Suannon Board

You are not logged in.

#1 2007-01-12 21:28:34

GH204
สมาชิก
Registered: 2006-01-24
Posts: 96

อาหาร...สมอง

big_smile:D:D
เคล็ดลับวิธีทำงานให้สนุก 4 วิธี
คนเราส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบันมักจะไม่ได้ทำงานในสิ่งที่ตนอยากจะทำจริง ๆ

แต่กลับต้องทำงานที่ใจไม่รัก ไม่ชอบ ที่ต้องจำใจทำก็เพราะไม่มีทางเลือก ด้วยเหตุจำเป็นที่จะต้องหารายได้มาเลี้ยงชีวิตและครอบครัว เพราะขืนมัวแต่เลือกงานเดี๋ยวได้อดตายกันพอดี ก็เลยต้องทนทำงานกันต่อไป

การงานบางอย่างต้องทำซ้ำๆซากๆ จำเจน่าเบื่อหน่าย

การงานบางอย่างก็ช่างดูน่าต่ำต้อย เฮ้อ..จะไม่ทำก็ไม่ได้เดี๋ยวไม่มีเงินใช้ จะทำอย่างไรดีหนอ..

หากท่านพบกับปัญหาทำนองนี้ขอเชิญอ่านเคล็ดลับวิธีทำงานให้สนุก 4 วิธี

ที่ท่านอาจจะสามารถนำไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของท่านได้ ดังต่อไปนี้






1. มองให้เห็นคุณค่าของงาน

การงานทุกอย่างถ้าไม่ใช่อาชีพทุจริต ล้วนแต่มีคุณค่าแฝงอยู่ในการงานทั้งนั้น ดังนั้นขอเพียงแต่คุณรู้จักมองให้เห็นคุณค่าของมัน

แล้วสร้างความประทับใจในงานที่คุณทำอย่างสุดซึ้ง

ความรักความประทับใจในการงานของคุณนี้เอง ที่จะเป็นพลังใจทำให้คุณสามารถต่อสู้งานที่ยากลำบาก หรือ น่าเบื่อหน่ายต่อไปได้

ย้ำอีกคร้งว่า

ขอให้คุณสร้างความภูมิใจในสิ่งที่คุณทำ คือ มีความมั่นใจในงานที่คุณทำว่าเป็นงานที่มีคุณค่า ความรักความมั่นใจในสิ่งที่คุณทำนั่นแหละครับ ที่จะเป็นพลังใจสำคัญทำให้คุณทำงานของคุณอย่างมีความสุข

.

สรุปอีกทีคือ มองให้เห็นคุณค่าในงานที่คุณทำอยู่ว่า

ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลต่อใคร ทำประโยชน์ให้แก่ใครได้บ้าง คิดให้ได้อย่างนี้แล้วสร้างความภูมิใจ ความมั่นใจในการงานของตนเอง

ชีวิตการทำงานของคุณก็จะมีความสุขมากขึ้นเป็นกองเลยทีเดียวครับ






2. กระตือรือร้นอยู่เสมอ

สร้างอริยาบถของคุณให้มีกระชุ่มกระชวยมีชีวิตชีวา ทำให้ติดจนเป็นนิสัย คุณก็จะพลอยมีความกระตือรือร้นในการทำงานไปด้วย

ความรู้สึกกระตือรือร้นนี้เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาได้ครับ เวลาที่คุณอยู่คนเดียวในห้อง ให้คุณลองทำดูเล่น ๆ ก็ได้

.

คือ คุณลองทำโน่นทำนี่อย่างเนือย ๆ เฉื่อยแฉะสัก 5 นาที

จากนั้นให้เปลี่ยนบุคลิกใหม่คราวนี้ลองทำอะไรต่ออะไรด้วยท่าทีกระฉับเฉงว่องไวดูสัก 5 นาที ลองเปรียบเทียบดูสิครับ คุณจะพบว่าความรู้สึกมันต่างกันลิบลับเลยเดียว

คนที่มีความรู้สึกกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา

ทำอะไรมันก็ดูน่าสนุกไปหมด ดังนั้นในแต่ละวัน หากคุณลองทำตัวให้เป็นคนที่กระตือรือร้นขึ้นมาสักวันละครึ่งชั่วโมงกับการงานอะไรก็ได้






ให้คุณลองตั้งกติกากับตัวเอง ว่า คุณจะเป็นคนActive วันละครึ่งชั่วโมง

ดูสิว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ในที่สุดคุณจะพบด้วยตัวของคุณเองว่า ทุก ๆ วันที่คุณฝึกทำงานอย่างว่องไวตื่นตัวอยู่เสมอ ความกระตือรือร้นของคุณมันจะค่อย ๆ ขยายตัวออกไป สู่กิจกรรมอื่นมากขึ้นเรื่อย ๆ

จนในที่สุด

มันก็จะกลายเป็นบุคลิกใหม่ของคุณอย่างถาวร คือเป็นคนทำงานอย่าง สนุกสนานมีชีวิตชีวาด้วยความกระตือรือร้นนั่นเอง

.

3.ฝึกสมาธิกับการงาน

การงานบางอย่างมันก็ดูน่าเบื่อน่าเซ็ง จริงๆเสียด้วย มันจะไม่น่าเบื่อได้อย่างไร ก็ต้องทำซ้ำ ทำซาก หาความหมายอะไรไม่ได้เลย

ทำไปเบื่อไปเมื่อใดจะเลิกงานเสียที

ถ้าใครคิดอย่างนี้นาน ๆ จะพาลเป็น โรคประสาท เพราะจิตใจไม่มีความสุขกับการทำงาน ต้องฝืนใจทำไปวัน ๆ

.

ใครพบกับสถานการณ์เช่นนี้ ก็ให้ใช้วิธีนี้สิครับ

คือฉวยโอกาสฝึกสมาธิกับงานเสียเลยเป็นอย่างไร คือได้ทั้งความสงบใจ และได้ทั้งผลของงาน การทำสมาธิกับการทำงานอาจจะใช้วิธีง่าย ๆ

ด้วยการกำหนดรู้อริยาบถ คือแต่ละขั้นตอนของการเคลื่อนไหวร่างกาย ให้มีสติติดตามทันไปในทุกอริยาบถ

โดยก่อนที่เราจะเริ่มทำงาน

ให้มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าเราจะไม่คิดอะไรนอกเรื่องนอกราวในขณะทำงาน แต่จะใช้ความคิดมากำหนดการเคลื่อนไหวทุกอริยาบถ

เพื่อให้จิตเกิดเป็นสมาธิ มันจะได้เกิดความปีติสุขในขณะทำงาน วิธีทำก็ไม่ยาก ลองดูสิครับ

สรุปง่าย ๆว่า

ถ้าคุณรู้จักทำสมาธิในขณะทำงาน ก็เหมือนกับว่าคุณได้ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็นในขณะทำงานเลยทีเดียวครับ






สนุกกับการทดลองปรับปรุงคุณภาพของงาน

การงานทุกอย่างมีเรื่องท้าทายอยู่ในตัวของมันเองเสมอว่า คุณจะสามารถปรับปรุงให้มันมีคุณภาพดีขึ้นได้หรือไม่ ดังนั้นในแต่ละวันที่คุณมาทำงาน

คุณอาจสนุกกับการเฟ้นหาปัญหาในที่ทำงานนำมาลองฝึกคิดแก้ไขดู

.

คิดเสียว่าเป็นการท้าทายสติปัญญาของคุณว่า

คุณสามารถจะทำได้หรือไม่ อาทิเช่น ทำอย่างไรถึงจะประหยัดทรัพยากร ประหยัดเวลา หรือ ทำอย่างไรผลผลิตจึงจะเพิ่มมากขึ้น

หรือ ทำอย่างไรจึงจะวางแผนงานให้เป็นลำดับไม่ลัดขั้นตอน ฯลฯ

.

ลองทำเรื่องเหล่านี้ให้มันดูน่าสนุก

เหมือนกับเล่นเกมประเภทฝึกสมองลองปัญญาอะไรทำนองนั้น

สรุปอีกครั้ง

คือให้หาเรื่องมาท้าทายสมอง มองหาปัญหาให้เจอแล้วคิดแก้ไขปรับปรุง ถ้าทำได้อย่างนี้ทุกวัน การงานมันก็จะไม่น่าเบื่ออย่างแน่นอนครับ แถมยังฉลาดขึ้นทุกวันอีกต่างหาก


ใส่รูปไว้ที่ลายเช็นทำไงอ่ะ

Offline

#2 2007-01-12 21:29:40

GH204
สมาชิก
Registered: 2006-01-24
Posts: 96

Re: อาหาร...สมอง

10 ข้อคิดเพื่อเติมคุณค่าให้ชีวิต

1. จริงอยู่ ที่มิตรภาพความเป็นเพื่อนไม่มีวันหมด แต่คุณอาจลืมไปว่ามันเปลี่ยนแปลงได้

2. เมื่อคุณตระหนักว่า ไม่มีใครช่วยคุณ ในเวลาที่คุณมีความทุกข์ไม่มีใครดีใจอย่างจริงใจกับคุณ ยามเมื่อคุณมีความสุขเมื่อนั้นคุณเรียนรู้ที่จะหาเพื่อนแท้ให้กับชีวิตคุณได้แล้ว

3. อดีตเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ปล่อยความเจ็บปวดความทรมานที่ได้ประสบผ่านไปกับอดีตด้วย

4. อย่าละเลยและเพิกเฉยต่อคนที่คุณชอบพอเพราะมัวคิดว่าปล่อยให้ความสัมพันธิ์ดำเนินต่อไปเรื่อยๆชีวิตคนเราแสนสั้นนะคุณ จะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้

5. คุณไม่ได้ตายจากความเจ็บปวดในชีวิตที่ผ่านมาแต่มันทำให้คุณเข้มแข็งขึ้น

6. อย่าให้ชีวิตขึ้นกับคนอื่น เพื่อทำให้คุณมีความสุข

7. ชีวิตแต่งงานและครอบครัว เป็นเรื่องที่สำคัญจงอย่ารีบร้อนในการตัดสินใจ

8. แสดงความชื่นชมกับคนที่คุณรักและห่วงใย ในทุก ๆ วันไม่ใช่แค่วันหยุดหรือวันเกิด

9. ผู้คนผ่านเข้ามาในชีวิตของคุณ ทั้งด้วยเหตุผลและด้วยโอกาสซึ่งนำพาทั้งความสุขและบทเรียนมาให้คุณ

10. เมื่อใดก็ตามที่ผิดหวัง จงมองโลกในแง่ดีเข้าไว้


ใส่รูปไว้ที่ลายเช็นทำไงอ่ะ

Offline

#3 2007-01-12 21:31:00

GH204
สมาชิก
Registered: 2006-01-24
Posts: 96

Re: อาหาร...สมอง

แบบทดสอบ "สุภาพบุรุษในฝัน" นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นคู่มือสำหรับคุณสุภาพสตรี

ใช้ตรวจสอบคุณสุภาพบุรุษทั้งหลายที่รู้จักใกล้ชิด ว่าใครที่จะมีคุณสมบัติดีที่สุดที่จะเป็นคู่ครองที่ดีในอนาคต โดยใช้วิธีให้คะแนนเต็มสิบ

กติกามีอยู่ว่า

เราจะกำหนดคุณสมบัติ ๑๐ ข้อให้คุณสุภาพสตรีช่วยตรวจสอบว่า คุณสุภาพบุรุษหลาย ๆ ท่านที่คุณรู้จักจะได้คุณสมบัติครบทั้ง ๑๐ ข้อหรือไม่





คุณสมบัติทั้ง ๑๐ ข้อนี้คัดมาจากคำพรรณนาคุณสมบัติชายในอุดมคติ

ของเทพธิดาชาวพุทธท่านหนึ่งในนิทานชาดก เรื่องสิริกาฬกัณณิชาดกจากพระไตรปิฎกชาดกเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นคู่มือที่ดีในการเลือกชายคู่ครองตามหลักพุทธศาสนา

ไม่ใช่เพียงมองกันแค่ ความหล่อ กับ ความรวย เท่านั้น)

ท่านว่าหากสตรีใดได้ชายที่มีคุณสมบัติครบ ๑๐ ข้อนี้ไว้เป็นคู่ครองสตรีนั้นย่อมจะมีชีวิตคู่ที่มีความสุขไปตลอดกาลนาน
สำหรับยุคสมัยนี้คุณผู้หญิงคงไม่ต้องไปคาดหวังว่า

จะได้พบชายใดที่มีคุณสมบัติครบ๑๐ ข้อหรอกครับ แค่เกินครึ่งนี่ก็ถือว่าน่าพิจารณาได้แล้ว..อะแฮ่มแต่ถ้าได้เกือบเต็มก็จะดีมาก

คิดว่าสมัยนี้น่าจะยังคงมีหลงเหลืออยู่นะครับ

อย่างแถว ๆเครือข่ายชาวพุทธฯนี้ก็เห็นมีอยู่หลายคนนะครับ ฮิฮิ.. เอาละครับมาเล่นเกมกันดีกว่า
กติกา

๑.ให้สังเกตเฉพาะบุรุษที่เรารู้จักนิสัยใจคอดีแล้วเท่านั้นเช่น เพื่อนร่วมงาน คนข้างบ้าน ฯลฯ ไม่นับดารา หรือ นักร้องเพราะนั่นเรารู้จักแค่ผิว ๆเผิน ๆนะจ๊ะ

๒.คุณสมบัติข้อใดที่เห็นได้ชัดเจนว่ามีอยู่จริงให้คะแนน ๑คะแนน คุณสมบัติข้อ
ใด สังเกตแล้วเห็นว่าไม่มี หรือ มีนิสัยตรงกันข้าม ให้ ๐คะแนน

๓.ให้คะแนนครบทุกข้อแล้วรวบรวมคะแนนเก็บไว้ดูเล่นเป็นสถิติส่วนตัว ไม่บอกใครฮิฮิ

๔.เกมนี้นอกจากจะฝึกการสังเกตแล้วยังเป็นการฝึกนิสัยให้รู้จักเลือกคบหาแต่คนที่ดี ๆต่อไปในภายหน้าจะได้ไม่น้ำตาเช็ดหัวเข่านะจ้ะ

๕.หากวันดีคืนดีเกิดไปเจอใครได้๑๐ คะแนนเต็มช่วยเขียนมาเล่าให้ฟังบ้างเด้อ..!
คุณสมบัติของสุภาพบุรุษที่ดีทั้ง ๑๐ ประการมีดังต่อไปนี้

๑.รักงาน ขยันขันแข็ง

วิธีสังเกตเขาสนุกกับการทำงานหรือเปล่า เป็นคนสู้ชีวิตไหม เคยบ่นร้อนบ่นหนาว หรือบ่นท้อใจให้เราได้ยินหรือไม่

๒.ใจดี มีเมตตา ไม่โกรธง่าย

วิธีสังเกตอารมณ์ดีเสมอหรือไม่ เวลาเขาเจออะไรที่ขัดใจเขาแสดงอาการโกรธหรือเปล่า ใครพูดขัดคอ เขาโกรธหรือไม่เป็นต้น

๓.เป็นเพื่อนคู่คิดสำหรับทุก ๆ คน
วิธีสังเกตเขาเป็นเพื่อนที่ปรึกษาที่ดีของทุก ๆ คนหรือเปล่า เขาเป็นคนรับฟังเข้าอกเข้าใจคนอื่นหรือเปล่า

๔.เป็นคนเสียสละ
วิธีสังเกตในยามที่มีสถานการณ์เฉพาะหน้าอะไรบางอย่างที่ต้องการคนที่เสียสละเขาเคยแสดงตัวอย่าง ของความเสียสละให้เราเห็นหรือเปล่า

๕.ใจซื่อมือสะอาด
วิธีสังเกตเขามีอาชีพทุจริตอะไรหรือเปล่า เขาเป็นคนรักความถูกต้องไม่ชอบการคดโกงหรือไม่

๖.ไม่เป็นคนโอ้อวด
วิธีสังเกตเขาเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตัวหรือเปล่า ชอบอวดเก่ง อวดรวยหรือ อวดโก้เก๋ หรือไม่

๗.ชอบช่วยเหลือผู้อื่น
วิธีสังเกตเขาเป็นคนกระตือรือร้นชอบช่วยเหลือผู้อื่น โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชังหรือเปล่า

๘.พูดจาสุภาพอ่อนโยน
วิธีสังเกตเขาเป็นคนพูดจาสุภาพกับทุก ๆ คนหรือเปล่าเขามีความอ่อนโยนให้เกียรติต่อสุภาพสตรีหรือไม่

๙.จดจำคุณความดีของผู้อื่น ไม่เคยลืม
วิธีสังเกตเขาเคยพูดถึงคุณความดีของคนอื่น ๆ ให้เราฟังบ้างหรือเปล่าหรือว่าเป็นคนที่เห็นแต่ความ ดีของตัวเอง แต่ไม่เห็นความดีของคนอื่น

๑๐.เชื่อมั่นในการทำความดี ไม่หวังพึ่งอำนาจดลบันดาล
วิธีสังเกตเขาเคยแสดงความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ด้วยตนเองโดยไม่คิดที่จะไปพึ่งพาอาศัยใคร

หรือไม่คิดที่จะไปกราบกรานขอโชคลาภกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดใดหรือเปล่า
big_smilelol


ใส่รูปไว้ที่ลายเช็นทำไงอ่ะ

Offline

#4 2007-01-12 21:32:06

GH204
สมาชิก
Registered: 2006-01-24
Posts: 96

Re: อาหาร...สมอง

นานาสารพัด ภรรยา

มีภรรยาเหมือนมือถือเป็นเหมือนสื่อคอยติดตาม

มีภรรยาเหมือนทนายความ คอยไต่ถามความเป็นไป

มีภรรยาเหมือนมีบ้าน อยู่นานๆย่อมเก่าได้

มีภรรยาเหมือนมอไซด์ซิ่งเท่าไหร่เป็นเสี่ยงตาย

มีภรรยาเหมือนมีรถ ราคาหดขายทอดตลาด

มีภรรยาเหมือนเซนต์เบอร์นาร์ด ยามอาละวาดช่างน่ากลัว

มีภรรยาเหมือนดารา ใครไป-มา หาเรื่องยั่ว

มีภรรยาเหมือนมีครัวยามมืดมัวหิวตาลาย

มีภรรยาเหมือนมีคอมฯ จำต้องซ่อมต้องอัพเกรด

มีภรรยาเหมือนนักเทศน์ คอยหาเหตุบ่นทุกวัน

มีภรรยาละเหี่ยใจแล้วทำไมถึงมีกัน

มีภรรยาไม่สร้างสรรค์ จำให้มั่นอย่ามีภรรยา"


ใส่รูปไว้ที่ลายเช็นทำไงอ่ะ

Offline

#5 2007-01-12 21:33:16

GH204
สมาชิก
Registered: 2006-01-24
Posts: 96

Re: อาหาร...สมอง

ความรัก กับ ความอดทน
ความรัก" ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่มนุษย์มีอยู่มากมายราวกับว่าจะไม่มีวันหมด
แต่สิ่งที่มนุษย์มีอยู่จำกัดจนดูเหมือนคับแคบเห็นแก่ตัว ก็คือ "ความอดทน"
ยิ่งรักมากก็ยิ่งต้อง "อดทน" กับปัญหาต่างๆ รอบข้าง เพื่อรักษาความรักนั้นไว้ให้ยั่งยืน

แต่ในทิศทางตรงกันข้าม
เมื่อใดที่สิ้นรักเมื่อนั้น "ความอดทน" ก็หามีไม่
สิ่งใดที่เคยทนได้ก็กลับแปรเปลี่ยนไป
สิ่งใดที่เคยเห็นดี เห็นชอบ กลับกลายเป็นขวางหูขวางตา
ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายหนึ่งกระทำต่อตนอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
ท้ายที่สุดเราเป็นฝ่ายทอดทิ้งให้ความรักนั้นต้องจบลง

บางครั้งความรักนั้นอาจจบลงทั้งๆ ที่ความรู้สึกรักของเรายังมีอยู่เต็มหัวใจ
เพียงแต่การถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนกระทั่ง "ความอดทน" บอกให้เราต้องไป...ไปทั้งที่ยัง "รัก"
เพราะหากรักแล้วต้องเจ็บ ต้องช้ำ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็น่าจะหมายถึง
"การจากไปในวันนี้เพื่อที่จะเข้มแข็งและลุกขึ้นได้ใหม่ในวันข้างหน้า"
อย่างนั้นมิใช่หรือ

"รักและน้ำตา"

"หากรักแล้วต้องร้องไห้ไปตลอดชีวิต
ตนขอเลือกที่จะร้องไห้สองสามวันแล้วยิ้มไปตลอดชีวิตที่ดีกว่า"

สุดท้ายก็ขั้นอยู่กับตัวเองแล้วล่ะนะ
ว่าจะร้องไห้ไปตลอดชีวิต หรือร้องไห้แค่วันนี้แล้วยิ้มไปตลอดชีวิต
ชีวิตเรา ๆ สามารถเลือกเองได้จริงมั้ย?

"คนร่วมทาง"
คนเราคบหาร่วมทางกัน มีค่าตรงที่รู้จักกัน
คนเรารู้จักคุ้นเคยกัน มีค่าตรงที่รู้ใจกัน
คนเรารู้ใจกันแล้วจากกัน มีค่าตรงที่อยู่ในความทรงจำที่ดีของกัน

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าจะรักอย่างไรก็อย่าให้ตาบอดเสียล่ะ
เมื่อวันหนึ่งความอดทนบอกเราว่าถึงเวลาแล้ว
ก็ควรจะรับฟังไว้บ้างแล้วกัน เราเป็นผู้กำหนดชีวิตของเรา

:d:d:d


ใส่รูปไว้ที่ลายเช็นทำไงอ่ะ

Offline

#6 2007-01-12 21:34:16

GH204
สมาชิก
Registered: 2006-01-24
Posts: 96

Re: อาหาร...สมอง

10 วิธีช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน
"10 วิธีในการเผาผลาญพลังงาน"

การเพิ่ม metabolism ทำให้มีการเผาผลาญแคลอรีมากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายใช้พลังงานจากอาหารและอาหารเสริมที่คุณทานเข้าไปด้วย

ทำให้คุณอยากดื่มน้ำเพิ่มมากขึ้น และน้ำที่คุณดื่มยังช่วยสนับสนุนการขับพิษ การขับถ่ายและการย่อยอาหารในร่างกายอีกด้วย และนี่เป็น 10 วิธีที่จะช่วยให้คุณเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานค่ะ

1. เสริมสร้างกล้ามเนื้อ..

"ยิ่งคุณมีกล้ามเนื้อเรียบมาก ร่างกายคุณก็จะเผาผลาญพลังงานมาก" ซึ่งวิธีการทำให้กล้ามเนื้อเรียบก็ไม่ยากค่ะ เพียงแค่ยกดัมเบลล์อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

ก็จะช่วยเพิ่มเมตาบอลิซึ่มเหมือนกัน แต่ช่วงที่ระดับเมตาบอลิซึ่มคุณพุ่งสุดขีดนั้นน่ะ ไม่ใช่ตอนที่คุณวิ่งหอบแฮกๆบนสายพานหรอกนะคะ แต่หลังจากนั้นอีกสัก 2-3 ชั่วโมงค่ะ

2. ขยับตัว..

อยากเผาผลาญแคลอรี่ให้เร็วที่สุดก็ต้องออกกำลังกาย ซึ่งการออกกำลังกายนั้นเราต้องทำเป็นประจำ อย่างน้อยที่สุดก็วันละ 30 นาที อย่างปกติก็ 1 ชั่วโมง วิ่งเหยาะๆหรือเต้นแอโรบิกอาทิตย์ละ 3 ครั้ง

(แต่ไม่ควรที่จะหักโหมมากจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้คุณเหนื่อยหอบได้) และไม่ว่าจะออกกำลังกายแบบไหนก็ช่วยเพิ่มเมตาบอลิซึ่มทั้งนั้นล่ะ ให้หัวใจได้เต้นแรงเต็มที่ 120 ครั้งต่อนาที ให้ต่อเนื่องนานสัก 30-45 นาที

3. กิน!

ยิ่งร่างกายคุณขาดสารอาหาร กล้ามเนื้อก็จะล้า การเผาผลาญก็จะน้อยลง ทางที่ดีกินเป็นมื้อเล็กๆ วันละ 3-4 มื้อ ยังดีกว่าอดอาหารไปเลย แต่อย่าลืมว่า

ควรจะเป็นคนเลือกินสักหน่อย ไม่ใช่บอกว่าให้เลือกกินของแพงนะคะ แต่ให้เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์มากกว่า ลดไขมันจากสัตว์ แต่เพิ่มปริมาณผักและผลไม้

4. งดน้ำตาล

เหตุผลง่ายๆ ก็คือน้ำตาลที่เหลือใช้แล้ว ร่างกายจะแปรสภาพเป็นไขมัน เพราะฉะนั้นลดน้ำตาล ก็จะช่วยลดไขมันไปในตัว

5. อย่าลืมกินอาหารเช้า

เป็นความจริงที่ว่าคนที่กินอาหารเช้าที่มีประโยชน์ หุ่นดีกว่าคนที่อดข้าวเช้า และอาหารเช้ายังทำให้ระดับเมตาบอลิซึ่มของคุณวันนั้นพุ่งเป็น 2 เท่าด้วย

อีกอย่างอาหารเช้าจะช่วยทำให้สมองปลอดดปร่ง สามารถเริ่มทำงานได้อย่างเต็มที่

6. กินอาหารเผ็ดร้อน

เป็นคนไทยแสนจะโชคดี มีอาหารที่รสจัด มีทั้งพริกขี้หนูและพริกไทย แต่อย่าทานที่เผ็ดจนลิ้นชา

หน้าแดง น้ำตาไหลนะคะ เพราะอาจจะเกิดอันตรายต่อกระเพาะและลำไส้ได้

7. ดื่มชาเขียว

เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยเร่งเมตาบอลิซึ่มได้ดีและปลอดภัยกว่ากาแฟ ที่สำคัญตอนนี้หาซื้อได้ง่าย มีหลายรสชาติให้เลือกรับประทานด้วยค่ะ

8. ดื่มน้ำเยอะๆ

จะช่วยขับสารพิษหลังจากที่ร่างกายเผาผลาญพลังงานแล้ว น้ำเย็นๆยังช่วยกระตุ้นให้เมตาบอลิซึ่มกระเตื้องขึ้นอีกนิดหนึ่งด้วยนะ อีกสูตรที่จะช่วยให้คุณมีผิวพรรณที่สดใส นั่นคือ 1 2 3 3 1 อย่าเพิ่งงค่ะ เพราะว่า 1 2 3 3 1 ที่ว่านี้คือ หลังจากตื่นนอนให้ดื่มน้ำก่อน 1 แก้ว

ตอนสายอีก 2 แก้ว ตอนเที่ยงถึงบ่ายอีก 3 แก้ว ตอนเย็น 3 แก้ว และก่อนนอนอีก 1 แก้ว รับรองว่านอกจากจะช่วยกระตุ้นให้เมตาบอลิซึ่มแล้ว ผิวพรรณของคุณก็จะดูสดใสไปด้วย

9. อย่าเครียด

สำคัญมาก ๆ เลยค่ะ เพราะขณะนี้คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่กำลังตกอยุ่ในภาวะของอาการเครียด ซึ่งนอกจากจะทำร้ายจิตใจของเราแล้ว

ยังส่งผลถึงร่างกายของเราด้วย เพราะความเครียดทำให้เราอ้วนขึ้น เพราะฮอร์โมนคอร์ติโซนจะไปทำให้อัตราเมตาบอลิซึ่มช้าลง ฉะนั้น สาว ๆ ที่กลัวอ้วน โปรดจงอย่าเครียด

10. นอนหลับ

ความลับที่เพิ่งจะค้นพบก็คือ กล้ามเนื้อเรียบในร่างกายเราจะทำงานเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีที่สุดในชั่วโมงหลังๆที่เราหลับสนิทเต็มที่ค่ะที่มาจาก

ซึ่งร่างกายของคนเราต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มที่อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง

10 วิธีแสนง่าย ที่จะช่วยในการเผาผลาญพลังงานของคุณค่ะ...

big_smile:D:D:o:lol::lol:


ใส่รูปไว้ที่ลายเช็นทำไงอ่ะ

Offline

#7 2007-01-12 21:35:26

GH204
สมาชิก
Registered: 2006-01-24
Posts: 96

Re: อาหาร...สมอง

วันนี้ คุณเจอเพื่อนแบบนี้รึยังค่ะ
ใครคอยช่วยเหลือคุณผ่านมรสมุชีวิตบ้าง ดั่งสุภาษิตที่ว่าสองหัวดีกว่าหัวเดียวนั้นใช้ได้จริงในชีวิตเรา เมื่อเราต้องการความช่วยเหลือในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งทางด้านชีวิตส่วนตัวและการงาน ใคร ๆ ต่างก็สมควรที่จะได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนฝูงดี ๆ ทั้งนั้น เพื่อความสำเร็จของชีวิตในวันหน้า มาลองดูซิว่าเพื่อน 7 แบบที่เราควรจะต้องมีไว้เป็นดรีมทีมนั้นควรมีใครบ้าง

1. เพื่อนร่วมสถานะภาพ ไม่ว่าเพื่อนคนนี้จะเป็นคนที่มีอาชีพ สถานะภาพการสมรส หรือการดำเนินชีวิตที่คล้ายคุณ เพื่อนคนนี้คือคนที่คุณสามารถระบายสิ่งแย่ ๆ ในชีวิตคุณโดยที่เธอจะรับฟังอย่างเข้าใจและตั้งอกตั้งใจ

2. เพื่อนฉลาด ๆ เธอจะอยู่ที่นั่นคอยให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาให้คุณได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องลูก เรื่องการงานอาชีพ เธอจะช่วยคุณผ่านมันได้อย่างง่ายดาย เพื่อนคนนี้อาจเป็นเจ้านายคุณ หรือเพื่อนผู้มากประสบการณ์ของคุณ ซึ่งคุณจะได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมายจากเธอคนนี้

3. ตัวตลก แม้ว่าเพื่อนคนนี้อาจจะพึ่งพาไม่ได้มากนัก แต่มันก็สนุกมากใช่มั้ยล่ะเมื่ออยู่ใกล้เธอ เพราะเธอจะทำให้โลกบ้า ๆ ใบนี้ดูสนุกสนานและน่าอยู่อย่างยิ่ง คูณอาจไม่กล้าทำอะไรบ้า ๆ แบบเธอแต่คุณก็สนุกที่ได้เห็นเธอทำมัน

4. เพื่อนคนล่ะรุ่น การมีเพื่อนเด็กกว่าทำให้คุณหวนรำลึกถึงตัวเอง และระยะเวลาที่คุณได้ผ่านพ้นมา (คุณจะรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีที่สามารถยืนตรงจุดนี้ได้ ) แม้ว่าบางขณะคุณอาจอิจฉาในเยาว์วัยและความกระตือรือร้น แต่คุณก็ยังได้รับแรงบันดาลใจจากเพื่อนเด็กคนนี้ของคุณเสมอ


5. เพื่อนต่างเพศที่แสนดี ผู้หญิงทุกคนต้องมีเพื่อนชายที่แสนดีสักคน ขณะเดียวกันผู้ชายก็ควรมีเพื่อนหญิงที่แสนดีบ้าง คู่หูคนนี้จะเป็นล่ามส่วนตัวสำหรับแปลภาษาต่างดาวจากเพศตรงข้ามให้คุณได้เข้าใจ อย่างไรก็ดี จำไว้อย่าทำให้ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนเสียไปด้วยการไปกุ๊กกิ๊กกับเพื่อนเข้าล่ะ การเป็นเพื่อนกับเพื่อนต่างเพศที่มีความสุขจะทำให้คุณกลายเป็นคนน่าคบไปด้วย ไม่แน่คุณอาจจะเข้าก๊วนกับกลุ่มเพื่อน และแฟนเขาเป็นปี่เป็นขลุ่ยไปด้วย

6. เพื่อนจากแวดวงอื่น คุณแต่งงานแล้ว แต่เพื่อนคุณไม่ เธออาจเป็นพนักงานดับเพลิง เป็นซีอีโอ เป็นนางชี การมีเพื่อนจากแวดวงที่แตกต่างกันจะทำให้คุณสดชื่นขึ้น และเกิดแง่มุมใหม่แก่ชีวิต

7. เพื่อนเก่า บุคคลนี้คือคนที่เป็นพยานในช่วงชีวิตคุณที่มีทั้งสุขและเศร้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทรงผมแย่ ๆ เรื่องเฉิ่มในสมัยเรียน เพื่อนชนิดนี้คือเพื่อนที่หาค่าไม่ได้ และเป็นเพื่อนสนิทที่คุณต้องโทรไปรายงานด้วยเป็นระยะ ๆ เพราะว่าเธอคือส่วนหนึ่งของคุณในอดีต และเธอจะยินดีไปกับความสำเร็จของคุณในปัจจุบัน


ทีนี้ลองสำรวจตัวคุณเองดูสิว่า มีเพื่อนครบทั้ง 7 แบบหรือยัง
... หรือคุณว่าพวกเราควรมีเพื่อนมากกว่านี้อีก ...


lol:lol::lol::D:D:D


ใส่รูปไว้ที่ลายเช็นทำไงอ่ะ

Offline

#8 2007-01-12 21:36:27

GH204
สมาชิก
Registered: 2006-01-24
Posts: 96

Re: อาหาร...สมอง

ข้อควรทำประจำวันเกิด
>>"สำหรับคนที่เกิดวันอาทิตย์"

>>ช่วงนี้ดวงอาทิตย์ยังคงร้อนอยู่ ดังนั้นไม่ควรเดินกลางแดดนานๆ
>>เพราะจะทำให้เหงื่อออก
>>ไม่ควรดูโทรทัศน์ใกล้ๆเพราะจะแสบตาและบังคนข้างหลัง
>>และไม่ควรขากเสลดบนทางเท้าโชคไม่ดีอาจถูกปรับ ถ้าท้องผูกควรดื่มน้ำมากๆ
>>เวลาปวดให้รีบเข้าห้องส้วมให้รีบร้อบ และควรถอดกางเกงออกก่อน
>>เวลาอาบน้ำห้ามสวมเสื้อผ้าไม่ควรดื่มลิโพเกินวันละ 2 ขวด
>>โปรดสังเกตุคำเตือนบนฉลากก่อนดื่มแต่ไม่ต้องปฏิบัติตาม
>>เด็กเกิดวันนี้ ถ้าเป็นคนจะไม่มีหาง จะมีหน้ามีตาตั้งแต่ยังเล็ก
>>นอกจากนี้จะยังมีหูจมูกและคางอีกด้วย ขณะเป็นทารกหรือทาริกาจะตัวเล็ก
>>ในช่วงนี้ถ้าเด็กขี้แตกให้รีบเปลี่ยนผ้าอ้อมทันที
>>และเด็กจะตัวใหญ่ขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น
>>เมื่อเติบใหญ่เด็กจะกลายเป็นผู้ใหญ่ได้เอง
>>ถ้าทิ้งไว้ต่อไปก็จะแก่ลงโดยอัตโนมัติ
>>ถ้าไม่มีลูกหลานจะมีบุญได้ไปอยู่บ้านพักคนชรา

>>"สำหรับคนที่เกิดวันจันทร์ "

>>ระยะนี้ดวงจันทร์เลื่อนที่ตัดหน้าดาวโจรที่รังสิต
>>ถ้าไม่ระวังของมีค่าอาจหายได้
>>ถ้าเดินไม่ระวังอาจหกล้มเจ็บตัวเป็นที่อับอายเสื่อมเสีย
>>ถ้าเจอหมาบ้าไม่ควรเข้าใกล้เป็นอันขาดเพราะอาจถูกกัดได้
>>เมื่อหิวก็ควรหาอะไรกินเป็นการแก้เคล็ด
>>เด็กเกิดวันนี้ถ้าเป็นผู้ชายจะไม่เป็นหญิง
>>โตขึ้นมาอีกหน่อยจะสามารถใส่เสื้อผ้าเองได้
>>เมื่อเติบใหญ่ต้องได้ไปทำบัตรประชาชนแน่นอน
>>ในเรื่องความรัก
>>หากมีแฟนอยู่แล้วก็จะเป็นคนที่เห็นหน้ากันก่อนที่จะเป็นแฟน
>>หากยังไม่มีแฟนก็จะเป็นเพราะยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้
>>ก็ให้แก้เคล็ดโดยการพยายามต่อไป

>>"สำหรับคนที่เกิดวันอังคาร"

>>วันนี้หากใช้เงินมากเกินตัวอาจจะต้องไปกู้หนี้ยืมสินเขาได้
>>ไปตลาดถ้าต่อราคามากๆ อาจถูกแม่ค้าด่า ดาวประจำตัวยังโคจรรอบคลองเตย
>>ให้รีบไปทำงานแต่เช้า ถ้าไปสายจะถูกเจ้านายเขม่น
>>ถ้าปวดหัวก็ให้นอนพักผ่อน อย่ากินแอสไพรินตอนท้องว่าง
>>และอย่ากินกาแฟก่อนนอนเพราะจะทำให้นอนไม่หลับ
>>เด็กเกิดวันนี้ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายควรรีบทำสูติบัตร
>>เมื่อถึงวัยเรียนก็ควรพาไปเข้าเรียน
>>ถ้าเลี้ยงไม่ดีจะกลายเป็นโจรหรือติดยาบ้า
>>ถ้าเลี้ยงดีอาจได้เรียนมหาวิทยาลัย ช่วง 5-7 ขวบควรพาเด็กเที่ยวเขาดิน
>>เรื่องของความรักตอนนี้ถ้าปิ้งใครอยู่ก็ให้รีบเข้าไปคุย
>>ไม่งั้นเขาไม่รู้ว่าเรากำลังจีบเขาอยู่

>>"สำหรับคนที่เกิดวันพุธ"

>>วันนี้พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ดาวพุธอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์
>>ดาวพลูโตอยู่ห่างสุด ตื่นขึ้นมาควรแก้เคล็ดด้วยการบิดขี้เกียจ
>>และล้างหน้าแปรงฟันแก้ปากเหม็น
>>ถ้าฝนตกไม่ควรออกไปเล่นน้ำฝนเป็นอันขาดเพราะจะเป็นหวัดได้
>>ขึ้นรถเมล์ระวังกระเป๋า รถเมล์จะเข้ามาเก็บตังค์
>>เดินทางไกลจะเจอแต่คนแปลกหน้า
>>ในวันนี้ถ้าเจอพระตอนบ่ายสามห้ามใส่บาตรเด็ดขาด เจอเพื่อนจงทักทายดีๆ
>>แต่ถ้าเจอเจ้าหนี้ควรหลบหนีไกลๆ
>>เด็กเกิดวันนี้ถ้าเป็นชายโตขึ้นอาจจะเป็นตุ๊ดได้
>>เมื่อเติบใหญ่ควรพาไปเกณฑ์ทหาร และไม่ควรทำ สด 43 ปลอมเพราะจะถูกจับ
>>ถ้าเป็นหญิงเมื่ออายุ 20 จะบรรลุนิติภาวะได้เอง
>>ในช่วงอายุนี้บิดามารดาไม่ควรอนุญาติให้ลูกสาวบวชเป็นอันขาด
>>ในเรื่องของความรักคนที่มีแฟนอยู่อาจเลิกกันได้
>>คนที่ยังไม่มีแฟนอาจจะมีคนมาปิ๊งก็ได้

>>"สำหรับคนที่เกิดวันพฤหัส"

>>วันนี้ถ้าเหยียบขี้หมาให้รีบเอารองเท้าขูดกับฟุตบาทโดยเร็ว
>>มิฉะนั้นจะเหม็น ขึ้นรถเมล์ควรเกาะราวให้แน่นโดยเฉพาะทางโค้ง
>>และไม่ควรตดบนรถเมล์เป็นอันขาด ถ้าอากาศร้อนไม่ควรใส่เสื้อหนาว
>>ถ้าอากาศเย็นไม่ควรดื่มน้ำแข็ง
>>เมื่อเห็นพัดลมกำลังหมุนอย่าเอามือเข้าไปแหย่มิฉะนั้นเลือดจะออกได้
>>เด็กเกิดวันนี้เมื่อเกิดใหม่ๆ ฟันจะยังไม่ขึ้นควรรอไปเรื่อยๆ
>>ฟันจะขึ้นเองอย่าพาเด็กไปใส่ฟันปลอมเพราะจะมีฟันเกิน
>>ไม่ควรเลี้ยงเด็กทารกด้วยนมข้นหวานจะทำให้ขาดสารอาหารได้
>>ให้เลี้ยงด้วยนมแม่ไปก่อนจนกว่าจะมีอายุครบ 2 ขวบ
>>เมื่อโตขึ้นผู้ปกครองควรสอนให้เด็กล้างก้นเองมิฉะนั้นจะเป็นภาระในอนาคตได้
>>ในเรื่องของความรักหากยังเป็นแฟนกันจะยังไม่มีทะเบียนสมรส
>>หากตัดสินใจจดทะเบียนก็จะต้องไปจดที่อำเภอหรือเขตแน่นอน

>>"สำหรับคนที่เกิดวันศุกร์"

>>วันนี้ห้ามทิ้งแฟนเป็นอันขาดเพราะแฟนอาจจะเสียใจได้ และห้ามกินของมันๆ
>>ระวังจะอ้วน ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันบ่อยๆ 3 เดือนต่อ 1 อันกำลังเหมาะ
>>และไม่ควรลงเล่นน้ำคลองในใจกลางกรุงเทพฯเป็นอันขาด
>>วันนี้ดาวพระศุกร์โคจรมาพบกับดาวพระเสาร์ดังนั้นถ้าวันนี้เป็นวันศุกร์พรุ่งนี้ก็ควร
>>จะเป็นวันเสาร์ และวันต่อไปจะเป็นวันอาทิตย์
>>เด็กเกิดวันนี้เป็นผู้มีบุญญา วาสนาส่ง เมื่อแบเบาะจะยังพูดไม่ได้
>>ควรสอนไปเรื่อยๆเด็กจะพูดได้เอง ยกเว้นถ้าเด็กเป็นใบ้ ในระยะ 6-8
>>ขวบควรสอนให้เด็กเข้าบ้านทางประตู
>>ไม่ควรสอนให้เด็กเข้าบ้านทางหน้าต่างเด็ดขาด....

>>"สำหรับคนที่เกิดวันเสาร์"

>>วันนี้ถ้าเดินผ่านกองขยะควรเอามือปิดจมูก และรีบเดินผ่านโดยเร็ว
>>หลังกินข้าวถ้ามีเศษอาหารติดฟันไม่ควรเอาตะเกียบแคะฟันเป็นอันขาด
>>ควรใช้ไม้จิ้มฟันดีที่สุด
>>ถ้าเล็บยาวควรตัดให้สั้นแต่ถ้าสั้นควรรอให้ยาวก่อน
>>คืนนี้ไม่ควรนอนดึกเพราะพรุ่งนี้จะตื่นสาย
>>เวลาอาบน้ำควรถูสบู่ให้เกลี้ยงเกลา เวลาไปวัดควรสวมเสื้อผ้าไปด้วยและ
>>ไม่ควรแคะขี้มูกต่อหน้าพระสงฆ์
>>ถ้าคันจมูกควรจามให้เรียบร้อยก่อนเข้าวัด
>>แต่ถ้าไปสวนสัตว์ห้ามยื่นมือเข้ากรงเสือเป็นอันขาด
>>ถ้าขับรถไม่เป็นก็ไม่ควรขับ จะเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชน
>>ให้แก้เคล็ดโดยการนั่งรถเมล์หรือแท็กซี่จะดีกว่า
>>เด็กที่เกิดวันนี้เมื่อยังเล็กถ้าหิวจะร้องให้
>>ควรป้อนนมเสียเด็กก็จะหยุดร้องเอง
>>และเมื่อป้อนนมเสร็จแล้วเด็กอิ่มไม่ควรเข้าไปเล่นกับเด็กทันที
>>เด็กอาจจะอ้วกใส่หน้าได้ ควรทำให้เด็กเรอเสียก่อน
>>เมื่อโตขึ้นมาหน่อยควรเลี้ยงด้วย
>>อะแล็คต้าเอ็นเอฟหนองโพและสเปย์รอยัลตามลำดับ...

big_smile:D:D:lol::lol::lol:


ใส่รูปไว้ที่ลายเช็นทำไงอ่ะ

Offline

#9 2007-01-12 21:37:27

GH204
สมาชิก
Registered: 2006-01-24
Posts: 96

Re: อาหาร...สมอง

ข้อควรทำประจำวันเกิด
>>"สำหรับคนที่เกิดวันอาทิตย์"

>>ช่วงนี้ดวงอาทิตย์ยังคงร้อนอยู่ ดังนั้นไม่ควรเดินกลางแดดนานๆ
>>เพราะจะทำให้เหงื่อออก
>>ไม่ควรดูโทรทัศน์ใกล้ๆเพราะจะแสบตาและบังคนข้างหลัง
>>และไม่ควรขากเสลดบนทางเท้าโชคไม่ดีอาจถูกปรับ ถ้าท้องผูกควรดื่มน้ำมากๆ
>>เวลาปวดให้รีบเข้าห้องส้วมให้รีบร้อบ และควรถอดกางเกงออกก่อน
>>เวลาอาบน้ำห้ามสวมเสื้อผ้าไม่ควรดื่มลิโพเกินวันละ 2 ขวด
>>โปรดสังเกตุคำเตือนบนฉลากก่อนดื่มแต่ไม่ต้องปฏิบัติตาม
>>เด็กเกิดวันนี้ ถ้าเป็นคนจะไม่มีหาง จะมีหน้ามีตาตั้งแต่ยังเล็ก
>>นอกจากนี้จะยังมีหูจมูกและคางอีกด้วย ขณะเป็นทารกหรือทาริกาจะตัวเล็ก
>>ในช่วงนี้ถ้าเด็กขี้แตกให้รีบเปลี่ยนผ้าอ้อมทันที
>>และเด็กจะตัวใหญ่ขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น
>>เมื่อเติบใหญ่เด็กจะกลายเป็นผู้ใหญ่ได้เอง
>>ถ้าทิ้งไว้ต่อไปก็จะแก่ลงโดยอัตโนมัติ
>>ถ้าไม่มีลูกหลานจะมีบุญได้ไปอยู่บ้านพักคนชรา

>>"สำหรับคนที่เกิดวันจันทร์ "

>>ระยะนี้ดวงจันทร์เลื่อนที่ตัดหน้าดาวโจรที่รังสิต
>>ถ้าไม่ระวังของมีค่าอาจหายได้
>>ถ้าเดินไม่ระวังอาจหกล้มเจ็บตัวเป็นที่อับอายเสื่อมเสีย
>>ถ้าเจอหมาบ้าไม่ควรเข้าใกล้เป็นอันขาดเพราะอาจถูกกัดได้
>>เมื่อหิวก็ควรหาอะไรกินเป็นการแก้เคล็ด
>>เด็กเกิดวันนี้ถ้าเป็นผู้ชายจะไม่เป็นหญิง
>>โตขึ้นมาอีกหน่อยจะสามารถใส่เสื้อผ้าเองได้
>>เมื่อเติบใหญ่ต้องได้ไปทำบัตรประชาชนแน่นอน
>>ในเรื่องความรัก
>>หากมีแฟนอยู่แล้วก็จะเป็นคนที่เห็นหน้ากันก่อนที่จะเป็นแฟน
>>หากยังไม่มีแฟนก็จะเป็นเพราะยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้
>>ก็ให้แก้เคล็ดโดยการพยายามต่อไป

>>"สำหรับคนที่เกิดวันอังคาร"

>>วันนี้หากใช้เงินมากเกินตัวอาจจะต้องไปกู้หนี้ยืมสินเขาได้
>>ไปตลาดถ้าต่อราคามากๆ อาจถูกแม่ค้าด่า ดาวประจำตัวยังโคจรรอบคลองเตย
>>ให้รีบไปทำงานแต่เช้า ถ้าไปสายจะถูกเจ้านายเขม่น
>>ถ้าปวดหัวก็ให้นอนพักผ่อน อย่ากินแอสไพรินตอนท้องว่าง
>>และอย่ากินกาแฟก่อนนอนเพราะจะทำให้นอนไม่หลับ
>>เด็กเกิดวันนี้ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายควรรีบทำสูติบัตร
>>เมื่อถึงวัยเรียนก็ควรพาไปเข้าเรียน
>>ถ้าเลี้ยงไม่ดีจะกลายเป็นโจรหรือติดยาบ้า
>>ถ้าเลี้ยงดีอาจได้เรียนมหาวิทยาลัย ช่วง 5-7 ขวบควรพาเด็กเที่ยวเขาดิน
>>เรื่องของความรักตอนนี้ถ้าปิ้งใครอยู่ก็ให้รีบเข้าไปคุย
>>ไม่งั้นเขาไม่รู้ว่าเรากำลังจีบเขาอยู่

>>"สำหรับคนที่เกิดวันพุธ"

>>วันนี้พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ดาวพุธอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์
>>ดาวพลูโตอยู่ห่างสุด ตื่นขึ้นมาควรแก้เคล็ดด้วยการบิดขี้เกียจ
>>และล้างหน้าแปรงฟันแก้ปากเหม็น
>>ถ้าฝนตกไม่ควรออกไปเล่นน้ำฝนเป็นอันขาดเพราะจะเป็นหวัดได้
>>ขึ้นรถเมล์ระวังกระเป๋า รถเมล์จะเข้ามาเก็บตังค์
>>เดินทางไกลจะเจอแต่คนแปลกหน้า
>>ในวันนี้ถ้าเจอพระตอนบ่ายสามห้ามใส่บาตรเด็ดขาด เจอเพื่อนจงทักทายดีๆ
>>แต่ถ้าเจอเจ้าหนี้ควรหลบหนีไกลๆ
>>เด็กเกิดวันนี้ถ้าเป็นชายโตขึ้นอาจจะเป็นตุ๊ดได้
>>เมื่อเติบใหญ่ควรพาไปเกณฑ์ทหาร และไม่ควรทำ สด 43 ปลอมเพราะจะถูกจับ
>>ถ้าเป็นหญิงเมื่ออายุ 20 จะบรรลุนิติภาวะได้เอง
>>ในช่วงอายุนี้บิดามารดาไม่ควรอนุญาติให้ลูกสาวบวชเป็นอันขาด
>>ในเรื่องของความรักคนที่มีแฟนอยู่อาจเลิกกันได้
>>คนที่ยังไม่มีแฟนอาจจะมีคนมาปิ๊งก็ได้

>>"สำหรับคนที่เกิดวันพฤหัส"

>>วันนี้ถ้าเหยียบขี้หมาให้รีบเอารองเท้าขูดกับฟุตบาทโดยเร็ว
>>มิฉะนั้นจะเหม็น ขึ้นรถเมล์ควรเกาะราวให้แน่นโดยเฉพาะทางโค้ง
>>และไม่ควรตดบนรถเมล์เป็นอันขาด ถ้าอากาศร้อนไม่ควรใส่เสื้อหนาว
>>ถ้าอากาศเย็นไม่ควรดื่มน้ำแข็ง
>>เมื่อเห็นพัดลมกำลังหมุนอย่าเอามือเข้าไปแหย่มิฉะนั้นเลือดจะออกได้
>>เด็กเกิดวันนี้เมื่อเกิดใหม่ๆ ฟันจะยังไม่ขึ้นควรรอไปเรื่อยๆ
>>ฟันจะขึ้นเองอย่าพาเด็กไปใส่ฟันปลอมเพราะจะมีฟันเกิน
>>ไม่ควรเลี้ยงเด็กทารกด้วยนมข้นหวานจะทำให้ขาดสารอาหารได้
>>ให้เลี้ยงด้วยนมแม่ไปก่อนจนกว่าจะมีอายุครบ 2 ขวบ
>>เมื่อโตขึ้นผู้ปกครองควรสอนให้เด็กล้างก้นเองมิฉะนั้นจะเป็นภาระในอนาคตได้
>>ในเรื่องของความรักหากยังเป็นแฟนกันจะยังไม่มีทะเบียนสมรส
>>หากตัดสินใจจดทะเบียนก็จะต้องไปจดที่อำเภอหรือเขตแน่นอน

>>"สำหรับคนที่เกิดวันศุกร์"

>>วันนี้ห้ามทิ้งแฟนเป็นอันขาดเพราะแฟนอาจจะเสียใจได้ และห้ามกินของมันๆ
>>ระวังจะอ้วน ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันบ่อยๆ 3 เดือนต่อ 1 อันกำลังเหมาะ
>>และไม่ควรลงเล่นน้ำคลองในใจกลางกรุงเทพฯเป็นอันขาด
>>วันนี้ดาวพระศุกร์โคจรมาพบกับดาวพระเสาร์ดังนั้นถ้าวันนี้เป็นวันศุกร์พรุ่งนี้ก็ควร
>>จะเป็นวันเสาร์ และวันต่อไปจะเป็นวันอาทิตย์
>>เด็กเกิดวันนี้เป็นผู้มีบุญญา วาสนาส่ง เมื่อแบเบาะจะยังพูดไม่ได้
>>ควรสอนไปเรื่อยๆเด็กจะพูดได้เอง ยกเว้นถ้าเด็กเป็นใบ้ ในระยะ 6-8
>>ขวบควรสอนให้เด็กเข้าบ้านทางประตู
>>ไม่ควรสอนให้เด็กเข้าบ้านทางหน้าต่างเด็ดขาด....

>>"สำหรับคนที่เกิดวันเสาร์"

>>วันนี้ถ้าเดินผ่านกองขยะควรเอามือปิดจมูก และรีบเดินผ่านโดยเร็ว
>>หลังกินข้าวถ้ามีเศษอาหารติดฟันไม่ควรเอาตะเกียบแคะฟันเป็นอันขาด
>>ควรใช้ไม้จิ้มฟันดีที่สุด
>>ถ้าเล็บยาวควรตัดให้สั้นแต่ถ้าสั้นควรรอให้ยาวก่อน
>>คืนนี้ไม่ควรนอนดึกเพราะพรุ่งนี้จะตื่นสาย
>>เวลาอาบน้ำควรถูสบู่ให้เกลี้ยงเกลา เวลาไปวัดควรสวมเสื้อผ้าไปด้วยและ
>>ไม่ควรแคะขี้มูกต่อหน้าพระสงฆ์
>>ถ้าคันจมูกควรจามให้เรียบร้อยก่อนเข้าวัด
>>แต่ถ้าไปสวนสัตว์ห้ามยื่นมือเข้ากรงเสือเป็นอันขาด
>>ถ้าขับรถไม่เป็นก็ไม่ควรขับ จะเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชน
>>ให้แก้เคล็ดโดยการนั่งรถเมล์หรือแท็กซี่จะดีกว่า
>>เด็กที่เกิดวันนี้เมื่อยังเล็กถ้าหิวจะร้องให้
>>ควรป้อนนมเสียเด็กก็จะหยุดร้องเอง
>>และเมื่อป้อนนมเสร็จแล้วเด็กอิ่มไม่ควรเข้าไปเล่นกับเด็กทันที
>>เด็กอาจจะอ้วกใส่หน้าได้ ควรทำให้เด็กเรอเสียก่อน
>>เมื่อโตขึ้นมาหน่อยควรเลี้ยงด้วย
>>อะแล็คต้าเอ็นเอฟหนองโพและสเปย์รอยัลตามลำดับ...

big_smile:D:D:lol::lol:


ใส่รูปไว้ที่ลายเช็นทำไงอ่ะ

Offline

#10 2007-01-12 21:38:51

GH204
สมาชิก
Registered: 2006-01-24
Posts: 96

Re: อาหาร...สมอง

คุณแก่แล้วหรือยังดูจาก 12 ข้อนี้
1. เมื่อคุณเริ่มพูดว่า "สมัยก่อนนะ.............

2. เมื่อไม่มีใครสาดน้ำคุณในวันสงกรานต์

3.เมื่อบอยแบนด์ทำให้คุณสับสน

4.เมื่อโฆษณาโคโลญทำให้คุณนึกถึงความหลัง

5.เมื่อสวนจตุจักรร้อนเกินไปสำหรับคุณ

6.เมื่อคุณใช้รองพื้นหนาขึ้นเรื่อยๆ

7.เมื่อคุณไม่เห็นด้วยกับการแต่งกายของโบว์-จอยซ์

8.เมื่อคุณต้องหรี่วิทยุขณะขับรถ

9.เมื่อการ์ตูนไม่รัญจวนใจคุณอีกต่อไป

10.เมื่อคุณใส่กางเกงเอวสูงขึ้น

11.เมื่อคุณไม่คุ้นหน้าคุ้นตากับรองเท้าผ้าใบรุ่นใหม่ๆ

12.เมื่อคุณถูกชมบ่อยๆ ว่า "แหม....สาวไม่สร่างเลยนะคะ" แต่จริงๆ แล้วเค้าโกหก
big_smile:D:D:lol::lol::lol:


ใส่รูปไว้ที่ลายเช็นทำไงอ่ะ

Offline

#11 2007-01-12 21:40:30

GH204
สมาชิก
Registered: 2006-01-24
Posts: 96

Re: อาหาร...สมอง

คุณเป็นคนประเภทไหน

คนใจเย็นคนที่กลั้นตดไว้จนถึงจุดระเบิด

คนขี้โอ้คนที่ตดดังสนั่นแล้วยืนหัวเราะชอบใจ

คนไม่จริงใจคนที่ตด แล้วหันไปมองหน้าเด็ก

คนงกคนที่ชอบยืนดมตดของตัวเอง

คนโชคร้ายคนที่ตดขณะที่เอามือตบโต๊ะไปด้วย แต่พลาดจังหวะ

คนซาดิสต์คนที่ตดในผ้าห่มแล้วกดหัวแฟนตัว เองลงไปดม

คนเจ้าเลห์คนที่ตดไปพร้อมกับไอกะแอมเบาๆ

คนสุภาพคนที่กล่าวขอโทษก่อนและหลังการตด

คนมั่งคั่งคนที่ตดอย่างสม่ำเสมอเป็นจังหวะและยาวนาน

คนอำมหิตคนที่ตดไม่มีเสียงแต่โคตรเหม็น

คนดีแต่พูดคนที่ตดโคตรดังแต่ไม่มีกลิ่น

คนหลายใจคือคนที่ทั้ง ตด ขี้ เยี่ยวไปพร้อมๆกันในเวลาเดียวกัน

คนใจบุญคนที่ยืนตดอยู่เหนือลม

นักวิทยาศาสตร์คนที่ชอบวิเคราะห์กลิ่นตดของคนอื่น ว่าเขากินอะไรเข้าไป

ผู้ดีคนที่กลั้นตดไว้เป็นชั่วโมง เพื่อกลับไปตดที่บ้าน

หมอคนที่ล้างมือก่อน และหลังตดเสมอ
big_smile:D:D:lol::lol::lol::lol:


ใส่รูปไว้ที่ลายเช็นทำไงอ่ะ

Offline

#12 2007-01-12 21:41:43

GH204
สมาชิก
Registered: 2006-01-24
Posts: 96

Re: อาหาร...สมอง

กำเนิดการจุมพิตเจ้าสาว

ประเพณีการจุมพิตเจ้าสาวในพิธีแต่งงานนั้น เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยโรมัน โดยใน
สังคมของชาวโรมัน ต่างยึดถือ หรือมีความเชื่อกันว่าการจุมพิตของคู่บ่าวสาว
ในวันวิวาห์มงคลนั้นถือได้ว่าเป็นเสมือนพันธะผูกพันทางกฎหมายและถือว่า
เป็นเสมือนสัญลักษณ์แทนความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของคนทั้งสอง

ในวัฒนธรรมตะวันตก การจุมพิตมีความหมายเสมือนเป็นการถ่ายทอด
วิญญาณของกันและกัน ซึ่งจะถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวในการใช้ชีวิตคู่
ของคนทั้งสอง และรักของสองเราจะมั่นคงมั่นนิรันดร
lol:lol::D:D


ใส่รูปไว้ที่ลายเช็นทำไงอ่ะ

Offline

#13 2007-01-12 21:43:02

GH204
สมาชิก
Registered: 2006-01-24
Posts: 96

Re: อาหาร...สมอง

กรุ๊ปเลือดบอกนิสัย
กรุ๊ปเลือด A นักวางแผน

คนกรุ๊ป A เป็นคนรอบคอบมั่นคงและมั่นใจ ดังนั้นการทำงานของเขานั้นจะวางแผนต่างๆ ไว้เป็นอย่างดีเพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด เขาจะวิเคราะห์ส่วนต่างๆ อย่างละเอียดแล้วค่อยวางแผน

ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าคนเลือดกรุ๊ป A ทำอะไรตามระบบระเบียบเงื่อนไข และจะให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของดโรงเรียนหรือ ที่ทำงาน เขาคิดว่าเขาจะต้องจบจากโรงเรียนที่มีชื่อเสียง เข้าทำงานที่บริษัทใหญ่ๆ จึงจะทำให้เขาเติบโตในหน้าที่การงานสูงกว่าคนอื่น

กรุ๊ปเลือด B นักคิด นักสร้างสรรค์

คนกรุ๊ป B จะเป็นคนที่จับใจความของเรื่องต่างๆได้ดีและยังมีความคิดแปลกๆใหม่ๆเสมอ แต่มักแสดงความคิดเห็นตามความคิดของตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของคนอื่น จึงมักจะเป็นคนที่มีไอเดียดี แต่ไม่ชอบเป็นผู้ตามที่ดี

ชอบที่จะเป็นผู้นำมากกว่า คนเลือดกรุ๊ปนี้จึงรักอิสระและมักจะได้เห็นคนเลือดกรุ๊ปนี้เลือกทำงานในสายตาที่เป็นอิสระในตัวเองสูง อิสระที่จะใช้ความสามารถออกจากมันสมองอย่างเต็มที่ แต่ข้อเสียของคนเลือดกรุ๊ปนี้อีกอย่างก็คือ เป็นคนที่เบื่อง่าย ทำอะไรได้ไม่นาน

กรุ๊ปเลือด AB นักประสานงาน

คนกรุ๊ป AB มักผูกมิตร รักสันติ และเข้ากับทุกคนได้ดี ไม่ชอบการทะเลาะวิวาทกับใคร ดังนั้นคนกรุ๊ปนี้ไม่ว่าทำงานที่ไหนก็จะรักเพื่อนร่วมงานได้ดี เราจึงมักจะเห็นคนเลือดกรุ๊ปนี้ชอบทำงานที่ต้องติดต่อประสานงานกับคนหลายๆฝ่าย หรือพบปะผู้คนมากหน้าหลายตา หรือ งานด้านบริการต่างๆ

ไม่ชอบการตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ หรืองานที่ต้องมีการแข่งขันกันสูงๆ นอกจากนี้คนเลือดกรุ๊ป AB ยังเป็นคนรักสวยรักงาม เป็นคนที่มีพรสวรรค์แต่มักยอมแพ้อะไรง่ายๆ เมื่อเจออุปสรรค์เล็กๆ ซึ่งเป็นข้อเสียของกรุ๊ป AB

กรุ๊ปเลือด O นักสู้ผู้ไม่ถอย

คนกรุ๊ป O เมื่อตั้งใจอะไรไว้สักอย่าง เขาจะพยายามต่อสู้อย่างไม่ยอมแพ้ เพื่อก้าวไปให้ถึงจุดหมายนั้นได้ แต่ก็แปลกอีกอย่างหนึ่งว่า ถ้าคนกรุปนี้ทำงานที่ตนเองไม่ชอบไม่ถนัด เขาก็ยอมทิ้งไปอย่างง่ายๆ

แม้ว่าจะอยู่ในบริษัทที่มีชื่อเสียงและเงินเดือนสูงๆ ก็ตาม แถมยังเป็นคนทรนงในตนเองไม่ชอบการทำตามคำสั่งใคร เรามักจะเห็นคนเลือดกรุ๊ปนี้ทำงานแบบฉายเดี่ยวอยู่เสมอหรือทำงานที่ต้องการตัดสินใจอย่างรวดเร็วเด็ดขาด ทำให้ข้อเสียของเขาคือ เสี่ยงต่อการตัดสินใจผิดพลาดสูง เพราะไม่ยอมฟังเสียงของคนรอบข้างแต่อย่างใด

big_smile:D:lol::lol:


ใส่รูปไว้ที่ลายเช็นทำไงอ่ะ

Offline

#14 2007-01-12 21:45:49

GH204
สมาชิก
Registered: 2006-01-24
Posts: 96

Re: อาหาร...สมอง

ตำนานของ "ร่ม"
เมื่อพูดถึง "ร่ม"
หลายๆคนก็จะคิดเสมอว่า "ร่ม" เป็นตัวช่วยของหลายๆคนในหน้าฝน ทำให้เราไม่เปียกฝน และสามารถเดินทางได้สะดวกขึ้น แต่ใครจะรู้บางว่า "ร่ม" ที่เรากางอยู่น่ะ จริงๆแล้วในสมัยก่อนหรือยุคเริ่มแรกเขาไม่ได้มีไว้กันฝนหรอกนะ
"ร่ม" หรือที่เรียกว่า "Umbrella" มีรากศัพท์มาจากคำว่า "Umbra" ซึ่งเป็นภาษาละติน แปลว่า "บังแดด" ร่มถือกำเนิดขึ้นในดินแดนเมโสโปเตเมีย ประมาณ 3,500 ปีมาแล้ว ซึ่งดินแดนแถบนี้จะมีพื้นที่เป็นทะเลทรายเกือบทั้งหมด นานๆจะมีฝนตกลงมาสักที ร่มจึงใช้ในการกันแดดมากกว่ากันฝน




จนเมื่อราว 1,200 ปีก่อนคริสต์กาล

ในสังคมอียิปต์เชื่อกันว่า ท้องฟ้าคือร่างกายของเทพธิดานามว่า "นัต" ซึ่งปกคลุมโลกดุจร่มอันมหึมา มนุษย์จึงได้คิดสร้างร่มขึ้นไว้เป็นตัวแทนของเทพธิดานัต เพื่อใช้ปกป้องคุ้มครองผู้ที่อยู่ใต้ร่มเงา ที่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงศักดิ์ โดยเฉพาะกษัตริย์
ต่อมา ชาวกรีกได้รับเอาวัฒนธรรมการกางร่มมาจากอียิปต์
ในยุคแรกๆนั้นจะมีความเชื่อว่าผู้ที่จะกางร่มได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่มีอำนาจเท่านั้น แต่ระยะหลังความเชื่อนี้เริ่มจางลง ทำให้คนธรรมดาก็สามารถที่จะเดินกางร่มได้ แต่การกางร่มก็จำกัดอยู่เฉพาะในวงของสตรีเท่านั้น ซึ่งวัสดุที่ใช้ในการทำร่มส่วนใหญ่คือ กระดาษ ต่อมาบรรดาผู้หญิงก็เริ่มที่จะเรียนรู้วิธีการทำร่มแบบใหม่ ที่นอกจากจะกันแดดได้แล้ว ยังสามารถกันฝนได้ด้วย โดยการใช้น้ำมันทาลงบนร่มกระดาษให้ทั่ว ซึ่งร่มก็จะสามารถกันน้ำได้




จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18
ผู้ที่กางร่มส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นผู้หญิง เพราะเนื่องจากว่าผู้ชายกลัวที่จะโดนสบประมาทว่าอ่อนแอ จึงไม่ค่อยมีใครนิยมกางร่มเท่าใดนัก จนในปี ค.ศ.1750 โจนาส แฮนเวย์ ชายชาวอังกฤษ เป็นชายคนแรกที่ลุกขึ้นมาพกร่ม ท่ามกลางเสียงเย้ยหยันของคนรอบข้าง แต่เขาไม่สนใจ และยังยืนยันว่าจะพกร่มต่อไป จนกระทั่งการพกร่มเป็นที่ยอมรับของคนอังกฤษไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม จนกระทั่งถึงทุกวันนี้

รู้อย่างนี้แล้วชายคนไหนที่ไม่ค่อยกล้าพกร่ม ก็ควรที่จะเปลี่ยนความคิดซะใหม่นะคะ เพราะว่านอกจากฝนจะทำให้คุณเปียกปอน เสียบุคลิกแล้วยังจะทำให้คุณป่วย เป็นไข้หวัด ส่งผลกระทบต่อการเรียน และการงานของคุณอีกด้วย หน้าฝนนี้เรามาพกร่มกันดีกว่านะคะ เพื่อสุขภาพร่างกายของเราค่ะ

cool:cool::D:lol:


ใส่รูปไว้ที่ลายเช็นทำไงอ่ะ

Offline

#15 2007-01-12 21:47:17

GH204
สมาชิก
Registered: 2006-01-24
Posts: 96

Re: อาหาร...สมอง

เหตุผลของคนที่ต้องการ " บอกเลิก"
"เหตุผลของการเลิกกัน"

เวลาที่รักกันอะไร ๆ ก็ไร้เหตุผล แต่พอจะเลิกกันเหตุผลมาจากไหนก็ไม่รู้ หามาได้ร้อยแปดพันเก้า ......เป็นกันบ้างมั้ย....? ลองมาดูว่าใครเคยโดน หรือได้ยินคำบอกเลิกนี้มั้ย...

- ง่าย ๆ คุ้นกันดี " เราเลิกกันเถอะ"

- ฉันทนเธอไม่ไหว

- ฉันไม่ดีพอสำหรับเธอ

- เราเป็นเพื่อนกันดีกว่ามั้ง..

- ฉันขอเวลาทบทวนสักหน่อยน่ะ

- ฉันชอบนายแบบพี่ชาย

- ฉันชอบเธอแบบน้องสาว

- เธอยังไม่ใช่คนที่ใช่

- เราลองห่างกันสักพักดีมั้ย

- ความคิดของเรามันต่างกัน

- เราเข้ากันไม่ได้

- อยากให้เธอเจอคนที่ดีกว่าฉัน

- เราต่างกันเกินไป

- เธอดีเกินไป

- เราไปด้วยกันไม่ได้
lol:lol::lol::D:D:D


ใส่รูปไว้ที่ลายเช็นทำไงอ่ะ

Offline

#16 2007-01-12 21:48:36

GH204
สมาชิก
Registered: 2006-01-24
Posts: 96

Re: อาหาร...สมอง

เรื่องประหลาดบนโลกที่คุณอาจไม่รู้
ผีเสื้อรับรสด้วยเท้าของมัน


เสียงร้องของเป็ด จะไม่เป็นเสียงสะท้อนไม่มีใครรู้ว่าทำไม


ในเวลา นาที พายุเฮอริเคน...มีพลังมากกว่า..พลังงานนิวเคลียร์


ช้าง..เป็นสัตว์ชนิดเดียวในโลกที่ไม่สามารถกระโดดได้


ผู้หญิง... กระพริบตา...มากกว่า..ผู้ชาย..ถึงเท่า


แปลก... ที่มนุษย์เรา...ไม่สามารถเลียข้อศอก...ของตัวเองได้


ห้องสมุดที่มหาวิทยาลัยอินเดียนน่า จมลงในดิน นิ้วทุกปีเพราะวิศวกรลืมคำนวณถึงน้ำหนักหนังสือ


หอยทาก...สามารถนอนหลับได้ ปี


ตาของเรา...จะขนาดเท่าเดิมตลอด...ตั้งแต่เกิดแต่จมูกและหู...จะไม่หยุดโต


เก้าอี้ไฟฟ้า (สำหรับประหารชีวิตนักโทษ)ออกแบบโดยหมอฟัน


หมีขั้วโลกทุกตัว...จะถนัดมือซ้ายทั้งนั้น


สมัยอียิปต์โบราณพระ...จะถอนขนทุกเส้นในตัวรวมถึงคิ้วและขนตา....โอยยย


ตาของนกกระจอกเทศ ใหญ่กว่า...หัวสมอง..ของมันซะอีก


คำว่าเป็นศัพท์ที่ยาวที่สุดที่คุณจะนึกออก.....ในแป้นพิมพ์แถวเดียวกัน


เกือบทุกคน..ที่อ่านเรื่องนี้... พยายามที่จะเลียข้อศอกของตัวเอง...
big_smile:D:D:o:lol::lol::lol::P


ใส่รูปไว้ที่ลายเช็นทำไงอ่ะ

Offline

#17 2007-01-12 21:49:58

GH204
สมาชิก
Registered: 2006-01-24
Posts: 96

Re: อาหาร...สมอง

มารยาหญิงที่ผู้ชายควรรู้!?
ผู้ชายรู้ไว้ จะได้ทันผู้หญิง"

ผู้หญิงของคุณเป็นแบบนี้หรือเปล่า!?

1. ชอบใส่เสื้อคอกว้างคว้านลึก...เพื่อให้หลอกให้ผู้ชายติดกับ

2. ชอบพูดเปรยๆว่า"จะเลิกกับแฟนเก่า"เพื่อให้ผู้ชายคิดว่ามีหวัง

3. ชอบมาสายกว่าเวลานัดนิดหน่อย
ที่จริงคืออยากให้ผู้ชายเห็นตอนเทอเดินสวยเข้ามา

4. ทำเป็นกินเผ็ดไม่ได้เพื่อหลอกให้ผู้ชายคิดว่า"เทอแสนจะบอบบาง"แต่พอลับหลัง สามารถจิกส้มตำกินพริกได้เป็นสิบๆเม็ด

5. แกล้งทำเป็นไม่รับโทรศัพท์เพื่อให้ผู้ชายกระวนกระวายใจ

6. ลองเครื่องประดับที่ร้านแล้วถามว่า "สวยมั๊ย"
บอกคุณผู้ชายเป็นนัยๆว่า"ชอบน่ะอยากได้ จ่ายเงินด้วย"

7. ชอบเช้ามาปัดฝุ่นตามเสื้อของคุณผู้ชาย เพื่อหลอกให้คิดว่าเทอเป็นห่วง
แต่แท้จริงนั้นเทอกำลังหารอยลิปสติกและกลินน้ำหอมของผู้หญิงคนอื่น

8. ใส่น้ำหอมไว้หลังหูแล้วแกล้งทำไม่ได้ยิน
เพื่อจะให้คุณเอียงหูไปใกล้ๆแค่นี้คุณก็ไปไหนไม่รอดแล้ว ฮิๆๆ

9. ทำเป็นไม่รู้ทิศทางกลับบ้าน เพื่อหลอกให้ไปส่ง ประหยัดค่ารถ
แถมเป็นการบังคับให้คุณไปเผชิญหน้ากับพ่อ-แม่ของเทออย่างช่วยไม่ได้
big_smile:D:D:lol::lol::lol:


ใส่รูปไว้ที่ลายเช็นทำไงอ่ะ

Offline

#18 2007-01-12 21:51:25

GH204
สมาชิก
Registered: 2006-01-24
Posts: 96

Re: อาหาร...สมอง

จับผิด19คำโกหกหน้าตายของผู้ชาย
19 คำพูดนี้ จิงหรือเปล่า!?"

1. "ชีวิตนี้ผมจะไม่ขอรักใครอีกนอกจากคุณ"
(ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 90 คน) ใครได้ยินคำนี้อย่าหลงดีใจ เพราะเค้าสามารถรักคนใหม่ได้เมื่อต้องเลิกกันไปแล้ว

2."เธอจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักมากที่สุด"
(ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 85 คน) แม้เค้าจะแทงกั๊กประมาณว่าถึงจะมีกิ๊กใหม่ในอนาคต เค้าก้อไม่สามารถรักเท่าที่รักเธอ ฟังดูก้ออาจจะเป็นไปได้แหะ

3. "เราจะอดทนเป็นแฟนกันจนแต่งงานในอนาคต"
(ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 95 คน) เค้าพูดด้วยความรู้สึกแบบเด็กๆที่ยังไม่ได้ผ่านสารพัดร้อยล้านเหตุการณืที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าซึ่งอาจทำให้ความรักสะดุดเมื่อไหร่ก้อได้

4. "ผมไม่เคยยอมใครขนาดนี้มาก่อน"
(ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 83 คน)
ถ้าเค้าเป็นคนที่นิสัยยอมคน เค้าก้อจะยอมกับผู้หญิงทุกคนนั่นแหล่ะ

5."สิ่งที่ผมทำลงไป ผมพยายามทำดีที่สุดแล้ว"
(ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 78 คน) ถ้าเกิดเค้าได้พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว ต่อให้ผูหญิงคนนั้นหูหนวกหรือตาบอดยังไงก้อต้องรู้สึกได้

6."ก้อผมเป็นของผมหยั่งงี้มานานแล้ว"
(ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 79 คน) เค้าพูดเพื่อให้เธอยอมรับนิสัยห่วยแตกของเค้า โดยอ้างความเป็นตัวของตัวเอง

7. "ให้อภัยผมเถอะ ผมจะไม่ได้ทำอีกแล้ว"
(ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 65 คน) ธรรมดาที่เค้าจะต้องพูดเพื่อใหการอภัยโทษป้องกันชะตาขาด และเธอเชื่อหรอว่าเค้าจะไม่พูดคำนี้อีกและอีกๆๆๆๆ

8."ไม่รักผมไม่เป็นไร ขอแค่ให้ผมได้รับเธอก้อพอ"
(ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 83 คน) แค่เธอแสดงให้เห็นว่ายังไงเธอก้อไม่มีวันรักเค้าได้จริงๆ ขี้คร้านจะรีบเด้งตัวเองจากไปภายในไม่กี่วัน พร้อมด้วยคำนินทาเธออีกก้อนใหญ่

9."คิดถึงจนทนไม่ไหวแล้ว ออกมาเจอกันหน่อยนะ"
(ชาย100คนโกหกเรื่องนี้ถึง 88 คน) เค้าอาจจะถวิลหาเธอจริงๆแต่ไม่ได้รุนแรงถึงกับจะลงแดงตายเหมือนเธอเป็นยาเสพย์ติดของเค้าขนาดนั้น

10. "ทำไม ผมเลวจนเธอไม่ไว้ใจได้เลยหรอ"
(ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 71คน) เมื่อมีความไม่พอใจต่อการกระทำของเค้าในทุกกรณีเค้าจะต้องรีบปกป้องตัวเอง เพื่อแตะเบรคความคิดของเธอ

11. "ขอนอนกอดเฉยๆก้อพอ"
(ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 89 คน) และ 89 คนนั้นหมายถึงการกอดในครั้งแรกที่ใกล้ชิดตัวกันมากขนาดนั้น แต่จะพุ่งพรวดถึง 95 คนทันที ในการกอดครั้งต่อไป

12. "ผมรักนะเลยอยากให้เธอเป็นของผม"
(ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 95 คน) เพราะถ้ารักจริงทำไมต้องขอเอาเปรียบเราด้วย รักแล้วไม่หน้าด้านขออะไรๆ เรื่องนี้ไม่ได้หรือไง

13."เธอคนนั้นเป็นแค่เพื่อนจริงๆ"
(ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 65 คน) ไม่มีทางซะหรอกที่เมื่อมีผู้หญิงมากิ๊ก แล้วเขาจะปฏิเสธเจ้าหล่อนเป็นแค่เพื่อน

14."ผู้หญิงคนนั้นเค้ามาชอบผมเอง"
(ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 51 คน) ฟังแล้วน่าภูมิใจที่พ่อตัวดีมีเสน่ห์เหลือร้ายแต่ช้าก่อนเพราะเพลงของปานนำมาใช้ได้กับคำโกหกคำนี้เสมอ "ตบมือข้างเดียว ไม่ดัง"

15."เพื่อนมันลากผมไป ผมอยากไปกับมันซะที่ไหนเล่า"
(ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 95 คน) ถ้าไม่อยากไปจริงๆ แม้เค้ามาฉุดยังไงก้อไม่ยอมดังนั้นถ้าเค้าไม่ถูกเพื่อนเอาปืนจ่อหัว อย่าไปเชื่อว่า เค้าไม่อยากไปเฮกับเพื่อน

16."ผมไม่ว่างจริงๆ อยากเจอเธอจะตายไป"
(ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 85 คน) คำว่าไม่มีเวลาว่างของเค้าก้อคือไม่อยากไปเจอเธอนั่นเองและที่มันไม่ว่างเพราะว่าหายไปเฮกับเพื่อนๆ หรือกิจกรรมที่เร้าใจกว่าของเค้า

17."ไม่มีทางที่ผมจะเห็นเพื่อนสำคัญมากกว่าเธอ"
(ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 51 คน) ซึ่งเป็นที่รู้ๆกันดีอยู่ว่าคำพูดผู้ชายจะพูดกับผู้ร่วมแก๊งว่า"เฮ้ย กรูน่ะไม่เคยเห็หญิงสำคัญกว่าเพื่อนอยู่แล้ว"

18."มีอะไรเราต้องไม่ปิดบังกันทุกเรื่อง"
(ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 64 คน) แม้จะรักกันปานหายใจปอดเดียวกัน แต่เชื่อเหอะว่าทุกคนบ่อมมีความลับของตัวเองบ้าง และผู้ชายไม่มีวันคายความลับของตัวเองออกมาอย่างแน่นอน

19."ถ้าวันไหนต้องเลิกกัน ผมยังจะห่วงเธอเหมือนเดิม"
(ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 95 คน)
มันไม่มีทางจะเป็นไปได้อยู่แล้ว อย่างน้อยที่สุดก้อไม่มีทางว่าจะห่วงใยกันได้เท่าเดิม
big_smile:D:D:lol::lol::lol::cool::rolleyes:


ใส่รูปไว้ที่ลายเช็นทำไงอ่ะ

Offline

#19 2007-01-12 21:52:38

GH204
สมาชิก
Registered: 2006-01-24
Posts: 96

Re: อาหาร...สมอง

เชื่อหรือไม่ว่านิ้วก้อย!!! บอกความเป็นตัวเราได้??
ให้คุณลองหันฝ่ามือเข้าหาตัวเอง

สำหรับผู้หญิงให้ดูมือซ้าย ส่วนผู้ชายให้มองมือขวา แล้วขีดเส้นแบ่งข้อต่อแต่ละข้อบนนิ้วก้อย จะได้ทั้งหมด 3 ข้อ

ส่วนที่ยาวที่สุด คือส่วนที่บอกให้เห็นถึงจุดเด่นของคุณ

ข้อบนยาวที่สุด คุณเป็นคนพูดจาฉะฉานชัดเจนทั้งในน้ำเสียงและกริยาท่าทาง จึงมีพรสวรรค์ในการพูดจาดึงดูดโน้มน้าวคน นอกจากนี้ยังเป็นคนช่างสังเกต และรอบคอบมากด้วย

ข้อกลางยาวที่สุด เป็นคนที่ให้ความใส่ใจต่อผู้อื่นและมีดีกรีความอดทนสูงเป็นเลิศ ลักษณะความยาวของข้อกลางนี้ ส่วนมากจะพบในบุคคลที่อยู่ในวงการแพทย์เป็นส่วนใหญ่

ข้อล่างยาวที่สุด คุณเป็นคนรักอิสระเสรีอย่างมาก ไม่ชอบถูกใครควบคุม เป็นคนพูดจาเปิดเผยตรงไปตรงมา ฝีปากกล้า คมคาย ยึดมั่นในความมีเหตุมีผล และเก่งกาจเมื่อต้องโต้เถียงกับคนอื่น

สัมพันธ์กับคนรอบข้างนัก

ในทางกลับกัน ส่วนที่สั้นที่สุด คือส่วนที่บอกถึง จุดด้อยในตัวคุณ

ข้อบนสั้นที่

สุดคุณเป็นคนไม่กล้าแสดงออกอย่างมาก ๆ เป็นคนขี้อายมากจนถึงขั้นที่ว่าตัวเองก็ไม่เก็ตว่าทำไมจะต้องอายขนาดนั้น ดังนั้นจึงส่งผลให้คุณไม่มีมนุษย

ข้อกลางสั้นที่สุด

คุณเป็นคนที่ซื่อสัตย์ ยุติธรรม แน่วแน่ มั่นคงอาจจะเรียกได้ว่าถึงขั้นไร้การประนีประนอม ตรงแด่วเป็นไม้บรรทัด การตึงไปใช่ว่าจะดี เพราะอาจจะขาดผึงได้สักวันนะ

ข้อล่างสั้นที่สุด
คุณเป็นคนซื่อ ๆ ง่าย ๆ ไร้เล่ห์เหลี่ยมมารยาเชื่อคนง่ายจนกระทั่งอาจจะถูกหลอกหรือถูกโกงได้ง่ายด้วยความไร้เดียงสา innocent ของตัวเอง (จะเรียกว่าซื่อจนเซ่อได้ไหมเนี่ย..)

big_smile:D:lol::lol::cool::cool::rolleyes::rolleyes::o:o:mad::|:(:(


ใส่รูปไว้ที่ลายเช็นทำไงอ่ะ

Offline

#20 2007-01-12 21:53:56

GH204
สมาชิก
Registered: 2006-01-24
Posts: 96

Re: อาหาร...สมอง

เฮ้อ...วันนี้พอแค่นี้ก่อน:D:lol::cool::rolleyes:


ใส่รูปไว้ที่ลายเช็นทำไงอ่ะ

Offline

#21 2007-01-12 22:08:04

Yai Mook
สมาชิก
Registered: 2006-05-11
Posts: 265

Re: อาหาร...สมอง

เฮ้อ...พี่ค่า
ทำอะไรอ่ะ...

Offline

#22 2007-01-12 22:24:41

Sugaya
สมาชิก
Registered: 2006-09-20
Posts: 170

Re: อาหาร...สมอง

ทำไรอะ  ๆ:/


liyyt4umammlwhzw4ot2.gif
ไม่แปลกอะไรเลย..ถ้าเธอจะพบกับความเจ็บปวดของความรัก
อยู่ที่ว่า.. เธอจะทอดทิ้งมัน หรือเธอจะยินดีต้อนรับมันต่างหาก

Offline

#23 2007-01-12 23:03:34

GunNz~
สมาชิก
Registered: 2005-10-09
Posts: 3,597

Re: อาหาร...สมอง

เยี่ยมเลย

Offline

#24 2007-01-13 10:01:25

palm_
สมาชิก
Registered: 2006-12-16
Posts: 747

Re: อาหาร...สมอง

เหอๆ ๆ ๆ


6640_s.gif
2DT!!!

Offline

#25 2007-01-13 14:15:49

GH204
สมาชิก
Registered: 2006-01-24
Posts: 96

Re: อาหาร...สมอง

ขอท่านที่มาเยี่ยมชมลองอ่านดูกันบ้างก็ดีนะขอรับ
big_smile:D:D:lol::lol::lol:


ใส่รูปไว้ที่ลายเช็นทำไงอ่ะ

Offline

Board footer

Powered by FluxBB