดุ้น?
คำขวัญวันเด็กของนายกฯ ปี 2549 ที่ว่า "อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด" มีประโยชน์ขนาดไหน ถ้าเราได้บัณฑิตที่ฉลาดจริง แต่ใช้ความฉลาดนั้นเพียงเพื่อกอบโกยประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง ขยันอ่านขยันคิดแต่ไม่ขยันทำความดี ฉลาดแต่ปลิ้นปล้อนตลบตะแลง เหมือนที่ "ผู้ใหญ่" ผู้มีอำนาจหลายคนกำลังทำตัวเป็นเยี่ยงอย่างอยู่ในขณะนี้?
เราต้องการให้บัณฑิตปริญญาตรีไทยเป็นคนฉลาด เก่งภาษาอังกฤษ มีทักษะความรู้พอที่จะหางานทำ เอาตัวรอดในโลกยุคโลกาภิวัตน์ได้ เท่านั้นเองหรือ?
เราคิดว่ามหาวิทยาลัยต่างๆ มีหน้าที่ "ป้อน" ลูกจ้างที่มีศักยภาพให้กับตลาดแรงงาน เท่านั้นเองหรือ?
ถ้าเป้าหมายของการศึกษาระดับอุดมศึกษามีเพียงแค่นี้ เราจะหา "พลเมืองดี" รุ่นใหม่ ที่มีคุณธรรม มีสำนึกทางสังคม รู้ทันนักการเมืองขี้โกง พร้อมสละเวลามาช่วยวิเคราะห์แก้ไขปัญหาบ้านเมืองเมื่อชาติต้องการ ได้จากที่ไหน?
หรือเราจะโทษแต่พ่อแม่และผู้นำทางศาสนา ว่าอบรมบ่มนิสัยเยาวชนมาไม่ดีพอ โทษสภาพแวดล้อม ค่านิยม และนามธรรมอื่นๆ ที่จับต้องไม่ได้ ว่าทำให้เขาเสียคน หรือโทษตัวเด็กเองว่า ไม่เข้มแข็งพอที่จะทนแรงดึงดูดอันเย้ายวนของลัทธิบริโภคนิยมสุดขั้วได้?
ขอบข่าย "ความรับผิดชอบ" ของสถาบันการศึกษาไทย เริ่มต้นและสิ้นสุดตรงไหน?
ถึงเวลาหรือยังที่สังคมไทยจะเริ่มอภิปรายกันอย่างจริงจังว่า "เป้าหมาย" หรือ "ปรัชญา" ของการศึกษาระดับอุดมศึกษานั้น คืออะไรกันแน่?
ทุกคนรู้ดีว่า ระบบการศึกษาไทยต้องมีการปฏิรูปขนานใหญ่ แต่มีน้อยคนที่เสนอว่า เป้าหมายของการปฏิรูปนั้นคืออะไร รูปแบบของการศึกษาที่เราอยากเห็นนั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไร
ผู้เขียนเชื่อว่า การศึกษาระดับปริญญาตรีในไทย ควรพัฒนาไปสู่เป้าหมายที่ฝรั่งเรียกว่า liberal arts education หรือเรียกสั้นๆ ว่า liberal education ซึ่งในที่นี้จะขอแปลว่า "การศึกษาแนวเสรี"
บทความนี้แบ่งเป็นสามตอน ตามลำดับความคิดดังนี้:
1) การศึกษาแนวเสรีคืออะไร?
2) เป้าหมายสูงสุดของการศึกษาแนวเสรี: ทักษะในการคิด คุณธรรมที่มั่นคง และวุฒิภาวะทางอารมณ์
3) จุดเริ่มต้นของการศึกษาแนวเสรีในไทย
……
1) การศึกษาแนวเสรีคืออะไร?
การศึกษาแนวเสรี คือปรัชญาการศึกษาระดับอุดมศึกษาปรัชญาหนึ่ง ที่มีอิทธิพลครอบงำมหาวิทยาลัยเก่าแก่ชื่อดังของอเมริกาหลายแห่ง ปรัชญานี้ตั้งอยู่บนความเชื่อที่ว่า นอกเหนือจากวิชาเฉพาะด้านที่เลือกเรียน นักศึกษาปริญญาตรีควรได้รับความรู้เบื้องต้นในสาขาวิชาพื้นฐานต่างๆ ที่หลากหลาย ครอบคลุม ตลอดจนมีความสนใจ เข้าใจ และนับถือใน วิธีคิด ของแต่ละสาขาวิชาเหล่านั้น เพื่อให้สามารถคิดได้อย่าง "บูรณาการ" คือสามารถนำความรู้จากสาขาวิชาอื่น มาประยุกต์ใช้ในสาขาที่ตนมีความชำนาญ
ในความหมายของปรัชญานี้ "liberal arts" ไม่ได้หมายความเฉพาะวิชาด้าน "ศิลปศาสตร์" ดังคำแปลปกติของศัพท์คำนี้ในภาษาไทย แต่มีความหมายครอบคลุมวิชาด้านวิทยาศาสตร์ และสังคมศาสตร์ด้วย ซึ่งเป็นแนวคิดที่สะท้อนข้อเท็จจริงว่า "วิทยาศาสตร์" และ "ศิลปศาสตร์" นั้น ไม่สามารถแยกจากกันได้โดยเด็ดขาด โดยเฉพาะในโลกปัจจุบันอันซับซ้อน ที่ต้องอาศัยความรู้ และความเชี่ยวชาญหลายแขนงประกอบกัน ในการเข้าถึงสัจธรรมที่เป็นองค์รวม แก้ไขปัญหา และคิดค้นกระบวนการพัฒนาโลก ทั้งในมิติด้านวัตถุ และมิติด้านจิตใจ
หากมองอย่างผิวเผิน มหาวิทยาลัยของอเมริกาส่วนใหญ่ดูไม่ต่างกันมาก เพราะแต่ละแห่งก็บังคับให้นักศึกษาเรียน "วิชาบังคับ" จำนวนหนึ่ง ควบคู่ไปกับวิชาอื่นๆ ในภาควิชาที่ตนเลือก แต่ในความเป็นจริงแล้ว มหาวิทยาลัยที่ขับเคลื่อนโดยปรัชญาการศึกษาแนวเสรีอย่างเข้มข้น แตกต่างจากมหาวิทยาลัยที่ขับเคลื่อนโดยปรัชญาการศึกษาอื่นเป็นหลัก (ซึ่งในที่นี้จะนิยามว่า "การศึกษาแนววิชาชีพ" คือการศึกษากระแสหลัก ที่มุ่งเน้นการพัฒนาความรู้ในสาขาวิชาต่างๆ เพื่อสนองความต้องการของตลาดแรงงาน) หลายประการด้วยกัน เช่น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) ที่อนุรักษ์ปรัชญาการศึกษาแนวเสรีอย่างเหนียวแน่น ไม่อนุญาตให้นักศึกษาปริญญาตรี เลือกเรียนเอกในสาขาที่ถือว่าเป็น "วิชาชีพ" โดยตรง ดังนั้นนักศึกษาที่รู้อยู่แล้วว่าตัวเองต้องการประกอบอาชีพอะไรหลังรับปริญญา จึงจำต้องเลือกเอกในสาขา "วิชาการ" ที่ใกล้เคียงที่สุดกับอาชีพเป้าหมายแทน เช่น ใครอยากเป็นหมอก็ต้องเอกชีวเคมี (biochemistry) อยากเป็นนักการเงินก็ต้องเอกเศรษฐศาสตร์ และถ้าอยากเป็นทนาย ก็ต้องเอกรัฐศาสตร์ (government) แทน
หลักสูตรการศึกษาแนวเสรีของฮาร์วาร์ด – ซึ่งวิชาทั้งหมดคิดเป็นหนึ่งในสี่ของหน่วยกิตทั้งหมดที่นักศึกษาต้องเรียนก่อนจบปริญญาตรี – เรียกรวมๆ ว่า "Core Program" มีเป้าหมายที่อธิบายไว้ในเว็บไซต์ Core Program ดังนี้:
"ปรัชญาของหลักสูตร Core ของเรา ตั้งอยู่บนความเชื่อว่า บัณฑิตปริญญาตรีจากฮาร์วาร์ดทุกคนควรได้รับการศึกษาในมุมกว้าง ควบคู่ไปกับความชำนาญเฉพาะด้านทางวิชาการสาขาใดสาขาหนึ่ง ปรัชญานี้ตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ว่า นักศึกษาทุกคนควรได้รับคำชี้แนะในการบรรลุเป้าหมายนี้ และคณาจารย์มีหน้าที่นำพวกเขาไปสู่ความรู้ ทักษะทางปัญญา และนิสัยทางความคิดที่เป็นคุณลักษณะของชายหญิงผู้มีการศึกษาทุกคน ...แต่หลักสูตร Core ของเรา แตกต่างจากโปรแกรมการศึกษาทั่วไปที่อื่น ตรงที่เรามิได้กำหนดขอบเขตทางวิชาการไว้ที่ความรอบรู้เรื่องวรรณกรรมอมตะชุดใดชุดหนึ่ง ความรู้ลึกซึ้งด้านใดด้านหนึ่ง หรือแม้แต่ความรู้รอบตัวทันสมัยในบางสาขาวิชา แต่เราต้องการแนะนำกระบวนการค้นหาความรู้ ในสาขาวิชาที่เราเชื่อว่าขาดไม่ได้สำหรับการศึกษาระดับปริญญาตรี หลักสูตรนี้ต้องการแสดงให้นักศึกษาเห็นว่า มีความรู้ และวิธีการสืบค้นความรู้แบบใดบ้าง ในสาขาวิชาเหล่านี้ ตลอดจนชี้ให้เห็นวิธีการวิเคราะห์ ประโยชน์ และคุณค่าของแต่ละวิธี คอร์สต่างๆ ในแต่ละสาขาของหลักสูตรนี้ "เหมือนกัน" ตรงที่เน้นให้เข้าใจมุมมองและวิธีคิด แม้ว่าหัวข้อจะแตกต่างกัน"
ปรัชญาของการศึกษาแนวเสรี สะท้อนให้เห็นเป็นรูปธรรมในการออกแบบคอร์สต่างๆ ใน Core Program ของฮาร์วาร์ด ซึ่งปัจจุบันบังคับให้นักศึกษาเรียนอย่างน้อยหนึ่งคอร์ส ในแต่ละสาขาต่อไปนี้:
– วัฒนธรรมต่างชาติ (Foreign Cultures) – ประวัติศาสตร์ศึกษา (Historical Study) – วรรณกรรมและศิลปะ (Literature and Arts) – การใช้เหตุผลเชิงคุณธรรม (Moral Reasoning) – การใช้เหตุผลเชิงตัวเลข (Quantitative Reasoning) – วิทยาศาสตร์ (Science) – สังคมวิทยา (Social Analysis)
คอร์สที่บรรจุอยู่ใน Core Program ของฮาร์วาร์ดส่วนใหญ่ ไม่ได้เป็น "วิชาพื้นฐาน" เช่น ประวัติศาสตร์โลก 101 หรือ วรรณกรรม 101 หรือ ศิลปะ 101 แบบที่นักเรียนไทยคุ้นเคย แต่เป็นวิชาเกี่ยวกับหัวข้อหรือประเด็นแคบๆ เช่น "ฟลอเรนซ์สมัยเรอเนสซองส์" หรือ "แนวคิดเรื่องฮีโร่ในวรรณกรรมกรีกโบราณ" หรือ "สถาปนิกเอก แฟรงค์ ลอยด์ ไรท์" คอร์สเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้น่าติดตาม สอนโดยอาจารย์ที่เก่งที่สุดของภาควิชาต่างๆ เปรียบเสมือนเป็น "คอร์สแม่เหล็ก" ดึงดูดให้นักศึกษาใหม่เลือกเรียนเอกในภาควิชาของตน
นอกจากนี้ Core Program ยังเป็น "พื้นที่แนวร่วม" ให้อาจารย์ต่างสาขา ต่างคณะ มาร่วมสอนนักเรียนด้วยกันแบบ "บูรณาการ" เพื่อชี้ให้เห็นวิธีมองประเด็นต่างๆ จากมุมมองของแต่ละสาขา คอร์สแบบนี้ส่วนใหญ่ได้รับความนิยมมาก อาทิเช่น คอร์ส Core ชื่อ "Thinking about Thinking" ("คิดเกี่ยวกับคิด") สอนพร้อมกันโดยอาจารย์สามคนจากสามภาควิชา ได้แก่ กฎหมาย วิทยาศาสตร์ และเทววิทยา (theology) มุ่งเน้นการตีกรอบ ให้นิยามคำว่า "ผู้เชี่ยวชาญ" และ "ความจริง" ในแต่ละสาขา ตลอดจนกระบวนการต่างๆ สาขาเหล่านี้ใช้ค้นหาความจริงเหล่านั้น สไตล์การสอนของคอร์สนี้คือ ในแต่ละวันอาจารย์สามคนจะหยิบยกประเด็นขึ้นมาถกกันหนึ่งเรื่อง เช่น ความยุติธรรม ความเป็นตัวของตัวเองของมนุษย์ การแสดงความเห็นต่างของพลเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล และความน่าจะเป็น ฯลฯ กว่าคอร์สนี้จะจบ นักศึกษาไม่เพียงแต่จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีคิดของนักคิดในสามสาขานี้เท่านั้น แต่ยังได้รับความรู้เกี่ยวกับประเด็นสำคัญต่างๆ ในโลก ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากนักวิชาการหลากหลายสาขา ในการสำรวจ วิเคราะห์ และอภิปรายเพื่อพัฒนาสังคมมนุษย์
……
Offline
ยาวมากไม่พอข้อความเดียว
......
2) เป้าหมายสูงสุดของการศึกษาแนวเสรี: ทักษะในการคิด คุณธรรมที่มั่นคง และวุฒิภาวะทางอารมณ์
เพราะวิธีปฏิบัติของปรัชญาการศึกษาแนวเสรีคือการบังคับให้นักศึกษาเรียนคอร์สต่างๆ ที่มหาวิทยาลัยเชื่อว่า จะช่วยให้พวกเขามี "...ความรู้ ทักษะทางปัญญา และนิสัยทางความคิด" ในภาษาของฮาร์วาร์ด เป้าหมายของการศึกษาแนวเสรี จึงเป็นได้มากกว่า – และ ควรเป็น มากกว่า – การศึกษาแนววิชาชีพ
กล่าวคือ ถ้าเราคิดว่านักศึกษาควรมีคุณสมบัติอื่น นอกเหนือจากทักษะการใช้เหตุผล เช่น คุณธรรมหรือศีลธรรม และวุฒิภาวะทางอารมณ์ เราก็ควรรวมคุณสมบัติเหล่านี้เข้าเป็น "เป้าหมาย" ของการศึกษาแนวเสรี และออกแบบหลักสูตรมาให้สอดคล้องกับเป้าหมายนี้
การ "ขยาย" ขอบเขตของเป้าหมาย และโครงสร้างหลักสูตรการศึกษาแนวเสรีไปในแนวนี้ จะไม่กระทบกระเทือนหลักสูตรการศึกษาแนววิชาชีพ ซึ่งเป็นส่วนของ "วิชาเอก" ที่นักศึกษาต้องเรียนอยู่แล้วก่อนจบปริญญา
หากเป้าหมายของหลักสูตรการศึกษาแนววิชาชีพ (สามในสี่ของหน่วยกิตทั้งหมด) คือการผลิต "ผู้เชี่ยวชาญที่มีศักยภาพ" ในสาขาต่างๆ เพื่อสนองความต้องการของตลาดแรงงาน เป้าหมายของหลักสูตรการศึกษาแนวเสรี (หนึ่งในสี่ของหน่วยกิตทั้งหมด) ควรเป็นการผลิต "ปัญญาชนผู้ทรงคุณธรรม" เพื่อสนองความต้องการของสังคมและโลก ซึ่งกำลังถูกกลบด้วยเสียงเรียกร้องที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ของตลาดแรงงาน
เพราะ "ผู้เชี่ยวชาญที่มีศักยภาพ" และ "ปัญญาชนผู้ทรงคุณธรรม" นั้น ควรเป็นคุณสมบัติของคนคนเดียวกัน ไม่เช่นนั้นสังคมก็จะมีแต่ผู้เชี่ยวชาญที่ไร้คุณธรรม ใช้ความฉลาดและความรู้เพื่อรักษาและเพิ่มพูนผลประโยชน์ของตัวเองถ่ายเดียว
ดังนั้น คอร์สที่บรรจุเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรการศึกษาแนวเสรี จึงไม่ควรเป็นแค่ "วิชาเบื้องต้น" ของภาควิชาต่างๆ เท่านั้น หากควรถูกออกแบบมาอย่างประณีต เฉพาะเจาะจง และคำนึงถึงมิติด้านคุณธรรม และอารมณ์เป็นสำคัญ ตัวอย่างเช่น คอร์สสาขา Moral Reasoning ใน Core Program ของฮาร์วาร์ด เป็นตัวอย่างของความพยายามให้นักศึกษามองเห็นมุมมองด้านศีลธรรม ในการดำรงชีวิตประจำวัน ในขณะที่คอร์สสาขา Foreign Cultures พยายามสอนให้นักศึกษามองเห็น เข้าใจ และนับถือแนวคิดและคุณค่าต่างๆ ในวัฒนธรรมที่ต่างจากพื้นเพของตน
หลักสูตรการศึกษาแนวเสรีที่ดี ไม่ควรพยายาม "บังคับ" ให้คนเป็นคน "ดี" ในกรอบที่อาจารย์หรือสังคมตีความ (เช่น ด้วยการบังคับให้จำว่าศีล ๕ มีอะไรบ้าง ฯลฯ) แต่เน้นที่หลักเหตุผล และบริบทของประเด็นทางคุณธรรมมากกว่า ว่าทำไมมุมมองนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ เช่นเดียวกับที่ไม่ควรบังคับให้นักศึกษาท่องจำปีที่เกิดเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในประวัติศาสตร์ แต่เน้นการอภิปรายเรื่องบริบท เหตุผล และประเด็นต่างๆ ในเหตุการณ์เหล่านั้นแทน
ซึ่งแน่นอน ก่อนที่เราจะสอนแบบนี้ได้ สังคมไทยและสถาบันการศึกษาเองจะต้องเลิก "ยึดติด" อยู่กับแบบแผนการสอนในอดีต ซึ่งสอนเพียง "ประวัติศาสตร์กษัตริย์ไทย" ในฐานะ "ความจริงตายตัว" ที่ไม่อนุญาตให้ใครซักถามหรือตีความ ไม่ใช่ "ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ต่างๆ ที่อาศัยในขอบเขตประเทศไทย" อย่างที่วิชาประวัติศาสตร์ควรจะเป็น
การปฏิรูปการศึกษาไทยทั้งระบบโดยใช้ปรัชญาการศึกษาแนวเสรีเป็นหลัก น่าจะเป็นเรื่องเร่งด่วนและจำเป็นมาก เพราะคนรุ่นใหม่กำลังเป็นปัจเจกชนเต็มขั้นที่ไร้ซึ่งสำนึกทางสังคม และสิ่งที่เสกสรรค์ ประเสริฐกุล เรียกว่า "สำนึกทางประวัติศาสตร์" ในหนังสือชื่อเดียวกัน ดังที่ กิตติพงศ์ สนธิสัมพันธ์ สรุปความ ไว้ดังต่อไปนี้:
"...เสกสรรค์เน้นว่าแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ผ่านมาทั้งหมด ส่งผลสำคัญต่อความเสื่อมทรุดทางจิตวิญญาณของคนไทย โดยปรากฏชัดเจนในหมู่ลูกหลานคนชั้นกลาง ซึ่งสะท้อนว่าการได้เปรียบในเชิงโครงสร้างไม่ได้ช่วยให้มนุษย์วิวัฒน์ไปสู่ขั้นตอนที่สูงขึ้นในด้านจิตใจและจิตวิญญาณเสมอไป เขาเชื่อว่า การเสื่อมสลายของจินตภาพในเรื่อง 'ส่วนรวม' ของสังคม ซึ่งเคยประกอบขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนรุ่นเก่า ทำให้คนหนุ่มสาวรุ่นปัจจุบันเลิกยึดถือในเรื่องผิดถูก และการมีชีวิตรวมหมู่ไม่ว่าจะในสังกัดไหน ๆ รวมทั้งจงใจเพิกเฉยต่อสำนึกทางประวัติศาสตร์ เพราะไม่เห็นทั้งคุณค่าและความสำคัญ
"สุดท้าย การไม่มีสำนึกทางประวัติศาสตร์ทำให้เราไม่มีจุดหมายทางยุทธศาสตร์สำหรับขับเคลื่อนสังคมที่ตนเองสังกัด หากจะมีก็แค่กลยุทธ์ในการค้นหาความอยู่รอดไปวันๆ"
เสกสรรค์เห็นว่า การพัฒนาประเทศที่ผ่านมากระตุ้นให้คนเรายึดติดกับเปลือกนอกของชีวิตมากเกินไป เราแยกการศึกษาออกจากคุณธรรม และตัดขาดมิติทางด้านจิตวิญญาณออกจากวิถีชีวิตอย่างสิ้นเชิง"
ประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศเดียว ที่อุดมการณ์ของแวดวงการศึกษากำลังถูกกัดกร่อนด้วยผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ แอนดรูว์ ครักกี้ (Andrew Chrucky) อาจารย์ปรัชญา มหาวิทยาลัยชิคาโก เขียนบทความเรื่อง "เป้าหมายของการศึกษาแนวเสรี" ซึ่งนอกจากจะตีแผ่ปัญหาที่เขามองเห็นในอุดมศึกษาอเมริกาแล้ว ยังเรียบเรียงเหตุผลที่ชัดเจนเป็นลำดับว่า เหตุใดการศึกษาแนวเสรี ควรส่งเสริมให้นักศึกษามีคุณธรรมและวุฒิภาวะทางอารมณ์ นอกเหนือจากทักษะทางความคิด
……
Offline
Pages: 1